รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
การค้นหาขั้นสูง  

ข่าว:

SMF - Just Installed!

แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Messages - posdfnew01257

หน้า: [1]
1

สมุนไพรพญายอ
เสมหะพังพอนตัวเมีย
เสมหะพังพอนตัวเมีย ชื่อสามัญ Snake Plant
เสมหะพังพอนตัวเมีย ชื่อวิทยาศาสตร์ Clinacanthus nutans (Burm.f.) Lindau (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Clinacanthus burmanni Nees, Clinacanthus siamensis Bremek., Justicia nutans Burm. f.) จัดอยู่ในวงศ์เหงือกปลาแพทย์ (ACANTHACEAE)
สมุนไพรเสลดพังพอนตัวเมีย พญายอ มีชื่อท้องถิ่นอื่นๆว่า ลิ้นมังกร ผักมันไก่ ผักลิ้นเขียด (จังหวัดเชียงใหม่), พญาข้อคำ (ลำปาง), เสมหะพังพอนตัวเมีย (พิษณุโลก), พญาบ้องดำ พญาปล้องทอง (ภาคกึ่งกลาง), ลิ้นงูเห่า พญายอ (ทั่วๆไป), โพะโซ่จาง (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน), ชิงเจี้ยน หนิ่วซิ้วฮวา (จีนกลาง) เป็นต้น
ลักษณะของเสลดพังพอนตัวเมีย
ต้นเสมหะพังพอนตัวเมีย จัดเป็นพรรณไม้พุ่มไม้แกมเถา มักเลื้อยพาดไปตามต้นไม้อื่นๆมีความสูงได้ประมาณ 1-3 เมตร ลำต้นมีลักษณะเกลี้ยง ต้นอ่อนเป็นสีเขียว ลำต้นมีลักษณะกลม ผิวเรียบเป็นบ้องสีเขียว ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการปักชำหรือแยกเหง้ากิ้งก้านไปปลูก เติบโตก้าวหน้าในดินทุกประเภท ชอบดินร่วนซุย ระบายน้ำดี มีแสงแดดจัด มีเขตผู้กระทำระจายประเภทในจีน เวียดนาม อินโดนีเซีย มาเลเซีย และก็ไทย ในประเทศไทยพบได้ทั่วไปขึ้นตามป่าเบญจพรรณทั่วทุกภาคของประเทศ หรือเจอปลูกกันตามบ้านทั่วๆไป
ต้นเสมหะพังพอนตัวเมีย
ต้นพญายอ
ใบเสลดพังพอนตัวเมีย ใบเป็นใบผู้เดียว ออกเรียงตรงกันข้ามกันเป็นคู่ๆรูปแบบของใบเป็นรูปใบหอก รูปรีแคบขอบขนาน ปลายใบและโคนใบแหลม ส่วนขอบของใบเรียบ ใบมีขนาดกว้างประมาณ 2-3 ซม. รวมทั้งยาวราวๆ 7-9 ซม. แผ่นใบเป็นสีเขียวเข้ม ผิวใบเรียบ
ใบเสมหะพังพอนตัวเมีย
ดอกพญายอเสลดพังพอนตัวเมีย มีดอกเป็นช่อกระจุกที่ปลายกิ่ง แต่ละช่อมีดอกประมาณ 3-6 ดอก กลีบดอกไม้เป็นสีแดงส้ม โคนกลีบเชื่อมชิดกันเป็นหลอด ยาวราวๆ 3-4 เซนติเมตร ปลายแยกออกเป็น 2 ปาก คือ ปากล่างรวมทั้งปากบน ดอกหนึ่งมี 5 กลีบ กลีบเป็นทรงกระบอก ส่วนกลีบรองกลีบดอกไม้นั้นเป็นสีเขียว ยาวเท่าๆกัน มีขนเป็นต่อมเหนียวๆอยู่โดยรอบ ดอกมีเกสรเพศผู้ 2 อัน ส่วนเกสรเพศเมียสะอาดไม่มีขน มีดอกในช่วงประมาณต.ค.ถึงมกราคม (แม้กระนั้นชอบไม่ค่อยมีดอก)
ดอกเสลดพังพอนตัวเมีย
พญาบ้องทอง
ลิ้นงูเห่า
ผลเสลดพังพอนตัวเมีย ผลได้ผลแห้งและแตกได้ (แต่ผลไม่เคยติดเป็นฝักในประเทศไทย) รูปแบบของผลเป็นรูปกลมยาวรี ยาวได้ประมาณ 0.5 เซนติเมตร ก้านสั้น ภายในผลมีเม็ดราวๆ 4 เม็ด
หมายเหตุ : เสมหะพังพอน เป็นชื่อพ้องของพรรณไม้ 2 ประเภทหมายถึงเสมหะพังพอนตัวผู้ และเสลดพังพอนตัวเมีย ซึ่งจะไม่เหมือนกันตรงที่เสลดพังพอนเพศผู้ลำต้นจะมีหนามและมีดอกเป็นสีเหลือง ส่วนเสลดพังพอนตัวเมียลำต้นจะไม่มีหนามแล้วก็มีดอกเป็นสีแดงส้ม เพื่อไม่ให้เป็นการงงมากหลายๆแบบเรียนก็เลยนิยมเรียกเสมหะพังพอนตัวเมียว่า “พญายอ” หรือ “พญาบ้องทองคำ” โดยเสลดพังพอนเพศผู้นั้นจะมีคุณประโยชน์ทางยาอ่อนกว่าเสมหะพังพอนตัวเมีย และแบบเรียนยาไทยนิยมประยุกต์ใช้ทำยากันมาก
คุณประโยชน์ของเสลดพังพอนตัวเมีย
