รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
การค้นหาขั้นสูง  

ข่าว:

SMF - Just Installed!

แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Messages - pslkoo1df5ds5

หน้า: [1]
1

สมุนไพรพญายอ
เสมหะพังพอนตัวเมีย
เสลดพังพอนตัวเมีย ชื่อสามัญ Snake Plant
เสมหะพังพอนตัวเมีย ชื่อวิทยาศาสตร์ Clinacanthus nutans (Burm.f.) Lindau (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Clinacanthus burmanni Nees, Clinacanthus siamensis Bremek., Justicia nutans Burm. f.) จัดอยู่ในวงศ์เหงือกปลาหมอ (ACANTHACEAE)
สมุนไพรเสมหะพังพอนตัวเมีย พญายอ มีชื่อแคว้นอื่นๆว่า ลิ้นมังกร ผักมันไก่ ผักลิ้นเขียด (เชียงใหม่), พญาข้อคำ (ลำปาง), เสมหะพังพอนตัวเมีย (พิษณุโลก), พญาข้อดำ พญาปล้องทองคำ (ภาคกึ่งกลาง), ลิ้นงูเห่า พญายอ (ทั่วๆไป), โพะโซ่จาง (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน), ชิงเจี้ยน หนิ่วซิ้วฮวา (จีนกลาง) ฯลฯ
ลักษณะของเสมหะพังพอนตัวเมีย
ต้นเสมหะพังพอนตัวเมีย จัดเป็นพรรณไม้พุ่มปนเถา มักเลื้อยพิงไปตามต้นไม้อื่นๆมีความสูงได้โดยประมาณ 1-3 เมตร ลำต้นมีลักษณะเกลี้ยง ต้นอ่อนเป็นสีเขียว ลำต้นมีลักษณะกลม ผิวเรียบเป็นข้อสีเขียว ขยายพันธุ์ด้วยแนวทางปักชำหรือแยกเหง้าแขนงไปปลูก เติบโตได้ดิบได้ดีในดินทุกชนิด ถูกใจดินร่วน ระบายน้ำดี มีแสงอาทิตย์จัด มีเขตผู้กระทำระจายประเภทในจีน เวียดนาม อินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทย ในประเทศไทยพบได้ทั่วไปขึ้นตามป่าเบญจพรรณทั่วทุกภาคของประเทศ หรือพบปลูกกันตามบ้านทั่วๆไป
ต้นเสลดพังพอนตัวเมีย
ต้นพญายอ
ใบเสมหะพังพอนตัวเมีย ใบเป็นใบโดดเดี่ยว ออกเรียงตรงข้ามกันเป็นคู่ๆลักษณะของใบเป็นรูปใบหอก รูปรีแคบขอบขนาน ปลายใบรวมทั้งโคนใบแหลม ส่วนขอบของใบเรียบ ใบมีขนาดกว้างราว 2-3 ซม. รวมทั้งยาวราว 7-9 ซม. แผ่นใบเป็นสีเขียวเข้ม ผิวใบเรียบ
ใบเสลดพังพอนตัวเมีย
ดอกพญายอเสมหะพังพอนตัวเมีย มีดอกเป็นช่อกลุ่มที่ปลายกิ่ง แต่ละช่อมีดอกโดยประมาณ 3-6 ดอก กลีบดอกเป็นสีแดงส้ม โคนกลีบดอกเชื่อมชิดกันเป็นหลอด ยาวราวๆ 3-4 ซม. ปลายแยกออกเป็น 2 ปาก คือ ปากล่างและปากบน ดอกหนึ่งมี 5 กลีบ กลีบดอกไม้เป็นทรงกระบอก ส่วนกลีบรองกลีบดอกนั้นเป็นสีเขียว ยาวเท่าๆกัน มีขนคือต่อมเหนียวๆอยู่รอบๆ ดอกมีเกสรเพศผู้ 2 อัน ส่วนเกสรเพศเมียสะอาดไม่มีขน มีดอกในช่วงประมาณต.ค.ถึงเดือนมกราคม (แม้กระนั้นมักจะไม่ค่อยออกดอก)
ดอกเสลดพังพอนตัวเมีย
พญาปล้องทองคำ
ลิ้นงูเห่า
ผลเสลดพังพอนตัวเมีย ผลเป็นผลแห้งแล้วก็แตกได้ (แม้กระนั้นผลไม่เคยติดเป็นฝักในประเทศไทย) ลักษณะของผลเป็นรูปกลมยาวรี ยาวได้โดยประมาณ 0.5 เซนติเมตร ก้านสั้น ด้านในผลมีเมล็ดราวๆ 4 เม็ด
หมายเหตุ : เสมหะพังพอน เป็นชื่อพ้องของพรรณไม้ 2 ประเภท คือ เสมหะพังพอนเพศผู้ แล้วก็เสมหะพังพอนตัวเมีย ซึ่งจะแตกต่างกันตรงที่เสลดพังพอนเพศผู้ลำต้นจะมีหนามและก็มีดอกเป็นสีเหลือง ส่วนเสมหะพังพอนตัวเมียลำต้นจะไม่มีหนามและมีดอกเป็นสีแดงส้ม เพื่อไม่ให้เป็นการงวยงงหลายๆแบบเรียนจึงนิยมเรียกเสมหะพังพอนตัวเมียว่า “พญายอ” หรือ “พญาบ้องทองคำ” โดยเสลดพังพอนเพศผู้นั้นจะมีสรรพคุณทางยาอ่อนกว่าเสมหะพังพอนตัวเมีย และแบบเรียนยาไทยนิยมประยุกต์ใช้ทำยากันมาก
สรรพคุณของเสลดพังพอนตัวเมีย
รากแล้วก็เปลือกต้นใช้ต้มกับน้ำกินเป็นยาบำรุงกำลัง (รากและก็เปลือกต้น)
ทั้งต้นและใบใช้รับประทานเป็นยาทำลายพิษไข้ ดับพิษร้อน (ต้นแล้วก็ใบ)1,3 ใช้เป็นยาลดไข้ ด้วยการใช้ใบสด 1 กำมือ ตำอย่างระมัดระวัง ผสมกับน้ำซาวข้าว ใช้พอกบนหัวผู้เจ็บป่วยราว 30 นาที ลักษณะของการมีไข้รวมทั้งลักษณะของการปวดศีรษะจะหายไป (ใบ)6
ช่วยแก้อาการผิดสำแดง (กินอาหารเป็นพิษไข้ แล้วทำให้โรคกำเริบเสิบสาน) ด้วยการใช้รากสดเอามาต้มรับประทานครั้งละโดยประมาณ 2 ช้อนแกง (ราก)
ใช้เป็นยาแก้เจ็บคอ ด้วยการนำใบสดมาบดราวๆ 10 ใบ กลืนมัวแต่น้ำยาพอให้ยาจืด แล้วจึงคายกากทิ้ง (ใบ)6
ช่วยแก้คางทูม ด้วยการกางใบสดราวๆ 10-15 ใบ ตำอย่างรอบคอบผสมกับเหล้าโรง คั้นเอาน้ำมาทาบริเวณที่บวม อาการบวมจะหายไป แล้วก็อาการเจ็บปวดจะหายไปด้านใน 30 นาที (ใบ)
ใช้เป็นยารักษาโรคบิด (ทั้งยังต้นแล้วก็ใบ)
รากใช้ปรุงเป็นยาขับเยี่ยว ขับเมนส์ (ราก)
ใช้เป็นยาแก้เมนส์มาผิดปกติ (ต้น)
ช่วยแก้อักเสบแบบดีซ่าน (ทั้งยังต้น)
ใช้เป็นยาแก้แผลอักเสบจับไข้ ไข่ดันบวม ด้วยการกางใบสดโดยประมาณ 3-4 ใบ นำมาตำกับข้าวสาร 3-4 เม็ด ผสมกับน้ำพอเปียก ใช้พอกราว 2-3 รอบ จะช่วยทำให้อาการดียิ่งขึ้น (ใบ)
ลำต้นนำมาฝนแล้วก็ใช้ทาแผลสดจะช่วยทำให้แผลหายเร็ว (ลำต้น)ใช้รักษาแผลจากหมากัดมีเลือดไหล ด้วยการใช้ใบสดโดยประมาณ 5 ใบ เอามาตำพอกบริเวณแผลสัก 10 นาที (ใบ)
ใช้รักษาแผลไฟลุกน้ำร้อนลวก ด้วยการกางใบสดเอามาตำเคี่ยวกับน้ำมะพร้าวหรือน้ำมันงา เอากากพอกแผล แผลจะแห้ง หรือจะใช้ใบสดเอามาตำอย่างระมัดระวังผสมกับเหล้า ใช้เป็นยาพอกบริเวณที่ถูกไฟเผาหรือน้ำร้อนลวก จะมีคุณประโยชน์ช่วยดับพิษร้อนได้ดิบได้ดี4 ส่วนอีกแบบเรียนบอกว่า นอกเหนือจากการที่จะใช้รักษาแผลไฟลุกน้ำร้อนลวกได้แล้ว ยังช่วยรักษาแผลเปื่อยเพราะว่าถูกแมงกะพรุนไฟ แผลสุนัขกัด แล้วก็แผลที่เกิดจากการเช็ดกกรดได้อีกด้วย เพียงแค่นำใบไปหุงกับน้ำมันแล้วนำมาทาบริเวณที่เป็น (ใบ)
ใช้รักษาแผลน้ำเหลืองเสีย ด้วยการกางใบราวๆ 3-4 ใบ อาหารสาร 5-6 เม็ด เพิ่มน้ำลงไปให้พอเปียก แล้วเอามาพอก จะรู้สึกเย็นๆซึ่งยาจะช่วยดูดน้ำเหลืองก้าวหน้า ทำให้แผลแห้งไว โดยให้เปลี่ยนยาวันละ 2 ครั้ง พอกไปสักพักหนึ่งแล้วให้เอาน้ำมาหยอดกันยาแห้งด้วย (ใบ)
ใช้แก้โรคผิวหนังผื่นคัน ด้วยการกางใบสดตำผสมกับเหล้าใช้ทา หรือใช้เหล้าสกัดใบเสลดพังพอน จะได้น้ำยาสีเขียวนำมาทาแก้ผื่นคัน (ใบ)
ใช้แก้สิวเม็ดผดผื่นคัน ด้วยการนำใบมาดองกับเหล้า แล้วผสมดินสอพองใช้ทาแก้สิวรวมทั้งเม็ดผื่นผื่นคัน (ใบ)
ใช้แก้ฝี ด้วยการใช้ใบนำมาตำผสมกับเกลือรวมทั้งสุรา ใช้พอกรอบๆที่เป็น เปลี่ยนยาทุกรุ่งเช้าและก็เย็น (ใบ)
อีกทั้งต้นแล้วก็ใบใช้เป็นยาขับพิษ ถอนพิษ โดยเฉพาะพิษจากแมลงสัตว์กัดต่อย ตัวอย่างเช่น งู ตะขาบ แมงป่อง มด ยุง อื่นๆอีกมากมาย รวมถึงผื่นคัน ไฟลามทุ่ง ลมพิษ แผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก ด้วยการกางใบสดราวๆ 5-10 ใบ นำมาขยี้หรือตำใช้ทาบริเวณที่เป็น หรือใช้ใบสดนำมาตำให้พอแหลก แช่ในเหล้าขาวโดยประมาณ 1 สัปดาห์ และหลังจากนั้นก็ค่อยนำมาใช้ทาบริเวณที่เป็นแผลส่วนอีกตำรับยาแก้ผื่นคัน ตามข้อมูลระบุว่า ให้ใช้ใบตำผสมกับดินสอพอง ใส่น้ำนิดหน่อย ใช้ทาบริเวณที่เป็น (ใบ)

