รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
การค้นหาขั้นสูง  

ข่าว:

SMF - Just Installed!

แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Messages - oisd54sad

หน้า: [1]
1

[url=http://www.disthai.com/16913677/%E0%B8%9E%E0%B8%8D%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%AD-%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%A5%E0%B8%94%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%A2]พญายอ[/url][/size][/b]
พญายอเป็นไม้พุ่งปนเลื้อย เถาและก็ใบมีสีเขียวใบไม้ไม่มีหนาม ใบยาวเรียวปลายแหลม ออกตรงกันข้ามเป็นคู่ ดอกออกเป็นช่อ อยู่ที่ปลายกิ่ง แต่ละช่อมี 3-6 ดอก กลีบเป็นดอกปลายแยกสีแดงอมส้ม
พญายอขึ้นได้งามในดินที่สมบูรณ์ แสงอาทิตย์ปานกลาง พบได้ทั่วไปตามป่าในประเทศไทย หรือปลูกกันตามบ้าน ปลูกโดยใช้ลำต้นปักชำ ฯลฯไม้ที่ปลูกได้ไม่ยาก ตัดกิ่งออกมาซัก 2-3 คืบ ปักขำให้รากออกมาก็ดีแล้วก็ย้ายไปปลูกเอาไว้ในแปลง ดูแลเหมือน พืชไม้ทั่วๆไป
ใบ เป็นยา ให้เก็บขนาดกึ่งกลางที่บริบูรณ์ ไม่แก่หรือเปล่าอ่อนจนเกินความจำเป็น ใบของพญายอสามารถลดอาการักเสบของหูได้ดิบได้ดี โดยเฉพาะส่วนที่สกัดด้วยสารละลาย “บิวทานอล” ตระกูลสถิต ฉั่วกุล และคณะได้เรียนรู้พบว่าสารสำคัญตัวหนึ่งเป็น “เฟลโวนนอยต์” ส่วนด้านที่มีการต้านพิษงูยังกำกวม แม้กระนั้นไม่เป็นอันตรายพอที่จะใช้
ใบพญายอรักษาอาการอักเสบเฉพาะที่ (ปวด, บวม, แดง ร้อนแต่ไม่มีไข้) จากแมลงที่เป็นพิษกัดต่อย เช่น ตะขาบ แมงป่อง ผึ้ง ต่อ แตน รักษาโดยการเอาใบสดจากพญายอนี้มาสัก 10-15 ใบ (มากมายน้อยตามรอบๆที่เป็น) ล้างให้สะอาด ใส่ลงในครกตำยา ตำอย่างถี่ถ้วน เพิ่มเติมแอลกอฮอล์พอเพียงชุ่มยา ตั้งทิ้งเอาไว้ 1 สัปดาห์ หมั่นคนยาทุกๆวัน กรองน้ำยา ใช้น้ำ รวมทั้งกากทาบรอบๆที่เจ็บบวม หรือที่ถูกแมลงสัตว์กัดต่อย
พญายอ หรือ เสมหะพังพอน ด้วยเหตุว่าเสมหะพังพอนมีทั้งตัวผู้ละตัวเมีย แต่เพศผู้ไม่นิยมนำมาใช้เนื่องมาจากมีฤทธิ์อ่อน รวมทั้งเพื่อไม่ให้สับสนก็เลยเรียกเสลดพังพอนตัวเมียว่า "พญายอ" โดยมากเอามาทำเป็นยาสมุนไพรไทยจัดอยู่ในกลุ่มพืชทำลายพิษ  “พญายอ” เป็นพืชสมุนไพรที่ใช้เป็นยาใช้ภายนอกรักษาภายนอก มีสรรพคุณบรรเทาการอักเสบของผิวหนังเจริญ  มีฤทธิ์ลดการอักเสบ มีฤทธิ์ต้านทานเชื้อไวรัส
คุณสมบัติของผงพญายอสำหรับในการบำรุงผิวพรรณ
- ใช้แก้สิวเม็ดผดผื่นคัน ด้วยการนำมาดองกับสุรา แล้วผสมดินสอพองใช้ทาแก้สิวและเม็ดผื่นผื่นคัน
- ใช้แก้โรคผิวหนังผื่นคัน ผสมกับสุราใช้เป็นยาแก้ผื่นคัน ไฟลามทุ่ง ผื่นคัน แผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก
- ใช้รักษาแผลไฟเผาน้ำร้อนลวก พญายอมีคุณประโยชน์ช่วยดับพิษร้อนได้ดี
- อีกหนังสือเรียนกล่าวว่านอกเหนือจากการที่จะใช้รักษาแผลไฟเผาน้ำร้อนลวกได้แล้ว ยังช่วยรักษาแผลยุ่ยเหตุเพราะถูกแมงกะพรุนไฟ แผลสุนัขกัด และแผลที่เกิดจากการเช็ดกกรดได้อีกด้วย
- ใช้รักษาแผลน้ำเหลืองเสีย เอามาพอก จะรู้สึกเย็นๆซึ่งยาจะช่วยดูดน้ำเหลืองได้ดิบได้ดี ทำให้แผลแห้งไว
- ใช้แก้ฝี ด้วยการผสมกับเกลือและสุรา ใช้พอกบริเวณที่เป็น เปลี่ยนยาทุกเช้าและก็เย็น
- ใช้เป็นยาขับพิษ ถอนพิษ โดยเฉพาะพิษจากแมลงสัตว์กัดต่อย ยกตัวอย่างเช่น งู ตะขาบ แมงป่อง มด ยุง ฯลฯ
- พญายอ ใช้รักษาอาการอักเสบ รักษาแผลร้อนในปาก แก้เริม (แผลผิวหนังประเภทเริม) อีสุกอีใส แก้งูสวัด ไฟลามทุ่ง แล้วก็ใช้เป็นยาถอนพิษต่างๆเอาน้ำมาดื่มหรือเอาน้ำมาทาแผลและเอากากพอกบริเวณแผล
- มีฤทธิ์แก้อาการแพ้ ลดการอักเสบ สามารถลดการอักเสบเรื้อรังได้
- มีฤทธิ์ลดความเจ็บ ช่วยลดอาการปวด
- มีฤทธิ์ต่อต้านเชื้อไวรัสก้าวหน้าและไม่เป็นพิษต่อเซลล์

แนวทางการพอกขัดผิวด้วยผงพญายอ

  • ทำความสะอาดผิวหน้าด้วยสินค้าล้างหน้าและก็ขัดถูเครื่องสำอางให้สะอาดก่อนกระบวนการขัดพอกผิว
  • ใช้ผสมกับน้ำสะอาด (หรือ ผงสมุนไพรอื่นๆน้ำผึ้ง นม หรือโยเกิร์ต เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ)
  • สามารถใช้พอกหรือขัดได้ผิวหน้าและผิวกาย เป็นประจำ อาทิตย์ละ 2 – 3 ครั้ง