รากแล้วก็เปลือกต้นใช้ต้มกับน้ำเป็นยาบำรุงกำลัง (รากแล้วก็เปลือกต้น)
ทั้งยังต้นแล้วก็ใบใช้กินเป็นยาถอนพิษไข้ ดับพิษร้อน (อีกทั้งต้นและก็ใบ)1,3 ใช้เป็นยาลดไข้ ด้วยการกางใบสด 1 กำมือ ตำอย่างถี่ถ้วน ผสมกับน้ำซาวข้าว ใช้พอกบนศีรษะผู้ป่วยโดยประมาณ 30 นาที ลักษณะของการมีไข้แล้วก็ลักษณะของการปวดศีรษะจะหายไป (ใบ)6
ช่วยแก้อาการผิดสำแดง (กินอาหารเป็นพิษไข้ แล้วทำให้โรคกำเริบ) ด้วยการใช้รากสดเอามาต้มรับประทานครั้งละโดยประมาณ 2 ช้อนแกง (ราก)
ใช้เป็นยาแก้เจ็บคอ ด้วยการนำใบสดมาบดประมาณ 10 ใบ กลืนเอาแต่น้ำยาพอให้ยาจืด แล้วจึงคายกากทิ้ง (ใบ)6
ช่วยแก้คางทูม ด้วยการกางใบสดโดยประมาณ 10-15 ใบ ตำอย่างถี่ถ้วนผสมกับสุราโรง คั้นเอาน้ำมาทาบริเวณที่บวม อาการบวมจะหายไป แล้วก็ลักษณะการเจ็บปวดจะหายไปภายใน 30 นาที (ใบ)
ใช้เป็นยารักษาโรคบิด (อีกทั้งต้นและใบ)
รากใช้ปรุงเป็นยาขับฉี่ ขับรอบเดือน (ราก)
ใช้เป็นยาแก้รอบเดือนมาเปลี่ยนไปจากปกติ (ต้น)
ช่วยแก้อักเสบแบบดีซ่าน (ทั้งยังต้น)
ใช้เป็นยาแก้แผลอักเสบจับไข้ ไข่ดันบวม ด้วยการกางใบสดประมาณ 3-4 ใบ นำมาตำกับข้าวสาร 3-4 เม็ด ผสมกับน้ำพอเพียงเปียก ใช้พอกราว 2-3 รอบ จะช่วยทำให้อาการดียิ่งขึ้น (ใบ)
ลำต้นนำมาฝนแล้วใช้ทาแผลสดจะช่วยทำให้แผลหายเร็ว (ลำต้น)ใช้รักษาแผลจากหมากัดมีเลือดไหล ด้วยการใช้ใบสดประมาณ 5 ใบ นำมาตำพอกบริเวณแผลสัก 10 นาที (ใบ)
ใช้รักษาแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก ด้วยการกางใบสดเอามาตำเคี่ยวกับน้ำมะพร้าวหรือน้ำมันงา เอากากพอกแผล แผลจะแห้ง หรือจะใช้ใบสดเอามาตำอย่างรอบคอบผสมกับสุรา ใช้เป็นยาพอกรอบๆที่ถูกไฟไหม้หรือน้ำร้อนลวก จะมีสรรพคุณช่วยดับพิษร้อนเจริญ4 ส่วนอีกแบบเรียนระบุว่า นอกเหนือจากที่จะใช้รักษาแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวกได้แล้ว ยังช่วยรักษาแผลเปื่อยเหตุเพราะถูกแมงกะพรุนไฟ แผลหมากัด และก็แผลที่เกิดขึ้นจากการเช็ดกกรดได้อีกด้วย แค่เพียงนำใบไปหุงกับน้ำมันแล้วนำมาทาบริเวณที่เป็น (ใบ)
ใช้รักษาแผลน้ำเหลืองเสีย ด้วยการใช้ใบราว 3-4 ใบ กับข้าวสาร 5-6 เม็ด เพิ่มเติมน้ำลงไปให้พอเพียงแฉะ แล้วนำมาพอก จะรู้สึกเย็นๆซึ่งยาจะช่วยดูดน้ำเหลืองได้ดิบได้ดี ทำให้แผลแห้งไว โดยให้เปลี่ยนแปลงยาวันละ 2 ครั้ง พอกไปครู่หนึ่งหนึ่งแล้วให้เอาน้ำมาหยอดกันยาแห้งด้วย (ใบ)
ใช้แก้โรคผิวหนังผื่นคัน ด้วยการใช้ใบสดตำผสมกับเหล้าใช้ทา หรือใช้เหล้าสกัดใบเสมหะพังพอน จะได้น้ำยาสีเขียวนำมาทาแก้ผื่นคัน (ใบ)
ใช้แก้สิวเม็ดผดผื่นคัน ด้วยการนำใบมาดองกับสุรา แล้วผสมดินสอพองใช้ทาแก้สิวแล้วก็เม็ดผื่นผื่นคัน (ใบ)
ใช้แก้ฝี ด้วยการใช้ใบนำมาโขลกผสมกับเกลือและก็เหล้า ใช้พอกบริเวณที่เป็น เปลี่ยนแปลงยาทุกตอนเช้าแล้วก็เย็น (ใบ)
อีกทั้งต้นและใบใช้เป็นยาขับพิษ ทำลายพิษ โดยยิ่งไปกว่านั้นพิษจากแมลงสัตว์กัดต่อย อย่างเช่น งู ตะขาบ แมงป่อง มด ยุง ฯลฯ รวมถึงผื่นคัน ไฟลามทุ่ง ลมพิษ แผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก ด้วยการกางใบสดราว 5-10 ใบ เอามาขยี้หรือตำใช้ทาบริเวณที่เป็น หรือใช้ใบสดเอามาตำให้พอเพียงแหลก แช่ในเหล้าขาวราว 1 สัปดาห์ แล้วจากนั้นจึงค่อยนำมาใช้ทาบริเวณที่เป็นแผลส่วนอีกตำรับยาแก้ผื่นคัน ตามข้อมูลระบุว่า ให้ใช้ใบตำผสมกับดินสอพอง ใส่น้ำน้อย ใช้ทาบริเวณที่เป็น (ใบ)

