รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
การค้นหาขั้นสูง  

ข่าว:

SMF - Just Installed!

แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Messages - าร

หน้า: [1] 2
1


อัญชัน
ชื่อสมุนไพร  อัญชัน
ชื่ออื่นๆ / ชื่อท้องถิ่น อัญชันบ้าน , อัญชันเขียง (ภาคกลาง) , เอื้องจัน , เอื้องชัน , อังจัน (ภาคเหนือ) ,แดงจัน (เชียงใหม่)
ชื่อวิทยาศาสตร์  Clitorea ternatea Linn.
ชื่อสามัญ  Butterfly Pea , Blue Pea , Shell creeper.
วงศ์  Fabaceae (Leguminosae-Papilionoideae)

ถิ่นกำเนิด
อัญชันในเขตร้อนแถบทวีปเอเชียแล้วก็อเมริกาใต้ (แต่บางหนังสือเรียนพูดว่าอยู่ที่ประเทศอินเดีย) แล้วมีการแพร่พันธุ์ไปในเขตร้อนต่างๆทั้งโลกรวมไปถึงในประเทศออสเตรเลีย อเมริกา แล้วก็ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ ไทย ลาว เวียดนาม กัมพูชา ประเทศพม่าฯลฯ สำหรับในประเทศไทย อัญชันน่าจะมีการแพร่ระบาดประเภทมานานแล้ว เพราะเหตุว่าพบในหนังสืออักขราภิธานศรับท์ ของหมอปรัดเล พ.ศ.2416 เอ๋ยถึงอัญชันว่า"อัญชัน : เปนชื่อเครือเถาวัลอย่างหนึ่ง มันมีดอกเขียวบ้าง ขาวบ้าง ไม่มีกลิ่น" และสามารถพบได้บ่อยในป่าโล่งแจ้ง หรือในที่ครึ่งร่ม ทั้งป่าเบญจพรรณในพื้นข้างล่างจนถึงไปถึงป่าดิบเขาสูง
โดยอัญชันที่พบในประเทศไทย มีทั้งประเภทบ้านที่ผ่านการคัดเลือกให้ดอกใหญ่ ดก สีแก่ เป็นต้น กับประเภทที่ขึ้นเองดังที่รกร้างว่างเปล่า ซึ่งเป็นพันธุ์ดอกชั้นเดี่ยว ดอกเล็ก รวมทั้งสีไม่เข้ม ซึ่งคนประเทศไทยจำนวนมาก นิยมปลูกอัญชันดอกสีน้ำเงินเข้ม กลีบซ้อน ดอกขนาดใหญ่รวมทั้ง ดก เพราะนอกจากงามแล้ว ยังเอาไปใช้ผลดีได้หลายแบบ อีกด้วย
ลักษณะทั่วไป อัญชันจัดอยู่ในวงศ์ Fabaceae ซึ่งเป็นสกุลของถั่วในกลุ่มถั่วฝักเมล็ดกลม (pea) ยกตัวอย่างเช่น ถั่วลันเตา (green pea) ถั่วแระต้น (congo pea) ถั่วพู(manila pea)
โดยจัดเป็นไม้ล้มลุกเลื้อยพัน นิยมปลูกเป็นไม้ประดับตามรั้วหรือซุ้ม เถากลมเล็กเรียว สีเขียวอ่อน เถาอ่อน กิ่งอ่อน หูใบ ก้านใบ แกนใบประกอบ แผ่นใบด้านล่าง ก้านดอก ใบประดับ รวมทั้งกลีบเลี้ยง มีขนนุ่ม แตกกิ่งก้านตามข้อใบ เถายาว 1-5 เมตร ใบประกอบแบบขนปลายคี่ เรียงสลับ ใบย่อย 2-3 คู่ ใบบาง สีเขียว แต่ละใบมี ใบย่อย 5-9 ใบ ใบย่อยรูปวงรีแกมขอบขนานหรือรูปวงรีปนไข่กลับ กว้าง 1-3 ซม. ยาว 2-5 เซนติเมตร ศูนย์กลางใบประกอบยาว 3-7 ซม. รวมก้านที่ยาว 1-3 เซนติเมตร ผิวใบมีขนปกคลุมทั้งคู่ด้าน หรือบางคราวผิวข้างบนสะอาด ขอบของใบเรียบ โคนใบสอบ ปลายใบมน ปลายเป็นติ่งแหลมสั้นๆแผ่นใบเรียบ แผ่นใบออกจะบาง เส้นแขนงใบ ข้างละ 4-5 เส้น หูใบรูปใบหอก ขนาดเล็ก ปลายแหลมยาว ยาว 2-5 มม. ดอกคนเดียว ออกที่ซอกใบ มี 1-2 ดอก กลีบ รูปดอกถั่ว มี 5 กลีบ แบ่งเป็น 2 ปาก ปากด้านล่างขนาดใหญ่ ขอบมน กลีบดอกไม้ย่นย่อบาง กึ่งกลางดอกมีแถบสีเหลืองขาว กลีบเลี้ยงสีเขียวมี 5 กลีบ โคนชิดกัน ยาว 1.5-2 ซม. แผ่นกลีบบาง ปลายแยกเป็น 5 แฉก แฉกลึกราวๆครึ่งหนึ่งหรือน้อยกว่า ปลายแฉกแหลมยาว ดอกมีสีสีน้ำเงิน ม่วง หรือขาว กึ่งกลางกลีบสีเหลืองหม่นหมองขอบสีขาว รูปดอกถั่ว แต่ละกลีบมีขนาดแตกต่างกัน มีกลีบใหญ่ที่สุด 1 กลีบ ซึ่งจะมีจุดแต้มสีเหลืองกลางกลีบจำพวกนี้เรียกว่าชนิดดอกลา บางโอกาสกลีบ 5 กลีบมีกลีบใหญ่มากกว่า 1 กลีบ ทำให้ดูเหมือนมีกลีบดอกไม้หลายชั้น เรียกว่าประเภทดอกซ้อน กลีบกลางรูปรีกว้างเกือบกลม ยาวราว 3.5 ซม.ก้านกลีบสั้นๆในดอกสีน้ำเงินหรือชมพูมีปื้นสีขาวตอนกึ่งกลางกลีบด้านโคน กลีบปีกและกลีบคู่ด้านล่าง ขนาดเล็กกว่ากลีบกลางราวๆ ครึ่งหนึ่ง มีก้านกลีบเรียวยาวเท่าแผ่นกลีบกลีบข้างรูปไข่กลับปนรูปขอบขนาน กลีบคู่ด้านล่างรูปรี เกสรเพศผู้ติดสองกรุ๊ป 9 อัน ชิดกันราว 2 ใน 3 ส่วน เกลี้ยง ยาวเท่ากลีบปีกแล้วก็กลีบคู่ข้างล่างรังไข่รูปทรงกระบอก ยาวราว 5 มม. มีขนยาวก้านเกสรเพศเมียเรียวยาว มีขนยาวหนาแน่นช่วงปลายภายใน ก้านช่อยาวราวๆ 5 มิลลิเมตร ใบเสริมแต่งขนาดเล็กออกเป็นคู่ ยาว 2-3 มิลลิเมตร ใบประดับย่อยมีขนาดใหญ่กว่าใบเสริมแต่ง มี 1 คู่ รูปไข่กว้างแทบกลม ขนาดประมาณ5 มม. มีเส้นใบแจ้งชัด ก้านดอกสั้นๆยาว 2-3 มิลลิเมตร ผลเป็นฝัก รูปดาบ แบนยาว ขนาดกว้าง 1-1.5 ซม. ยาว 5-12 ซม. มีขนสั้นนุ่ม ปลายเป็นจะงอยสั้นๆฝักอ่อนมีสีเขียว พอเพียงแก่มีสีน้ำตาลอ่อน แตกเป็น 2 ฝา เม็ดรูปไตสีดำ ยาวได้ราวๆ 5 มิลลิเมตร ปริมาณ 6-10 เมล็ด
โดยทั่วไปนั้น ดอกอัญชันมี 3 สี เป็น สี ขาว สีน้ำเงิน รวมทั้งสีม่วง ประเภทดอก สีม่วงนั้นบางหนังสือเรียนว่าเกิดจากการผสมพันธุ์ระหว่างประเภทดอกสีขาวกับพันธุ์ดอกสีน้ำเงิน ซึ่งคนเขียนยังคลุมเคลือว่าถูก เพราะว่าเคยได้เห็นอัญชันดอกขาวบางต้น มีกลีบสีขาวลายน้ำเงิน มีความหมายว่าเป็นลูกผสมระหว่างดอกขาวกับดอกน้ำเงิน แม้กระนั้นข่มกันไม่ลงจึงแสดงออกมาทั้งยัง 2 สี ไม่แปลงเป็นสีม่วงอย่างที่บอกในบางหนังสือเรียน
การขยายพันธุ์ อัญชันเป็นไม้เถาที่ปลูกง่าย มีความแข็งแรง แข็งแรง จึงมีการปลูกทั่วไป โดยนิยมปลูกเป็นพืชข้างหลังบ้าน ขอบรั้ว หรือ ซุ้มไม้ ส่วนการขยายพันธุ์สามารถทำได้ด้วยการใช้เมล็ด ซึ่งมีวิธีการปลูกเป็น แม้ปลูกเพื่อการขายของให้ปรับดินโดยการไถลูกพรวนแล้วให้ปุ๋ยคอมในอัตรา 1 ต้น ต่อไร่ แล้วหว่านเมล็ดอัญชันลงไปในอัตรา 0.5-1 กก.ต่อไร่ และให้น้ำด้วยระบบสปริงเกอร์ แต่ว่าโดยส่วนมากชอบนิยมปลูกในฤดูฝนด้วยเหตุว่าไม่ต้องให้น้ำ ส่วนการปลูกเป็นไม้ประดับให้ชูร่องขนาดกว้าง 1.20 เมตร ส่วนขนาดความยาวจากที่อยาก ต่อจากนั้นย่อยดินแล้วก็ผสมปุ๋ยหมักลงไปแล้วขุดหลุมหยอดเม็ด หรือนำต้นกล้าที่เพาะได้ลงปลูก โดยใช้ระยะปลูก (กว้างxยาว) 1x1 เมตร แล้วปักหลักรวมทั้งทำค้างให้เถาเลื้อยเกาะ รดน้ำให้ชุ่มวันแล้ววันเล่าในช่วงสัปดาห์แรก ปกติแล้วอัญชันถูกใจขึ้นที่โล่งแจ้งที่ได้ รับแดดเต็มที่ถูกใจดินร่วนซุยผสมทรายที่ค่อนข้างร่วนซุยแต่มีการระบายน้ำเจริญ ธรรมดาอัญชันจะเลื้อย ได้ยาวโดยประมาณ ๗ เมตร เมื่อถึง หน้าแล้งจะแห้งตายไป แต่หากมีน้ำ พอเพียงรวมทั้งดูแลอย่างเหมาะควร ก็สามารถปลูกและก็ได้ดอกอัญชันตลอดปี
เม็ด มีสาร adenosine, arachidic acid, campesterol, 4-hydroxycinnamic acid, p-hydroxy cinnamic acid, Clitoria ternatea polypeptide, ethyl-D-D-galactopyranoside, hex acosan-1-ol, palmitic acid, stearic acid, oleic acid, linoleic acid, linolenic acid, delphinidin 3,3´,5´-triglucoside, ß-sitosterol, J-sitosterol, avonol-3-glycoside, 3,5,7,4´-tetrahydroxy avone, 3-rhamnoglucoside และก็ anthoxanthin glucoside
ดอก มีสารในกรุ๊ป ternatins อย่างเช่น ternatin A1, A2, A3, B1, B2, B3, B4, D1 แล้วก็ D2 สารที่ให้สีน้ำเงินในดอกคือ สาร delphinidin-3,5-diglucoside, delphinidin 3-O-ß-D-glucoside, 3´-methoxy-delphinidine-3-O-ß-D-glucoside
ใบ มีสาร aparajitin, astragalin, clitorin, ß-sitosterol, kaempferol-3-monoglucoside, kaempferol-3-rutinoside, kaempferol-3-O-rhamnosyl-galactoside, kaempferol3-O-rhamnosyl-O-chalmnosyl-O-rhamnosyl-glucoside, kaempferol3-neohesperiodoside, แล้วก็ kaempferol-3-O-rhamnosyl-glucoside
 