     - สำหรับผิวหน้า พญายอหากเป็นสิวอักเสบ ห้าม ขัดโดยเด็ดขาด ให้ใช้เป็นการพอกผิวแทน เพื่อไม่ให้เชื้อสิวลุกลามไปทั่วบริเวณใบหน้า แล้วก็เพื่อไม่ให้เป็นการก่อกวนผิวหน้ามากเกินไป พอกทิ้งไว้ราวๆ 15 นาที
     - ถ้าใช้ขัด (สำหรับคนที่ไม่เป็นสิว แล้วก็ผิวกาย) ให้ขัดให้เบาไม้เบามือที่สุด ราวเพียงแค่คลำมานะจะไม่ให้นิ้วโดนผิวหน้าเลย ห้ามกดแรงลงบนนิ้วขณะขัด แล้วก็ให้ขัดเพียงแค่ 5 นาทีก็พอเพียงที่สารสำคัญจะออกฤทธิ์แล้ว เมื่อครบ 5 นาทีให้พอกทิ้งเอาไว้กระทั่งแห้ง (บางทีอาจใช้ระยะเวลาพอกทิ้งไว้โดยประมาณ 15 นาที)

  • พญายอ หลังจากแห้งแล้ว ให้ทำความสะอาดโดยการล้างด้วยน้ำปกติ (ไม่สมควรใช้น้ำอุ่น) ล้างแบบค่อยที่สุดหรือให้เปิดฝักบัวเบาๆและก็ปล่อยให้น้ำรดผ่านผิวไปสัก 2-3 นาที แล้วก็ใช้ฝ่ามือลูบให้เบาที่สุด โดยใช้แนวทางล้างเดียวกับการขัดหน้า คือ มานะจะไม่ให้นิ้วโดนผิวหน้าเลย
  • ล้างหน้าล้างตาเสร็จแล้ว ซึมซับหน้าให้แห้ง


Tip  เพื่อการบำรุงที่เพิ่มขึ้น เมื่อพอกหรือขัดผิวด้วยผงสมุนไพรแล้ว ให้เอาน้ำผึ้งผสมน้ำกินธรรมดาในอัตราส่วน 1 ช้อนชาเสมอกัน ทาให้ทั่วผิวหน้า แล้วนวดวนเบาๆทั่วบริเวณใบหน้าสักเล็กน้อย ทิ้งน้ำผึ้งไว้ 10 นาที ก็ล้างออก เพื่อเป็นการคืนความชุ่มชื่นให้แก่ผิว ทั้งยังช่วยให้ผิวหน้าเนียนนุ่มและกระจ่างใส มองอ่อนกว่าวัยยิ่งขึ้น http://www.disthai.com/

Tags : สมุนไพรเสลดพังพอน (พญายอ)

2
อื่น ๆ / ความเป็นมาของต้นราชพฤกษ์
« เมื่อ: สิงหาคม 16, 2018, 05:00:54 AM »