คนเมืองจะนำใบมาตากแห้งแล้วตำผสมกับแมงป่องปิ้ง ใช้เป็นยาแก้พิษงู (ใบ)
พญายอ ใช้รักษาอาการอักเสบ รักษาแผลร้อนในปาก แก้เริม (แผลผิวหนังประเภทเริม) อีสุกอีใส แก้งูสวัด ขยุ้มตีนหมา แล้วก็ใช้เป็นยาทำลายพิษต่างๆด้วยการกางใบเสมหะพังพอนตัวเมียสดประมาณ 10-20 ใบ (เลือกเอาเฉพาะใบสดสีเขียวเข้มเป็นมัน ไม่อ่อนหรือแก่จนถึงเกินความจำเป็น) แล้วนำมาตำผสมกับเหล้าหรือน้ำมะนาว คั้นเอาน้ำมาดื่มหรือเอาน้ำมาทาแผลและเอากากพอกรอบๆแผล หรืออีกแนวทางให้จัดแจงเป็นทิงเจอร์เพื่อใช้ทารักษาอาการอักเสบจากเริมในปาก โดยใช้ใบสด 1 โล เอามาปั่นอย่างละเอียด เพิ่มเติมแอลกอฮอล์ 70% ลงไป 1 ลิตร แล้วหมักทิ้งไว้ 7 วัน ระเหยบนเครื่องอังละอองน้ำให้ขนาดต่ำลงครึ่งเดียว (ห้ามตั้งบนเตาไฟโดยเด็ดขาด) แล้วก็เพิ่มกลีเซอรีน (Glycerine pure) อีกเท่าตัว (ครึ่งลิตร) แล้วนำน้ำยาเสมหะพังพอนกลีเซอรีนที่ได้มาใช้ทาแผลเริม งูสวัด แผลร้อนในปาก รวมทั้งใช้ทำลายพิษต่างๆสำหรับแบบเรียนยาแก้งูสวัดอีกตำรับจะใช้ใบสดผสมกับลำโพง โกฐน้ำเต้า อย่างละเสมอกัน รวมกันตำให้เพียงพอแหลก แช่กับเหล้า แล้วนำมาใช้ทาแก้แผลงูสวัด (ใบ)
พญายอ ใช้แก้ถูกหนามพุงดอตำหรือถูกใบตะลังตังช้าง ด้วยการนำขี้ผึ้งแท้มาลนไฟให้ร้อน แล้วนำมากดเพื่อดูดเอาขนย้ายใบตะลังตังช้างออกเสียก่อน แล้วจึงใช้ใบเสลดพังพอนผสมกับสุราทาบริเวณที่เป็น (ใบ)
ใช้เป็นยาแก้แพ้เกสรรักษาป่า ยางรักป่า รวมทั้งยางสาวน้อยผัดแป้ง ด้วยการใช้ใบผสมกับเหล้า นำมาทาบริเวณที่คัน (ใบ
ใช้แก้หัด เหือด ด้วยการใช้ใบสดประมาณ 7 กำมือ เอามาต้มกับน้ำ 8 แก้ว ต้มให้เดือด 30 นาที เทยาออกและผึ่งให้เย็น แล้วนำใบสดมาอีก 7 กำมือ ตำผสมกับน้ำ 8 แก้ว แล้วเอาน้ำยาทั้งคู่มาผสมกัน ใช้อีกทั้งกินแล้วก็ชโลมทา (ยาชโลมให้ใส่พิมเสนลงไปน้อย) เด็กที่เป็นหัด เหือด ให้กินวันละ 3 ครั้ง ทีละครึ่งแก้ว (ใบ)
พญายอ ทั้งยังต้นใช้เป็นยาพาราบวม เคล็ดลับปวดเมื่อย ฟกช้ำดำเขียว กระดูกร้าว ช่วยขับความชุ่มชื้นในร่างกาย แก้ลักษณะของการปวดเมื่อยล้าเนื่องมาจากเย็นชื้น (ทั้งยังต้น)
รากใช้เป็นยาแก้ลักษณะของการปวดเมื่อยล้าบั้นเอว (ราก)
ขนาดรวมทั้งวิธีการใช้ : ยาแห้งให้ใช้ทีละ 5-10 กรัม เอามาต้มกับน้ำรับประทาน ส่วนยาสดให้ใช้ครั้งละ 30 กรัม เอามาตำคั้นเอาน้ำกิน หรือตำพอกแผลด้านนอก
ข้อควรไตร่ตรองพญายอ
: แม้ในสมัยก่อนจะมีการใช้ใบสดนำมาตำแล้วพอกบริเวณที่เป็นแผล แต่ในตอนนี้แนวทางนี้ไม่ได้รับความนิยมแล้ว เพราะจะทำความสะอาดได้ยาก ทำให้กากติดแผล และอาจจะเป็นผลให้ติดโรคเป็นหนองได้
ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของเสมหะพังพอนตัวเมีย
พญายอ รากเจอสาร Betulin, Lupeol, β-sitosterol ส่วนใบเจอสาร Flavonoids ซึ่งมีฤทธิ์ลดการอักเสบ สารกรุ๊ป monoglycosyl diglycerides เช่น 1,2-O-dilinolenoyl-3-O-b-d-glucopyranosyl-sn-glycerol แล้วก็สารกรุ๊ป glycoglycerolipids ซึ่งมีฤทธิ์ยั้งไวรัสเริม
จากการทดสอบในสัตว์ใช้สกัดจากใบสดของเสลดพังพอนตัวเมียด้วย n-butanol พบว่า สามารถลดการอักเสบได้2 โดยพบว่าจะช่วยลดการอักเสบของข้อเท้าหนูที่ทำให้บวมด้วยสาร carrageenan ได้ เมื่อใช้ตำรับยาที่มีเสมหะพังพอนตัวเมียร้อยละ 5 ใน Cold cream รวมทั้งสารสกัดด้วยเอทานอลจากใบ นำมาทาเฉพาะที่ให้หนูแรท จะช่วยลดการอักเสบเรื้อรังได้ แต่เมื่อใช้สารสกัดด้วย n-butanol มาทาที่ผิวหนังจะไม่เป็นผล
สารสกัดจากใบความเข้ม 15 กรัม ต่อ 1 กก. มีคุณภาพต่อต้านการอักเสบได้ดิบได้ดี
เมื่อให้หนูเม้าส์กินสารสกัดด้วย n-butanol จากใบ พบว่า จะช่วยลดความเจ็บปวดของหนูที่ถูกเหนี่ยวนำให้ปวดด้วยกรดอะซีติคได้ โดยสารสกัดความแรง 90 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม จะมีฤทธิ์ใกล้เคียงกับเฟนนิวบิวทาโซนขนาด 100 มก.ต่อโล ส่วนสารสกัดด้วยน้ำและสารสกัดด้วยเอทานอล 60 จากใบ พบว่าไม่เป็นผลลดความเจ็บปวด
สารสกัดด้วยเฮกเซน บิวทานอล และเอทิลอะสิเตทจากใบเสลดพังพอนตัวเมียมีฤทธิ์ต้านไวรัสเชื้อเริม HSV-1 เมื่อนำไปทำเป็นตำรับเจลโดยใช้สารสกัดด้วยแอลกอฮอล์ที่ความเข้มข้นจำนวนร้อยละ 4 และก็ใช้ carbopol 940 เป็นสารก่อเจล พบว่าจะมีฤทธิ์ต้านไวรัสได้ดิบได้ดีและไม่เป็นพิษต่อเซลล์ ในช่วงเวลาที่เมื่อใช้สารก่อเจล poloxamer 407 จะมีพิษต่อเซลล์ แล้วก็จากรายงานการดูแลรักษาคนไข้โรคเริมที่อวัยวะสืบพันธุ์ชนิดเป็นซ้ำด้วยการใช้ยาจากสารสกัดเสมหะพังพอนตัวเมีย เปรียบเทียบกับยา acyclovir และยาหลอก โดยให้คนป่วยทายาวันละ 4 ครั้ง ตรงเวลา 6 วัน พบว่าไม่ได้แตกต่างในระยะเวลาการตกสะเก็ดของแผลคนไข้ที่ใช้ยาจากสารสกัดใบแล้วก็ยา acyclovir โดยแผลจะเป็นสะเก็ดด้านใน 3 วัน แล้วก็หายสนิทข้างใน 7 วัน ซึ่งต่างกันกับยาหลอกอย่างมีนัยสำคัญ โดยยาที่สกัดจากใบเสมหะพังพอนตัวเมียจะไม่กระตุ้นให้เกิดการอักเสบรวมทั้งระคายเคือง ในเวลาที่ acyclovir จะก่อให้แสบ นอกนั้นยังมีการใช้ยาที่ทำจากเสมหะพังพอนตัวเมียในคนไข้โรคเริม งูสวัด แล้วก็แผลอักเสบในปาก แล้วพบว่าสามารถรักษาแผลและก็ลดการอักเสบได้ดิบได้ดี
พญายอ สารที่สกัดจากบิวทานอล (Butanol) ของใบเสลดพังพอนตัวเมีย มีฤทธิ์ทำลายเชื้อเชื้อไวรัส Varicella zoster ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสจำพวกที่กระตุ้นให้เกิดเริมแล้วก็อีสุกอีใส3 จากรายงานการดูแลรักษาคนเจ็บโรคงูสวัดด้วยยาจากสารสกัดจากใบเปรียบเทียบกับยาหลอก โดยให้ทายาวันละ 5 ครั้ง ตรงเวลา 1-2 อาทิตย์ กระทั่งแผลจะหาย พบว่าคนไข้หวานใจษาด้วยสารสกัดจากใบเสลดพังพอนตัวเมีย แล้วมีแผลเป็นสะเก็ดข้างใน 3 วัน แล้วก็หายข้างใน 7-10 วัน จะมีมากมายกว่ากรุ๊ปที่รักษาด้วยยาหลอกอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ รวมทั้งระดับความเจ็บปวดจะน้อยลงเร็วกว่ากลุ่มที่ใช้ยาหลอก โดยไม่เจอผลข้างเคียงใดๆก็ตาม9
จากการทดสอบความเป็นพิษ เมื่อป้อนสารสกัด n-butanol จากใบให้หนูเม้าส์ พบว่ามีพิษบางส่วน แม้กระนั้นจะมีพิษปานกลางเมื่อฉีดเข้าช่องท้อง ส่วนสารสกัดด้วยเอทานอลขนาด 1.3 กรัมต่อกิโล (เสมอกันใบแห้ง 5.44 กรัมต่อโล) เมื่อเอามาป้อนเข้าทางปากหรือฉีดเข้าช่องท้องหนูเม้าส์ พบว่าไม่นำมาซึ่งอาการเป็นพิษอะไรก็แล้วแต่
จากการเล่าเรียนพิษกึ่งเรื้อรัง
ด้วยการป้อนสารสกัด n-butanol จากใบในขนาด 270 แล้วก็ 540 มิลลิกรัมต่อโล ให้หนูแรทแต่ละวัน นาน 6 อาทิตย์ พบว่าไม่มีผลต่อการเติบโต แต่พบว่ามีน้ำหนักต่อมธัยมัเสียใจลง ในช่วงเวลาที่น้ำหนักของตับมากขึ้น และไม่พบว่ามีความผิดธรรมดาต่ออวัยวะอื่นๆหรืออาการไม่พึงประสงค์แต่อ http://www.disthai.com/