ประโยชน์ / คุณประโยชน์
 
อัญชันมีการนำมาใช้ทำประโยชน์หลายสิ่งหลายอย่าง ดังเช่นว่า สีจากดอกอัญชัน นิยมใช้ดอกสีน้ำเงินซึ่งมีสาร Anthocyanin ใช้ ทำสีของหวาน อาทิเช่น ของหวานดอกอัญชัน ขนมช่อม่วง ทำน้ำดื่มสมุนไพร ได้ น้ำสีม่วงสวยเพราะว่าสีของดอกอัญชันละลายน้ำได้รวมทั้งสีแปลง ไปตามความเป็นกรดด่างเหมือน กระดาษลิตมัสที่ใช้ตรวจสอบความเป็นกรดด่างของสารละลาย ส่วนดอกอัญชันสามารถใช้รับประทานเป็นผักได้อีกทั้ง จิ้มน้ำพริกใหม่ๆหรือชุบแป้งทอด
ในตอนนี้อัญชัน ซึ่งถูกเอามาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ยุคใหม่ ยกตัวอย่างเช่น แชมพูสระผม แล้วก็ยานวดผมจากดอกอัญชัน (สีน้ำเงิน) กำลัง ได้รับการพัฒนาให้ล้ำสมัยรวมทั้งมีคุณค่ามากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งคุณลักษณะของดอกอัญชันสำหรับการรักษาเส้นผมให้ดกดำ ปกป้องผมหล่นและก็ช่วยปลูก ผมให้ดกครึ้มขึ้น รวมทั้งใช้เอามาเป็นส่วนประกอบในเครื่องแต่งหน้าหรือใช้ทำเป็นสีผสมอาหารฯลฯ
ยิ่งไปกว่านี้หลายประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นิยมใช้ดอกหุงอาหารเพื่อให้ข้าวมีสีม่วงหรือสีน้ำเงินอ่อน ทำให้น่ารับประทานเพิ่มขึ้น และในประเทศฟิลิปปินส์ใช้ฝักอ่อนกินเป็นผัก ประเทศมาเลเซียมักปลูกเป็นพืชคลุมแปลงสวนยาง บางประเทศในแถบแอฟริกาปลูกเป็นพืชหุ้มแปลงบำรุงดิน หรือปลูกเป็นไม้ประดับตามรั้วบ้าน และใช้เป็นพืชอาหารสัตว์ ส่วนคุณประโยชน์ทางยานั้น ตามตำรายาไทย ใช้ เม็ด รสมัน เป็นยาระบาย แต่มักทำให้อาเจียนคลื่นไส้ ราก รสขมเย็น
(นิยมใช้ รากดอกขาว) ขับปัสสาวะ แก้ฉี่พิการ เป็นยาระบาย ฝนหยอดตาแก้ตาเจ็บ ตาพร่า ทำให้ตาสว่าง บำรุงดวงตา ใช้รากถูฟัน ทำให้ฟันทน แก้ปวดฟัน ราก รสเบื่อเมา ปรุงเป็นยารับประทานและก็พอก ทำลายพิษสุนัขบ้า ดอก โบราณใช้อัญชันสำหรับการปลูกผมรวมทั้งขนคิ้วเด็กอ่อน หยุดการร่วงของหนังศีรษะอ่อนแอย้อมผมขาวให้เป็นสีดำ ใช้ตำเป็นยาพอกหรือคั้นเอาน้ำทาแก้บวมช้ำบวม แก้พิษแมลงกัดต่อย ใบแล้วก็รากฝนเอาน้ำหยอดตา แก้ตาเฉอะแฉะ ตาพร่า ส่วนตำรายาท้องถิ่น ใช้ ราก ฝนกับรากสะอึกและก็น้ำซาวข้าว กินหรือทา แก้งูสวัด
สำหรับเพื่อการใช้ประโยชน์ในต่างชาติ ตามตำราอายุรเวทศาสตร์ของประเทศอินเดีย มีการนำส่วนรากและเม็ดของอัญชันใช้เป็นยาบำรุงร่างกายแล้วก็บำรุงสมอง รวมทั้งใช้เป็นยาระบายรวมทั้งขับเยี่ยวรวมทั้งในแถบอเมริกา มีรายงานการใช้น้ำสุกจากส่วนรากเพียงอย่างเดียวหรือน้ำสุกจากรากรวมทั้งดอกด้วยกันเป็นยาบำรุงโลหิต ส่วนเม็ดใช้เป็นยาระบายขับปัสสาวะ รวมทั้งขับพยาธิ ส่วนสำหรับการหมอแผนปัจจุบันบอกว่าดอกอัญชันมีสารแอนโธไซยานิน ซึ่งเป็นสารสีม่วงอยู่มาก มีคุณลักษณะเพิ่มการไหลเวียนของเลือด ทำให้เลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกายได้ดีมากขึ้นเรื่อยๆ ดังเช่นว่า หลอดเลือดส่วนปลาย ทำให้เลือดไปเลี้ยงรากผมเพิ่มมากขึ้น หรือทำให้กลไกที่ทำงานเกี่ยวกับเห็นแข็งแรงขึ้น ด้วยเหตุว่ามีเส้นเลือดเยอะขึ้นและก็ที่สำคัญยังช่วยลดความเสื่อมของการเกิดสภาวะเส้นโลหิตอุดตัน ช่วยต้านทานอนุมูลอิสระภายในร่างกาย ช่วยสำหรับเพื่อการชะลอวัยและริ้วรอยแห่งวัย ช่วยสำหรับในการบำรุงสมอง ช่วยล้างสารพิษรวมทั้งของเสียออกมาจากร่างกาย ช่วยต้านทานโรคเบาหวานฯลฯ
แบบอย่าง / ขนาดวิธีใช้ ใช้บำรุงดวงตา แก้ตาเจ็บขับปัสสาวะ แก้เหน็บชา ดอกอัญชันอบแห้ง 20 กรัม เพิ่มน้ำสะอาด 500 ซีซี ต้มจนเดือนจากนั้นต้มต่ออีก 2 นาที ยกลง ปล่อยให้เย็น กรองใส่ขวดใช้รับประทาน แก้ปวดฟัน , ช่วยให้ฟันทน ใช้รากสดเช็ดตามฟันซีที่ปรารถนา , แก้ตาเจ็บ , บำรุงดวงตา ใช้รากฝนกับน้ำแล้วหยอดตาหรือใช้รากต้มกับน้ำใช้ดื่ม เป็นยาระบาย ขับฉี่แก้เยี่ยวทุพพลภาพ ดอกสดใช้ตำเป็นยาพอกหรือคั้นเอาน้ำทาบริเวณที่ฟกช้ำดำเขียวและใช้แก้พิษแมลงกัดต่อย
 
การเล่าเรียนทางเภสัชวิทยา
 
ฤทธิ์ระงับความเครียดและไม่สบายใจ เล่าเรียนฤทธิ์เครียดลดลงแล้วก็วิตกกังวลของพืชที่มีสรรพคุณบำรุงสมองตามตำราอายุรแพทย์ศาสตร์ของประเทศอินเดีย พบว่าสารสกัดเมทานอล รากอัญชัน ขนาด มิลลิกรัม/กก. น้ำหนักตัว ส่งผลความกลุ้มใจลดลงของหนูเม้าส์ เมื่อทดสอบด้วยแนวทาง elevated plus-maze (EPM) ซึ่งเป็นขั้นตอนการทดสอบที่ทำให้หนูเกิดความหวาดกลัว รวมทั้งการป้อนสารสกัดเมทานอลรากอัญชัน ขนาด 50, 100 และก็ 200 มก./กก. น้ำหนักตัว ให้แก่หนูเม้าส์ก่อนนำไปทดสอบรั้งนำให้เกิดความเคร่งเครียดด้วยแนวทาง forced swimming test (FST) พบว่าสารสกัดเมลานอลรากอัญชันทุกขนาด มีฤทธิ์ต่อต้านความเคร่งเครียด โดยทำให้ค่า immobility time period ลดลง เมื่อเทียบกับหนูที่ถูกป้อนด้วยน้ำกินเพียงอย่างเดียว และในการศึกษาวิจัยฤทธิ์ความเครียดลดลงของอัญชัน ในหนูแรทด้วยแนวทาง tail suspention test (TST) และก็ FST โดยการทำการป้อนสารสกัดเอทานอลรากอัญชัน ขนาด 150 และก็ 300 มิลลิกรัม/กิโลกรัม น้ำหนักตัว พบว่าสารสกัดเอทานอลนากอัญชันทั้งคู่ขนาดมีฤทธิ์คลายเครียดของหนูแรทจากการทดลองทั้งสองชนิด โดยมีค่า immobility time period น้อยลงเมื่อเทียบกับกลุ่มควบคุม
การป้อนสารสกัดเมทานอลจากส่วนเหนือดินของอัญชันขนาด 30,100,200 แล้วก็ 400 มก./กิโลกรัม น้ำหนักตัว ให้แก่หนูเม้าส์ 60 นาทีก่อนนำไปทดลองด้วยแนวทางต่างๆดังเช่นว่า EPM, TST รวมทั้ง light/dark exploration พบว่าสารสกัดเมทานอลอัญชันขนาด 100 – 400 มก./กิโลกรัมน้ำหนักตัว มีฤทธิ์ระงับความเครียดและตื่นตระหนกเมื่อเทียบกับกรุ๊ปควบคุม นอกนั้นการฉีดสารสกัดเอทานอลจากดอกอัญชัน ขนาด 100 แล้วก็ 200 มก./กก. น้ำหนักตัว เข้าทางท้องหนูแรทมีฤทธิ์กลุ้มใจน้อยลง เมื่อกระทำทดสอบด้วยรูปแบบต่างๆอย่างเช่น EPM, TST และก็ Rota Rod test โดยขนาด 200 มก./กก. น้ำหนักตัว ได้ผลดีกว่าขนาด 100 มก./กิโลกรัมน้ำหนักตัว