ชาวเมืองจะนำใบมาตากแห้งแล้วตำผสมกับแมงป่องปิ้ง ใช้เป็นยาแก้พิษงู (ใบ)
พญายอ ใช้รักษาอาการอักเสบ รักษาแผลร้อนในปาก แก้เริม (แผลผิวหนังจำพวกเริม) อีสุกอีใส แก้งูสวัด ขยุ้มตีนหมา และก็ใช้เป็นยาทำลายพิษต่างๆด้วยการใช้ใบเสลดพังพอนตัวเมียสดประมาณ 10-20 ใบ (เลือกเอาเฉพาะใบสดสีเขียวเข้มวาว ไม่อ่อนหรือแก่จนถึงเกินไป) แล้วเอามาตำผสมกับสุราหรือน้ำมะนาว คั้นเอาน้ำมาดื่มหรือเอาน้ำมาทาแผลแล้วก็เอากากพอกบริเวณแผล หรืออีกแนวทางให้จัดเตรียมเป็นทิงเจอร์เพื่อใช้ทารักษาอาการอักเสบจากเริมในปาก โดยใช้ใบสด 1 กก. เอามาปั่นอย่างระมัดระวัง เติมแอลกอฮอล์ 70% ลงไป 1 ลิตร แล้วหมักทิ้งไว้ 7 วัน ระเหยบนเครื่องอังไอน้ำให้ปริมาตรต่ำลงครึ่งเดียว (ห้ามตั้งบนเตาไฟโดยเด็ดขาด) รวมทั้งเพิ่มกลีเซอรีน (Glycerine pure) อีกเท่าตัว (ครึ่งลิตร) แล้วนำน้ำยาเสมหะพังพอนกลีเซอรีนที่ได้มาใช้ทาแผลเริม งูสวัด แผลร้อนในปาก และก็ใช้ทำลายพิษต่างๆสำหรับหนังสือเรียนยาแก้งูสวัดอีกตำรับจะใช้ใบสดผสมกับลำโพง โกฐน้ำเต้า อย่างละเท่ากัน รวมกันตำให้พอเพียงแหลก แช่กับสุรา แล้วนำมาใช้ทาแก้แผลงูสวัด (ใบ)
พญายอ ใช้แก้ถูกหนามท้องดอตำหรือถูกใบตะลังตังช้าง ด้วยการนำขี้ผึ้งแท้มาลนลานไฟให้ร้อน แล้วนำมาคลึงเพื่อดูดเอาขนย้ายใบตะลังตังช้างออกเสียก่อน แล้วจึงใช้ใบเสลดพังพอนผสมกับสุราทาบริเวณที่เป็น (ใบ)
ใช้เป็นยาแก้แพ้เกสรรักษาป่า ยางรักป่า และก็ยางสาวน้อยประแป้ง ด้วยการใช้ใบผสมกับเหล้า เอามาทาบริเวณที่คัน (ใบ
ใช้แก้หัด เหือด ด้วยการใช้ใบสดราว 7 กำมือ เอามาต้มกับน้ำ 8 แก้ว ต้มให้เดือด 30 นาที เทยาออกแล้วก็ผึ่งให้เย็น แล้วนำใบสดมาอีก 7 กำมือ ตำผสมกับน้ำ 8 แก้ว แล้วเอาน้ำยาทั้งคู่มาผสมกัน ใช้ทั้งยังรับประทานและก็ทาทา (ยาทาให้ใส่พิมเสนลงไปนิดหน่อย) เด็กที่เป็นหัด เหือด ให้รับประทานวันละ 3 ครั้ง ทีละครึ่งแก้ว (ใบ)
พญายอ ต้นใช้เป็นยาแก้ปวดบวม กลยุทธ์ปวดเมื่อย บวมช้ำ กระดูกร้าว ช่วยขับความชุ่มชื้นภายในร่างกาย แก้ลักษณะของการปวดปวดเมื่อยเนื่องมาจากเย็นเปียกชื้น (ทั้งต้น)
รากใช้เป็นยาแก้อาการปวดปวดเมื่อยบั้นเอว (ราก)
ขนาดแล้วก็วิธีใช้ : ยาแห้งให้ใช้ครั้งละ 5-10 กรัม นำมาต้มกับน้ำกิน ส่วนยาสดให้ใช้ครั้งละ 30 กรัม นำมาตำคั้นเอาน้ำรับประทาน หรือตำพอกแผลภายนอก
ข้อควรไตร่ตรองพญายอ
: หากแม้ในอดีตกาลจะมีการใช้ใบสดเอามาตำแล้วพอกรอบๆที่เป็นแผล แต่ว่าในขณะนี้แนวทางนี้ไม่เป็นที่ชื่นชอบแล้ว เพราะจะชำระล้างได้ยาก ทำให้กากติดแผล และก็อาจก่อให้ติดเชื้อเป็นหนองได้
ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของเสมหะพังพอนตัวเมีย
พญายอ รากพบสาร Betulin, Lupeol, β-sitosterol ส่วนใบเจอสาร Flavonoids ซึ่งมีฤทธิ์ลดการอักเสบ สารกลุ่ม monoglycosyl diglycerides ตัวอย่างเช่น 1,2-O-dilinolenoyl-3-O-b-d-glucopyranosyl-sn-glycerol และสารกลุ่ม glycoglycerolipids ซึ่งมีฤทธิ์ยับยั้งเชื้อไวรัสเริม
จากการทดสอบในสัตว์ใช้สกัดจากใบสดของเสลดพังพอนตัวเมียด้วย n-butanol พบว่า สามารถลดการอักเสบได้2 โดยพบว่าจะช่วยลดการอักเสบของข้อเท้าหนูที่ทำให้บวมด้วยสาร carrageenan ได้ เมื่อใช้ตำรับยาที่มีเสลดพังพอนตัวเมียจำนวนร้อยละ 5 ใน Cold cream และก็สารสกัดด้วยเอทานอลจากใบ เอามาทาเฉพาะที่ให้หนูแรท จะช่วยลดการอักเสบเรื้อรังได้ แต่เมื่อใช้สารสกัดด้วย n-butanol มาทาที่ผิวหนังจะไม่ได้เรื่อง
สารสกัดจากใบความเข้ม 15 กรัม ต่อ 1 กิโล มีประสิทธิภาพต่อต้านการอักเสบก้าวหน้า
เมื่อให้หนูเม้าส์รับประทานสารสกัดด้วย n-butanol จากใบ พบว่า จะช่วยลดความเจ็บปวดของหนูที่ถูกรั้งนำให้ปวดด้วยกรดอะซีติเตียนคได้ โดยสารสกัดความแรง 90 มิลลิกรัมต่อกิโล จะมีฤทธิ์ใกล้เคียงกับเฟนนิวบิวทาโซนขนาด 100 มก.ต่อกิโล ส่วนสารสกัดด้วยน้ำแล้วก็สารสกัดด้วยเอทานอล 60 จากใบ พบว่าไม่เป็นผลลดความเจ็บปวด
สารสกัดด้วยเฮกเซน บิวทานอล และเอทิลอะซิเตทจากใบเสลดพังพอนตัวเมียมีฤทธิ์ต้านทานเชื้อไวรัสเชื้อเริม HSV-1 เมื่อนำไปทำเป็นตำรับเจลโดยใช้สารสกัดด้วยแอลกอฮอล์ที่ความเข้มข้นจำนวนร้อยละ 4 และใช้ carbopol 940 เป็นสารก่อเจล พบว่าจะมีฤทธิ์ต้านทานเชื้อไวรัสได้ดีและไม่เป็นพิษต่อเซลล์ ในช่วงเวลาที่เมื่อใช้สารก่อเจล poloxamer 407 จะมีพิษต่อเซลล์ รวมทั้งจากรายงานการดูแลและรักษาผู้ป่วยโรคเริมที่อวัยวะสืบพันธุ์จำพวกเป็นซ้ำด้วยการใช้ยาจากสารสกัดเสมหะพังพอนตัวเมีย เปรียบเทียบกับยา acyclovir แล้วก็ยาหลอก โดยให้คนไข้ทายาวันละ 4 ครั้ง ตรงเวลา 6 วัน พบว่าไม่ได้ต่างอะไรในระยะเวลาการตกสะเก็ดของแผลผู้เจ็บป่วยที่ใช้ยาจากสารสกัดใบและยา acyclovir โดยแผลจะเป็นสะเก็ดภายใน 3 วัน รวมทั้งหายสนิทข้างใน 7 วัน ซึ่งแตกต่างกันกับยาหลอกอย่างมีนัยสำคัญ โดยยาที่สกัดจากใบเสมหะพังพอนตัวเมียจะไม่กระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดการอักเสบและเคือง ในขณะที่ acyclovir จะมีผลให้แสบ นอกเหนือจากนั้นยังมีการใช้ยาที่ทำมาจากเสมหะพังพอนตัวเมียในผู้ป่วยโรคเริม งูสวัด และก็แผลอักเสบในปาก แล้วพบว่าสามารถรักษาแผลรวมทั้งลดการอักเสบเจริญ
[url=http://www.disthai.com/16913677/%E0%B8%9E%E0%B8%8D%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%AD-%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%A5%E0%B8%94%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%A2]พญายอ[/url] สารที่สกัดจากบิวทานอล (Butanol) ของใบเสลดพังพอนตัวเมีย มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อไวรัส Varicella zoster ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสชนิดที่ทำให้เกิดเริมและก็อีสุกอีใส3 จากรายงานการรักษาคนเจ็บโรคงูสวัดด้วยยาจากสารสกัดจากใบเปรียบเทียบกับยาหลอก โดยให้ป้ายยาวันละ 5 ครั้ง ตรงเวลา 1-2 อาทิตย์ จวบจนกระทั่งแผลจะหาย พบว่าผู้เจ็บป่วยหวานใจษาด้วยสารสกัดจากใบเสมหะพังพอนตัวเมีย แล้วมีแผลตกสะเก็ดข้างใน 3 วัน แล้วก็หายข้างใน 7-10 วัน จะมีมากมายกว่ากลุ่มสุดที่รักษาด้วยยาหลอกอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ และระดับความเจ็บจะน้อยลงเร็วกว่ากรุ๊ปที่ใช้ยาหลอก โดยไม่พบผลข้างเคียงใดๆ9
จากการทดลองความเป็นพิษ เมื่อป้อนสารสกัด n-butanol จากใบให้หนูเม้าส์ พบว่าเป็นพิษนิดหน่อย แต่จะเป็นพิษปานกลางเมื่อฉีดเข้าท้อง ส่วนสารสกัดด้วยเอทานอลขนาด 1.3 กรัมต่อกก. (เทียบเท่าใบแห้ง 5.44 กรัมต่อกิโลกรัม) เมื่อเอามาป้อนเข้าทางปากหรือฉีดเข้าช่องท้องหนูเม้าส์ พบว่าไม่นำมาซึ่งอาการเป็นพิษใดๆ
จากการเล่าเรียนพิษกึ่งเรื้อรัง
ด้วยการป้อนสารสกัด n-butanol จากใบในขนาด 270 และ 540 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ให้หนูแรททุกๆวัน นาน 6 สัปดาห์ พบว่าไม่มีผลต่อการเจริญเติบโต แต่ว่าพบว่ามีน้ำหนักต่อมธัยมัเศร้าใจลง ในขณะที่น้ำหนักของตับเพิ่มขึ้น และไม่พบว่ามีความผิดธรรมดาต่ออวัยวะอื่นๆหรืออาการไม่ประสงค์แต่ว่าอ http://www.disthai.com/