2

เหงือกปลาหมอ
รักษาโรคผิวหนัง ผื่นคัน ขี้กลากเกลื้อน
ชื่ออื่น : แก้มแพทย์ แก้มแพทย์เล จะเกร็ง นางเกร็ง อีเกร็ง เหงือกปลาหมอน้ำเงิน
ในแบบเรียนยาไทยกล่าวว่า เหงือกปลาแพทย์สามารถแก้โรคผิวหนังได้ทุกประเภท
ในเมื่อเหงือกปลาหมอมีสรรพคุณเด่นแก้น้ำเหลืองเสียได้ โรคผิวหนังต่างๆแม้กระทั้ง โรคอีสุกอีใส ที่เกิดขึ้นมาจากเชื้อไวรัสก็จะลดน้อยลงลง
สมุนไพร เหงือกปลาแพทย์เป็นไม้พุ่มที่มีขนาดกลางสูงประมาณ 1-2 เมตร ส่วนของลำต้นและใบจะมีหนามมีหนาม ใบหนามแข็งและมีขอบเว้าหนามแหลมใบออกเป็นคู้ตรงข้ามกัน ส่วนของดอกจะออกเป็นช่อตามยอด กลีบดอกไม้จะมีสีขาอมม่วง มี 4 กลีบแยกจากกันผลเป็นฝักสีน้ำตาล มี เมล็ด จะสามารถพบได้ทั่วไปตามชายน้ำ ริมฝั่งลำคลองบริเวณปากแม่น้ำ
ในกรณีโรคผิวหนังพุพองจากเชื้อไวรัสเอดส์ แม้จะร้ายแรงกว่าโรคผิวหนังทั่วไป แต่เมื่อใช้เหงือกปลาหมอเป็นอีกทั้งยากินและต้มน้ำอาบติดต่อกันเป็นระยะเวลานานกว่า 3 เดือนขึ้นไป แผลพุพอง ก็จะลดลงลงอย่างชัดเจน สำหรับคนป่วยโรคผิวหนังด้วย
แนวทางปรุงยาแล้วก็การใช้ยาก็มีหลายแนวทาง คือ
แนวทางต้มยารับประทานและก็อาบ
เอาเหงือกปลาหมอสดหรือแห้งสับเป็นท่อนเล็กๆใส่เต็มขันขนาด 1 ลิตร ใส่น้ำ 4 ขัน ต้มยาให้เดือดนาน 10 นาที ตักน้ำยาขึ้นมา 1 แก้ว แบ่งไว้สำหรับดื่มกินขณะอุ่นๆครั้งละครึ่งแก้ว วันละ 2 ครั้ง ตอนเช้า-เย็น ก่อนอาหาร
ส่วนน้ำยาที่แบ่งไว้อาบนั้น จะต้องใช้อาบขณะน้ำยายังอุ่นอยู่ ก่อนอาบน้ำจำต้องชำระล้างร่างกายด้วยสบู่ให้สะอาดซะก่อน เมื่ออาบน้ำยาแล้ว ไม่ต้องอาบน้ำธรรมดาตามอีก อาบน้ำยาวันละ 2 ครั้ง เช้าตรู่-เย็นทีละ 3-4 ขัน แม้กระนั้นหากมีเหงือกปลาหมอเยอะๆ บางทีอาจจะต้มยาเพื่อแช่หมดทั้งตัวในอ่างก็ยิ่งดี
กระบวนการทำเป็นยาลูกกลอน
นำเหงือกปลาหมอทั้ง 5 ทีตากแห้งมาบดเป็นผงละเอียด 2 ส่วน ผสมน้ำผึ้งแท้ 1 ส่วน ปั้นเป็นเม็ดลูกกลอนขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1 เซนติเมตร คนแก่กินครั้งละ 2 เม็ด เด็กบางครั้งก็อาจจะรับประทานทีละ 1 เม็ดหรือครึ่งเม็ดตามขนาดอายุและน้ำหนัก กินวันละ 2 ครั้ง ก่อนรับประทานอาหาร เช้าตรู่-เย็น รับประทานไปเรื่อยๆตราบจนกระทั่งจะหาย แต่ถ้าหากเป็นโรคผิวหนังจากภูมิคุ้มกันขาดตกบกพร่องก็ต้องรับประทานตลอดกาล

แนวทางการทำเป็นแคปซูล
นำผงเหงือกปลาหมอที่ผ่านการบินเป็นผุยผงละเอียดเสมือนแป้งใส่แคปซูลขนาด 250 มิลลิกรัม ผู้ใหญ่รับประทานทีละ 2 แคปซูลวันละ 2-3 เวลาก่อนกินอาหาร เด็กต่ำลงตามส่วน
เหงือกปลาหมอมีสรรพคุณล้นหลาม อย่างเช่น
-ราก มีสรรพคุณสำหรับเพื่อการแก้โรคหืด อัมพาต แก้ไอ และใช้ขับเสมหะ
-ต้น มีคุณประโยชน์รักษาโรคหลายแบบ โดยใช้ต้นตำผสมน้ำรักษาวัณโรค อาการซูบผอม ถ้าใช้ทาก็ช่วยแก้โรคเหน็บชาได้
-ลำต้น ไปผสมกับสมุนไพรอื่นๆก็จะได้คุณประโยชน์ทางยาแตกต่างออกไปอีก
-ทั้งยังต้นรวมรากต้มอาบแก้พิษไข้หัวลม แก้โรคผิวหนังทุกประเภท
-ทั้งต้นสดตำพอกปิดหัวฝีแผลเรื้อรังถอนพิษ ต้มกินแก้พิษฝีดาษ ฝีทั้งมวล ผลรับประทานเป็นยาขับโลหิตเมนส์ นอกจาก ถ้าตาเจ็บ ตาแดง เอา
"เหงือกปลาหมอ" ต้นตำกับขิงคั้นเอาน้ำหยอดตาหาย เป็นเหน็บชา ชาหมดทั้งตัว
- ทั้งต้นตำทาบริเวณที่เป็นจะดียิ่งขึ้น
- ตำเอาน้ำกินกากพอก งูกัด
- ต้นกับขมิ้นอ้อยตำทาป็นฝีฟกบวม เป็นริดสีดวงทวาร
- ต้นตำกับขิงกิน โรคเรื้อน คุดทะราด เป็นไข้จับสั่น
- ต้นตำใบส้มป่อยต้มดื่ม เจ็บหลัง เจ็บเอว
- "เหงือกปลาหมอ" กับชะเอมเทศตำผงละลายน้ำผึ้งปั้นเป็นก้อนรับประทาน ริดสีดวงแห้ง
ในท้อง ผอมแห้งเหลืองตลอดตัว กินทุกวี่ทุกวัน
- "เหงือกปลาหมอ" กับเปลือกมะรุมเท่ากันใส่หม้อ เกลือเล็กน้อย หมาก 3 คำ เบี้ย 3 ตัว วางบนปากหม้อ ใช้ฟืน 30 แท่ง ต้มกับน้ำจนถึงเดือดให้งวดจึงชูลง กลั้นหายใจรับประทานขณะอุ่นจนกระทั่งหมด เป็นริดสีดวง มือตายตีนตาย ร้อนหมดทั้งตัว เวียนหัว ตามัว เจ็บระบมทั้งตัว ตัวแห้ง จะหายได้
- "เหงือกปลาหมอ"  5 รวมราก กับ ข้าวเย็นเหนือ ข้าวเย็นใต้ จำนวนเสมอกัน กะตามอยากได้ ต้มกับน้ำจนเดือดดื่มขณะอุ่นครั้งละ 1 แก้ว 3 เวลา เช้าตรู่ ตอนกลางวัน เย็น ต้มดื่มปอดเริ่มมีปัญหาเป็นฝ้าจะอาการดียิ่งขึ้น ไปให้แพทย์เอกซเรย์ปอดไม่เป็นฝ้าอีกหยุดต้มกินได้เลย และต้องระวังอย่าให้เป็นอีก
ยาอายุวรรฒนะ
- "เหงือกปลาหมอ" 2 ส่วน พริกไทย 1 ส่วน ทำเป็นผงละลายน้ำผึ้งปั้นรับประทานวันแล้ววันเล่า
กินได้ 1 เดือน ไม่มีโรค สติปัญญาดี
กินได้ 2 เดือน ผิวหนังเต่งตึง
กินได้ 3 เดือน โรคริดสีดวงทุกประเภทหาย
กินได้ 4 เดือน แก้ลม 12 ชนิด หูดี
กินได้ 5 เดือน หมดโรค
กินได้ 6 เดือน เดินไม่รู้เหน็ดเหนื่อย
กินได้ 7 เดือน ผิวงาม
กินได้ 8 เดือน เสียงไพเราะ
กินได้ 9 เดือน หนังเหนียว
-"เหงือกปลาหมอ" 1 ส่วน ดีปลี 1 ส่วน ทำผงชงรับประทานกับน้ำร้อนถ้าหากผิวแตกตลอดตัวหายได้ ทั้งผองที่บอกเป็นแบบเรียนยาโบราณ ไม่เชื่อก็ไม่สมควรดูหมิ่น ทราบไว้เป็นวิชา http://www.disthai.com/