ฤทธิ์กระตุ้นการเรียนรู้และก็ความจำเล่าเรียนฤทธิ์กระตุ้นการเล่าเรียนและก็ฟื้นความจำของสารสกัดเอทานอลใบอัญชัน จากภาวะจำอะไรไม่ค่อยได้ที่เป็นผลมาจากการป่วยเป็นโรคเบาหวาน โดยทำการทดสอบในหนูแรทที่ถูกรั้งนำให้เป็นโรคเบาหวานด้วยการฉีด streptozotocin ต่อจากนั้นป้อนสารสกัดเอทานอลใบอัญชันให้กับหนูขาววันละ 200-400 มิลลิกรัม/กิโลกรัม น้ำหนักตัว นาน 75 วัน วัดความรู้ความเข้าใจในการจำตำแหน่งของวัตถุหรือสิ่งที่อยู่รอบข้างด้วยวิธีการต่างๆได้แก้ Y-maze test , mirrow water maze test แล้วก็ radial arm maze test ในวันที่ 71 และก็ 75 ของการทดสอบ ผลจากการเล่าเรียนพบว่า หนูที่ถูกป้อนสารสกัดเอทานอลใบอัญชันทั้งสองขนาด มีความสามารถสำหรับในการทำความเข้าใจและความจำดีขึ้นเมื่อเทียบกับหนูกรุ๊ปควบคุม ยิ่งกว่านั้นจากการตรวจวัดค่าชีวเคมีในเลือดหนูพบว่า การป้อนสารสกัดเอทานอลใบอัญชันทั้งสองขนาด มีความรู้สำหรับในการเรียนรู้และก็ความจำดียิ่งขึ้นเมื่อเทียบกับหนูกรุ๊ปควบคุม นอกนั้นจกาการตรวจวัดค่าชีวเคมีในเลือดหนูพบว่า การป้อนสารสกัดเอทานอลใบอัญชัน มีผลยับยั้งการทำงานของโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมี acetycholinesterase ซึ่งเป็นโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมีที่ปฏิบัติภารกิจสลายacetylcholine ที่ปฏิบัติหน้าที่เป็นสารสื่อประสาท เกี่ยวกับกระบวนการเรียนรู้แล้วก็ความจำ นอกจากนั้นยังเพิ่มระดับของเอนไซม์ที่เกี่ยวโยงกับกระบวนการต้านทานอนุมูลอิสระ อาทิเช่น superoxide dismutase (SOD) ,catalase (CAT) และ glutauhione (GSH) อีกด้วยทำให้เห็นว่าสารสกัดเอทานอลใบอัญชันมีฤทธิ์บำรุงสมองกระตุ้นการเรียนรู้รวมทั้งช่วยฟื้นฟูความจำ จากภาวการณ์ที่มีอาการป่วยด้วยเบาหวานในหนูทดลองได้ และก็จากการเรียนรู้ฤทธิ์คลายเครียดและกังวลของพืชที่มีคุณประโยชน์บำรุงสมองตามตำราอายุรเวทศาสตร์ของประเทศอินเดียพบว่า สารสกัดเมทานอล 80% จากรากอัญชัน ขนาด100 รวมทั้ง 200 มก./กิโลกรัม น้ำหนักตัว เมื่อป้อนให้แก่หนูเม้าส์ มีผลกระตุ้นการเรียนรู้แล้วก็ความจำของหนู เมื่อทดลองด้วยแนวทาง step-down passive avoidance model ซึ่งเป็นกรรมวิธีทดลองพฤติกรรมหลบเลี่ยงการเสริมแรงทางลบ (negative reinforcement)
การศึกษาฤทธิ์กระตุ้นการศึกษาและก็ความจำของอัญชันในหนูแรทแรกเกิด (อายุ 7 วัน) โดยการทำการป้อนสารสกัดน้ำรากอัญชัน ขนาดวันละ 50และก็ 100 มิลลิกรัม/กก. นาน 30 วัน แล้วนำไปทดสอบแนวทางการเรียนรู้แล้วก็จดจำด้วยวิธี passive avoidance test และก็ T-maze test พบว่าหนูที่ได้รับสารสกัดน้ำอัญชันให้ผลการทดสอบดีกว่าหนูกรุ๊ปควบคุมอย่างมีนัยสำคัญ โดยไม่มีผลต่ออัตราการเคลื่อนไหวหรือก่อให้เกิดอาการเซื่องซึม นอกนั้นยังพบว่าสารสกัดน้ำรากอัญชัน ขนาด 100 มิลลิกรัม/กิโลกรัม น้ำหนักตัว ส่งผลเพิ่ม acetylcholine ในสมองบริเวณ hippocampus ของหนูแรทอีกทั้งในวัยแรกเกิดและก็หนูที่อยู่ในวัยบริบูรณ์ชนิดอีกด้วย
ฤทธิ์ต้านการอักเสบและก็แก้ปวด เล่าเรียนฤทธิ์แก้ปวดของอัญชันในหนูเม้าท์ที่ถูกเหนี่ยวนำให้เกิดอาการเจ็บปวดด้วยการฉีดกรดอะซีติเตียนก (acetic acid) เข้าทางท้อง หลังจากได้รับสารทดสอบ แบ่งหนูเม้าส์ออกเป็น 4 กลุ่ม กรุ๊ปที่ 1 เป็นกลุ่มควบคุม กรุ๊ปที่ 2 ป้อนยาพารา diclofenac sodium ขนาด 10 มิลลิกรัม/กิโลกรัมน้ำหนักตัว กรุ๊ปที่ 3 แล้วก็ 4 ป้อนสารสกัดเมทานอล/น้ำจากใบอัญชันขนาด 200 รวมทั้ง 400 มก./กก. น้ำหนักตัวตามลำดับ จากนั้นพิจารณาการกระทำการบิดขดตัวของหนู ซึ่งเป็นอาการแสดงออกถึงความเจ็บปวด ผลจากการทดลองพบว่า หนูเม้าส์ที่ได้รับสารสกัดเมทานอลใบอัญชันทั้งสองกรุ๊ปควบคุมอย่างมีนัยสำคัญ และพบว่าสารสกัเมทานอล/น้ำจากใบอัญชันให้ผลดีมากยิ่งกว่ากลุ่มที่ให้ยาแก้ปวด diclofenac sodium เมื่อคิดเป็นเปอร์เซ็นต์การต่ำลงของอาการบิดงอตัว (%inhibition of writhing) เปรียบเทียบกับกรุ๊ปควบคุม กลุ่มที่ได้รับสารสกัดเมทานอล/น้ำจากใบอัญชันขนาด 200 และก็ 400 มก./กก. น้ำหนักตัวมีค่าพอๆกับ 82.67 รวมทั้ง 87.87 % เป็นลำดับ ในเวลาที่กรุ๊ปที่ได้รับยาแก้ปวด diclofenac sodium มีค่าเท่ากับ 77.72% ทำให้เห็นว่าสารสกัดเมทานอล/น้ำจากใบอัญชันมีฤทธิ์แก้ปวด แล้วก็ในการศึกษาฤทธิ์แก้อักเสบของอัญชันในหนูแรทที่ถูกเหนี่ยวนำให้เกิดการบวมแล้วก็อักเสบด้วยการฉีดสาร carrageenan เข้าที่เข้าทางบริเวณฝ่าตีน โดยการทำการป้อนสารสกัดปิโตรเลียมอีเทอร์ดอกอัญชัน ขนาด 200 รวมทั้ง 400 มิลลิกรัม/กิโลกรัม น้ำหนักตัว เปรียบเทียบกับการให้ยาแก้ปวด diclofenac sodium สังเกตและก็วัดลักษณะของการปวดของอุ้งเท้าหนูด้วยเครื่อง plethismometer ผลจากการทดสอบพบว่า หนูที่ได้รับสารสกัดน้ำมันปิโตรเลียมอีเทอร์ ดอกอัญชันทั้งคู่ขนาดมีอาการบวมของฝ่าตีนน้อยกว่ากรุ๊ปควบคุมอย่างมีนัยสำคัญ แล้วก็เมื่อคิดเป็นเปอร์เซ็นต์การน้อยลงของอาการบวมของฝ่าเท้า (%inhibition of paw) เปรียบเทียบกับกลุ่มควบคุม กรุ๊ปที่ได้รับสารสกัดน้ำมันปิโตรเลียมอีเทอร์ดอกอัญชันขนาด 200 และ 400 มก./กิโลกรัม น้ำหนักตัว มีค่าพอๆกับ 14 แล้วก็ 21% เป็นลำดับ รวมทั้งกรุ๊ปที่ได้รับยาแก้ปวด diclofenac sodium เท่ากับ 38% ชี้ให้เห็นว่าสารสกัดปิโตรเลียมอีเทอร์ดอกอัญชันมีฤทธิ์ต้านทานการอักเสบแม้กระนั้นยังมีคุณภาพน้อยกว่ายา diclofenac sodium ยิ่งกว่านั้นเมื่อศึกษาค้นคว้าฤทธิ์แก้ปวดของสารสกัดปิโตรเลียมอีเทอร์ดอกอัญชันทั้งสองขนาดในหนูเม้าส์ เปรียบเทียบกับยาแก้ปวด pentazocine ซึ่งฉีดเข้าทางท้องหนู โดยทดลองด้วยแนวทาง Eddy's hot plate method พบว่าสารสกัดน้ำมันปิโตรเลียมอีเทอร์ดอกอัญชันขนาด 400 มิลลิกรัม/กิโลกรัม น้ำหนักตัว มีฤทธิ์ต่อต้านลักษณะของการเจ็บปวด แต่ว่ายังมีประสิทธิภาพน้อยกว่ายา pentazocine
ฤทธิ์ช่วยสำหรับการนอน เรียนฤทธิ์ด้านเภสัชวิทยาระบบประสาท (neurophamacological study) ของอัญชันในหนูเม้าส์ โดยการฉีดสารสกัดเอทานอลรากอัญชันเข้าท้องขนาด 50,100 และ150 มิลลิกรัม/กก. น้ำหนักตัว ก่อนนำไปทดสอบด้วยวิธี head dip test แล้วก็ Y-maze test พบว่าสารสกัดเอทานอลรากอัญชันขนาด 100 และก็ 150 มิลลิกรัม/กก. น้ำหนักตัว มีผลลดอาการผงกหัว (head dip) และก็ระยะเวลาการวิ่งในกล่องรูปตัว Y ต่ำลงอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเปรียบเทียบกับกรุ๊ปควบคุม ซึ่งชี้ให้เห็นว่าสารสกัดเอทานอลรากอัญชัน มีฤทธิ์ลดพฤติกรรมการเคลื่อนไหวตามธรรมชาติแล้วก็ความสนใจต่อสภาพแวดล้อมของหนูเม้าส์ นอกเหนือจากนี้ยังพบว่า สารสกัดเอทานอลรากอัญชันเข้าทางท้องของหนู 30 นาที ก่อนฉีดยานอนหลับดังที่ได้กล่าวมาแล้ว โดยทำให้ระยะเวลาการนอนหลับของหนูนานขึ้นอย่างเป็นจริงเป็นจังเมื่อเทียบกับการฉีดยาphenobarbitone เพียงอย่างเดียว

ฤทธิ์ต้านการเกาะกรุ๊ปของเกล็ดเลือด การวิเคราะห์แยกสารanthocyanin กลุ่ม ternatins ที่สกัดได้จากดอกอัญชัน แล้วก็เรียนรู้ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาของสารดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นในหลอดทดสอบ (in vitro) พบว่า สาร ternatin D1 จากดอกอัญชันมีคุณสมบัติยับยั้งการเกาะกลุ่มของเกล็ดเลือดกระต่ายที่รั้งนำโดย collagen รวมทั้ง adenosine diphosphate (ADP)
ฤทธิ์ลดไข้ เล่าเรียนฤทธิ์ลดไข้ของอัญชันในหนูแรทที่ถูกรั้งนำให้อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้นด้วยการฉีดเชื้อยีสต์เข้าทางใต้ผิวหนัง ขนาด 10 มล./กิโลกรัม น้ำหนักตัว จากนั้น 19 เซนติเมตรแบ่งหนูออกเป็น 5 กรุ๊ป (กรุ๊ปละ 6 ตัว) กลุ่มที่ 1 ให้เป็นกลุ่มควบคุม กลุ่มที่ 2 ป้อนยาพาราเซตามอลขนาด 150 มก./กิโลกรัม น้ำหนักตัว กลุ่มที่3-5 ป้อนสารสกัดเมทานอลรากอัญชัน ขนาด 200 , 300 รวมทั้ง 400 มิลลิกรัม/กก. น้ำหนักตัว ตามลำดับ กระทำการวัดปรอทร่างการทางทวารหนักของหนูที่ชั่วโมง 0,19,20,21,22 แล้วก็ 23 ของการทดสอบพบว่า สารสกัดเมทานอลรากอัญชันทุกขนาดมีผลลดอุณหภูมิร่างกายของหนูลงอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับกรุ๊ปควบคุม และก็ได้ผลไม่มีความต่างจากกลุ่มที่ได้รับยาพาราเซตามอล
 
ฤทธิ์ต้านทานเบาหวาน การศึกษาเล่าเรียน
 
ฤทธิ์ต้านทานเบาหวานของอัญชันในหนูแรทที่ถูกรั้งนำให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดสูงโดยการฉีดสาร alloxan พบว่าการป้อนสารสกัดน้ำจากใบรวมทั้งดอกอัญชัน ขนาดวันละ 100-400 มิลลิกรัม/กิโลกรัม นาน 14-84 วัน มีผลลดระดับน้ำตาลในเลือด ระดับน้ำตาลเฉลี่ยสะสมในเลือดคอเลสเตอรคอยล ไตรกลีเซอไรด์ และระดับโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมี glucose-6-phosphatase ไปเป็นน้ำตาลแล้วก็เพิ่มระดับอินซูลิน HDL-cholesterol รวมทั้งโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมี glucokinase ซึ่งปฏิบัติภารกิจเกี่ยวกับการควบคุมระดับกลูโคสไปเก็บสะสมเป็นพลังงานสำรองในรูปของ glucogen ในตับและก็กล้าม นอกจากนั้นยังลดความเสียหายของกลุ่มเซลล์ Islet of Langerhans จำพวก B-cells ในตับอ่อนซึ่งปฏิบัติหน้าที่ผลิตอินซูลิน จากการฉีดสาร alloxan ได้
ส่วนสำหรับเพื่อการทดสอบฤทธิ์ของอัญชันในสินค้าเครื่องแต่งตัวสำหรับบำรุงผิวพบว่าสารสกัดน้ำและก็สารสกัดเอทานอลจากดอกอัญชัน มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระเมื่อทดลองด้วยวิธี 2,2-diphenyl-1-picrylhdrazy (DPPH) ขึ้นรถสกัดน้ำจะมีฤทธิ์มากกว่าสารสกัดเอทานอล ซึ่งมีค่าความเข้มข้นที่ยั้งอนุมูลอิสระได้ 50% (IC50) เท่ากับ 1 แล้วก็4 มิลลิกรัม/มิลลิลิตร เป็นลำดับ และเมื่อนำสารสกัดน้ำดอกอัญชันไปเป็นส่วนประกอบในเจลสำหรับทารอบดวงตาพบว่าฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระของอัญชันยังคงอยู่ แต่มีประสิทธิภาพน้อยกว่าครีมมาตรฐาน ทำให้บางทีอาจสรุปได้ว่าการใช้ดอกอัญชันเป็นองค์ประกอบในเครื่องสำอางสำหรับบำรุงผิวบางครั้งก็อาจจะได้ประโยชน์จากฤทธิ์ต้านทานอนุมูลอิสระ
การเรียนรู้ทางพิษวิทยา
การเล่าเรียนความเป็นพิษแบบฉับพลัน ของสารสกัดน้ำมันปิโตรเลียมอีเทอร์จากดอกอัญชันในหนูแรทเพศภรรยาพบว่า การป้อนสารสกัดขนาด 2000 มก./กิโลกรัมน้ำหนักตัว ไม่นำมาซึ่งการก่อให้เกิดความเป็นพิษต่อหนูอะไร แล้วก็ในการศึกษาความเป็นพิ