ราชพฤกษ์
ราชพฤกษ์ ชื่อสามัญ Golden shower, Indian laburnum, Pudding-pine tree, Purging Cassia
ราชพฤกษ์ ชื่อวิทยาศาสตร์ Cassia fistula L. จัดอยู่ในสกุลถั่ว (FABACEAE หรือ LEGUMINOSAE) และอยู่ในวงศ์ย่อยราชพฤกษ์ (CAESALPINIOIDEAE หรือ CAESALPINIACEAE)
สมุนไพรราชพฤกษ์ มีชื่อแคว้นอื่นๆว่า กุเพยะ (กะเหรี่ยง-กาญจนบุรี), ปูโย ปีอยู เปอโซ แมะหล่าอยู่ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน), ลักเกลือ ลักเคย (กะเหรี่ยง), ราชพฤกษ์ ชัยพฤกษ์ (ภาคกึ่งกลาง), ต้นลมแล้ง (ภาคเหนือ), ราชพฤกษ์ (ภาคใต้), คูน (ทั่วๆไปเรียกแล้วก็มักจะเขียนผิดหรือสะกดไม่ถูกเป็น “ต้นคูณ” หรือ “คูณ“) ฯลฯ
คำว่า “ราชพฤกษ์” แสดงว่า “ต้นไม้ของพระราชา” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของงานนิทรรศการพืชสวนโลกซึ่งจัดขึ้นเพื่อสังสรรค์ในวโรกาสอันเป็นมหามงคลที่พระราชาของเราทรงครองสิริราชสมบัติครบรอบ 60 ปี
ต้นราชพฤกษ์ ต้นไม้ประจำชาติไทย
เมื่อปี พ.ศ.2544 คณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติได้มีข้อเสนอแล้วก็สรุปให้มีการกำหนดสัญลักษณ์ประจำชาติ 3 สิ่ง ซึ่งประกอบไปด้วย ดอกไม้ สัตว์ และสถาปัตยกรรม ซึ่งจากการพินิจได้ผลสรุปว่า ให้สัตว์ประจำชาติเป็น “ช้างไทย” ส่วนในด้านสถาปัตยกรรมประจำชาติคือ “ศาลาไทย” รวมทั้งในส่วนของดอกไม้ประจำชาติก็คือ “ดอกราชพฤกษ์” โดยมีเหตุมีผลสำหรับในการเลือกดังนี้
ต้นคูน หรือ ต้นราชพฤกษ์ จัดเป็นต้นไม้ประจำชาติไทย (ตามประกาศของกรมป่าไม้)ต้นไม้ราชพฤกษ์ เป็นต้นไม้ที่คนประเทศไทยทั่วๆไปรู้จักกันอย่างล้นหลาม ในนามของ “ต้นคูน” สามารถพบเห็นได้ทั่วไปของทุกภาคในประเทศ
ต้นราชพฤกษ์มีส่วนเกี่ยวข้องกับขนบธรรมเนียมคนไทยมาอย่างนาน เพราะเหตุว่าเป็นพืชที่มีความมงคลนามและใช้เพื่อการประกอบพิธีสำคัญๆต่างๆหลายพิธีการ ตัวอย่างเช่น พิธีการลงเสาหลักเมือง ทำคทาจอมพล ใช้ทำยอดธงชัยเฉลิมพล เป็นต้น
ต้นราชพฤกษ์นั้นสามารถนำมาใช้คุณประโยชน์ได้อย่างนานัปการ ยกตัวอย่างเช่น การใช้เป็นยาสมุนไพรหรือประยุกต์ใช้ทำเป็นเสาบ้านเสาเรือนได้ อื่นๆอีกมากมาย
ต้นราชพฤกษ์เป็นต้นไม้ที่แก่ยืนนานและก็แข็งแรงทนทาน
ต้นราชพฤกษ์มีรูปทรงและพุ่มที่งดงาม มีดอกเหลืองแพรวพราวเต็มต้น ดูงดงามยิ่งนัก
ดอกราชพฤกษ์มีสีเหลือง ซึ่งเป็นเครื่องหมายของชาติไทย เป็นสัญลักษณ์ที่พุทธศาสนา แล้วก็ยังเป็นเครื่องหมายของวันจันทร์ ซึ่งเป็นวันพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
นอกจากนี้ตามตำราพืชที่มีความเป็นสิริมงคล 9 ประเภทยังระบุไว้ว่า ต้นราชพฤกษ์เป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงความเป็นใหญ่ ความมีอำนาจบุญบารมี มีโชคมีชัย
สมุนไพรราชพฤกษ์ กับการนำมาใช้รักษาโรครวมทั้งอาการต่างๆโดยส่วนที่ประยุกต์ใช้เป็นคุณประโยชน์ทางยานั้น ดังเช่นว่า ส่วนของใบ ดอก เปลือก ฝัก แก่น กระพี้ ราก แล้วก็เมล็ด ซึ่งสมุนไพรราชพฤกษ์ เป็นสมุนไพรที่สามารถใช้ได้ทั้งกับเด็ก สตรี รวมถึงผู้สูงอายุ โดยปลอดภัยใดๆ
ลักษณะของต้นราชพฤกษ์
ต้นราชพฤกษ์ (ต้นคูน) เป็นพืชพื้นบ้านในแถบเอเชียใต้ ไล่ตั้งแต่ทางตอนใต้ของปากีสถานไปจนกระทั่งอินเดีย เมียนมาร์ รวมทั้งประเทศศรีลังกา โดยจัดเป็นพรรณไม้ขนาดกึ่งกลาง มีลำต้นสีน้ำตาลแกมเทาหมดจด มักขึ้นทั่วๆไปตามป่าผลัดใบหรือในดินที่มีการถ่ายเทน้ำดี แพร่พันธุ์ด้วยแนวทางเพาะเมล็ดแล้วย้ายกล้ามาปลูกเอาไว้ภายในถุงเพาะชำ เมื่อโตพอแล้วก็ย้ายมาปลูกลงในพื้นที่ แม้กระนั้นในปัจจุบันบางทีก็อาจจะใช้วิธีการทาบกิ่งรวมทั้งเสียบยอดก็ได้ แต่ว่าจังหวะสำเร็จจะน้อยกว่าแนวทางการเพาะเม็ด
ใบราชพฤกษ์ (ใบคูน) ลักษณะของใบออกเป็นช่อ ใบสีเขียวเป็นมัน ช่อหนึ่งยาวโดยประมาณ 2.5 ซม. แล้วก็มีใบย่อยเป็นไข่หรือรูปป้อมๆประมาณ 3-6 คู่ ใบย่อยมีความกว้างโดยประมาณ 5-7 เซนติเมตร แล้วก็ยาวราว 9-15 เซนติเมตร โคนใบมนรวมทั้งสอบไปทางปลายใบ เนื้อใบบางสะอาด มีเส้นแขนงใบถี่และก็โค้งไปตามรูปใบ
ใบราชพฤกษ์
ดอกราชพฤกษ์ (ดอกคูน) ออกดอกเป็นช่อ ยาวราว 20-45 เซนติเมตร มีกลีบรองดอกรูปขอบขนาน มีความยาวประมาณ 1 ซม. กลีบมี 5 กลีบ หลุดตกได้ง่าย และกลีบยาวกว่ากลีบรองดอกราวๆ 2-3 เท่า และก็มีกลีบรูปไข่ปริมาณ 5 กลีบ บริเวณพื้นกลีบจะเห็นเส้นกลีบชัดแจ้ง ที่ดอกมีเกสรตัวผู้ขนาดไม่เหมือนกันจำนวน 10 ก้าน มีก้านอับเรณูโค้งงอขึ้น ดอกมักจะบานในตอนมี.ค.ถึงพ.ค. แต่ก็มีบางกรณีที่ออกดอกนอกฤดูแบบเดียวกัน ได้แก่ ในตอนเดือนธันวาคมถึงเดือนมกราคม
ดอกราชพฤกษ์ดอกคูน
ผลราชพฤกษ์ หรือ ฝักราชพฤกษ์ (ฝักคูณ) ผลมีลักษณะเป็นฝักทรงกระบอกเกลี้ยงๆฝักยาวโดยประมาณ 20-60 ซม. และวัดเส้นผ่าศูนย์กลางได้ราว 2-2.5 เซนติเมตร ฝักอ่อนจะมีสีเขียว ส่วนฝักแก่จัดจะมีสีดำ ในฝักจะมีฝาผนังเยื่อบางๆชิดกันอยู่เป็นช่องๆตามขวางของฝัก และก็ในช่องจะมีเมล็ดสีน้ำตาลแบนๆอยู่ มีขนาดโดยประมาณ 0.8-0.9 ซม.
ฝักคูนฝักราชพฤกษ์