3

รากสามสิบ
รากสามสิบ ชื่อสามัญ Shatavari8
รากสามสิบ ชื่อวิทยาศาสตร์ Asparagus racemosus Willd. (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Protasparagus racemosus (Willd.) Oberm.) จัดอยู่ในตระกูลหน่อไม้ฝรั่ง (ASPARAGACEAE) และอยู่ในสกุลย่อย ASPARAGOIDEAE4
สมุนไพร[url=http://www.disthai.com/16660416/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%9A-%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%A2%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B9%8C%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%93-%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B8%A2]รากสามสิบ[/url][/url][/color] มีชื่อท้องถิ่นอื่นๆว่า สามร้อยราก (จังหวัดกาญจนบุรี), ผักหนาม (จังหวัดโคราช), ผักชีช้าง (หนองคาย), จ๋วงเครือ (ภาคเหนือ), เตอสีเบาะ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน), เพียงพอควายเมะ (กะเหรี่ยง-จังหวัดเชียงใหม่), ชีช้าง, ผักชีช้าง, จั่นดิน, ม้าสามต๋อน, สามสิบ, ว่านรากสามสิบ, ว่านสามสิบ, ว่านสามร้อยราก, สามร้อยสามี, สาวร้อยผัว, ศตาวรี เป็นต้น
ลักษณะของรากสามสิบ
ต้นรากสามสิบ จัดเป็นไม้เถาเนื้อแข็งเลื้อยพันต้นไม้อื่นด้วยหนาม (หนามเปลี่ยนแปลงมาจากใบเกล็ดบริเวณข้อ) สามารถเลื้อยปีนต้นไม้อื่นขึ้นไปได้สูงราว 1.5-4 เมตร แตกกิ่งเป็นเถาห่างๆลำต้นเป็นสีเขียวหรือสีขาวแกมเหลือง เถามีขนาดเล็กเรียว กลม เรียบ ลื่น แล้วก็เป็นเงา ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2-5 มิลลิเมตร เถาอ่อนเป็นเหลี่ยม ตามข้อเถามีหนามแหลม หนามมีลักษณะโค้งกลับ ยาวราว 1-4 มม. รอบๆข้อมีกิ่งแตกกิ่งก้านสาขาแบบรอบข้อ รวมทั้งกิ่งนี้จะเปลี่ยนเป็นสีเขียวลักษณะแบนเป็นรูปขอบขนาน ปลายแหลม กว้างราว 0.5-1 มิลลิเมตร และก็ยาวโดยประมาณ 0.5-2.5 มิลลิเมตร ปฏิบัติหน้าที่แทนใบ มีเหง้าและรากอยู่ใต้ดิน ออกเป็นกลุ่มเหมือนกระสวย รูปแบบของรากออกเป็นพวงเหมือนรากกระชาย ลักษณะอวบน้ำ เป็นเส้นกลมยาว มีขนาดโตกว่าเถามาก มีเขตการกระจายพันธุ์ในประเทศไทย ประเทศอินเดีย ศรีลังกา ชวา จีน มาเลเซีย แล้วก็ออสเตรเลีย พบขึ้นตามป่าในเขตร้อนชื้น ป่าเขตร้อนแห้ง ป่าผลัดใบ ป่าโปร่งหรือตามเขาหินปูน
ต้นรากสามสิบ
สามร้อยราก
ใบรากสามสิบ ใบเป็นใบคนเดียว แข็ง ออกรอบข้อเป็นฝอยๆเล็กคล้ายหางกระรอก หรือออกเรียงสลับเป็นกระจุก 3-4 ใบ ใบเป็นสีเขียวดก รูปแบบของใบเป็นรูปเข็มขนาดเล็ก ปลายใบแหลม เป็นรูปเคียว โคนใบแหลม มีขนาดกว้างโดยประมาณ 0.5-1 มิลลิเมตร และยาวโดยประมาณ 10-36 มิลลิเมตร แผ่นมักโค้ง สันเป็นสามเหลี่ยม มี 3 สัน มีหนามที่ซอกกระจุกใบ ก้านใบยาวราว 13-20 เซนติเมตร
ใบรากสามสิบ
ดอกรากสามสิบ ออกดอกเป็นช่อกระจะ ยาวประมาณ 2-4 เซนติเมตร โดยจะออกที่ปลายกิ่งหรือตามซอกใบแล้วก็ข้อเถา ดอกย่อยมีขนาดเล็ก ดอกเป็นสีขาวแล้วก็มีกลิ่นหอมยวนใจ มีราว 12-17 ดอก ก้านดอกย่อยยาวโดยประมาณ 2 มม. มีกลีบรวม 6 กลีบ แยกเป็น 2 วง วงนอก 3 กลีบ และวงในอีก 3 กลีบ กลีบมีลักษณะเป็นรูปขอบขนาน ปลายกลีบมน ขอบเรียบ กลีบกว้างราว 0.5-1 มม. แล้วก็ยาวราว 2.5-3.5 มิลลิเมตร กลีบมีลักษณะบางและย่น โคนกลีบเชื่อมติดกันเป็นหลอดรูปดอกเข็มยาวโดยประมาณ 2-3 มิลลิเมตร ส่วนปลายแยกเป็นแฉก ดอกมีเกสรผู้เชื่อมแล้วก็อยู่ตรงข้ามกับกลีบรวม เป็นเส้นเล็ก 6 อัน ก้านยกอับเรณูเป็นสีขาว อับเรณูเป็นสีน้ำตาลเข้ม รังไข่เป็นรูปไข่กลับ อยู่เหนือวงกลีบ ยาวโดยประมาณ 1 มิลลิเมตร มี 2 ช่อง ในแต่ละช่องมีออวุล 2 เมล็ด หรือมากยิ่งกว่า ส่วนก้านเกสรเพศเมียสั้น ยอดเกสรเพศเมียแยกเป็น 2 แฉกขนาดเล็ก โดยจะมีดอกในตอนราวๆเดือนเมษายนถึงมิ.ย.1,2,4,5
ดอกรากสามสิบ
ผลรากสามสิบ ลักษณะของผลเป็นรูปทรงค่อนข้างกลม หรือเป็นพู 3 พู ผิวผลเรียบเป็นมัน มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางราว 4-6 มม. ผลอ่อนเป็นสีเขียว เมื่อสุกแล้วจะกลายเป็นสีแดงหรือสีม่วงแดง ด้านในผลมีเมล็ดราวๆ 2-6 เมล็ด เมล็ดเป็นสีดำ เปลือกหุ้มมีลักษณะแข็งแต่ว่าเปราะ ออกดอกออกผลในตอนโดยประมาณเดือนเมษายนถึงกรกฎาคม1,8
ผลรากสามสิบ
เม็ดรากสามสิบ