2

พริกไทย ใบของต้นขทางมีลักษณะเป็นใบเดี่ยว ก้านใบสั้น ใบติดตามข้อสลับกัน ลักษณะใบเป็นรูปไข่หัวกลับ มีขอบใบหยัก และมีขนาดกว้าง 1-5 เซนติเมตร ยาว 2-9 เซนติเมตร(1) ใบขทางสดมีรสหวานและก็มีความฝาด (astrijyyukjyukyngentio;io;io;io;)พริกไทย นิดkykykหน่อย คนท้องถิ่นนิยมio;io;i;ลวกใบขทางรับปjtyjtyjระทานกับน้ำพyukริuilกแ;;op';ละใช้ทำo'uหารพื้นเมืo'องukยกyตัวอย่างเช่นยำรวมทั้งแกงคั่ว(4) ใบtyjtkyขทางสด 100 กรัม มีคุop'ณค่าทางโภชนาการดั'o'งนี้o5) โปรตีน 1.8 กรัม ไขมัio;ioน 0.5 กรัม ใยอาyukหารแบบลyukะลายน้ำ 0.5 กรัม ใยอาหารแyukบบไyuละลายน้ำ 0.9 กรัม คาร์u;ioi;oโio;น}เบต้าio-แคโรทีนที่เจอในใบ;ioขทางสด 100 กรัมเป็นปริมาณที่ใกล้เคียงเคียงเทียบเท่ากับhrtjปริมาณแhrtคลเtyยมที่ได้จากkyulกjkuilารดื่มน้ำoio;io;iนม 1 แi;ก้ว (8 ออนซ์)(6) รวมทั้งปริมาณเบต้า-แคโรทีนที่ได้ที่เกิดขึ้นจากด้านyulการกินเนื้อฟักทองสุก 100 กรัม(7) เป็นลำดับ เบต้า-แคโรทีนเป็io;รงควัตถุสีเหลืองที่i;พบในพืชรวtyjykuu;i;oมทั้งมีฤทธิ์ต้านทานอนุมูลอิสระที่ดี luilแม้กระนั้นใio;บของต้นขทาio;งที่ขึ้นตามธรรมชาติในป่าชายเลนอาจมีปริมาณโoi'po'opyk'opซเดียมสูง''มากมายเพราop''ะว่าต้นขทางopได้รับเกuilลือpo'โซเดียมคลอไรด์ (NahrtjytjCl) p'op'ที่มาจาiulกความเค็yo'uyukwefyukykมของดิน(8) ดังนั้นผู้ที่op'{ป่วop'ย|iuluopiไม่คuilวรรัop'บประทานใบขทางในจำนวนมาก แพทย์แผนโบราณใช้ใบขทางop'สดพอกรักษาแผลที่op'เกิดจากอาการเนื้อตาย (gangreous ulcer)(9)'op หรือนำใบขลู่มาชงชาuilหรือต้o'มเพื่op'อใช้รักษาอาการนิ่วในไต (ยาขับเยี่gยว) อาการอักเสบ อาการปวดข้างหลัง และ อาการตกขาว(9,10) ในประเทศอินโดนีเซียtyjมีรายงานถึงการกินน้ำต้มใบขลู่เพื่อช่erghวยทำให้ปรับyukyuiluiio;op'opเจริญอาหารแio;op;op';ล้วก็ช่วยการย่อยของอาหารยิ่งไปop'กว่านี้uยังมีรายงานuilการyukใช้น้ำสุกใบขทางเป็นยา'opต่อต้านจุลินทรีย์tyj ยาแก้ท้องเดิน และยาบรรเทาอาการไอ รวมถึงมีการใ'opช้เป็นส่วนผสมในสินค้าสำหรับดูแลผิวช่วยให้ผิวนุ่ม(11) ใบขลู่มีสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพกลุ่มที่สำคัญคือกลุ่มฟีโนลิกแล้วก็ฟลาโวนอยด์ ใบขลู่ 100 กรัมมีกรดคลอโรจีนิก 20 มก. กรดคาเฟอิก 8.65 มิลลิกรัม และก็เคอร์ซิติน 5.21 มก.(11)พริกไทย ผลจากการวิจัยของ Andarwulan และแผนกในปีพ.ศ. 2553 ได้ทำให้เห็นว่าyukจาjtyjtyกใบขลู่มีฤทธิ์ที่ดีสำหรับเพื่อการต้านอนุมูลอิyukสระแล้วก็สามารถยั้งการเกิดออกซิเดชั่นของลิปิดได้ดิบได้ดีมากมาย ซึ่งนoi;oi;อกเหนือjแyuล้io;ได้มีรายงานทyukางเภสัชyukวิทยาหลายฉบับรับรองฤทธิ์ทางชีวภาพของใบขลู่ สรุปสาระสำคัญอย่างย่อได้ดังนี้ สารสกัดจtyากใบขทางด้jtyวยกjtyjiารแช่ในเอทานอลเข้มykข้น 70% เป็นเวลา 2loi;io วัน พบว่าyuk yukมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ พริกไทยรวมทั้งjtyjtyลดการปวดในjtytyสัตว์ทดลอง(12) ซึ่งฤทธิ์jtyต้านการอักเสบได้รัykuบการรับรองซ้ำจากผลการศึกio;ษาวิจัยการใช้สารสกัjtyดใบขทางเฉพาะส่วนซึ่yukงสามารถละลายได้อีกทั้งในเอyukทานอลรวมทั้งเอธิลอะซิเตต(13)yukyuk สำหรับสารสกัดจากใบขลู่พริกไทยด้วยการแช่yukในเมทานอลเข้มyukข้น 80% เป็นเวลา 7-14 วัน พบว่ามีฤทธิ์ต้านโรควัณโรค(14)

3

มะกรุด รายการอาหารถั่วดำเป็นของหวานที่พวกเราเคยชินกันดี เนื่องจากถั่วดำทำอะไรก็อร่อย ไม่ว่าจะเป็นขนมไทยๆอย่างข้าวเหนียวเปียกถั่วuilดำ ถั่วyukyดำน้ำน้ำกะทิloiuou หรือข้ามทt;io;yjtkyukuluioioวีปไปอีกนิดเป็นบราวนี่ถั่วดำ มะกรุดเห็นได้ชัดว่าถั่ว;l;i;io;i;ดำเป็นuilคุณประโยuilชน์uilสำหรับในกiouoiu;ารio;ต้uilานทาii;opo;นโรคมะเร็ง itykuoแyukyukต่ทว่าก่อนที่จะไfjปดูปรto;ะโยชน์ที่ได้รับมาจากถั่วดำ;io; พวกเราอยากมะกรุดโชว์คุณปluiระโยuiชน์ทางอาหารของถั่วดำในuilจำนวio;นui 100 กรัม โดย'op'io;poอ้างอิงจากuiluilอมูลกองโภช'opนาการ ก'opรมอนาluop'lมัย io;ตามนี้ก่อนเลio;ย1. ปรับสมดุลรiouiluiะบบทางเดินอาหาร รวมทั้งน้ำตาลใ;io;ioนเลือuiดจากที่เห็นว่าถั่วดำเป็นแหล่งโปรตีน ใยอาหาร รวมทั้งแร่ต่างๆที่ดีหลากหลายประเภท ถั่วดำจึงมีสรรพคุณช่วยทำให้สมดุลopให้ระบบทางเดินอาหารทำงานก้าวหน้า รวมทั้งยังช่วยสร้างสมดุลระดับน้ำตาลในเลือด ไม่ให้เพิ่มหรือลดน้อยลงอย่างรวดเร็วด้วย. เป็นอาหารต้านโรคมะเร็งรังไข่  ด้วยสรรพคุณของถั่วดำที่ช่วยทำนุบำรุงสุขภาพม้าม ขับความชุ่มชื้นในร่างกาย บำรุงพลังศูนย์op'กลาง ซึ่งจะช่วยให้op'ระบบopการทำงา'opopนของ|หลักการทำopงาน'opของ|แน'op'วทางการทำงานของ|รูปแบบการทำงานของ|ลักษณะกาio;io;รทำงานของ}ร่างกาย โดยยิ่งไปกว่านั้น'op'ระบบภูมิคุ้มกัน'opล์ร้ายได้ทางหนึ่ง   อีกด้วย'opคุณประโย'po'opชน์ช่วย;'op'io;io;io;ทำให้ปรับฮอร์โมนภายในร่างกาย ถั่วดำก็เลยมีส่วนช่วยลดการเสี่ยงโรคมะเร็งรังไข่ อันมีioต้นเหตุมาจากio;คu;วาo;มเปลี่'opยนไปจากปกติของ;ฮอร์โมน;io;ในร่างกายได้นั่นเอง  ทั้งนี้พวกเราก็มีสูตรเมนูซุปถั่วดำ รับประทา'opนเพื่อต่อต้าuillนมะเร็งรังไข่มาฝากด้วย ตามนี้เลยค่ะมะกรุด  ในio;ioถั่วดำยังมีสาhtrtรเซio;แม้กระนั้นสามาeger;ioรjtyjถเจอได้ในถั่วดำ ซึ่งเซ;io;เลเนียมตัtykวนี้จะสามารถช่วยในการปรับสมดุลyjtเอนไซม์|โปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเyulคมี}ในตับ แล้วก็ช่วยดีท็อกซ์สารพิษในตับที่'opอาจก่อให้opเกิดเซลล์ของมะเร็งได้ 'op'{ดังนั้น|เพราะฉะนั้น|ฉะนั้น'opตั;ioบได้นั่นเอง5. ลดความเสี่ยงมะเร็งเต้านมจากการศึกษาเล่าเรียนพบp'ว่า ถั่วดำมีโฟเลตค่อนข้างจะสูง ซึ่งจะช่วยคุ้มคร'op'opองopป้องกันเซลล์ในระดับมะกรุด DNA แop'ะช่วยซ่'opอมแซมในส่วนที่สึop'กกร่อน เป็นกำแพงคุ้มครองปกป้องไม่ให้เopซลล์กลายพันธุ์เป็นโรคมะเร็งได้ 'opโดยยิ่งไปกว่านั้นกับโรคมะเร็งเต้านมค่ะ

4
พลูคาว มีสรรพคุณประโยชน์ดีอย่างไร

5

ข่า สถานีศึกษาค้นคว้าต้นน้ำขุนสถาน เป็นหน่วยรักษาและจัดการต้นน้ำและป่าดง อยู่ห่างจากที่กระทำราว 2 กมuikuik. แล้วก็อยู่บyukนเทือกเขาสูง 1,330 เergrehyมตtyjร จากระดับน้ำทtjttyjkjyukyukะเล โดยtyjบริเวณข่านี้ฯลฯกำเนิดน้ำแหง ก่อนจะไหลมารวมกับลำน้ำอื่yukนๆในhrthrtลุ่มน้ำน่าน ทางสถukyukyukyukาyนีจึงทำการwsfergปลูyukuyhgerhกgrtkyuhrthrtป่าเพื่อฟื้นฟูสภาพพื้นที่ต้นน้ำให้สมบูrthรณ์บergerริบูรณ์ และปลูกต้นราชินีukเสือโคร่yukงไว้เป็นป่yukyjutykyukyาดงเลยtjทีเดียว อีกทั้ykuiuงภhtyjreายในสherานีแhrtละข้าhrtergegงuityjtyjlทางข้างนอก ขุนช่างเคี่ยน เป็นเขตสถานีวิจัยและศูนujyuuiอบรมการได้ข่าชมดอกyukไม้บานแyukล้ว ยังจะได้ชมการเพาะปลูกพืชเมืyukองหนาวที่สถานีเกษตรแห่งนี้อีกด้วยหากkyuไม่ได้อuilยากต้องกาtrjรขึ้นไปแออัดชมซากุระประkyukเทyuศkyuไทยบนขุนช่าkyukyงเคี่ยน ก็สามาyuukรถมาเก็บภาพที่ภูเkyuluilขาjyปุยนุ่uilนได้เหมืhrtอนtygterกัjytน โดyu ดอยฟู เป็นewgrthtdrrjyut6yjtyส่วนyukนึ่งส่วนใดของอุทยานแห่งukyuyukชาติrthภูเขาuyสุyukพ-ฟู อยู่บนยอดเขาสูluiง 1,658 เมตร จluiากukyระดับน้ำทะเลปานกลาง jyukyukเป็นที่iulตั้งขอluiงหมู่บ้านคนภูเuilขาเผ่าrthม้ง หรือบ้านแม้วดอยฟูyuk พื้นที่โดยมากtjyเป็นป่าสน มีธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ อากาศเย็นสบายตลอดปีiujtyมีจุดuiดูดluiอกราชินีเสือโคร่งที่น่าสนใจอยู่ 2 แrthห่ง เป็น รอบๆแuiปลงดอกไม้เมืองหนาว ด้านหน้าของศูนย์วิจัยjฯ แล้วก็บริเวณข้างkyuในโครงการเกษตรฯ จะมีทางเดินที่โอบล้อมด้วยอุโมงค์hrtสีhjtyjtyชมพู “อุโมงค์ซากุระ”เมื่อก่อนมีชื่อว่า “อุทยานแห่งชาติภูเขาผ้าที่เอาไว้yukkห่มปก” แต่ว่าrtตอนนี้hrthข่าเปลี่ยนแปลงชื่อมาเป็น “อุทยานแห่งชาuilติภูเขาฟ้า{ห่ukyukyukwมtyu เมตร จากระดับน้ำทะเล มีดอยสำคัญดังเช่นว่า ดอยฟ้ilาคrthลุมปก ภูเขาliuliปู่หมื่น ภูเขาแหลม แล้วก็ภูเขาอ่างขางตั้งอยู่ใน อ.แม่สรวย จ.เชียงราย เป็นส่วนใดส่วนหนึ่งของแนวเขาผีปันน้ำทางตะวันตก มีอากาศหegeนาวเย็นตลอดทั้งปี  โดยที่แห่งyukนี้ ยังขึ้นชื่ออีjtyกว่าเป็นแหล่งปลูกrthต้นราชิuilนีเtyjสือโคร่งที่tyjใหญ่ที่uilสุดในประเทศไทยอีerhrthrthrthกด้วyukยดอreกนางพญาเสือโคร่งที่พระตำหนักดอยหน้าผาตั้ง จะบานสลับกับyuพืชผลเมืองหนาวอื่นๆดังเช่น ไร่สตอเบอปรี่ข่า ไร่ลูกพลับukyร่สาลี่ เป็นต้น บyukริเวณนี้มีที่เที่ยวน่าสนใจ{คือ|เป็นkม่อนน้องแกะ หรือฟาร์มแกะแผนการหลวง สถานีหน่วยย่อยดอยผาตั้ง ที่มีบรรยากาศสวยมากเหมือนกับอยู่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์

6
อื่น ๆ / Re: งาดำ มีทั้งอาหาร
« เมื่อ: ตุลาคม 30, 2018, 10:01:01 AM »
งาดำ มีสรรพคุณเด่นอย่างไร