2

พญายอ
พญายอเป็นไม้พุ่งปนเลื้อย เถาและใบมีสีเขียวใบไม้ไม่มีหนาม ใบยาวเรียวปลายแหลม ออกตรงกันข้ามเป็นคู่ ดอกออกเป็นช่อ อยู่ที่ปลายกิ่ง แต่ละช่อมี 3-6 ดอก กลีบเป็นดอกปลายแยกสีแดงอมส้ม
พญายอขึ้นได้สวยในดินที่บริบูรณ์ แสงอาทิตย์ปานกลาง พบบ่อยตามป่าในประเทศไทย หรือปลูกกันตามบ้าน ปลูกโดยใช้ลำต้นปักชำ เป็นต้นไม้ที่ปลูกง่าย ตัดกิ่งออกมาซัก 2-3 คืบ ปักขำให้รากออกมาก็ดีก็ย้ายไปปลูกไว้ในแปลง ดูแลรักษาราวกับ พืชไม้ทั่วไป
ใบ เป็นยา ให้เก็บขนาดกึ่งกลางที่สมบูรณ์ ไม่แก่ไหมอ่อนกระทั่งเหลือเกิน ใบของพญายอสามารถลดอาการักเสบของหูก้าวหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งส่วนที่สกัดด้วยสารละลาย “บิวทานอล” วงศ์สถิต ฉั่วกุล แล้วก็ภาควิชาได้เรียนรู้พบว่าสารสำคัญตัวหนึ่งเป็น “เฟลโอ้อวดนนอยต์” ส่วนด้านที่มีการต่อต้านพิษงูยังคลุมเครือ แม้กระนั้นปลอดภัยพอที่จะใช้
ใบพญายอรักษาอาการอักเสบเฉพาะที่ (ปวด, บวม, แดง ร้อนแต่ว่าไม่มีไข้) จากแมลงที่มีพิษกัดต่อย เช่น ตะขาบ แมงป่อง ผึ้ง ต่อ แตน รักษาโดยการเอาใบสดจากพญายอนี้มาสัก 10-15 ใบ (มากมายน้อยตามรอบๆที่เป็น) ล้างให้สะอาด ใส่ลงในครกตำยา ตำอย่างรอบคอบ เพิ่มเติมแอลกอฮอล์พอเปียกยา ตั้งทิ้งไว้ 1 อาทิตย์ หมั่นคนยาทุกวัน กรองน้ำยา ใช้น้ำ และก็กากทาบบริเวณที่เจ็บบวม หรือที่ถูกแมลงสัตว์กัดต่อย
พญายอ หรือ เสมหะพังพอน เนื่องด้วยเสมหะพังพอนมีทั้งตัวผู้ละตัวเมีย แต่ว่าเพศผู้ไม่นิยมประยุกต์ใช้ด้วยเหตุว่ามีฤทธิ์อ่อน และเพื่อไม่ให้งงงวยจึงเรียกเสลดพังพอนตัวเมียว่า "พญายอ" โดยมากนำมาทำเป็นยาสมุนไพรไทยจัดอยู่ในกรุ๊ปพืชทำลายพิษ  “พญายอ” เป็นพืชสมุนไพรที่ใช้เป็นยาทารักษาข้างนอก มีสรรพคุณทุเลาการอักเสบของผิวหนังก้าวหน้า  มีฤทธิ์ลดการอักเสบ มีฤทธิ์ต้านเชื้อไวรัส
คุณสมบัติของผงพญายอสำหรับในการบำรุงผิวพรรณ
- ใช้แก้สิวเม็ดผดผื่นคัน ด้วยการนำมาดองกับสุรา แล้วผสมดินสอพองใช้ทาแก้สิวและเม็ดผื่นผื่นคัน
- ใช้แก้โรคผิวหนังผื่นคัน ผสมกับเหล้าใช้เป็นยาแก้ผื่นคัน ไฟลามทุ่ง ผื่นคัน แผลไฟเผาน้ำร้อนลวก
- ใช้รักษาแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก พญายอมีคุณประโยชน์ช่วยดับพิษร้อนได้ดิบได้ดี
- อีกตำราระบุว่านอกเหนือจากที่จะใช้รักษาแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวกได้แล้ว ยังช่วยรักษาแผลเปื่อยเนื่องจากถูกแมงกะพรุนไฟ แผลหมากัด และแผลที่เกิดจากการเช็ดกกรดได้อีกด้วย
- ใช้รักษาแผลน้ำเหลืองเสีย นำมาพอก จะรู้สึกเย็นๆซึ่งยาจะช่วยดูดน้ำเหลืองเจริญ ทำให้แผลแห้งไว
- ใช้แก้ฝี ด้วยการผสมกับเกลือและก็สุรา ใช้พอกรอบๆที่เป็น แปลงยาทุกรุ่งเช้าแล้วก็เย็น
- ใช้เป็นยาขับพิษ ถอนพิษ โดยยิ่งไปกว่านั้นพิษจากแมลงสัตว์กัดต่อย เช่น งู ตะขาบ แมงป่อง มด ยุง อื่นๆอีกมากมาย
- [url=http://www.disthai.com/16913677/%E0%B8%9E%E0%B8%8D%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%AD-%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%A5%E0%B8%94%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%A2]พญายอ[/url] [/color]ใช้รักษาอาการอักเสบ รักษาแผลร้อนในปาก แก้เริม (แผลผิวหนังจำพวกเริม) อีสุกอีใส แก้งูสวัด ไฟลามทุ่ง รวมทั้งใช้เป็นยาทำลายพิษต่างๆเอาน้ำมาดื่มหรือเอาน้ำมาทาแผลรวมทั้งเอากากพอกรอบๆแผล
- มีฤทธิ์แก้อาการแพ้ ลดการอักเสบ สามารถลดการอักเสบเรื้อรังได้
- มีฤทธิ์ลดความเจ็บปวด ช่วยลดอาการปวด
- มีฤทธิ์ต้านทานเชื้อไวรัสได้ดีและไม่เป็นพิษต่อเซลล์