สรรพคุณของรากสามสิบ
รากสามสิบมีรสฝาดเย็น มีคุณประโยชน์เป็นยาบำรุงกำลัง ใช้เป็นยาชูกำลัง (ราก)
หนังสือเรียนยาไทยจะใช้รากเป็นยาแก้กระษัย (ราก)
ในประเทศประเทศอินเดียจะใช้รากเป็นยากระตุ้นประสาท (ราก)
รากใช้ผสมกับเหง้าขิงป่ารวมทั้งต้นจันทน์แดง ผสมกับสุราโรงใช้เป็นยาแก้วิงเวียน (ราก)
รากใช้ต้มกับน้ำดื่มเป็นยาลดระดับความดันโลหิตและลดไขมันในเลือด (ราก)
รากสามสิบมีสรรพคุณช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด โดยไปกระตุ้นแนวทางการทำงานของตับอ่อนให้เพิ่มการหลั่งสาร insulin (ราก)
ทั้งต้นหรือรากเอามาต้มกับน้ำดื่มเป็นยารักษาโรคคอพอก (ราก, อีกทั้งต้น)
ผลมีรสเย็น ใช้ปรุงเป็นยาแก้พิษไข้เซื่องซึม แก้พิษไข้กลับไข้ซ้ำ มักใช้ร่วมกับผลราชดัด เพื่อเป็นยาดับพิษไข้จากบิดเรื้อรัง (ผล)
รากมีรสเฝื่อนฝาดเย็น ใช้กินเป็นยาแก้พิษร้อนในอยากกินน้ำ (ราก)
รากใช้ต้มกับน้ำดื่มเป็นยาแก้ไอ (ราก)
ช่วยขับเสลด4 แก้การต่อว่าดเชื้อที่หลอดลม (ราก)
รากใช้ต้มกับน้ำกินเป็นยาช่วยขับลม แล้วก็ช่วยลดกรดในกระเพาะอาหาร (ราก)
ใช้รักษาโรคเกี่ยวกับไส้ แก้อาการอาหารไม่ย่อย รักษาแผลในกระเพาะ โรคกระเพาะ (ราก)
รากใช้ต้มกับน้ำดื่มเป็นยาแก้อาการท้องเดิน แก้บิด (ราก)
ใบมีคุณประโยชน์เป็นยาระบาย (ใบ)
ตำรายาสมุนไพรพื้นเมืองของจังหวัดอุบลราชธานีจะใช้รากนำมาต้มกับน้ำเป็นยาแก้ริดสีดวงทวาร (ราก)
รากมีคุณประโยชน์เป็นยาแก้ขัดค่อย ขับเยี่ยว ช่วยหล่อลื่นและก็กระตุ้น (ราก)
ช่วยรักษาอาการประจำเดือนผิดปกติของสตรี (ราก)
ต้นหรือรากเอามาต้มกับน้ำกินเป็นยาแก้แท้งลูก (ราก, อีกทั้งต้น)
ในประเทศอินเดียจะใช้รากสามสิบเป็นยากระตุ้นสมรรถนะทางเพศชายและก็หญิง คนทางภาคเหนือบ้านเราจะใช้รากสามสิบทำเป็นยาดอง ใช้กินเป็นยาบำรุงสำหรับผู้ชาย กินแล้วครื้นเครงเสมือนม้า 3 ตัว จึงมีอีกชื่อหนึ่งว่า “ม้าสามต๋อน” ส่วนหมอยาโบราณจะใช้เป็นยาบำรุงสำหรับสตรี ซึ่งเป็นต้นเหตุของชื่อ “สาวร้อยผัว” หรือ “สามร้อยผัว” กล่าวคือไม่ว่าจะอายุเท่าไรก็ยังสามารถมีลูกมีสามีได้ อายุมากแค่ไหนก็ยังมองสาวเสมอ แต่ว่าไม่ใช่รับประทานแล้วจะสามารถมีผัวได้เป็นร้อยคน ในแบบเรียนอายุรเวทจะใช้สมุนไพรจำพวกนี้เป็นสมุนไพรหลักสำหรับการบำรุงสตรี ทำให้กลับมาเป็นสาว ช่วยจัดการกับปัญหาต่างๆของสตรี ไม่ว่าจะเป็นสภาวะเมนส์ไม่ปกติ ภาวการณ์หมดประจำเดือน ปวดรอบเดือน ตกขาว มีบุตรยาก หมดอารมณ์ทางเพศ ช่วยทำนุบำรุงครรภ์ บำรุงน้ำนม คุ้มครองป้องกันการแท้ง ฯลฯ ส่วนวิธีการใช้ก็ให้นำรากมาต้มรับประทาน หรือนำรากมาตากแห้งแล้วบดเป็นผุยผงปั้นเป็นลูกกลอนรับประทานกับน้ำผึ้ง นอกจากนั้นยังใช้กระตุ้นนมในวัวนมได้อีกด้วย (ราก)
ใช้เป็นยาบำรุงตับและปอดให้เกิดกำลังปกติ แก้ตับรวมทั้งปอดพิการ (ราก)
รากใช้ฝนทาแก้พิษจากแมลงป่องกัดต่อย (ราก)
รากใช้ฝนทาแก้ลักษณะของการปวดฝี ทำให้เย็น ช่วยทำลายพิษฝี พิษปวดแสบปวดร้อน (ราก)
ช่วยบรรเทาอาการระคาย (ราก)
รากใช้รับประทานเป็นยาแก้อาการปวดปวดเมื่อย ครั่นเนื้อครั่นตัว (ราก)
ช่วยแก้ลักษณะของการปวดข้อและคอ (ราก)
ใบมีคุณประโยชน์ช่วยขับนม ช่วยทำให้เจริญอาหาร (ใบ)
รากใช้เป็นยาบำรุงเด็กแรกเกิดในครรภ์ บำรุงน้ำนม บำรุงร่างกายข้างหลังการคลอดบุตรของสตรี (ราก)
ใน “พระตำราคุณประโยชน์ (แลมหาพิกัด)” ได้เอ๋ยถึงคุณประโยชน์ของรากสามสิบไว้ว่า “ผักหวานตัวผู้มีรสหวาน แก้กำเดา แก้ตาโรค รากสามสิบทั้งยัง 2 มีคุณยิ่งกว่าผักหวาน” กำเดาหรือไข้กำเดา มีอยู่ 2 ประเภท อย่างแรก คือ ตัวร้อน ไม่อยากอาหาร ปวดหัว และก็อีกอย่างหนึ่งเป็นมีลักษณะรุนแรงมากกว่า มีเม็ดผุดขึ้นตามร่างกาย มีลักษณะอาการคัน ไอ มีเสลด และก็มีเลือดออกทางปากรวมทั้งจมูก (ราก)
ส่วนในหนังสือ “พระหนังสือเวชศาสตร์เกื้อหนุน” ได้เอ่ยถึงตำรับยารักษาคนธาตุหย่อน อันมีตัวยารากสามสิบรวมอยู่ด้วยร่วมกับสมุนไพรประเภทอื่นๆอีกหลายแบบ โดยระบุว่ามีสรรพคุณ (ที่ค่อนข้างจะเข้าใจยาก) ว่าช่วยจำเริญชีวิตให้กำเนิดกำลัง ให้บำรุงธาตุไฟ ให้จำเริญอินทรีย์แต่ละอย่าง มีกำลังเดินทางมากแตกต่าง กินเข้าไปแล้วหาโทษมิได้ ใช้ได้ทั้งเด็ก ผู้สูงอายุ คนมีกำลัง คนผอม คนไม่มีกำลัง คนธาตุหย่อน ให้ประกอบยานี้กันเถอะ อนึ่ง รับประทานแล้วให้เกิดขึ้นบุตร ให้อกโคนแค่นเดือนง 4 มีกำลัง ถึงกระหักก็ดีแล้ว แพทย์ก็เชื่อถือรักษาด้วยการใช้ยานี้เถิด (ราก)
อีกตำรับหนึ่งเป็นยาแก้โรคผอมบาง แก้อาการหอบหืด แก้ปิดตะ และก็แก้โรคลมต่างๆจะมีสมุนไพรอยู่ด้วยกัน 20 อย่างรวมถึงรากสามสิบ (ราก)