7

หญ้าหวาน มะเขือเทศราชินี หรือที่เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า มะเขือเทศเชอร์รี  (Cherry tomato) ผลไม้ใบหน้าน่ารัก ที่คนไหนกันแน่ได้ทราบจักผลดีเป็นต้องหญ้าหวานร้องว้าวอย่างไtyjม่tyjtyjต้องjytyjสงสัย  ถ้าเกิดพูดถึงht'op'yjมะloเขือเ[p[]ทศi;เชื่อว่า|มั่นใจว่า}ทุกคนน่าจะรู้จัto'kyklyulkกมะop'po'เขือเทศลูกโตๆอย่างมะเขืklyอเio;ทศ;io;สีดากันอย่างดีเยี่ยม ด้วยเหตุว่าเป็นtyjผลไม้ที่io;rtjนำมาop'ปร;'oipะกอloi;io;บอาหาร lkylและก็ยัttyyjงเio;ปี่;ยมล้jtyปด้วยสารtyjต้านอนุมูลoi;ijอิtyjtyสระ วิตามิน รวมทั้งธjtyาตุio;io;ต่างๆที่มีสาระio;อ;i;ภาพทางด้านio;ร่างio;กาย ทั้งยังยังoiช่ว;ioยบำรุงผิวได้ดีเยี่ยม แม้กระนั้นหากกล่าวถึงเi;ครือญาติของมันอio;oiย่างopมะเขือเykศรio;'p[p[าชินีล่ะ บางคนบางทีอาจจะยังไeghม่รู้จัก;ioว่ามะเขือเทศลูกเล็กอย่างมะเขือเykทศราชินีนั้นเy6นประโยชน์ขนาดไหio;น  วันนี้กรioะ;ปุกดอทคอม;ioจึงขออาสาพา;opทุกคนไปทำความรู้จักกับมะเขือเทศราชินีให้มากเพิ่มขึ้น หญ้าหวาน;ioการันตีว่าioถ้าคุณได้ทราบจะมะเขือเทศราชินีแล้ว คุณจำเป็นจะต้องหลงเสน่ห์ผลไม้ชื่องานเด่นเป็นสง่านี้อ;io;ย่างถอนตัวไม่ขึ้นเลยทีเดียวมะเขือเทศราชินีรู้จักมะเขือเทศราชินี   มะเขือเทศราชินี กับ มะเขือเทศเชอร์รี (Cheriory tomato) ก็คือผลไม้ประเภทเดียวกัน มีชื่อเรียกด้านวิทยาio;ศาสตร์ว่า Soiolanum lycopersicum L. var. cerasiforme อยู่ในตระกูล Solanaceae เป็นพืชล้io;มลุก ลำต้นตั้งชัน มีขนอ่อนๆi;oปกคลุมลำต้น ใบประกอบเป็นแoi;io;บบสลับ ใบย่อยมีขนาดแตกio;ต่างกัio;น บางใบเล็กเรียว บางใบกลมใหญ่ ปลายใ;ioบแหลม ขอบของใบหยัก o;rคล้ายฟันเลื่อย มีขนอ่อนปกคลุม ดอกมีสีเหลือง ผลมีลักษณะกลมรี หรือทรงรี เมื่อสุกจะมีสีเหลือง สีส้ม หรือสีแดง เนื้อนุ่มชุ่มฉ่ำน้ำ มีrthรสเปรี้ยrthวอมหวานมะเขือเทศราชินีrthมีอะไรอยู่ในมะเขือเทศราชินี ?ผู้ใดกันแน่จะไปคาดคิดว่าในมะเขือเทศราชินีลูกเล็กๆจะมีคุณค่าทางของกินแอบซ่อนอยู่เพียบ พวกเราไปดูกันเลยดีกว่าว่า ในมะเขือเทศราชินี 100 กรัม (ราว 5-7 ลูก) มีคุณค่าทางโภชนาการอะไรบ้างมีมะเขือเทศราชินีตรงไหน มีไลโคไต่ (Lycopene) ที่นั่นค่ะ  เชื่อว่าทุกคนคงจะเคยผ่o;านหูผ่านตากับชื่อของไลวัวปีนกันมาบ้างแล้ว ซึ่งไลวัวตะกาyukยก็คือ สารต้านอนุมูลอิสระในกรุ๊ปtyjytkjtykแคโรทีนอยด์ (Carotenykoid) ที่yจะukช่วยลดความเสี่ยงที่จะเio;ป็jntyนโรคต่างๆอันมีเหตุที่เกิดtykจากเซลyukล์ถูกทำลายได้uk ตัวอย่างเช่น โรคtjtrjมะเร็ง ยืนยันโดยงานค้uilนคว้า;io;ที่ถูกพิมพ์ลงในวารสาร "Canadianiul Medical Association Journal" หญ้าหวานเว้นเสียแต่ในมะเขือ;io;เทศราชินีจะเป็serbgนแหล่งไลวัวป่าrtjtyยปีนแล้ว ในมะkyเขือเทศราชินียังมีสารประกอบฟีนอลิก (Phyukenolic compounds) ที่yukจะช่วยio;คุ้มครองปกป้องโuk;ioรคมะเร็ง โรคหัวใจiuluio;oip;และก็oi;io;ลอดเลืio;อด|เส้นเลือด|เส้นโลหิต}ได้fอย่างดีเยี่ยม โดยจากyukการศึกษาเล่าเรียนขkyองyuแผนกทรัyukluo;พukyyยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยเyukทคโนโลยีราชมงคลอีสาน เขตพะนคร ร่วมกับ แผนกเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เรื่อง "ผลขอyukงสายพันธุ์ต่อหญ้าหวานความio;รู้ioความเข้า;iใจในการต้านทานอนุมูลytkuอิio;สระและฤทธิ์การต้านอuilio;อกซิเดชั่นขjyukองมะเขือเทศราชิjtyนี" ในมะเขือเi;ทศราชินีสุก 4 สาjtyยพันธุ์ เป็นต้นว่i;oา สายพันธุ์ 12005 12034 C40 แล้วก็ G50 พบว่ามะเขือเทศราชินีสายพันธุ์ C40 มีสารประกอบฟีนอลิก(Phenolic compounds)

8

ราชพฤกษ์ ลักษณะทางพฤกษศาสตร์  ไม้ล้มลุกขนาดเล็ก อายุปีเดียว ลำต้นตั้งชัน แตกกิ่งก้านสาขา สูงราวๆ 20-30 เซนติเมตร หรือทอดไปตามดินน้อย แต่ปลายtyชูขึ้tjkuiluiluilน|ยกขึ้yjtyน} ลำต้นกลมอวบui;luน้ำ มีสีเขีtยวม่fgfgjngmyjt;oi;io;ky,iuวงแดงราชพฤกษ์ผสมเข้ม ลำต้นอ่อ/pน มีขนปกคลุมเล็egrthjกน้อย ใบjytyyuเป็นใบลำoiพัง ออกต;io;io;รioงข้ามo;รูปสามเหลี่ยม|สามu;หลี่ยม} รูปไข่ ;io;หtehrtjukyรือรูปใykบหอกปนรูi;oปไข่ ขอบใบio;yukรียบ หรือจะเป็นtykyukฟันเลื่อyukyukแบบหยuilาบๆก้uiluiาyukykใบยาว 1ykt-y2 ซม. ผิวใบสากมีขน ใบกว้าง 3-luil4 ซม. ยาว 3-6 ซม. ปลายใบแหลม โคนใบสอsjytjtkบ ดอกio;ออกเป็นช่อตาyukมซอกใบiukyuko;และปลายกิ่ง เuidngt,uoimป็นกระจุกสีเหลือukง ลักykษณu.ะuilกลม รูปไluiข่ ปลายแหลมเuiyหมือนdfnggtmymหัวแuiluilหวน ยาว 8 มม. ดอกย่luiอยมี 2 วง วงนอกเป็นดอกเพศyukภรuilklรยyukาlok.i วงในเป็นดอi/กสมบูรณ์lkyก้านดอกเรียวยาว 2.5-1ului5 เซนติเมตร ชูตั้งทykyรงกลมเหมือนหัวแหวน ริ้วเสริมyuแต่งu;มี ul2 ชั้ykนl รูปใบหอกแukyukกมkyuรูปไข่ ยาวราว 6 rfyjtykมytม. เกลี้ยง ดอกวงนอกเป็นดอกioวเมีย มี 1 วง กลีio;รูปรางน้ำ ดอกวtyงjในyukเป็tyนดอกบริบูjtyjรjtyณ์เพศ กลีบtjtyyรูปท่ytkuyuอ ปjyulkuiyลายแยกเป็น 4-5 แฉก ผลได้ผลแห้ioyk;งรูปไข่ ยoiาวราว 3 มิลลิเมตร มีสัน 3 สัน ปลายเว้าเป็นแyukeaioอ่งนิดหน่อย รยางค์มีหนoyukjtyio;าkiuliuม 1-2 อัน พบขึ้นทั่วๆไjtyปในที่ลุ่ม เtykyjปียกyukแฉะ รวมทั้งตามป่าละ;ioเมาlะ luiuiที่รกร้างว่างเปล่า ที่luilราบโล่งแจ้ง ใบใช้เป็นluiผักได้ลักษณะวิสัยใบ  รวมทั้ง  ดอกดอjyuก{สรรพคุณ|คุณปykระโยชน์ty  ตำรายาไทย  ใช้  ดอก มีรสเผ็ด ชาลิ้น เป็นยาขับน้ำลาย แก้โรคในคuilอ รักษuiาแผลในปากคอ แก้ปวดฟัน(ใช้ดอกตำกับเกลืออมหรือกัดไว้รอบๆที่ปวด หรือใช้ดอกตำผสมกับสุราโรงบางส่วน ชุบสำลีอุดรูฟันที่ปวด) โรครำมะนาด แก้โรคลิ้นเป็นอัมพาต แก้โรคติดอ่างในเด็ก แก้ปวดหัวราชพฤกษ์ ใบ รสหวาน ขม เอียน เบื่อนิดหน่อย ชาลิ้น ใช้เคี้ยวเป็นยาแก้วปวดฟัน ยาชา แก้พิษตามทวาร แก้ริดสีดวง แก้ผอมบางเหลือง แก้เด็กตัวร้อน แก้ปวดหัว แก้โลหิตเป็นพิษ รักษาแผล ยาผายลมเด็กแก้อาการท้องอืดเฟ้อ แก้สำรอกของเด็ก แyukyก้อัมพาต ยาi;oายสำtrhรับเด็ก แก้พุพอง แก้แท้งลูkyukก แser;ohtuiyuก้มึน แก้ตluiามัว แuilก้โรคฝีดาษ ต้นสด ตำผสมเหล้าuil หรือน้ำส้มสายชู อมio;i;แก้ฝีในคอ ต่อมน้ำลาjtrjyujkยอักเสบ แก้ไข้แkkyuyuก้ปวดฟัน  รสเผ็ดร้อน ช่วยเจริญอาหาร ช่วยขับลม ช่วยสำหรับการย่อยอาหารได้ luiทั้งต้;iouiullน มีรสเอียนukเบื่อเล็กน้อย แก้พิkyuษตานซาง แก้ริดสีดวง แก้ผอมเหลือง แก้เด็กตัวร้อน แก้บิด แก้uilเyukลือดออกตามไรฟันราชพฤกษ์ อีกทั้งต้นชงluiดื่มเป็นยาขับฉี่ แก้หอoi;บไอ ระงับหอบyu แก้หลอดลมอักเสบเรื้อรั;iง uikแก้ปอดอัuilกเio;สบliuol แก้โรคไอกรio ไขข้ออักเuilสบ ตำพอกแก้พิษปวดบวม แก้งูและสุนัขกัด ทั้o;งยัio;งต้นตำผสมสุราyuk ชุบkyukyulil;uo;iสำลีอม แก้ฝีในคอ แก้คออักเสบ แก้ต่อมทอio;นซิลอักเสบ แก้io;io;yukนคอ ผสมขมิ้นอ้อย แrละก็เกulลือสะเliuoหม็นตุราชพฤกษ์ กวาดคอเด็io;กแก้ตัวร้อน แก้ตับอักเสบ แก้ดีio;ซ่าน อีกทั้งyuต้นต้มดื่ม แก้ปวดท้องjykหลังjuilktคลอด แก้rthชอกช้ำข้างใl;uiluiนอก ปวดสีข้าง เป็นยาชrthาเฉพาะที่ ทั้งยังต้นehตำพอก แก้พิ'opyuk'o'opษปวดบวม มีฤทธิ์ฆ่tkrthyukuตัวอ่อrthนยุง ใช้เบื่อปลา  rrhtน้ำต้มราก รสเบื่อ เบื่อนิดlu;ioiหน่อย เป็นยาถ่าio;ย ใช้เป็นยาอมบ้วนปioาก ykแก้อาการอักเสบในโพรงปาก 'แก้อาการอักเสบ และก็rthจ็บคอ  เป็jrtนยาระบาย ขับฉี่ แก้ปวหัว แก้คัน ราก ใช้บดแก้ปวดฟัน ผลyk ปรุงเป็นยาแก้ร้อนใyukน เม็ด บดแก้ปากแห้ง เป็นยาขับน้ำลาย