สรรพคุณของราชพฤกษ์
ช่วยบำรุงโลหิตในร่างกาย (เปลือก)
สารสกัดจากลำต้นรวมทั้งใบของราชพฤกษ์มีฤทธิ์ช่วยต้านอนุมูลอิสระ (ลำต้น, ใบ)
สารสกัดจากเมล็ดมีฤทธิ์ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล (เม็ด)
ช่วยรักษาโรคเกี่ยวกับหัวใจหรือถุงน้ำดี (ราก)
ราชพฤกษ์มีสรรพคุณช่วยแก้ไข้ (ราก)
ฝักราชพฤกษ์มีสรรพคุณทางยาช่วยแก้ไข้ไข้มาลาเรีย (ฝัก)
ช่วยแก้ไข้รูมาติกด้วยการใช้ใบอ่อนเอามาต้มกับน้ำกิน (ใบ)
ฝักอ่อนมีรสหวานอมเปรี้ยวบางส่วน มีกลิ่นเหม็นเหม็นเบื่อ เย็นจัด คุณประโยชน์สามารถใช้ขับเสมหะได้ (ฝักอ่อน)
ช่วยแก้อาการกระหายน้ำ (ฝัก)
เปลือกเม็ดและก็เปลือกฝักมีคุณประโยชน์ช่วยทำลายพิษ ทำให้อ้วก หรือจะใช้เม็ดราวๆ 5-6 เม็ด เอามาบดเป็นผุยผงแล้วรับประทานก็ได้ (เมล็ด, ฝัก)
ต้นราชพฤกษ์ สรรพคุณของกระพี้ใช้แก้ลักษณะของการปวดฟัน (กระพี้)
ในอินเดียมีการใช้ฝัก เปลือก ราก ดอก แล้วก็ใบมาทำเป็นยา ใช้เป็นยาแก้ไข้และหัวใจ แก้อาการหายใจขัด ช่วยถ่ายของเสียออกมาจากร่างกาย แก้อาการกลัดกลุ้ม หนักศีรษะ หนักตัว ทำให้ชุ่มชื่นกระชุ่มกระชวยทรวงอก (เปลือก, ราก, ดอก, ใบ, ฝัก)
คุณประโยชน์ราชพฤกษ์ช่วยแก้โรครำมะนาด (กระพี้, แก่น)
ช่วยรักษาเด็กเป็นตานขโมยด้วยการใช้ฝักแห้งโดยประมาณ 30 กรัมนำมาต้มกับน้ำกิน (ฝัก)
ช่วยทุเลาอาการแน่นหน้าอก (เนื้อในฝัก)
ฝักแก่ใช้เป็นยาระบาย ช่วยสำหรับเพื่อการถ่าย ทำให้ถ่ายได้สบาย ไม่มวนท้อง แก้ท้องผูก เหมาะสำหรับผู้ที่มีลักษณะอาการท้องผูกเป็นประจำรวมทั้งสตรีท้อง เนื่องจากว่ามีสารแอนทราควิโนน (Anthraquinone glycoside) เป็นตัวช่วยระบาย สำหรับวิธีการใช้ ให้ใช้ฝักแก่ขนาดก้อนเท่านิ้วโป้ง (หนักราวๆ 4 กรัม) และก็น้ำอีก 1 ถ้วยแก้วใส่หม้อต้ม แล้วผสมเกลือบางส่วน ใช้ดื่มก่อนที่จะกินอาหารเช้าตรู่หรือตอนก่อนนอนเพียงแต่ครั้งเดียว (ฝักแก่, ดอก, เนื้อในฝัก, ราก, เมล็ด)
เมล็ดมีรสฝาดเมา สรรพคุณช่วยแก้ท้องเดิน (เม็ด)
ช่วยหล่อลื่นลำไส้ รักษาโรคเกี่ยวกับกระเพาะอาหารรวมทั้งแผลเรื้อรัง (ดอก)
ช่วยรักษาโรคบิด (เม็ด)
คุณประโยชน์ของราชพฤกษ์ ฝักช่วยแก้อาการจุกเสียด (ฝัก)
ช่วยให้เกิดลมเบ่ง ด้วยการใช้เม็ดฝนกับต้นหญ้าฝรั่น น้ำดอกไม้เทศ และน้ำตาล แล้วเอามากิน (เมล็ด)
ฝักและก็ใบมีคุณประโยชน์ช่วยขับพยาธิ ด้วยการใช้ฝักแห้งราว 30 กรัมเอามาต้มกับน้ำกิน (ใบ, ฝัก, เนื้อในฝัก)
ต้นคูณมีคุณประโยชน์ช่วยขับพยาธิไส้เดือนในท้อง (แก่น)
เปลือกฝักมีรสขื่นเมา ช่วยขับรกที่ค้าง ทำให้แท้งลูก (เปลือกฝัก)
สารสกัดจากใบคูนมีฤทธิ์ช่วยต้านทานการเกิดพิษที่ตับ (ใบ)
สรรพคุณของคูน รากใช้แก้โรคคุดทะราด (ราก)
ใบสามารถประยุกต์ใช้สำหรับการฆ่าเชื้อโรค เชื้อโรคบนผิวหนังที่เกิดขึ้นมาจากเชื้อราได้ (ใบ)
ช่วยฆ่าพยาธิผิวหนัง (ใบ)
รากนำมาฝนใช้ทารักษาขี้กลากเกลื้อน แล้วก็ใบอ่อนก็ใช้แก้ขี้กลากได้ด้วยเหมือนกัน (ราก, ใบ)
เปลือกและก็ใบเอามาบดผสมกันใช้ทาแก้เม็ดผื่นผื่นตามร่างกายได้ (เปลือก, ใบ)
เปลือกมีคุณประโยชน์ช่วยแก้ฝี แก้บวม หรือจะใช้เปลือกแล้วก็ใบนำมาบดผสมกันใช้ทารักษาฝี (เปลือก, ใบ)
คูน คุณประโยชน์ของดอกช่วยแก้รอยแผลเรื้อรัง รักษาแผลเรื้อรัง (ดอก)
เปลือกราชพฤกษ์ คุณประโยชน์ช่วยสมานบาดแผล (เปลือก)
ฝักคูณมีสรรพคุณช่วยแก้ลักษณะของการปวดข้อ (เนื้อในฝัก)
คนประเทศอินเดียใช้ใบเอามาตำ เอามาพอกแล้วนวด ช่วยแก้โรคปวดข้อแล้วก็อัมพาต (ใบ)
ช่วยกำจัดหนอนแล้วก็แมลง โดยฝักแก่มีสารออกฤทธิ์ที่มีผลต่อระบบประสาทของแมลง เมื่อนำฝักมาบดผสมกับน้ำทิ้งไว้ราวๆ 2-3 วัน แล้วก็ใช้สารละลายที่กรองได้มาฉีดพ่นจะสามารถช่วยกำจัดแมลงและก็หนอนในแปลงผักได้ (ฝักแก่)
สารสกัดจากรากราชพฤกษ์มีฤทธิ์ยั้งเอนไซม์ Acetylcholinesterase
ยิ่งไปกว่านี้ยังมีการนำสมุนไพรราชพฤกษ์มาดัดแปลงทำเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆมากมาย ดังเช่น
น้ำมันนวดราชพฤกษ์ ที่เคี่ยวมาจากน้ำมันจากใบคูน เป็นน้ำมันนวดสูตรร้อนหรือสูตรเย็น ที่ใช้นวดแก้อัมพฤกษ์อัมพาต แล้วก็แก้ไขปัญหาเรื่องเส้น
ลูกประคบราชตารู เป็นลูกประคบสูตรโบราณ ที่ใช้ใบคูนเป็นตัวยาตั้งต้น ประกอบไปด้วย ขมิ้นอ้อย เทียนดำ กระวาน รวมทั้งอบเชยเทศ โดยลูกประคบสูตรนี้จะใช้ปรุงตามอาการ โดยจะมองตามโรคและก็สิ่งที่มีความต้องการเป็นหลัก ซึ่งแต่ละคนจะได้แตกต่าง
ผงพอกคูนคาดข้อ ทำมาจากใบคูนที่นำมาบดเป็นผง ช่วยแก้ลักษณะของการปวดเส้น อัมพฤกษ์อัมพาต โดยนำมาพอกบริเวณที่เป็นจะช่วยทำให้มีการเกิดการไหลเวียนของโลหิต บรรเทาอาการปวดข้อ รักษาโรคโรคเกาต์ และก็ยังช่วยลดอาการอักเสบได้อีกด้วย ซึ่งสูตรนี้สามารถใช้กับผู้ป่วยที่เป็นอัมพาตใบหน้าครึ่งด้าน ตาไม่หลับ มุมปากตกได้ด้วย
ชาสุวรรณาติดอยู่ ทำมาจากใบคูน คุณประโยชน์ช่วยในด้านสมอง จัดการกับปัญหาเส้นโลหิตตีบในสมอง ช่วยทำให้ระบบไหลเวียนภายในร่างกายดีขึ้น ช่วยแก้อัมพฤกษ์อัมพาต โดยเป็นตัวยาที่มีไว้ชงดื่มพร้อมกันไปกับการดูแลและรักษาแบบอื่นๆ