ใน “พระหนังสือวรโยคสาร” ตำรับยา “วะระที่นาทิคณะ” เป็นตำรับยาที่ประกอบไปด้วยรากไม้ 17 อย่าง รวมถึงรากสามสิบ ซึ่งเป็นตำรับยาที่ใช้แก้อันตะวิทราโรค หรือโรคที่มีลักษณะเสียดแทงในลำไส้ใหญ่ ใช้เป็นยาแก้มันทาคินี แก้เสมหะ แก้คุลุมโรคหายแล แล้วก็ยังมีตำรับยาอีกอย่างก็คือ ตำรับยาแก้เสมหะ ที่มีสมุนไพรรวมอยู่ด้วย 16 อย่าง รวมทั้งรากสามสิบ (ราก)
ตำรับยาบำรุงท้อง แก้ไข้ แก้ปวดหัว ประกอบไปด้วยสมุนไพร 13 จำพวก เช่น รากสามสิบ แก่นสน กฤษณา กระลำพัก ขอนดอก ชะลูด อบเชย เปลือกสมุลแว้ง เทียนอีกทั้ง 5 บัวน้ำทั้งยัง 5 โกฐ 5 จันทน์ 4 และเทวดาทาโร (ใช้อย่างละเท่ากัน) นำทั้งหมดทั้งปวงมาใส่ไว้ภายในหม้อฉาบหรือหม้อดิน เติมน้ำลงไปให้ท่วมยาสูงราว 6-7 เซนติเมตร แช่ทิ้งไว้ราวๆ 15 นาที แล้วนำขึ้นตั้งด้วยไฟอ่อนๆต้มเคี่ยวราว 30 นาที น้ำยาเดือดแล้วก็มีกลิ่นหอมสดชื่นก็เลยชูลงจากเตา ใช้ดื่มก่อนที่จะกินอาหารเช้าและก็เย็น วันละ 2 เวลา เป็นยาบำรุงท้องอย่างดี (ราก)
ยิ่งไปกว่านี้ยังมีสรรพคุณของรากสามสิบตามเว็บไซต์ต่างๆนอกจากที่กล่าวมา สมุนไพรชนิดนี้ยังมีคุณประโยชน์ช่วยสร้างสมดุลให้แก่ระบบฮอร์โมนเพศหญิง แก้วัยทอง เพิ่มขนาดทรวงอกและสะโพก ช่วยไขปัญหาช่องคลอดอักเสบ ขจัดกลิ่นในช่องคลอด ช่วยกระชับช่องคลอด ทำให้มดลูกเข้าอู่เร็ว ช่วยกระชับสัดส่วน ลดไขมันส่วนเกิน บำรุงเลือด บำรุงผิวพรรณ ลดสิว ลดฝ้า ทำให้ผิวขาวใส ช่วยชะลอความแก่เฒ่า ลดกลิ่นเต่า กลิ่นปาก ช่วยสร้างเสริมและปรับปรุงความจำและก็ปัญญา (ไม่มีอ้างอิง)
ขนาดรวมทั้งการใช้ : การใช้รากตาม ให้ใช้รากประมาณ 90-100 กรัม เอามาต้มกับน้ำกินวันละครั้งในรุ่งอรุณ
ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของรากสามสิบ
สารสำคัญที่พบ อย่างเช่น asparagamine, cetanoate, daucostirol, sarsasapogenin, shatavarin, racemosol, rutin
สมุนไพรรากสามสิบมีฤทธิ์ต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย ต้านเชื้อรา ลดการอักเสบ แก้ลักษณะของการปวด คลายกล้ามของมดลูก บำรุงหัวใจ ป้องกันกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ลดอาการหัวใจโตที่เกิดขึ้นมาจากความดันโลหิตสูง ขับน้ำนม มีฤทธิ์เสมือนฮอร์โมนเอสโตรเจน ยับยั้งโรคเบาหวาน ลดระดับไขมันในเลือด กระตุ้นภูมิต้านทาน ต่อต้านอาการเม็ดเลือดขาวต่ำ เป็นพิษต่อเซลล์ของโรคมะเร็ง ยับยั้งการเกิดแผลในกระเพาะ ยับยั้งพิษต่อตับ
สารสำคัญที่เจอในรากเป็นสาร steroidal saponins ซึ่งเป็นสารที่ทำหน้าที่เลียนแบบฮอร์โมนเพศ ก็เลยคงจะมีบทบาทสำหรับการรักษาอาการที่เกิดขึ้นในช่วงวัยหมดระดูของสตรี รวมถึงการช่วยปกป้องรักษาการเกิดโรคหัวใจรวมทั้งหลอดเลือดรวมทั้งโรคกระดูกพรุน
จากการเรียนรู้
ในหนูแรทโดยใช้สารสกัดจากรากด้วยเอทานอล แบ่งเป็น 2 ช่วงเป็นตอนฉับพลันรวมทั้งช่วงยาวตลอด โดยการเรียนในตอนเฉียบพลันป้อนสารสกัดเอทานอลจากรากสามสิบในขนาด 1.25 กรัมต่อกิโลกรัม ให้กับหนูแรทที่ไม่เป็นเบาหวาน หนูแรทที่เป็นเบาหวานจำพวกที่ 1 รวมทั้งจำพวกที่ 2 พบว่าไม่มีผลลดระดับน้ำตาลในเลือด แต่ช่วยให้ทนต่อการเพิ่มขึ้นของกลูโคส ในนาทีที่ 30  ส่วนการศึกษาเล่าเรียนตอนยาวสม่ำเสมอวันละ 2 ครั้ง นาน 28 วัน ให้กับหนูที่เป็นเบาหวานประเภทที่ 2 พบว่าสามารถลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ แล้วก็เพิ่มระดับของอินซูลิน 30%เพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระ เพิ่มระดับอินซูลินในตับอ่อน และเพิ่มไกลวัวเจนที่ตับ เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มโรคเบาหวานควบคุม ก็เลยสรุปได้ว่าฤทธิ์ลดระดับน้ำตาลในเลือดของสารสกัดจากรากสามสิบน่าจะเป็นผลมาจากการหยุดยั้งการย่อยแล้วก็การดูดซึมสารคาร์โบไฮเดรต รวมทั้งเพิ่มการหลั่งอินซูลิน ซึ่งน่าจะมีประโยชน์สำหรับเพื่อการใช้ประโยชน์รักษาผู้เจ็บป่วยเบาหวานได้9
จากการทดสอบทางสถานพยาบาลเป็นการใช้รักษาโรคกระเพาะในคนจริงๆโดยการรับประทานผงแห้งของราก พบว่าได้ผลดีสำหรับเพื่อการรักษาแผลที่กระเพาะรวมทั้งลำไส้เล็ก จากการที่กรดเกิน
เมื่อปี คริสต์ศักราช1997 ที่ประเทศอินได้ทำตรวจสอบและลองใช้รากสามสิบกับคนเจ็บความดันเลือดสูงชนิด mild hypertension โดยทดลองเปรียบเทียบกับยาลดระดับความดัน (Propranolol) ใช้ระยะเวลากระทำการทดสอบนาน 3 เดือน ผลการทดลองพบว่า คนเจ็บมีความดันโลหิตลดลง < 90 mm.Hg. และก็ลดไขมันได้ผลลัพธ์ที่ดี