9

เป็นโรคนอนไม่หลับ หลับไม่สนิทไม่ลึก การมีเพศสัมพันธ์ช่วยคุณได้
 เดือนกรกฎาคม 6, 2016  kungtep
เซ็กส์ช่วยให้หลับสบาย ผู้ใดกันแน่นอนไม่หลับ ใช้”เซ็กส์”เป็นตัวช่วยบำบัดรักษา แต่ว่าหากเซ็กส์เสื่อม ควรจะกระตุ้นด้วย อาหารเสริมถั่งเช่า ช่วยผ่อนคลาย เพิ่มความสุขสำหรับเพื่อการมีเพศเซ็กส
เซ็กส์ช่วยทำให้หลับสนิท  ผ่อนคลายความเครียด เพิ่มความสบายสำหรับเพื่อการมีเซ็กส์
ปลดปล่อยเต็มกำลัง หลั่งอสุจิแบบเต็มพลัง ยิ่งมีเซ็กส์มากมาย ยิ่งหลับดี แต่ว่าจะต้องเป็นกิจกรรมบนเตียงที่สุขสบายสมอารมณ์หมาย เร็วไป หรือนานเกินความจำเป็น ก็ไม่ดี ช่วงเวลาที่สมควรในการหลั่งน้ำเชื้อ จะช่วยทำให้หลับสนิท
ผู้ใดกันแน่ที่มักบ่นว่านอนไม่หลับ ลองใช้วิธีการแบบนี้ หลังจากการร่วมเพศ ท่านจะรู้สึกเสมือนได้บริหารร่างกายมาอย่างอ่อนเพลีย ทำให้หลับสนิท ยิ่งบ่อยยิ่งหลับได้นานขึ้น
นอกเหนือจากนั้นระยะเวลาของการร่วมเพศ ธรรมชาติของร่างกายมนุษย์เราจะหลั่งสารแห่งความสุข ทำให้บรรเทา หายเครียดได้ ข้างหลังการมีเพศสัมพันธ์จะช่วยให้หลับได้ลึก หลับสนิทดียิ่งขึ้น ปัญหาสำหรับบางคนก็คือ ขาดความกำหนัด ขาดความรู้และความเข้าใจสึกทางเพศ รวมทั้งอาจอยู่ในภาวการณ์หย่อนยานความสามารถทางเพศ ทำให้ไม่สามารถมีเพศสัมพันธ์ที่ดีได้

หญ้าหนอนสีทอง หรือถั่งเช่า คนจีนนิยมใช้บำรุงร่างกาย ที่ช่วยเพิ่มสมรรถนะทางเพศอย่างได้ประสิทธิภาพที่ดี กินตลอดช่วยกระตุ้นความรู้สึกทางเพศ หรือสิ่งที่มีความต้องการมีเซ็กส์ให้มากยิ่งขึ้น ซึ่งมีคุณประโยชน์ที่เลื่องลือมาก
คนไทยและคนประเทศอื่น รู้จักและกินถั่งเช่า เพื่ออยากได้บำรุงสมรรถภาพทางเพศ ซึ่งก็พิสูจน์กันมาหลายชั่วลูกชั่วหลานแล้วว่าสำเร็จจริง คุณประโยชน์นี้ยังได้รับการทดสอบทางวิทยาศาสตร์แล้ว
 มีข้อมูลรายงานจากคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ถึงผลการทดสอบสรรพคุณทางยาของถั่งเช่าเบต สำหรับการสร้างเสริมสมรรถนะทางเพศ ท่านสามารถเรียนรู้ดูเพื่อมีประโยชน์ สำหรับเพื่อการเลือกใช้สมุนไพร บำรุงร่างกายได้อย่างถูกต้อง 
เดี๋ยวนี้ถั่งเช่าทิเบต ได้รับการพัฒนาดัดแปลงออกมาหลายประเภท หญ้าหนอนสีทองคำเป็นถั่งเช่ามีทั้งเพาะขึ้นมาเอง เกิดมาจากธรรมชาติและก็เกิดจากการสังเคราะห์
ถั่งเช่า ที่เกิดขึ้นจากการเพาะเลี้ยง และก็เกิดขึ้นเองธรรมชาติ มีสรรพคุณใกล้เคียงกัน สามารถใช้บำรุงร่างกาย บำรุงประสาท ปรับอารมณ์ บรรเทาจิตใจ แล้วก็มีสารช่วย เสริมสร้างแนวทางการทำงานของต่อมหมวกไต ช่วยสำหรับเพื่อการหลั่งน้ำเชื้อเพศชาย ข้างหลังการปลดปล่อย ท่านจะหลับสนิท พักได้เต็มที่ ทดลองกินมองนะครับ รับรองว่าได้ประโยชน์มากยิ่งกว่าใช้ยากระตุ้นที่เป็นสารเคมีอย่างแน่นอน ยากระตุ้นที่มีฤทธิ์ร้ายแรง บางทีอาจใช้ได้ผลในทางที่ดีเฉพาะในช่วงของการมีเซ็กส์ แม้กระนั้นมิได้บำรุงร่างกายในระยาว
ถั่งเช่าจำพวกสังเคราะห์ สรรพคุณต่ำ มีฤทธิ์ทางยาน้อย ไม่สมควรหามากิน ส่วนถั่งเช่าเพาะเลี้ยงเอง ควรจะเป็นต้นที่มิได้ใส่ปุ๋ยให้ฮอร์โมน จำเป็นต้องเลี้ยงโดยแนวทางธรรมชาติ ถึงจะได้ฤทธิ์ทางยาดี
ถ้าหากท่านจะลองรับประทานถั่งเช่า ต้นหญ้าหนอนสีทอง ขอให้ตรวจดูข้อมูลตัวสินค้าให้รอบคอบก่อนเสมอ เพื่อคุ้มครองปกป้องการเช็ดกหลอก ซื้อผลิตภัณฑ์มิได้คุณภาพ แม้อยากได้ข้อมูลเพิ่มเกี่ยวกับถั่งเช่าแท้ [url=https://kungtep.com/]ถั่งเช่า[/url]ราคาขายส่ง ประเภทแคปซูล ขอแนะนำผลิตภัณฑ์ของฟาร์มเชียงดาว เนเจอร์ฟูด ผลิตโดยโรงงานแม่คำป้อ ยา ภายใต้อำนาจบังคับของกระทรวงสาธารณสุข เป็นถั่งเช่าทิเบตประสิทธิภาพ ไม่ปนสารเคมีหรือส่วนประกอบอื่นที่ก่อให้เกิดอันตราย ผลิตจากต้นหญ้าหนอนสีทองคำ ถั่งเช่าบริสุทธิ์ 100%

Tags : ถั่งเช่า,ถั่งเช่าทิเบต

10

งานวิจัยแพทย์ ถั่งเช่าเพิ่มพลังทางเพศ ถึงจุดสูงสุดแบบสุดๆ
 เดือนพฤษภาคม 12, 2016  kungtep
งานศึกษาเรียนรู้แพทย์ ผู้หญิงฮอร์โมนเพศเสื่อม เพิ่มฮอร์โมนเพศ ใช้ถั่งเช่าประเทศทิเบต เพิ่มพลังทางเพศ เพิ่มน้ำหล่อลื่นในช่องคลอด ถึงจุดสุดยอดแบบสุดๆความกำหนัดและความปรารถนาทางเพศเยอะขึ้น โดยเฉพาะสตรีสาววัยทอง
ถั่งเช่าเพิ่มฮอร์โมนเพศ มีการตรวจพบว่า ในบรรดาเพศหญิงร้อยทั้งร้อย จะมีเพียงแต่30% แค่นั้นที่ถึงจุดสูงสุดสำหรับเพื่อการร่วมเพศ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่า ความรู้สึกทางเพศน้อย ฮอร์โมนเพศลด ดังเช่นว่าสตรีที่ใกล้หมดเมนส์ อีกส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่าไม่กล้าวิ่งเข้าชน แม้กระนั้นจะคอยให้คู่ของคุณเป็นฝ่ายรุกอย่างเดียว ความจริงแล้ว เซ็กส์ไม่ใช่เรื่องที่เหนียมอาย การมีเซ็กส์ไม่จำเป็นที่จะต้องให้ชายเป็นข้างควบคุม หญิงควรจะมีเซ็กส์อย่างมีความสุขแบบถึงจุดสุดยอด เพราะมันให้คุณประโยชน์ต่อร่างกาย
การถึงจุดสุดยอด ช่วยให้หายเครียด ลดอาการปวดหัวได้ รวมทั้งเชื่อมั๊ยจ้ะว่าผู้หญิงก็หลั่งได้ ในการถึงจุดไคลแมกซ์ของหญิงมีสองแบบ หากปกติหน่อยก็จะเสมือนธรรมดา คือกล้ามเกร็ง ตอดรัด ช่องคลอดกระตุก แต่ว่าถ้าหากได้รับการกระตุ้นอารมณ์ หรือมีอารมณ์ทางเพศมากมาย ก็จะเป็นแบบลำดับที่สอง เป็นหลั่งน้ำออกมาจากช่องคลอด ซึ่งไม่ใช่น้ำหล่อลื่นปกติครับผม ภาษาบ้านๆเรียกว่าน้ำรัก แบบนี้แหละที่เรียกว่าจุดสุดยอดแบบสุดๆหายไข้หายปวดศรีษะกันเลยทีเดียว

ถั่งเช่าธรรมชาติ บำรุงร่างกายฟิตปั๋ง ถั่งเช่าทิเบตธรรมชาติ บำรุงร่างกายฟิตเปรี๊ยะ
ถ้าหากอยากมีเซ็กส์ อย่างดุเด็ดเผ็ดมัน จะต้องบำรุงฮอร์โมนเพศ สำหรับคนที่มีปัญหาเสื่อมสมรรถนะทางเพศ ยิ่งควรกินถั่งเช่าต้นหญ้าหนอนสีทองคำทิเบต มีสารช่วยปรับฮอร์โมนเพศ บำรุงโลหิต เสริมสร้างระบบการไหลเวียนเลือด
งานศึกษาค้นคว้าวิจัยถั่งเช่าทิเบตทิเบต ถั่งเช่าสีทองคำ มีสรรพคุณเรื่องเพิ่มฮอร์โมนเพศ เพิ่มพลังทางเพศสตรีและก็ผู้ชาย จนกระทั่งฝรั่งต่างชาติจะต้องยอมรับ ดังเช่นว่า
สิ่งที่จำเป็นต้องระมัดระวังการกินถั่งเช่า ของ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ขาดฮอร์โมน ควรจะรับประทาน แต่ว่าจะได้ประสิทธิภาพที่ดีขนาดไหน ขอเสนอแนะว่า สมุนไพรทุกชนิดจะได้ผลดีเมื่อผู้รับประทาน มีการกระทำอย่างเหมาะสม ไม่ใช่ว่าพอใช้ได้ถั่งเช่าทิเบตแล้วรับประทานอาหารไม่เลือก ทานแต่ว่าของมันๆขนมหวาน นั่งๆนอนๆหรือท่องเที่ยวจนถึงหามรุ่งหามค่ำ อย่างงี้เสียเวลาเปล่าๆ
เพิ่มพลังทางเพศ จำต้องเลือกอาหารดีมีคุณประโยชน์ เน้นย้ำผักผลไม้ ลุกขึ้นมาบริหารร่างกาย ออกกำลังให้ได้เหงื่อ เลือดลมจะไหลเวียนสะดวก ขับสารพิษออกมาจากร่างกาย นอนให้ตรงเวลา พักให้เต็มที่ ทำเป็นแบบงี้ได้ผลในเวลาไม่ถึงเดือน สามีจะแปลกใจว่า ลีลาท่าทางของเมียเปลี่ยนไป แถมยังผ่องใสผ่องใส บอกเขาไม่ต้องสับสน ซื้อถั่งเช่าให้ผัวทานด้วย แจ่มชัดเลย
ถั่งเช่าบำรุงฮอร์โมน บำรุงร่างกาย
ถั่งเช่าสรรพคุณดีต้องบอกต่อ สิ่งสำคัญเป็นเวลาซื้อ อย่าไปเชื่อคำโฆษณาชวนเชื่อสิ่งเดียว ไอ้ที่ไม่ไม่ได้เรื่องก็มีจ้ะ เพราะเป็นถั่งเช่าสังเคราะห์ แต่ถ้าถามว่า “รับประทานถั่งเช่าแบรนด์ไหนดีล่ะ” ฉันว่าทุกแบรนด์ดีหมดแหละค๊ะ ขอให้เป็นถั่งเช่าทิเบตจากธรรมชาติหรือถั่งเช่าเพาะเลี้ยง ใช้ได้หมดขอรับ มีให้เลือกมากหลายยี่ห้อ ศึกษาเล่าเรียนข้อมูลเพิ่มเติมนอกเหนือจากนี้ของแต่ละตราสินค้าเอาเองค๊า..
ถ้าไม่สะดวกสำหรับการค้นหาซื้อถั่งเช่า สำหรับรับประทาน ดิฉันเสนอแนะถั่งเช่าโรงงานแม่คำป้อ ซึ่งผลิตสดใหม่ ถูกหลักอนามัยตามมาตรฐานGMPและ (อย.)หรือหารือทางพวกเราได้ คณะทำงานเชียงดาว เนเจอร์ฟูด มีผู้ชำนาญสุขภาพพร้อมให้คำปรึกษา ข้อมูลเพิ่มเติมนอกเหนือจากนี้ถั่งเช่า