ข้อควรตรึกตรอง !
:การทำเป็นยาต้ม ควรจะต้มให้พอสมควรจึงจะได้ประสิทธิภาพที่ดี ถ้าหากต้มนานเกินไปหรือเกินกว่า 8 ชั่วโมง ยาจะไม่มีฤทธิ์ระบาย แต่จะทำให้ท้องผูกแทน และก็ควรเลือกใช้ฝักที่ไม่มากจนเกินความจำเป็น แล้วก็ยาต้มที่ได้แม้รับประทานมากจนเกินไปอาจจะทำให้อาเจียนได้
คุณประโยชน์ของราชพฤกษ์
นิยมนำมาปลูกไว้เป็นต้นไม้ประดับตามสถานที่ต่างๆเช่น สถานที่ราชการ รอบๆริมถนนข้างทาง และก็สถานที่อื่นๆ
ต้นราชพฤกษ์กับความเชื่อ ต้นราชพฤกษ์เป็นพืชที่มีความเป็นสิริมงคลนามที่คนประเทศไทยโบราณมั่นใจว่า บ้านใดที่ปลูกต้นราชพฤกษ์ไว้เป็นไม้ประจำบ้านจะช่วยให้ทรงเกียรติและศักดิ์ศรี สาเหตุเพราะเหตุว่าคนให้การเห็นด้วยว่าต้นราชพฤกษ์เป็นไม้ที่มีคุณค่าสูงและยังเป็นสัญลักษณ์ของประเทศไทยอีกด้วย และยังเชื่อว่าจะทำให้ผู้อาศัยนั้นก้าวหน้า โดยจะนิยมนำมาปลูกต้นราชพฤกษ์ในวันเสาร์แล้วก็ปลูกไว้ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของบ้าน (อาจเกิดขึ้นจากด้านดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้วได้รับแสงอาทิตย์จัดในตอนตอนบ่าย เลยปลูกไว้เพื่อช่วยลดความร้อนภายในบ้านและช่วยใชัพลังงานน้อยลง)
ต้นราชพฤกษ์เป็นพืชที่มีความมงคลรวมทั้งศักดิ์สิทธิ์ ใช้ทำเป็นน้ำพุทธมนต์ในพิธีกรรมต่างๆทางศาสนา ดังเช่น พิธีวางศิลาฤกษ์ ใช้ทำเสาหลักเมือง เสาเอกสำหรับเพื่อการก่อสร้างพระตำหนัก ยอดธงชัยเฉลิมพลของกองทหาร คทาจอมพล ส่วนใบของต้นราชพฤกษ์จะใช้ทำเป็นน้ำพุทธมนต์ไว้สะเดาะเคราะห์ได้ผลลัพธ์ที่ดีนัก ฯลฯ
เนื้อไม้ใช้ทำเป็นเครื่องมือเครื่องใช้ ด้ามเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆหรือทำเป็นไม้ไว้ใช้สอยอื่นๆได้แก่ ใช้ทำเสา เสาสะพาน ทำสากตำข้าว ล้อเกวียน คันไถ เป็นต้น
เนื้อของฝักแก่สามารถประยุกต์ใช้แทนกากน้ำตาลสำหรับการทำเป็นหัวเชื้อจุลินทรีย์และก็จุลินทรีย์ขยายได้
ฝักแก่สามารถนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับเพื่อการหุงด้วยเตาเศรษฐกิจที่มีขนาดพอเหมาะพอควร โดยไม่ต้องผ่า ตัด หรือเลื่อย
แหล่งอ้างอิง :
เว็บไซต์ที่ทำการโครงงานรักษาพันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี, เว็บไซต์กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า รวมทั้งพืชพันธุ์, เว็บไทยโพส, ที่ทำการพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน), งานมหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติฯ ราชพฤกษ์ 2554, สำนักงานกองทุนช่วยเหลือการผลิตเสริมสุขภาพ (สสส.) http://www.disthai.com/