  • K. Mitra และก็แผนก (คริสต์ศักราช1996) ที่ประเทศอินเดียได้กระทำทดสอบการใช้สารสกัดจากรากสามสิบกับตัวทดลองที่ถูกกระตุ้นด้วย Streptozotocin ผลการทดลองพบว่า สารสกัดดังกล่าวสามารถกระตุ้นตับอ่อนของหนูให้เพิ่มการหลักhttp://www.disthai.com/


    Tags : สมุนไพรรากสามสิบ

4


ราชพฤกษ์

คูน ผลดีแล้วก็สรรพคุณของคูน หรือ ต้นราชพฤกษ์
ประวัติความเป็นมาดอกราชพฤกษ์
           ต้นราชพฤกษ์ หรือ ต้นคูน ฯลฯไม้ประจำถิ่นของเอเชียใต้ ตั้งแต่ปากีสถาน อินเดีย ประเทศพม่า รวมทั้งศรีลังกา โดยนิยมนำมาปลูกกันมากในเขตร้อน สามารถเจริญวัยเจริญในที่โล่ง และก็มีชื่อเสียงในประเทศไทยมาหลายสิบปี โดยมีการเสนอให้ดอกราชพฤกษ์ เป็นดอกไม้ประจำชาติไทยตั้งแต่ปี พุทธศักราช 2506 แม้กระนั้นก็ยังมิได้ผลสรุปแจ่มชัด กระทั่งมีการเซ็นชื่อให้เป็นดอกไม้ประจำชาติไทย เมื่อวันที่ 26 เดือนตุลาคม พ.ศ. 2544
ดอกไม้ประจำชาติไทย
           เพราะ ต้นราชพฤกษ์ ออกดอกสีเหลืองยกช่อ มองสง่างาม ทั้งยังยังมีสีตรงกับ สีประจำวันพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ก็เลยถูกตั้งชื่อว่าเป็น "ต้นไม้ของในหลวง" และมีการลงชื่อให้ต้นราชพฤกษ์ เป็นหนึ่งใน 3 สัญลักษณ์ประจำชาติไทย โดยมี 1. ช้าง เป็นสัตว์ประจำชาติไทย 2. ศาลาไทย เป็นสถาปัตยกรรมประจำชาติไทย แล้วก็ 3. ดอกราชพฤกษ์ เป็นดอกไม้ประจำชาติไทย
เหตุผลเลือกเป็นดอกไม้ประจำชาติไทย

  • เพราะว่าฯลฯไม้ท้องถิ่นที่รู้จักกันอย่างล้นหลาม รวมทั้งมีอยู่ทุกภาคของเมืองไทย
  • มีประวัติเกี่ยวกับจารีตประเพณีหลักๆในไทยแล้วก็เป็นต้นไม้มงคลที่นิยมนำมาปลูก
  • ใช้ประโยชน์ได้นานัปการ ตัวอย่างเช่น ใช้เป็นยารักษาโรค ทั้งยังยังคงใช้ลำต้นเป็นเสาเรือนได้ เป็นต้น
  • มีสีเหลืองแพรวพราว พุ่มงามเต็มต้น เปรียบเทียบเป็นสัญลักษณ์แห่งพุทธศาสนา
  • มีอายุยืนนาน และทนทาน