Tags : ถั่งเช่า,ถั่งเช่าทิเบต

11

หนุ่มใหญ่สาวใหญ่วัยทอง ใช้ถั่งเช่า บำรุงฮอร์โมน เพิ่มกำหนัด
 มิถุนายน 2, 2016  kungtep
อยากเพิ่มความกำหนัด เพิ่มฮอร์โมนร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งชายหนุ่มใหญ่สาวใหญ่วัยทอง ฮอร์โมนหายไป จะต้องรีบหามากิน หากไม่อยากที่จะให้เซลล์ต่างๆเสื่อมและก็แก่ก่อนวัย ถั่งเช่าทิเบตช่วยได้
ชายหนุ่มใหญ่กับสาววัยทอง ถ้าหากอยากมีชีวิตชีวา เพิ่มรสรักให้กับชีวิตการครองเรือน หญ้าหนอนสีทองหรือถั่งเช่า จะช่วยบำรุงกำลังและก็สร้างเสริมเซลล์ใหม่ ให้กับเซลล์เก่าที่หมดสภาพหรือตายไป บำรุงสุขภาพให้กับคนสูงอายุได้ยอดเยี่ยม
ข้อมูลจากศูนย์ศึกษาค้นคว้าสุขภาพกรุงเทวดา เกี่ยวกับเรื่องเซ็กซ์ พูดถึงการงานทำการศึกษาเรียนรู้ชิ้นหนึ่งซึ่งพบว่า คนเราไม่ว่าหญิงหรือชาย สามารถสุขสบายกับการร่วมเพศได้จนกระทั่งอายุ 90 ปี ขึ้นกับสุขภาพทางร่างกายของแต่ละคน ถ้าหากร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง ก็เตะปี๊บดังปึ๋งปั๋งคึกคักได้ ผมเห็นด้วยกับงานศึกษาเรียนรู้และค้นคว้าและทำการวิจัยนี้ และก็เชื่อมั่นอีกด้วยว่า ตัวผมเองก็ยังไม่แก่
ถั่งเช่าบำรุงไต เบาหวานรวมทั้งโรคความดัน
ทุกๆท่านก็แบบเดียวกัน ควรให้ความใส่ใจกับการบำรุงสมรรถภาพทางเพศ เมื่ออายุมากขึ้น อย่ายอมแก่ อย่าเห็นว่าเซ็กส์เป็นเรื่องของคนหนุ่มสาว และไม่จะต้องพอใจผู้ใดกันจะว่า ตัณหากลับ เนื่องจากเป็นเพียงแต่คำเม้ากันไป
ในทางการแพทย์นั้น ไม่มีคำว่าตัณหากลับ เพราะว่าไม่มีกฎเกณฑ์ว่า คนสูงวัยต้องเลิกราการร่วมเพศ ตัวกำหนดสุขภาพทางเพศคือ กาย-หัวใจ ของเราเอง และก็ฮอร์โมนเพศ
หญ้าหนอนสีทองคำ หรืออีกชื่อหนึ่งว่า ถั่งเช่า เป็นสมุนไพรบำรุงร่างกาย รวมทั้งบำรุงสมรรถนะทางเพศ ที่ควรหามาไว้รับประทาน อย่าปล่อยปละละเลยการนอนกับแฟน แล้วก็หมั่นกินสมุนไพรตัวนี้ไว้เพิ่มพลังอยู่เสมอ
หญ้าหนอนสีทอง มีสารสำคัญที่สามารถ ปรับระบบหลักการทำงานของร่างกาย ช่วยให้แข็งแรง ฮอร์โมนเพศอยู่ในระดับสมดุล ควบคุมระบบประสาท ทำให้เลือดลมดี มีเลือดไปหล่อเลี้ยงอวัยวะเพศ ช่วยให้อวัยวะสืบพันธุ์แข็งตัวดีในระหว่างมีเซ็กส์ หญิงรับประทาน จะมีร่างกายแข็งแรง ผิวพรรณดี เพราะฮอร์โมนเพิ่ม เลือดฝาสาวก็เพิ่มตาม

แนวทางการทำงานของระบบฮอร์โมนเพศที่บริบูรณ์ จะช่วยเพิ่มความรู้สึกทางเพศ อย่างไรก็แล้วแต่ ท่านจะต้องไม่ลืมเลือนที่จะเลือกกินอาหารอย่างมีคุณภาพ และทุกเมื่อเชื่อวันจำเป็นต้องตื่นมาออกกำลังกาย ไหมว่าเวลาไหนที่สะดวกให้รีบออกกำลังกายทันที อย่าขี้เกียจเป็นอันขาด พักอย่างเต็มเปี่ยมเมื่อถึงเวลา แม้ทำได้ดังต่อไปนี้ ไม่มีแก่ สมรรถภาพทางเพศไม่เสื่อมโทรมแม้ว่าอายุจะมากยิ่งขึ้นก็ตาม
ต้นหญ้าหนอนสีทอง หรือถั่งเช่า เหมาะสำหรับวัยเอ๊าะๆ คนที่ผ่านเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ ไปจนถึงวัยทอง กินตลอด เพิ่มความสุขทางเพศ และเพิ่มคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น หาซื้อไม่ยาก ราคาก็ไม่แพง หญ้าหนอนสีทองคำ เพาะเลี้ยงได้ในไทย คุณภาพมาตรฐานเดียวกับถั่งเช่าทิเบตต่างชาติ ถ้าท่านพอใจ สามารถหารายละเอียดต่างๆนอกเหนือจากนี้เกี่ยวกับต้นหญ้าหนอนสีทองได้ หรือติดต่อฟาร์มเชียงดาว เนเจอร์ฟูด
เชียงดาว เนเจอร์ฟูด แหล่งเพาะเลี้ยงหญ้าหนอนสีทอง ผลิตเป็นถั่งเช่าแคปซูลโดยโรงงานแม่คำป้อ ยารักษาโรค ประสิทธิภาพได้มาตรฐาน ด้วยเหตุว่าเป็นสินค้าเพื่อการส่งออก เป็นถั่งเช่าบริสุทธิ์ ชนิดแคปซูลบรรจุขวด แล้วก็แพ็คถุง ไม่มีการปนสารอื่นใด ผู้บริโภควางใจได้ ปัจจุบันนี้ถั่งเช่าทิเบตมีจำหน่ายเยอะแยะ บางท่านซื้อมารับประทานโดยมิได้วิเคราะห์ละเอียดลออ เจอถั่งเช่าสังเคราะห์ รับประทานแล้วไม่ได้ประโยชน์
ถ้าหากพอใจถั่งเช่าบริสุทธิ์ เชียงดาว เนพบร์ฟูด เชื่อถือได้ 100% ท่านสามารถโทรปรึกษา หรือ ถามข้อมูลถั่งเช่า เพื่อซื้อผลิตภัณฑ์ได้ในราคาขายส่งโรงงาน

Tags : ถั่งเช่าทิเบต

12

สมุนไพรพญายอ
เสมหะพังพอนตัวเมีย
เสมหะพังพอนตัวเมีย ชื่อสามัญ Snake Plant
เสมหะพังพอนตัวเมีย ชื่อวิทยาศาสตร์ Clinacanthus nutans (Burm.f.) Lindau (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Clinacanthus burmanni Nees, Clinacanthus siamensis Bremek., Justicia nutans Burm. f.) จัดอยู่ในวงศ์เหงือกปลาแพทย์ (ACANTHACEAE)
สมุนไพรเสลดพังพอนตัวเมีย พญายอ มีชื่อท้องถิ่นอื่นๆว่า ลิ้นมังกร ผักมันไก่ ผักลิ้นเขียด (เชียงใหม่), พญาบ้องคำ (ลำปาง), เสมหะพังพอนตัวเมีย (พิษณุโลก), พญาบ้องดำ พญาบ้องทองคำ (ภาคกึ่งกลาง), ลิ้นงูเห่า พญายอ (ทั่วไป), โพะโซ่จาง (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน), ชิงเจี้ยน หนิ่วซิ้วฮวา (จีนแมนดาริน) เป็นต้น
ลักษณะของเสมหะพังพอนตัวเมีย
ต้นเสลดพังพอนตัวเมีย จัดเป็นพรรณไม้พุ่มไม้ปนเถา มักเลื้อยพิงไปตามต้นไม้อื่นๆมีความสูงได้โดยประมาณ 1-3 เมตร ลำต้นมีลักษณะเกลี้ยง ต้นอ่อนเป็นสีเขียว ลำต้นมีลักษณะกลม ผิวเรียบเป็นปล้องสีเขียว ขยายพันธุ์ด้วยแนวทางปักชำหรือแยกเหง้ากิ่งก้านสาขาไปปลูก เจริญวัยเจริญในดินทุกชนิด ชอบดินร่วน ระบายน้ำดี มีแดดจัด มีเขตผู้กระทำระจายประเภทในจีน เวียดนาม อินโดนีเซีย มาเลเซีย รวมทั้งไทย ในประเทศไทยพบมากขึ้นตามป่าเบญจพรรณทั่วทุกภาคของประเทศ หรือเจอปลูกกันตามบ้านทั่วไป
ต้นเสมหะพังพอนตัวเมีย
ต้นพญายอ
ใบเสลดพังพอนตัวเมีย ใบเป็นใบโดดเดี่ยว ออกเรียงตรงข้ามกันเป็นคู่ๆรูปแบบของใบเป็นรูปใบหอก รูปรีแคบขอบขนาน ปลายใบและโคนใบแหลม ส่วนขอบใบเรียบ ใบมีขนาดกว้างประมาณ 2-3 ซม. แล้วก็ยาวราว 7-9 เซนติเมตร แผ่นใบเป็นสีเขียวเข้ม ผิวใบเรียบ
ใบเสลดพังพอนตัวเมีย
ดอกพญายอเสมหะพังพอนตัวเมีย ออกดอกเป็นช่อกระจุกที่ปลายกิ่ง แต่ละช่อมีดอกราวๆ 3-6 ดอก กลีบดอกไม้เป็นสีแดงส้ม โคนกลีบเชื่อมชิดกันเป็นหลอด ยาวราวๆ 3-4 ซม. ปลายแยกออกเป็น 2 ปากเป็นปากด้านล่างและปากบน ดอกหนึ่งมี 5 กลีบ กลีบดอกไม้เป็นทรงกระบอก ส่วนกลีบรองกลีบดอกไม้นั้นเป็นสีเขียว ยาวเท่าๆกัน มีขนเป็นต่อมเหนียวๆอยู่โดยรอบ ดอกมีเกสรเพศผู้ 2 อัน ส่วนเกสรเพศเมียหมดจดไม่มีขน มีดอกในตอนประมาณตุลาคมถึงมกราคม (แต่ว่าชอบไม่ค่อยมีดอก)
ดอกเสมหะพังพอนตัวเมีย
พญาข้อทอง
ลิ้นงูเห่า
ผลเสลดพังพอนตัวเมีย ผลเป็นผลแห้งแล้วก็แตกได้ (แม้กระนั้นผลไม่เคยติดเป็นฝักในประเทศไทย) ลักษณะของผลเป็นรูปกลมยาวรี ยาวได้ราวๆ 0.5 เซนติเมตร ก้านสั้น ด้านในผลมีเม็ดราว 4 เม็ด
หมายเหตุ : เสมหะพังพอน เป็นชื่อพ้องของพรรณไม้ 2 จำพวก คือ เสลดพังพอนเพศผู้ และเสมหะพังพอนตัวเมีย ซึ่งจะไม่เหมือนกันตรงที่เสลดพังพอนตัวผู้ลำต้นจะมีหนามรวมทั้งมีดอกเป็นสีเหลือง ส่วนเสลดพังพอนตัวเมียลำต้นจะไม่มีหนามและมีดอกเป็นสีแดงส้ม เพื่อไม่ให้เป็นการงงเต็กหลายๆตำราเรียนจึงนิยมเรียกเสลดพังพอนตัวเมียว่า “[url=http://www.disthai.com/16913677/%E0%B8%9E%E0%B8%8D%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%AD-%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%A5%E0%B8%94%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%A2]พญายอ[/url]” หรือ “พญาบ้องทองคำ” โดยเสลดพังพอนเพศผู้นั้นจะมีสรรพคุณทางยาอ่อนกว่าเสลดพังพอนตัวเมีย และแบบเรียนยาไทยนิยมประยุกต์ใช้ทำยากันมาก
คุณประโยชน์ของเสลดพังพอนตัวเมีย
รากแล้วก็เปลือกต้นใช้ต้มกับน้ำเป็นยาบำรุงกำลัง (รากรวมทั้งเปลือกต้น)
ต้นรวมทั้งใบใช้รับประทานเป็นยาถอนพิษไข้ ดับพิษร้อน (ทั้งต้นแล้วก็ใบ)1,3 ใช้เป็นยาลดไข้ ด้วยการกางใบสด 1 กำมือ ตำอย่างละเอียด ผสมกับน้ำซาวข้าว ใช้พอกบนศีรษะผู้เจ็บป่วยประมาณ 30 นาที ลักษณะของการมีไข้และลักษณะของการปวดศีรษะจะหายไป (ใบ)6
ช่วยแก้อาการผิดสำแดง (กินอาหารเป็นพิษไข้ แล้วทำให้โรคกำเริบ) ด้วยการใช้รากสดนำมาต้มรับประทานทีละราวๆ 2 ช้อนแกง (ราก)
ใช้เป็นยาแก้เจ็บคอ ด้วยการนำใบสดมาเคี้ยวราว 10 ใบ กลืนเอาแต่น้ำยาพอให้ยาจืด แล้วจึงคายกากทิ้ง (ใบ)6
ช่วยแก้คางทูม ด้วยการกางใบสดราว 10-15 ใบ ตำอย่างระมัดระวังผสมกับเหล้าโรง คั้นเอาน้ำมาทาบริเวณที่บวม อาการบวมจะหายไป แล้วก็อาการเจ็บปวดจะหายไปข้างใน 30 นาที (ใบ)
ใช้เป็นยารักษาโรคบิด (ต้นและก็ใบ)
รากใช้ปรุงเป็นยาขับฉี่ ขับประจำเดือน (ราก)
ใช้เป็นยาแก้ประจำเดือนมาแตกต่างจากปกติ (อีกทั้งต้น)
ช่วยแก้อักเสบแบบโรคดีซ่าน (ทั้งต้น)
ใช้เป็นยาแก้แผลอักเสบมีไข้ ไข่ดันบวม ด้วยการกางใบสดราว 3-4 ใบ เอามาตำกับข้าวสาร 3-4 เม็ด ผสมกับน้ำพอเพียงแฉะ ใช้พอกโดยประมาณ 2-3 รอบ จะช่วยให้อาการดียิ่งขึ้น (ใบ)
ลำต้นเอามาฝนแล้วใช้ทาแผลสดจะช่วยทำให้แผลหายเร็ว (ลำต้น)ใช้รักษาแผลจากหมากัดมีเลือดไหล ด้วยการใช้ใบสดราวๆ 5 ใบ นำมาตำพอกรอบๆแผลสัก 10 นาที (ใบ)
ใช้รักษาแผลไฟลุกน้ำร้อนลวก ด้วยการกางใบสดเอามาตำต้มกับน้ำมะพร้าวหรือน้ำมันงา เอากากพอกแผล แผลจะแห้ง หรือจะใช้ใบสดเอามาตำอย่างละเอียดผสมกับสุรา ใช้เป็นยาพอกรอบๆที่ถูกไฟไหม้หรือน้ำร้อนลวก จะมีคุณประโยชน์ช่วยดับพิษร้อนก้าวหน้า4 ส่วนอีกหนังสือเรียนระบุว่า นอกเหนือจากที่จะใช้รักษาแผลไฟลุกน้ำร้อนลวกได้แล้ว ยังช่วยรักษาแผลยุ่ยเพราะว่าถูกแมงกะพรุนไฟ แผลหมากัด รวมทั้งแผลที่เกิดจากการเช็ดกกรดได้อีกด้วย เพียงแต่นำใบไปหุงกับน้ำมันแล้วเอามาทาบริเวณที่เป็น (ใบ)
ใช้รักษาแผลน้ำเหลืองเสีย ด้วยการกางใบราวๆ 3-4 ใบ อาหารสาร 5-6 เม็ด เพิ่มเติมน้ำลงไปให้เพียงพอแฉะ แล้วนำมาพอก จะรู้สึกเย็นๆซึ่งยาจะช่วยดูดน้ำเหลืองเจริญ ทำให้แผลแห้งไว โดยให้เปลี่ยนแปลงยาวันละ 2 ครั้ง พอกไปสักพักหนึ่งแล้วให้เอาน้ำมาหยอดกันยาแห้งด้วย (ใบ)
ใช้แก้โรคผิวหนังผื่นคัน ด้วยการกางใบสดตำผสมกับสุราใช้ทา หรือใช้เหล้าสกัดใบเสมหะพังพอน จะได้น้ำยาสีเขียวเอามาทาแก้ผื่นคัน (ใบ)
ใช้แก้สิวเม็ดผดผื่นคัน ด้วยการนำใบมาดองกับเหล้า แล้วผสมดินสอพองใช้ทาแก้สิวแล้วก็เม็ดผดผื่นคัน (ใบ)
ใช้แก้ฝี ด้วยการกางใบนำมาตำผสมกับเกลือและก็สุรา ใช้พอกรอบๆที่เป็น เปลี่ยนยาทุกตอนเช้าแล้วก็เย็น (ใบ)
ทั้งยังต้นและก็ใบใช้เป็นยาขับพิษ ถอนพิษ โดยเฉพาะพิษจากแมลงสัตว์กัดต่อย เช่น งู ตะขาบ แมงป่อง มด ยุง อื่นๆอีกมากมาย รวมทั้งผื่นคัน ไฟลามทุ่ง ลมพิษ แผลไฟเผาน้ำร้อนลวก ด้วยการกางใบสดราวๆ 5-10 ใบ นำมาขยี้หรือตำใช้ทาบริเวณที่เป็น หรือใช้ใบสดนำมาตำให้พอแหลก แช่ลงในเหล้าขาวราวๆ 1 อาทิตย์ แล้วหลังจากนั้นก็ให้นำมาใช้ทาบริเวณที่เป็นแผลส่วนอีกตำรับยาแก้ลมพิษ ตามข้อมูลบอกว่า ให้ใช้ใบตำผสมกับดินสอพอง ใส่น้ำบางส่วน ใช้ทาบริเวณที่เป็น (ใบ)