แนวทางการพอกขัดผิวด้วยผงพญายอ

  • ชำระล้างผิวหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ล้างหน้าล้างตาและเช็ดถูเครื่องแต่งตัวให้สะอาดก่อนขั้นตอนการขัดพอกผิว
  • ใช้ผสมกับน้ำที่สะอาด (หรือ ผงสมุนไพรอื่นๆน้ำผึ้ง นม หรือโยเกิร์ต เพื่อทำให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น)
  • สามารถใช้พอกหรือขัดได้อีกทั้งผิวหน้ารวมทั้งผิวกาย บ่อยๆ อาทิตย์ละ 2 – 3 ครั้ง


     - สำหรับผิวหน้า พญายอถ้าเป็นสิวอักเสบ ห้าม ขัดโดยเด็ดขาด ให้ใช้เป็นการพอกผิวแทน เพื่อไม่ให้เชื้อสิวลามไปทั่วใบหน้า รวมทั้งเพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนผิวหน้ามากเกินไป พอกทิ้งเอาไว้ราว 15 นาที
     - ถ้าหากใช้ขัด (สำหรับคนที่ไม่เป็นสิว แล้วก็ผิวกาย) ให้ขัดให้เบามือที่สุด ราวเพียงแค่ลูบคลำพากเพียรจะไม่ให้นิ้วโดนผิวหน้าเลย ห้ามกดแรงลงบนนิ้วขณะขัด และก็ให้ขัดแค่ 5 นาทีก็เพียงพอที่สารสำคัญจะออกฤทธิ์แล้ว เมื่อครบ 5 นาทีให้พอกทิ้งไว้จนแห้ง (บางทีอาจใช้ระยะเวลาพอกทิ้งเอาไว้ราวๆ 15 นาที)

  • พญายอ ภายหลังจากแห้งแล้ว ให้ทำการล้างด้วยน้ำปกติ (ไม่ควรใช้น้ำอุ่น) ล้างแบบเบาที่สุดหรือให้เปิดฝักบัวเบาๆและปล่อยให้น้ำรดผ่านผิวไปสัก 2-3 นาที แล้วก็ใช้ฝ่ามือคลำให้ค่อยที่สุด โดยใช้แนวทางล้างเดียวกับการขัดหน้าเป็นบากบั่นจะไม่ให้นิ้วโดนผิวหน้าเลย
  • ล้างหน้าล้างตาเสร็จแล้ว ดูดซึมหน้าให้แห้ง


Tip  เพื่อการบำรุงที่มากขึ้น เมื่อพอกหรือขัดผิวด้วยผงสมุนไพรแล้ว ให้เอาน้ำผึ้งผสมน้ำเปล่าธรรมดาในอัตราส่วน 1 ช้อนชาเท่ากัน ทาให้ทั่วผิวหน้า แล้วนวดวนเบาๆทั่วบริเวณใบหน้าสักบางส่วน ทิ้งน้ำผึ้งไว้ 10 นาที ก็ล้างออก เพื่อเป็นการคืนความชุ่มชื่นให้แก่ผิว ทั้งช่วยทำให้ผิวหน้าเนียนนุ่มรวมทั้งกระจ่างใส ดูอ่อนกว่าวัยยิ่งขึ้น http://www.disthai.com/

3

บัวบก
ใบบัวบกสมุนไพรจีนโบราณที่ได้ยินชื่อกันมานาน นี่คือ คุณประโยชน์ของใบบัวบกที่รู้แล้วต้องรักเจ้าสมุนไพรนี้ยิ่งกว่าเดิม
          เชื่อว่าหลายท่านก็คงเคยทราบกันมานักต่อนักว่าเวลาบอบช้ำในให้ดื่มน้ำใบบัวบก เพราะจะช่วยทำให้หายจากอาการช้ำในเร็วขึ้น แต่หารู้ไม่ว่าที่จริงแล้วเจ้าสมุนไพรที่มีนามว่าใบบัวบก ซึ่งเป็นสมุนไพรจีนที่ประยุกต์ใช้กันตั้งแต่โบร่ำโบราณนั้นก็ยังมีสรรพคุณอื่นๆอีกมากมาย ทั้งช่วยบำรุงสุขภาพ รักษาโรค หรือแม้แต่ช่วยบำรุงความสวยสดงดงาม อยากรู้กันแล้วใช่ไหมล่ะว่าใบบัวบก สมุนไพรที่ชวนให้รู้สึกเหม็นเขียวจะมีสรรพคุณอะไรดีๆอีกบ้าง ถ้าเช่นนั้นลองไปดูที่พวกเราหยิบมานำเสนอในวันนี้กันดีกว่า บอกได้คำเดียวเลยว่า ทราบดีแล้วจะต้องลืมกลิ่นเขียวๆพวกนั้นไปเลยแน่นอน

  • แก้ไขปัญหาเส้นเลือดขอด


          เมื่อเส้นเลือดสูญเสียความยืดหยุ่นก็ทำให้หลอดโลหิตดำมีการฉีกขาดและทำให้เลือดไหลออกมาคั่งอยู่บริเวณขา เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการบวมที่เรียกว่าอาการเส้นโลหิตขอดนั่นเอง โดยมีการศึกษาเล่าเรียนพบว่าการรับประทานใบบัวบก สามารถลดอาการบวมรวมทั้งกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดให้ดียิ่งขึ้น โดยในการค้นคว้านั้นได้กระทำการทดสอบกับอาสาสมัครกว่า 90 คน ที่มีอาการของเส้นเลือดขอด และก็เมื่อรับประทานใบบัวบกเข้าไปรวมทั้งพบว่าอาการเส้นโลหิตขอดนั้นดียิ่งขึ้นเมื่อเทียบกับผู้ที่รับประทานยาหลอก รวมทั้งเมื่อกระทำอัลตราซาวด์ก็พบว่าผู้ที่กินใบบัวบกมีการรั่วไหลของหลอดเลือดดำลดน้อยลงค่ะ

  • สมานแผลและรักษาโรคผิวหนังบางชนิด


          หนึ่งในสารสำคัญที่นำมาซึ่งการทำให้ใบบัวบกแปลงเป็นสมุนไพรที่มากคุณประโยชน์ก็คือสารไตรเตอร์ปินอยด์ (Triterpenoids) ที่มีการเรียนกับสัตว์แล้วพบว่าสามารถช่วยสมานบาดแผลได้ โน่นก็เป็นเนื่องจากว่าสารดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้นจะปฏิบัติหน้าที่ในการเพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระให้กับรอยแผล และช่วยกระตุ้นให้โลหิตไหลเวียนไปยังบริเวณบาดแผลเยอะขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้รอยแผลเบาๆหายในระยะเวลาที่ลดน้อยลง ทั้งยังสารจากใบบัวบกก็ยังช่วยป้องกันการเกิดแผลเป็นได้อีกด้วย วิธีการใช้ก็ไม่จำเป็นต้องนำใบบัวบกมาตำแล้วพอกให้ยาก เนื่องจากในตอนนี้มีแบบที่เป็นครีมผสมสารสกัดไว้ทาโดยเฉพาะ แค่เพียงเลือกให้เหมาะสมกับจำพวกบาดแผลก็ช่วยได้มากเลยล่ะ