คูน หรือ ราชพฤกษ์ (Golden Shower, Indian Laburnum) เป็นพืชสมุนไพรพวกยืนต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ ที่มีชื่อเรียกตามเขตแดนต่างๆเป็นต้นว่า ภาคเหนือเรียก ราชพฤกษ์, ราชพฤกษ์ หรือชัยพฤกษ์ ส่วนจังหวัดปัตตานีเรียก ลักเคย หรือลักเกลือ และกะเหรี่ยง-กาญจนบุรีเรียก กุเพยะ ฯลฯ ซึ่งเป็นพืชสมุนไพรประจำถิ่นของทวีปเอเชียใต้ไปจนถึงอินเดีย ศรีลังกา และเมียนมาร์ รวมถึงคูนหรือราชพฤกษ์นี้ยังเป็นดอกไม้ประจำชาติของไทยอีกด้วย
————– advertisements ————–
การดูแลรักษา
           แสง : อยากแสงแดดจัด หรือกลางแจ้ง และเจริญเติบโตก้าวหน้าในที่โล่งแจ้งเป็นพิเศษ
           น้ำ : ถูกใจน้ำน้อย ควรรดน้ำ 7-10 วันต่อครั้ง สามารถทนกับลักษณะอากาศร้อนก้าวหน้า
           ดิน : สามารถเจริญเติบโตก้าวหน้าในดินซึ่งร่วนซุย ดินร่วนผสมทราย หรือดินเหนียว
           ปุ๋ย : นิยมให้ปุ๋ยหมัก หรือ ปุ๋ยธรรมชาติ ในอัตรา 2-3 กิโลกรัมต่อต้น และก็ควรจะให้ปุ๋ยปีละ 3-4 ครั้ง
ดอกราชพฤกษ์ ดอกไม้ประจำชาติไทย
การขยายพันธุ์
           วิธีเพาะพันธุ์ต้นราชพฤกษ์ที่นิยมเป็นการเพาะเมล็ด โดยใช้เม็ดใหม่ๆมาขลิบด้วยกรรไกรตัดเล็บ แต่ต้องเลือกขลิบรอบๆด้านป้าน ด้วยเหตุว่าด้านแหลมจะมีต้นอ่อนอยู่ แล้วต่อจากนั้นนำไปแช่น้ำสะอาดทิ้งเอาไว้ข้ามวัน แล้วก็ค่อยเทน้ำออกให้เหลือปริมาณเพียงพอหล่อเลี้ยงเม็ดได้ ต่อจากนั้นทิ้งเอาไว้อีกคืนก็จะพบรากแตกออก และสามารถนำลงปลูกได้เลย
ความเชื่อเกี่ยวกับต้นราชพฤกษ์
           เชื่อว่าเป็นต้นไม้มงคล ที่ควรจะปลูกเอาไว้ในทิศตะวันตกเฉียงใต้ และก็หากปลูกไว้ในบ้านจะช่วยให้มีเกียรติขั้น เกียรติยศ และก็เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทางไสยศาสตร์ โดยใช้ใบทำน้ำมนต์สะเดาะเคราะห์ เพราะเป็นพืชที่มีความมงคลนาม
ลักษณะทั่วไปของคูน
สำหรับต้นคูนนั้นจัดว่าเป็นไม้ใหญ่ขนาดกึ่งกลาง โดยลำต้นมีสีน้ำตาลอมเทา มักขึ้นตามป่าผลัดใบ หรือในดินซึ่งสามารถระบายน้ำเจริญ ส่วนใบจะมีสีเขียวเป็นเงา วัวนมน เนื้อใบสะอาดแล้วก็บาง ดอกจะออกเป็นช่อ มีกลีบรูปทรงไข่กลับอยู่ 5 กลีบ และก็มองเห็นเส้นกลีบชัดเจน ฝักอ่อนมีสีเขียวและจะเป็นสีดำเมื่อแก่จัด และในฝักจะมีฝาผนังเยื่อบางๆกันเป็นช่องๆอยู่ตามแนวขวางของฝัก และก็ด้านในช่องพวกนี้จะมีเมล็ดสีน้ำตาลแบนๆอยู่
ต้นคูน หรือ ต้นราชพฤกษ์
ประโยชน์รวมทั้งสรรพคุณของคูน
ใบ – ช่วยฆ่าพยาธิผิวหนัง ฆ่าเชื้อโรคต่างๆช่วยระบายท้อง สามารถใช้พอกแก้อาการปวดข้อ หรือแก้ลมตามข้อ แล้วก็ช่วยแก้โรคอัมพาตของกล้ามบนใบหน้า หรือนำไปต้มกินแก้เส้นพิการ แล้วก็โรคที่มีปัญหาเกี่ยวกับสมอง ให้รสเมา
ดอกราชพฤกษ์ – ช่วยระบายท้อง แก้ไข้ แก้พรรดึก (ท้องผูก) แล้วก็โรคกระเพาะของกิน แล้วก็แผลเรื้อรัง ให้รสขมเปรี้ยว
ราก – ช่วยสำหรับเพื่อการทำลายเชื้อโรคกุฏฐัง ระบายพิษไข้ แก้ขี้กลากหรือเกลื้อน แก้อาการเซื่องซึมหนักแถวๆศีรษะ รวมทั้งช่วยถ่ายสิ่งสกปรกสกปรกออกจากร่างกาย แก้อาการหายใจขัด ทำให้กระชุ่มกระชวยทรวงอก แก้ลักษณะของการมีไข้ ไปจนถึงรักษาโรคหัวใจ ถุงน้ำดี มีฤทธิ์ถ่ายแรงกว่าเนื้อในฝัก สามารถใช้ได้กับเด็กหรือสตรีมีครรภ์ ไม่มีผลใกล้กันอะไรก็ตามให้รสเมา
แก่น – ช่วยสำหรับในการขับพยาธิไส้เดือน ให้รสเมา
กระพี้ – ช่วยแก้โรครำมะนาด ให้รสเมา
เนื้อในฝัก – ใช้พอกเพื่อช่วยแก้ลักษณะของการปวดข้อ แก้ต้นตานขโมย ปรับปรุงแก้ไขไข้จับสั่น แก้บิด ถ่ายพยาธิ หรือผู้ที่มีลักษณะอาการท้องผูกเรื้อรัง และก็ถ่ายเสมะและแก้พรรดึก (ท้องผูก) ไปจนกระทั่งระบายพิษไข้ สามารถใช้ได้ในเด็กและก็สตรีตั้งครรภ์ ไปจนกระทั่งเป็นยาระบายที่ไม่ทำให้ปวดมวนหรือไข้ท้อง ให้รสหวานเบื่อ
เปลือกฝัก – ทำให้แท้งลูก ทำให้อาเจียน แล้วก็ขับเกลื่อนกลาดที่ค้างอยู่ออกมา ให้รสเฝื่อนเมา
เมล็ด – ทำให้คลื่นไส้ ให้รสฝาดเมา
เปลือกต้น – ช่วยแก้อาการท้องร่วง ใช้ฝนผสมกับต้นหญ้าฝรั่น น้ำดอกไม้เทศ รวมทั้งน้ำตาล กินเพื่อให้กำเนิดลมเบ่ง ให้รสฝาดเมา
เปลือกราก – ช่วยแก้ไข้มาลาเรีย รวมทั้งระบายพิษไข้ ให้รสฝาด
ดอกคูน หรือ ดอกราชพฤกษ์
ต้นคูนมักนิยมนำมาปลูกเป็นไม้ประดับในพื้นที่เขตร้อนแล้วก็กึ่งเขตร้อน สามารถเจริญเติบโตได้ดิบได้ดีใน รวมทั้งปลูกได้ง่ายในดินซึ่งร่วนซุย ดินร่วนคละเคล้าทราย หรือดินร่วนเหนียว และก็ยังทนต่อลักษณะอากาศแห้งและก็ดินเค็มก้าวหน้า แต่ว่าถ้าเกิดอากาศหนาวจัดอาจทำให้ติดเชื้อราหรือโรคใบจุดได้http://www.disthai.com/

Tags : สมุนไพรราชพฤษ์

หน้า: [1]