Tags : สมุนไพรราชพฤษ์

3

ตะไคร้บ้าน
ตะไคร้ คุณประโยชน์
"ตะไคร้" (Lemongrass) เป็นสมุนไพรก้นครัวที่พวกเรารู้จักและก็เคยชินกันมานาน เนื่องจากในอาหารไทยหลายแบบมักใส่ตะไคร้ลงไปเป็นเยี่ยมในเครื่องปรุงด้วยเสมอ อาทิเช่น ต้มยำ ต้มข่าไก่ ยำ น้ำพริกต่างๆช่วยเพิ่มรสชาติรวมทั้งค่าให้กับอาหาร ส่งกลิ่นหอมชักชวนรับประทาน จนกระทั่งแปลงเป็นสิ่งที่จะขาดไม่ได้เลยในของกินเหล่านี้ นอกนั้นยังมีกลิ่นหอมยวนใจเฉพาะบุคคลจากน้ำมันหอมระเหย ทำให้ตะไคร้ถูกใช้ประโยชน์เป็นกลิ่นในสินค้าเพื่อสุขภาพเยอะมาก ทั้งน้ำมันหอยระเหย น้ำมันทาตัว ยาจุดกันยุง สบู่ต่างๆ
ตะไคร้ จัดเป็นไม้ล้มลุกที่จัดอยู่ในตระกูลต้นหญ้า มีหลากหลายชนิด เว้นเสียแต่นำไปทำครัวแล้วและก็ทำเป็นยาสมุนไพรแล้ว ตะไคร้บางชนิดยังช่วยไล่ยุงมดแมลงได้อีกด้วย จึงจัดเป็นพืชผักสวนครัวที่อยู่คู่กับคนประเทศไทยมาเป็นเวลายาวนาน หลายบ้านจึงนิยมนำมาปลูกไว้ในบ้าน จะใช้เมื่อไรก็ตัดมาใช้ได้ทันที
ตะไคร้จัดเป็นสมุนไพรที่หลบคุณประโยชน์ไว้เยอะแยะ เพราะว่าเป็นทั้งยังของกินรวมทั้งยารักษาโรค มีวิตามินแล้วก็แร่ที่มีประโยชน์ต่อสภาพร่างกาย ทั้งวิตามินเอ วิตามินบี วิตามินซี แคลเซียม แมกนีเซียม ธาตุฟอสฟอรัส โพแทสเซียม เหล็ก สังกะสี ทองแดง แมงกานีส และก็โฟเลต คุณภาพคับแก้วขนาดนี้คนที่ไม่ชอบตะไคร้ลองเปลี่ยนความคิดกันใหม่ หันมาถูกใจตะไคร้ให้มากเพิ่มขึ้น จะได้ประโยชน์ล้นหลามแน่ๆ
ตะไคร้หอมไล่ยุงได้ใช่หรือ?
ในตะไคร้หอม มีน้ำมันหอยละเหยอยู่ซึ่งมีฤทธิ์สำหรับการคุ้มครองป้องกันแมลงได้ โดยครีมที่มีส่วนผสมจากน้ำมันหอมละเหยในตะไคร้สามารถคุ้มครองยุงลาย ยุงก้นปล่อง และก็ยุงรำคาญกัดได้ นอกจากนั้นยังฤทธิ์สำหรับในการกำจัดลูกน้ำยุงได้อีกด้วย
เว้นเสียแต่ยุงแล้ว สารสกัดจากตะไคร้หอมยังช่วยคุ้มครองปกป้องแมลงจำพวกอื่น อย่างเช่น แม้ผสมสารสกัดตะไคร้กับสะเดาจะส่งผลช่วยลดเพลี้ยอ่อนและหนอนเจาะฝักซึ่งเป็นศัตรูของถั่วค้าง ส่วนแชมพูที่มีส่วนผสมจากตะไคร้หอม สามารถฆ่าเห็บหมัดในสัตว์เลี้ยงได้
ลักษณะ
ลำต้นรูปทรงกระบอก แข็ง เกลี้ยง ตามปล้องมักมีไขปกปะทุลม เหง้า มีข้อแล้วก็ข้อสั้นมาก กาบใบสีขาวนวล หรือสีขาวผสมม่วง รสปร่า  มีกลิ่นหอมเฉพาะ
สรรพคุณ
– ทั้งต้น : ใช้เป็นยารักษาโรคหือหอบ แก้เจ็บท้อง ขับเยี่ยว และก็แก้อหิวาต์ นอกจากนี้ยังคงใช้ร่วมกับสมุนไพรอื่น รักษาโรคได้ ได้แก่ บำรุงธาตุ เจริญอาหาร แล้วก็ขับเหงื่อ
– ใบ : ช่วยลดความดันเลือดสูง แก้ไข้
– ราก : ใช้เป็นยาปรับแต่ง เจ็บท้อง ท้องเสีย
– ต้น : ใช้เป็นยาขับลม ยาแก้ไม่อยากกินอาหาร แก้โรคทางเท้าเยี่ยว นิ่ว เป็นยาบำรุงธาตุไฟให้เจริญก้าวหน้า ยิ่งไปกว่านี้ยังใช้ขจัดกลิ่นคาวได้ด้วย
– น้ำมัน : มีฤทธิ์ต้นเชื้อรา และมีกลิ่นไล่หมาแล้วก็แมว
หนังสือเรียนยาไทย : ต้น รสหอมปร่า ขับลม ลดอาการท้องอืดท้องอืดท้องเฟ้อแน่นจุกเสียด แก้อาการเกร็ง ขับเหงื่อ แก้โรคทางเดินเยี่ยว แก้อาการขัดเบา แก้นิ่ว แก้ฉี่เป็นเลือด ทำให้เจริญอาหาร ลดความดันเลือด เหง้า แก้เบื่อข้าว บำรุงไฟธาตุ แก้กระษัย ขับลมในไส้ แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ แก้ปัสสาวะขัด แก้ปัสสาวะทุพพลภาพ แก้นิ่ว เป็นยารักษาโรคเกลื้อน แก้ไข้หวัด ขับระดู ขับระดูขาว ใช้ภายนอกทาแก้อาการปวดบวมตามข้อ
ตะไคร้หอม
ตะไคร้ คุณประโยชน์
ลักษณะ
ลำต้นเป็นข้อๆใบรูปขอบขนานปลายแหลม ใบยาวกว่าตะไคร้บ้าน ลักษณะของใบกว้าง 5-20 มิลลิเมตร ยาวราว 50-100 เซนติเมตร แผ่นใบแคบ ยาว รวมทั้งนิ่มกว่าตะไคร้บ้าน มีสีเขียว ผิวเกลี้ยง และมีกลิ่นหอมเหม็นเบื่อ ก้านใบเป็นกาบซ้อนกันแน่นสีเขียวคละเคล้าม่วงแดง รากฝอยแตกออกจากโคน ต้นรวมทั้งใบมีกลิ่นแรงกระทั่งกินเป็นอาหารมิได้ ต้น มีรสปร่า ร้อนขม

คุณประโยชน์
– ทั้งต้น : ใช้เป็นยาแก้ปากแตกระแหง แก้ริดสีดวงในปาก ขับลมในไส้ แก้แน่น ขับโลหิตประจำเดือน มีฤทธิ์ทำให้กล้ามเนื้อเรียบบีบตัว ไม่เหมาะสมกับสตรีมีท้อง ด้วยเหตุว่าหากทานเข้าไป อาจจะส่งผลให้แท้งได้
– ใบ : ใช้เป็นยาคุม ชำระล้างลำไส้ ไม่ให้เกิดซาง
– ราก : แก้ลมจิตรวาด หัวใจ ใจไม่ดี เพ้อเจ้อ
– ต้น : แก้ลมพานไส้ แก้ธาตุ แก้เลือดลมผิดปกติ
– น้ำมัน : ใช้ทาคุ้มครองยุง มีฤทธิ์ไล่แมลง และก็ใช้รักษาโรคตัวเห็บสุนัข
ตำราเรียนยาไทย : ใช้ เหง้า เป็นยาบีบมดลูก ทำให้แท้งบุตรได้ คนมีครรภ์ห้ามกิน นอกนั้นยังใช้ขับเมนส์ ขับปัสสาวะ ขับระดูขาว ขับลมในไส้ แก้แน่น แก้แผลในปาก แก้ตานซางในลิ้นและปาก บำรุงไฟธาตุ แก้ไข้ แก้อ้วก แก้ริดสีดวงตา แก้ธาตุ แก้เลือดลมแตกต่างจากปกติ
เหง้า ใบ และก็กาบ นำมากลั่นได้น้ำมันหอมระเหย ใช้เป็นเครื่องหอม ยกตัวอย่างเช่น สบู่ หรือพ่นทาผิวหนังกันยุง แมลง ทั้งต้น มีรสปร่า ร้อนขม แก้ริดสีดวงในปาก
ประโยชน์ที่ได้รับมาจากน้ำมันหอมระเหยของตะไคร้
– น้ำมันหอมระเหยจากตะไคร้บ้าน ช่วยกระตุ้นให้ตื่นตัว เบิกบานใจ ทำให้ขมีขมัน ผ่อนคลาย แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ ช่วยย่อยของกิน ช่วยเจริญอาหาร ทุเลาลักษณะของการปวดโรคข้ออักเสบ ปวดกล้ามเนื้อ
-น้ำมันหอมระเหยที่กลั่นจากใบตะไคร้ ช่วยทุเลาอาการปวดข้อ ช่วยต้านทานเชื้อราบนผิวหนังได้อย่างดีเยี่ยม และก็ช่วยลดการบีบตัวของไส้ได้
สิ่งที่จำเป็นต้องระมัดระวัง
ตะไคร้มีฤทธิ์ที่จะช่วยขับเลือด ทำให้มดลูกบีบตัว ห้ามใช้กับหญิงมีครรภ์เพราะว่าอาจจะส่งผลให้แท้งได้