  • ระบายความร้อน


          ความร้อนในร่างกายถ้าสูงมากจนเกินความจำเป็นอาจก่อให้ร่างกายกำเนิดลักษณะของการมีไข้ ตัวร้อน หิวน้ำ ตลอดจนการอักเสบ ด้วยเหตุดังกล่าวการรับประทานใบบัวบกที่มีฤทธิ์เย็น จึงสามารถช่วยลดความร้อนในร่างกายได้ ทั้งยังช่วยขับพิษร้อนออกมาจากร่างกายได้อีกด้วย

  • ขับพิษร้อน แล้วก็ความชื้น


          โรคต่างๆที่เกิดจากความร้อนแล้วก็ความชุ่มชื้น อาทิเช่น โรคดีซ่าน นิ่วในทางเดินปัสสาวะ หรือโรคบิด สามารถทุเลาได้ด้วยการกินใบบัวบก เนื่องด้วยใบบัวบกนั้นมีฤทธิ์ขมเย็น สามารถช่วยสลายความชุ่มชื้นในร่างกายและก็ขับความร้อนออกมาได้ แม้กระนั้นก็ควรจะกินในปริมาณที่เหมาะสม เนื่องจากว่าถ้าเกิดกินมากมายๆอาจก่อให้ร่างกายเย็นจนกระทั่งเกินไปและมีอันตรายได้
คุณประโยชน์ใบบัวบก ผลดีเลอค่า

  • ลดความกระวายกระวน ช่วยให้จิตใจสงบ


          สารไตรเตอร์ปินอยด์ (Triterpenoids) ซึ่งเป็นสารที่อยู่ในใบบัวบกนั้น นอกเหนือจากการที่จะช่วยสำหรับเพื่อการสมานแผลแล้วก็รักษาโรคผิวหนังบางจำพวกได้และก็ยังมีฤทธิ์สำหรับเพื่อการลดความกระวายกระวนรวมทั้งช่วยกระตุ้นกลไกรูปแบบการทำงานของสมอง โดยมีการเรียนรู้หนึ่งพบว่าคนที่กินใบบัวบกมีทิศทางที่จะตกใจกับเสียงดังรบกวนน้อยกว่าผู้ที่รับประทานยาหลอก แม้กระนั้นก็ต้องใช้ในปริมาณที่สูงมากมาย จึงยังไม่มีการยืนยันชัดเจนว่าควรจะใช้ปริมาณใดจึงจะสำเร็จและไม่มีผลข้างเคียงต่อสุขภาพตามมาค่ะ

  • รักษาโรคหนังแข็ง


          เพราะใบบัวบก มีฤทธิ์สำหรับในการลดการอักเสบต่างๆภายในร่างกาย จึงสามารถใช้บรรเทาอาการของผู้เจ็บป่วยโรคหนังแข็งได้ โดยมีการศึกษาเล่าเรียนกับเพศหญิง 13 มีอาการของโรคหนังแข็งพบว่า การใช้ใบบัวบกสามารถลดอาการปวดตามข้อ รวมทั้งลดการเกิดหนังแข็ง แล้วก็ทำให้การเคลื่อนไหวของนิ้วมือเป็นไปในทางที่ แต่ว่าดังนี้ก็จะต้องอยู่ในปริมาณที่แพทย์ควบคุมแค่นั้น

  • ช่วยทุเลาอาการนอนไม่หลับ


          ผู้ใดกันแน่ที่มักจะนอนไม่หลับบ่อยๆทดลองหาใบบัวบกมารับประทานก็ดีเช่นเดียวกันนะ เพราะใบบัวบกไม่เพียงแค่ช่วยลดความกระวายกระวนเท่านั้น แม้กระนั้นก็ยังช่วยให้จิตใจสงบและก็ผ่อนคลายลงได้ ทำให้สามารถนอนหลับได้ง่ายมากยิ่งขึ้น โดยแค่เพียงกินเป็นประจำก่อนนอน ก็จะสามารถช่วยให้การนอนดีขึ้นได้อย่างน่าพิศวงเลย
คุณประโยชน์ใบบัวบก ประโยชน์เลอค่า

  • ลดความดันโลหิต


        กรมพัฒนาการหมอแผนไทยและก็การแพทย์ลู่ทาง ได้ออกมาชี้แนะว่าใบบัวบกยอดเยี่ยมในสมุนไพรที่ช่วยลดความดันเลือดได้ เนื่องจากว่าเจ้าใบบัวบกนั้นจะไปทำให้หลอดโลหิตดำและเส้นเลือดฝอยแข็งแรงขึ้น ทั้งยังช่วยลดภาวการณ์ความเคร่งเครียดอันเป็นปัจจัยที่ทำให้มีการเกิดความดันเลือดสูง ดังนี้วิธีการรับประทานก็ไม่ได้ยากอะไร แค่เพียงนำใบบัวบกไปคั้นน้ำแล้วเอามาดื่ม จะนำไปผสมกับน้ำผึ้งสักบางส่วน หรือผสมกับน้ำผลไม้อื่นๆเพื่อลดความเหม็นเขียวก็ทำเป็นจ้ะ

  • ลดอาการบวม


          อาการบวมช้ำเกิดขึ้นจากการที่ระบบไหลเวียนเลือดรอบๆดังกล่าวข้างต้นดำเนินงานแตกต่างจากปกติทำให้เกิดอาการคั่งของเลือด การรับประทานใบบัวบกไม่ว่าจะเป็นแบบน้ำคั้นดื่ม หรือแบบที่เป็นสารสกัดแคปซูล สามารถช่วยลดอาการบวมช้ำบริเวณบาดแผลได้ รวมถึงยังลดอาการอักเสบที่ส่งผลให้เกิดอาการบวมได้อีกด้วย

  • บำรุงสมอง


          ใบบัวบกเป็นพืชอีกประเภทที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ก็เลยช่วยคุ้มครองป้องกันสารอนุมูลอิสระเข้าไปทำลายเซลล์สมอง รวมทั้งช่วยคลายความเมื่อยล้าของสมอง เพิ่มรูปแบบการทำงานของสมองและความจำ แถมยังสามารถลดสภาวะเซื่องซึม แล้วก็สามารถช่วยยับยั้งลักษณะโรคอัลไซเมอร์ที่เกิดขึ้นในสมองได้
สรรพคุณใบบัวบก ประโยชน์เลอค่า

  • รักษาอาการติดเชื้อ


          ใบบัวบกเป็นสมุนไพรอีกหนึ่งจำพวกที่ช่วยรักษาโรคหวัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ แถมช่วยรักษาอาการติดเชื้อโรคในทางเดินเยี่ยว แล้วก็อาการติดโรคแบคทีเรียรวมทั้งเชื้อไวรัสต่างๆได้อีกเยอะแยะ เรียกได้ว่าไม่ว่าจะติดโรคใดๆ ใบบัวบกสามารถช่วยรักษาได้หมด แต่ทั้งนี้ก็จำต้องใช้ในปริมาณที่สมควร และก็ภายใต้การดูแลของผู้ชำนาญนะ

  • ทุเลาอาการอ่อนเพลีย


          นอกเหนือจากรักษาอาการป่วยต่างๆแล้ว ใบบัวบกยังสามารถช่วยฟื้นฟูร่างกายจากความอ่อนแรงได้ รวมทั้งถ้าหากว่ารับประทานในตอนอากาศร้อนๆด้วยละก็ น้ำใบบัวบกก็สามารถช่วยลดความร้อนในร่างกายและดับหิวได้อย่างดีเยี่ยมเลยเชียวล่ะ

คุณประโยชน์ใบบัวบก คุณประโยชน์เลอค่า

  • บำรุงผิวพรรณให้อ่อนเยาว์


          ใบบัวบก เป็นอีกหนึ่งในสมุนไพรเพื่อความสวยงามที่อยู่ใกล้ตัวมากมายๆที่เป็นแบบนี้ก็เพราะว่าใบบัวบกมีสารที่ช่วยสนับสนุนการผลิตคอลลาเจนและก็อิลาสตินภายในร่างกาย ช่วยให้ผิวพรรณนุ่มเปียกชื้น มองอ่อนวัย ยิ่งกว่านั้นสารต้านอนุมูลอิสระในใบบัวบกก็ยังช่วยยั้งการเกิดริ้วรอยที่วัย ก็เลยไม่น่าแปลกเลยล่ะหากคุณจะได้มองเห็นชื่อของเจ้าใบบัวบกเป็นเยี่ยมในส่วนผสมของเครื่องทำความสะอาดผิว ทั้งนี้ยังสามารถนำใบบัวบกสดๆมาใช้พอกหน้าได้อีกด้วย โดยมีแนวทางดังนี้ค่ะ
           - ใบบัวพอกหน้า บำรุงผิวสวยใส ลบรอยตีนกา
วิธีการทำ

  • นำใบบัวบกสดมาล้างชำระล้าง แล้วหลังจากนั้นก็ค่อยนำไปหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ
  • นำมาปั่นหรือบดกับน้ำที่สะอาด 1 แก้ว
  • นำมาพอกหน้า หรือนำสำลีชุบน้ำใบบัวบกขึ้นมาทาให้ทั่วบริเวณใบหน้า ทิ้งไว้ราว 15 นาที
  • ล้างออกด้วยน้ำเย็น ทำบ่อยเป็นประจำทุกวี่วันก่อนนอนจะช่วยให้บริเวณใบหน้าดูอ่อนกว่าวัย
  • กำจัดเซลลูไลท์


          สาวๆที่หนักใจกับเซลลูไลท์ที่เป็นศัตรูความสวยของคุณสาวๆอยู่ ขอบอกใบบัวบกช่วยคุณได้ค่ะ แค่เพียงรับประทานใบบัวบกเป็นประจำก็จะสามารถช่วยทำให้เซลล์ไขมันเซลลูไลท์ถูกขับออกมาจากร่างกายได้ง่ายมากยิ่งขึ้น แล้วก็ช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือดดำเนินงานได้ดิบได้ดีขึ้น แล้วก็ลดการอักเสบอันเกิดขึ้นได้เพราะมีสาเหตุเนื่องมาจากเซลลูไลท์ได้อีกด้วยล่ะ

  • บำรุงเส้นผมแล้วก็หนังหัว


          หลายคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับผมหล่นก็คงจะเสาะหาทุกแนวทางเพื่อบำรุงให้เส้นผมรวมทั้งหนังหัวแข็งแรงเพื่อได้มีผมดกดำ ใบบัวบกก็เป็นอีกสมุนไพรหนึ่งที่มีสรรพคุณโดดเด่นในด้านนี้ โดยปัญหาผมหล่นโดยมากก็มีเหตุมาจากรากผมที่อ่อนแอและก็การไหลเวียนของเลือดบนหนังศีรษะไม่ดี ซึ่งใบบัวบกนี้มีฤทธิ์ในการกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตรอบๆหนังหัว แล้วก็ยังช่วยบำรุงให้รากผมแข็งแรง คุ้มครองผมตกทำให้ผมที่ขึ้นใหม่มีความแข็งแรงและดกดำเงาสวยได้โดยไม่ต้องพึ่งสารเคมีแต่อย่างใด
          ได้มองเห็นประโยชน์ดีๆของใบบัวบกกันไปแล้วแบบงี้ ใครกันแน่ที่ยังส่ายหน้าให้กับกลิ่นเขียวๆของใบบัวบก ก็น่าจะทดลองหันกลับมามองดูเสียใหม่ ถึงแม้อาจจะเป็นไปได้ว่าจะมีกลิ่นฉุนไปเสียหน่อย แต่คุณประโยชน์ที่ได้รับดีแล้วไม่น้อยเลย ถ้าหากไม่ลองเสียดายแย่เลยนะ http://www.disthai.com/