Tags : ประโยชน์ตะไคร้

4

เห็ดหลินจือ
เห็ดหลินจือ รักษาโรคมะเร็ง
อีกหนึ่งงานศึกษาวิจัยที่เรียนเกี่ยวกับประสิทธิผลของสารโพลีแซ็คคาไรค์ในเห็ดหลินจือของผู้ในคนป่วยมะเร็งปอด จากการวิเคาะห์พบว่า สารดังที่กล่าวถึงมาแล้วมีส่วนในการยัยยั้งการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาว
จากการค้นคว้าวิจัยมากมายก่ายกองถึงประสิทธิผลทางการรักษาโรคมะเร็งของเห็ดหลินจืออาจส่งผลต่อการต้านการอักเสบในผู้ป่วยมะเร็งปอดบางราย แม้กระนั้นยังคงไม่มีหลักฐานด้านวิทยาศาสตร์หรือการทดลองทางด้านการแพทย์ที่ให้ข้อมูลเพียงพอที่ช่วยเหลือให้ใช้เห็ดหลินจือสำหรับการรักษาโรคมะเร็งอย่างเป็นทางการ
เมื่อพินิจพิจารณาเทียบจากการรวบงานค้นคว้าที่ศึกษาประสิทธิผลของเห็ดหลินจือเพื่อรักษาโรคโรคมะเร็งในมนุษย์ 373 คน แม้ว่าจะพบว่าคนเจ็บสนองตอบต่อการดูแลและรักษาด้วยเคมีบำบัดรักษาหรือรังสีบำบัดรักษาก้าวหน้าขึ้นเมื่อรักษาร่วมกับการใช้สารสกัดจากเห็ดหลินจือ แต่เมื่อทดสอบการใช้เห็ดหลินจือเพียงอย่างเดียวกลับไม่มีประสิทธิผลในสำหรับการทำให้มะเร็งลดขนาดลงประการใด
นอกเหนือจากนี้ จาการทวนการค้นคว้าวิจัยพบว่ามีงานศึกษาทำการค้นคว้าและวิจัย 4 ชิ้นที่ส่งผลลัพธ์ส่งเสริมว่าเห็ดหลินจืออาจสัมพันธ์ต่อการปรับปรุงแก้ไขคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยให้ดีขึ้น รวมทั้งในเวลาเดียวกัน ก็ส่งผลลัพธ์จากงานศึกษาเรียนรู้และค้นคว้าและทำการวิจัยหนึ่งที่แสดงถึงผลข้างคียงของเห็ดหลินจือ เป็นอาการคลื่นใส้รวมทั้งนอนไม่หลับด้วย
เพราะฉะนั้น จึงอาจพูดได้ว่า สิ่งที่ใช้พิสูจน์ทางคุณสมบัติและก็ประโยช์จากเห็ดหลินจือยังคงมีจำกัด บาง งานศึกษาเรียนรู้และค้นคว้าและทำการวิจัยเป็นการทดลองขนาดเล็ก หลักฐานที่ได้ยังไม่มีประสิทธิภาพพอเพียง หรือเป็นเพียงการทดลองในผู้ป่วยบางกรุ๊ปเท่านั้น ประสิทธิผลของเห็ดหลินจือต่อโรคมะเร็ง ก็เลยยังคงเป็นประเด็นการค้นคว้าที่ควรดำเนินการทดสอบถัดไปเพื่อได้สำเร็จลัพ์ที่กระจ่างแจ้งรวมทั้งเป็นประโยชน์ในวงกว้างต่อการดูแลรักษาผู้เจ็บป่วยโรคมะเร็งได้ในอนาคต
ภาวการณ์ต่อมลูกหมากโต รวมทั้งการเจ็บป่วยในระบบทางเดินเยี่ยว
มีแนวทางการทดสอบหนึ่งที่ใช้สารสกัดจากเห็ดหลินจือทดลองในคนป่วยเพศ 88 รายซึ่งแก่เกินกว่า 49 ปีขึ้นไป ที่มีอาการฉี่ขัดข้อง หลังการทดลองกว่า 12 สัปดาห์ ผลที่ได้คือ ผู้เจ็บป่วยต่างมีระดับคะแนน IPSS ที่ดีขึ้น ( TNE lnternational Prostate Symptom Score )ซึ่งเป็นค่าคะแนนสากลสำหรับเพื่อการวัดปัญหาในระบบฟุตบาทปัสวะของคนไข้จากการตอบปัญหา แต่กลับไม่ปรากฏผลในเชิงการเปลี่ยนแปลงคุณภาพชีวิต การขับถ่ายปัสวะ หรือขนาดของต่อมลูกหมากแต่อย่างใด
โดยเหตุนี้ การทดสอบดังที่กล่าวมาข้างต้นจึงยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาสตร์ที่กระจ่างเพียงพอ ควรต้องมีการค้นคว้าทดสอบในด้านนี้ต่อไปในอนาคต เพื่อค้นหาหลังฐานที่แจ้งชัดสำหรับการสรุปเกี่ยวกับประสิทธิของเห็ดหลินจือต่อการดูแลรักษาภาวการณ์ต่อมลูกหมากโตหรือปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพอะไรก็ตามที่เกี่ยวโยง
ลดปัจจัยเสี่ยงของโรคหลอดเลือดหัวใจ
จากการวิเคราะห์ผลของการทดสอบทางด้านการแพทย์ 5 ราการ ซึ่งมีคนไข้โรคเบาหวานจำพวก 2 เข้าร่วมทดสอบกว่า 398 รายพบว่า เห็ดหลินจือไม่เป็นผลทางการรักษาในเชิงการลดระดับน้ำตาลในเลือดไม่มีหลักฐานทางด้านวิทยาศาสตร์ที่มีคุณภาพเพียงพอจะสนับสนุนผลทางการรักษาพวกนั้น และไม่มีข้อมูลที่เพียงพอสำหรับเพื่อการยืนยันด้านความปลอดภัยจากการบริโภคเห็ดหลินจืออย่างเดียวกัน โดยหนึ่งในงานศึกษาวิจัยพวกนั้น ได้แสดงถึงผลกระทบจากการบริโภคเห็ดหลินจือในผู้เจ็บป่วยบางราย เป็นอาการคลื่นใส้ ท้องเดิน หรือท้องผูก
ด้วยเหตุนี้จำเป็นจะต้องมีการค้นคว้าทดลองถึงคุณภาพของเห็ดหลินจือสำหรับการลดปัจจัยเสี่ยงต่างๆพวกนี้เพื่อคุ้มครองป้องกันและการดูแลรักษาโรคเส้นโลหิตหัวใจต่อไป แล้วก็ให้ได้ความเด่นชัดชัดดเจนในด้านดังที่กล่าวมาแล้วมากเพิ่มขึ้น อันเป็นคุณประโยชน์ต่อวิธีการรักษาคุ้มครองป้องกันโรคเส้นเลือดหัวใจรวมทั้งอาการต่างๆที่เกี่ยวเนื่องถัดไปในอนาคต
จำนวนที่สมควรสำหรับเพื่อการบริโรคเห็ดหลินจืออย่างเด่นชัด เนื่องประสิทธิผลแล้วก็ผลข้างคียงจากการบริโภค ด้วยเหตุนั้น ผู้ซื้อ ควรศึกษาค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับเห็ดหลินจือ และก็ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนที่จะมีการบริโรค เพราะถึงแม้เห็ดหลินจือในแต่ละต้นแบบจะเป็นผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ แต่ว่าสารเคมีแล้วก็ส่วนประต่างบางทีอาจส่งผลข้างๆที่มีอันตรายต่อสภาพร่างกายได้เช่นเดียวกัน

โดยทั่วไป จำนวนการบริโภคเห็ดหลินจือ/วันตัวอย่างเช่น
-เห็ดหลินจืออบแห้ง ไม่ควรบริโภคเกิน 1.5-9 กรัม/วัน
-ผงสารสกัดเห็ดหลินจือ ไม่สมควรบริโภคเกิน 1-1.5 กรัม
-สารละลายเห็ดหลินจือ ไม่ควรบริโภคเกิน 1 มิลลิลิตร/วัน
ความปลอดภัยในการบริโภคเห็ดหลินจือ
แม้จะมีการพิสูจน์ถึงคุณค่าในบางด้านที่อาจเกิดขึ้นได้จากการบริโภคเห็ดหลินจือ แม้กระนั้นผู้บริโภคก็ควรศึกษาเรียนรู้เนื้อหาสาระเกี่ยวกับเห็ดหลินจือ และก็ขอคำแนะนำหมอหรือเภสัชกรก่อนจะมีการบริโภค โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ควรระมัดระวังในด้านปริมาณและแบบเห็ดหลินจือที่บริโภค เพราะอาจเกิดผลใกล้กันต่อร่างกายได้ในตอนหลัง
โดยข้อควรคำนึงสำหรับเพื่อการบริโภคเห็ดหลินจืออย่างเช่น
ผู้ซื้อทั่วไป.......
-ควรบริโภคเห็ดหลินจือในปริมาณที่พอดิบพอดี
-การบริโภคสารสกัดจากเห็ดหลินจือติดต่อกันนานเกินกว่า 1 ปี อาจจะเป็นผลให้ก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพได้
-การบริโภคสารสกัดจากเห็ดหลินจือติดต่อกันเป็นเวลานานเกินกว่า 1 ปี อาจส่งผลให้มีอันตรายต่อสุขภาพได้
-การบริโภคสารสกัดเห็ดหลินจืออาจก่อเกิดผลข้างเคียงได้ ดังเช่น ปากแห้ง คอแห้งผาก คันจมูก เลือดกำเดาไหล ท้องไส้ป่วนปั่น ถ่ายเป็นเลือด
-การดื่มไวน์เห็ดหลินจืออาจก่อเกิดผลกระทบเป็นอาการผื่นคัน
-การสูดหายใจเอาเซลล์แพร่พันธุ์ หรือ สปอร์ (Spores) ของเห็ดหลินจือเข้าไปอาจจะเป็นผลให้กำเนิดอาการแพ้
คนที่ควรระวังในการบริโภคเป็นพิษ
คนที่ครรภ์ หรือกำลังให้นมลูก แม้ยังไม่มีการยืนยันผลกระทบที่บางทีอาจเกิดขึ้นได้ในกลุ่มลูกค้านี้แต่ผู้ที่ท้องและคนที่กำลังให้นมบุตรควรจะหลบหลีกการบริโภคเห็ดหลินจือ เพื่อให้มีความปลอดภัยต่อร่างกายของตนรวมทั้งลูกน้อย
คนที่จะต้องเข้ารับการผ่าตัด การบริโภคเห็ดหลินจือในปริมาณมาก อาจเพิ่มความเสี่ยงสำหรับเพื่อการเกิดภาวะมีเลือดออกในคนป่วยบางรายที่ต้องเข้ารับการผ่าตัด เพราะฉะนั้น เพื่อลดความเสี่ยง ผู้เจ็บป่วยควรหยุดบริโภคเห็ดหลินจือ อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนวันผ่าตัด
คนที่มีปัญหาสุขภาพ
ความดันเลือดต่ำ เห็ดหลินจืออาจทำให้ความดันโลหิตต่ำลง ด้วยเหตุดังกล่าว คนเจ็บสภาวะความดันเลือดต่ำควรต้องหลบหลีกการบริโภคเห็ดหลินจือ
ภาวการณ์เกล็ดเลือดต่ำ การบริโภคเห็ดหลินจือในจำนวนมากอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดภาวะมีเลือดออกในผู้ที่มีเกล็ดเลือดต่ำ ฉะนั้นคนเจ็บภาวการณ์เกล็ดเลือดต่ำจึงไม่ควรบริโภคเห็ดหลินจือ
ภาวะมีเลือดออกเปลี่ยนไปจากปกติ การบริโภคเห็ดหลินจือในปริมาณมาก บางทีอาจเพิ่มการเสี่ยงสำหรับการเกิดภาวะมีเลือดออกในคนไข้บางราย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในคนที่มีภาวการณ์เลือกออกผิดปกติอยู่แล้ว http://www.disthai.com/

หน้า: [1]