4

เห็ดหลินจือ
เห็ดหลินจือมีผลอย่างไรต่อเซลล์ต่อมะเร็ง โรคหัวใจ โรคไต เบาหวาน โรคความดันสูง และก็โรคอื่นๆอันแสนเหนื่อยที่จะรักษา ติดตามผลการค้นคว้ายืนยันคุณประโยชน์ได้ในเนื้อหานี้ค่ะ
บทความกลุ่มนี้อ้างอิงสรรพคุณของเห็ดหลินจือจากผลการศึกษาเรียนรู้ยืนยันจากที่ต่างๆเพื่อสหายได้ใคร่ครวญด้วยตัวเองว่ารักษาโรคได้ดีขนาดไหนแล้วก็น่าไว้ใจแค่ไหน ถ้าสหายๆเคยอ่านบทความเกี่ยวกับสรรรพคุณหรืองานศึกษาเรียนรู้และค้นคว้าและทำการวิจัยเกี่ยวกับเห็ดหลินจือจากที่อื่นมาก่อน แล้วรู้สึกอ่านไม่ง่ายเยอะแค่ไหนไหมรู้เรื่อง บทความในเว็บนี้นักเขียนได้คัดเลือกรวมทั้งเก็บรวบรวมจากหลายที่แล้วก็เขียนในภาษาที่อ่านง่ายที่สุดเท่าที่จะทำเป็น
เพื่อนๆถูกใจบทความนี้ก็จะเป็นอันมากจิตใจให้นักเขียนได้บทความดีๆให้เพื่อนอ่านกันอีกต่อไปบทความเห็ดหลินจือรักษาโรคเด็ดๆที่เพื่อนพ้องๆจำต้องถูกใจ
ระบบภูมิต้านทานคือกลไกการกำจัดเชื้อโรค สารเคมีปะปน เซลล์ของโรคมะเร็ง แล้วก็สิ่งเจือปนอื่ๆที่จะเข้ามาทำอัตรายต่อสถาพทางร่างกายพวกเรานั้นเอง ฉะนั้นถ้าเกิดเพื่อนพ้องๆมีระบบระเบียบภูมิต้านทานดีก็จะไม่ป่วยไข้ง่าย หรือถ้าป่วยไข้ก็จะฟื้นเร็ว แต่ถ้าระบบภูมิคุ้มกันไม่ดีก็จะป่วยไข้บ่อยมากรวมทั้งเป็นหนักกว่ามีระบบูมิคุ้มกันแข็งแรง มาถึวนี้แล้วสหายๆคงมองเห็นจุดสำคัญของการมีระบบภูมิต้านทานที่แข็งแรงกันแล้ว
ชาวจีนโบราณใช้[url=http://www.disthai.com/16484916/%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B9%87%E0%B8%94%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%88%E0%B8%B7%E0%B8%AD]เห็ดหลินจือ[/url]มานานกว่า 2000 ปีแล้ว แต่ในสมัยนั้นยังไม่มีใครพิสูจน์ได้ว่าเพราะเหตุใดผู้ที่ทานเห็ดหลินจือถึงแก่ยืนและแข็งแรงไม่ค่อยเป็นโรค ช่วงนี้พวกเราสมารถพิสูจน์ได้ในทางวิทยาศาสตร์แล้วว่าสารกลุ่ม Polysacchayide ในเห็ดหลินจือนั้นสามารถเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับเราได้จริง สารกลุ่มดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นสามารถกระตุ้นการผลิต Interleukin และก็ Immuoglodulin ซึ่งทำให้ระบบภูมคุ้มครองดีและแข็งแรงขึ้น
ระบบภูมิคุ้มกันที่ถูกเสริมด้วยสาร Polysaccharide ในเห็ดหลินจือจะสามารถต่อต้านวรัส เซลล์ของมะเร็ง และจำกัดสารอนุมูลอิสระได้ดีขึ้น นอกนั้นยังช่วยให้ผู้ที่ถูกผลกระทบที่โดนยาต้านมะเร็งบางตัวรวมทั้งแนวทางการทำคีโมกดภูมิต้านทานให้มีระบบภูมิคุ้มกันดียิ่งขึ้นอีก รวมทั้งเห็ดหลินจือยังมีสารออกฤทธิ์ต้านทานการแบ่งตัวของเชื้อ HIV อีกด้วย ซึ่ง กรุ๊ปดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้นเป็นกรุ๊ป Bitter Triterpenoids
A
นักวิจัยได้ศึกษาและทำการค้นพบสารหลายประเภทในเหล็ดหลินจือที่ช่วยลดจำนวนไขมันในเส้นเลือด คือ Ganoderic Acid และก็ Lucidenic Acid ซึ่งสาร 2 ชนิดที่กล่าวมาข้างต้น นอกเหนือจากช่วยลดไขมันในเส้นโลหิตได้แล้ว ยังคุ้มครองไม่ให้ไขมันอุดตันเส้นโลหิตได้โดยตรงอีกด้วย ยิ่งไปกว่านี้ยังมีสารกลุ่ม Nucleotide ซึ่งสามารถช่วยลดการอุดตันของลิ่มเลือดในเส้นเลือด และก็ช่วยลดอัตราเสี่ยงที่จะเป็นอัมพาตได้อีกด้วย
ได้มีนักวิทยาศาสตร์ที่ญี่ปุ่นทดสอบให้สารสกัดเห็ดหลินจือกับผู้ที่เป็นโรคไขมันเส้นเลือดสูง 70 ราย รวมทั้งกระทำการเก็บผลของการทดสอบภายหลังผ่านไป 3 เดือน พบว่าโคเรสเตอรอคอยลของคนรับการทดลองลดน้อยลงไปถึง 74% ซึ่งก็สอดคล้องกับผลวิจัยจากทั้งโลก แล้วก็ยังพบว่าเห็ดหลินจือ นอกจากช่วยลดการอุดตันของไขมันในเส้นเลือดแล้ว ยังมีผลให้โลหิตไหลเวียนดีขึ้นอีกด้วย
ด้วยเหตุนั้น ก็เลยอาจพูดได้ว่า หลักฐานทางคุณลักษณะแล้วก็คุณประโยช์จากเห็ดหลินจือยังคงมีจำกัด บาง งานศึกษาค้นคว้าวิจัยเป็นการทดลองขนาดเล็ก หลักฐานที่ได้ยังไม่มีประสิทธิภาพพอเพียง หรือเป็นเพียงแต่การทดสอบในผู้ป่วยบางกรุ๊ปแค่นั้น ประสิทธิผลของเห็ดหลินจือต่อโรคมะเร็ง จึงยังคงเป็นเรื่องการค้นคว้าที่ควรจะดำเนินงานทดลองต่อไป เพื่อให้ได้ได้ผลลัพ์ที่เด่นชัด และก็มีประโยชน์ในวงกว้างต่อการรักษาผู้เจ็บป่วยโรคมะเร็งได้ในอนาคต

สภาวะต่อมลูกหมากโต และการเจ็บป่วยในระบบทางเดินฉี่
มีวิธีการทดลองหนึ่งที่ใช้สารสกัดจากเห็ดหลินจือทดลองในคนเจ็บเพศ 88 รายซึ่งแก่เกินกว่า 49 ปีขึ้นไป ที่มีลักษณะเยี่ยวติดขัด หลังการทดลองกว่า 12 สัปดาห์ ผลสรุปที่ได้คือ ผู้เจ็บป่วยต่างมีระดับคะแนน IPSS ที่ดียิ่งขึ้น ( TNE lnternational Prostate Symptom Score )ซึ่งเป็นค่าคะแนนสากลสำหรับเพื่อการวัดปัญหาในระบบทางเดินปัสวะของผู้ป่วยจากการตอบคำถาม แต่กลับไม่ปรากฏผลในเชิงความเคลื่อนไหวคุณภาพชีวิต การขับถ่ายปัสวะ หรือขนาดของต่อมลูกหมากอะไร
ด้วยเหตุนั้น การทดลองดังที่กล่าวมาข้างต้นก็เลยยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาสตร์ที่ชัดเจนเพียงพอ ควรต้องมีการค้นคว้าทดลองในด้านนี้ต่อไปในอนาคต เพื่อค้นหาข้างหลังฐานที่แจ่มแจ้งสำหรับเพื่อการสรุปเกี่ยวกับประสิทธิของเห็ดหลินจือต่อการรักษาภาวการณ์ต่อมลูกหมากโตหรือปัญหาด้านสุขภาพอะไรก็แล้วแต่ที่เกี่ยวโยง
ลดปัจจัยเสี่ยงของโรคเส้นโลหิตหัวใจ
จากการวิเคราะห์ผลของการทดลองทางการแพทย์ 5 ราการ ซึ่งมีผู้ป่วยเบาหวานชนิด 2 เข้าร่วมทดลองกว่า 398 รายพบว่า เห็ดหลินจือไม่เป็นผลทางการรักษาในเชิงการลดระดับน้ำตาลในเลือดไม่มีหลักฐานทางด้านวิทยาศาสตร์ที่มีคุณภาพพอเพียงจะส่งเสริมผลทางการรักษาเหล่านั้น และไม่มีข้อมูลที่เพียงพอสำหรับเพื่อการยืนยันด้านความปลอดภัยจากการบริโภคเห็ดหลินจืออย่างเดียวกัน โดยหนึ่งในงานศึกษาทำการค้นคว้าและทำการวิจัยเหล่านั้น ได้แสดงถึงผลข้างเคียงจากการบริโภคเห็ดหลินจือในคนป่วยบางราย เป็นอาการคลื่นใส้ ท้องเดิน หรือท้องผูก
โดยเหตุนี้จำเป็นจะต้องมีการค้นคว้าทดสอบถึงสมรรถนะของเห็ดหลินจือสำหรับในการลดปัจจัยเสี่ยงต่างๆกลุ่มนี้เพื่อคุ้มครองปกป้องแล้วก็การดูแลรักษาโรคเส้นโลหิตหัวใจถัดไป และให้ได้เรื่องแจ่มแจ้งชัดดเจนในด้านดังที่ได้กล่าวมาแล้วเยอะขึ้นเรื่อยๆ อันเป็นคุณประโยชน์ต่อกระบวนการรักษาป้องกันโรคเส้นโลหิตหัวใจแล้วก็อาการต่างๆที่เกี่ยวโยงถัดไปในอนาคต

Tags : สมุนไพรเห็ดหลินจือ

หน้า: [1]