ชาวเมืองจะนำใบมาตากแห้งแล้วตำผสมกับแมงป่องปิ้ง ใช้เป็นยาแก้พิษงู (ใบ)
พญายอ ใช้รักษาอาการอักเสบ รักษาแผลร้อนในปาก แก้เริม (แผลผิวหนังชนิดเริม) อีสุกอีใส แก้งูสวัด ขยุ้มตีนหมา และก็ใช้เป็นยาถอนพิษต่างๆด้วยการใช้ใบเสมหะพังพอนตัวเมียสดราวๆ 10-20 ใบ (เลือกเอาเฉพาะใบสดสีเขียวเข้มเป็นเงา ไม่อ่อนหรือแก่จนถึงเกินความจำเป็น) แล้วนำมาตำผสมกับสุราหรือน้ำมะนาว คั้นเอาน้ำมาดื่มหรือเอาน้ำมาทาแผลแล้วก็เอากากพอกบริเวณแผล หรืออีกแนวทางให้จัดเตรียมเป็นทิงเจอร์เพื่อใช้ทารักษาอาการอักเสบจากเริมในปาก โดยใช้ใบสด 1 กิโลกรัม เอามาปั่นอย่างระมัดระวัง เพิ่มแอลกอฮอล์ 70% ลงไป 1 ลิตร แล้วหมักทิ้งไว้ 7 วัน ระเหยบนเครื่องอังละอองน้ำให้ปริมาตรน้อยลงครึ่งเดียว (ห้ามตั้งบนเตาไฟโดยเด็ดขาด) และก็เพิ่มกลีเซอรีน (Glycerine pure) อีกเท่าตัว (ครึ่งลิตร) แล้วนำน้ำยาเสลดพังพอนกลีเซอรีนที่ได้มาใช้ทาแผลเริม งูสวัด แผลร้อนในปาก แล้วก็ใช้ทำลายพิษต่างๆสำหรับหนังสือเรียนยาแก้งูสวัดอีกตำรับจะใช้ใบสดผสมกับดอกลำโพง โกฐน้ำเต้า อย่างละเท่ากัน รวมกันตำให้พอเพียงแหลก แช่กับสุรา แล้วนำมาใช้ทาแก้แผลงูสวัด (ใบ)
พญายอ ใช้แก้ถูกหนามท้องดอตำหรือถูกใบตะลังตังช้าง ด้วยการนำขี้ผึ้งแท้มาลนไฟให้ร้อน แล้วเอามากดเพื่อดูดเอาขนของใบตะลังตังช้างออกซะก่อน แล้วจึงใช้ใบเสมหะพังพอนผสมกับสุราทาบริเวณที่เป็น (ใบ)
ใช้เป็นยาแก้แพ้เกสรรักษาป่า ยางรักป่า และก็ยางสาวน้อยประแป้ง ด้วยการใช้ใบผสมกับสุรา นำมาทาบริเวณที่คัน (ใบ
ใช้แก้ฝึกฝน เหือด ด้วยการกางใบสดราว 7 กำมือ นำมาต้มกับน้ำ 8 แก้ว ต้มให้เดือด 30 นาที เทยาออกและผึ่งให้เย็น แล้วนำใบสดมาอีก 7 กำมือ ตำผสมกับน้ำ 8 แก้ว แล้วเอาน้ำยาทั้งคู่มาผสมกัน ใช้ทั้งยังกินและชโลมทา (ยาชโลมให้ใส่พิมเสนลงไปบางส่วน) เด็กที่เป็นหัด เหือด ให้รับประทานวันละ 3 ครั้ง ทีละครึ่งแก้ว (ใบ)
พญายอ อีกทั้งต้นใช้เป็นยาพาราบวม เคล็ดขัดยอก บวมช้ำ กระดูกร้าว ช่วยขับความชุ่มชื้นในร่างกาย แก้ลักษณะของการปวดเมื่อยเพราะว่าเย็นเปียกชื้น (อีกทั้งต้น)
รากใช้เป็นยาแก้อาการปวดเมื่อยล้าบั้นท้าย (ราก)
ขนาดรวมทั้งการใช้ : ยาแห้งให้ใช้ครั้งละ 5-10 กรัม นำมาต้มกับน้ำรับประทาน ส่วนยาสดให้ใช้ทีละ 30 กรัม นำมาตำคั้นเอาน้ำรับประทาน หรือตำพอกแผลข้างนอก
ข้อควรคำนึงพญายอ
: ในสมัยก่อนจะมีการใช้ใบสดเอามาตำแล้วพอกรอบๆที่เป็นแผล แม้กระนั้นในขณะนี้แนวทางนี้ไม่เป็นที่นิยมแล้ว เนื่องจากจะชำระล้างได้ยาก ทำให้กากติดแผล และอาจทำให้ติดโรคเป็นหนองได้
ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของเสมหะพังพอนตัวเมีย
พญายอ รากเจอสาร Betulin, Lupeol, β-sitosterol ส่วนใบพบสาร Flavonoids ซึ่งมีฤทธิ์ลดการอักเสบ สารกลุ่ม monoglycosyl diglycerides ดังเช่น 1,2-O-dilinolenoyl-3-O-b-d-glucopyranosyl-sn-glycerol รวมทั้งสารกรุ๊ป glycoglycerolipids ซึ่งมีฤทธิ์ยับยั้งไวรัสเริม
จากการทดลองในสัตว์ใช้สกัดจากใบสดของเสลดพังพอนตัวเมียด้วย n-butanol พบว่า สามารถลดการอักเสบได้2 โดยพบว่าจะช่วยลดการอักเสบของข้อเท้าหนูที่ทำให้บวมด้วยสาร carrageenan ได้ เมื่อใช้ตำรับยาที่มีเสมหะพังพอนตัวเมียปริมาณร้อยละ 5 ใน Cold cream รวมทั้งสารสกัดด้วยเอทานอลจากใบ เอามาทาเฉพาะที่ให้หนูแรท จะช่วยลดการอักเสบเรื้อรังได้ แม้กระนั้นเมื่อใช้สารสกัดด้วย n-butanol มาทาที่ผิวหนังจะไม่ได้ผล
สารสกัดจากใบความเข้ม 15 กรัม ต่อ 1 กก. มีประสิทธิภาพต้านทานการอักเสบได้ดี
เมื่อให้หนูเม้าส์กินสารสกัดด้วย n-butanol จากใบ พบว่า จะช่วยลดความเจ็บปวดของหนูที่ถูกเหนี่ยวนำให้ปวดด้วยกรดอะซีติคได้ โดยสารสกัดความแรง 90 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม จะมีฤทธิ์ใกล้เคียงกับเฟนนิวบิวทาโซนขนาด 100 มิลลิกรัมต่อโล ส่วนสารสกัดด้วยน้ำและก็สารสกัดด้วยเอทานอล 60 จากใบ พบว่าไม่เป็นผลลดความเจ็บ
สารสกัดด้วยเฮกเซน บิวทานอล และเอทิลอะสิเตทจากใบเสมหะพังพอนตัวเมียมีฤทธิ์ต้านไวรัสเชื้อเริม HSV-1 เมื่อนำไปทำเป็นตำรับเจลโดยใช้สารสกัดด้วยแอลกอฮอล์ที่ความเข้มข้นร้อยละ 4 รวมทั้งใช้ carbopol 940 เป็นสารก่อเจล พบว่าจะมีฤทธิ์ต้านไวรัสได้ดีและไม่เป็นพิษต่อเซลล์ ในขณะเมื่อใช้สารก่อเจล poloxamer 407 จะเป็นพิษต่อเซลล์ และจากรายงานการดูแลรักษาผู้เจ็บป่วยโรคเริมที่อวัยวะสืบพันธุ์จำพวกเป็นซ้ำด้วยการใช้ยาจากสารสกัดเสลดพังพอนตัวเมีย เปรียบเทียบกับยา acyclovir รวมทั้งยาหลอก โดยให้คนเจ็บทายาวันละ 4 ครั้ง ตรงเวลา 6 วัน พบว่าไม่ได้มีความแตกต่างในระยะเวลาการตกสะเก็ดของแผลผู้ป่วยที่ใช้ยาจากสารสกัดใบแล้วก็ยา acyclovir โดยแผลจะเป็นสะเก็ดด้านใน 3 วัน รวมทั้งหายสนิทข้างใน 7 วัน ซึ่งต่างกันกับยาหลอกอย่างมีนัยสำคัญ โดยยาที่สกัดจากใบเสลดพังพอนตัวเมียจะไม่กระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดการอักเสบรวมทั้งเคือง ตอนที่ acyclovir จะมีผลให้แสบ นอกนั้นยังมีการใช้ยาที่ทำมาจากเสมหะพังพอนตัวเมียในคนป่วยโรคเริม งูสวัด และก็แผลอักเสบในปาก แล้วพบว่าสามารถรักษาแผลรวมทั้งลดการอักเสบก้าวหน้า
พญายอ สารที่สกัดจากบิวทานอล (Butanol) ของใบเสลดพังพอนตัวเมีย มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อไวรัส Varicella zoster ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสชนิดที่กระตุ้นให้เกิดเริมและอีสุกอีใส3 จากรายงานการดูแลและรักษาคนป่วยโรคงูสวัดด้วยยาจากสารสกัดจากใบเปรียบเทียบกับยาหลอก โดยให้ทายาวันละ 5 ครั้ง ตรงเวลา 1-2 สัปดาห์ จนกระทั่งแผลจะหาย พบว่าผู้เจ็บป่วยที่รักษาด้วยสารสกัดจากใบเสมหะพังพอนตัวเมีย แล้วมีแผลเป็นสะเก็ดภายใน 3 วัน และก็หายด้านใน 7-10 วัน จะมีจำนวนไม่ใช่น้อยกว่ากลุ่มหวานใจษาด้วยยาหลอกอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ และระดับความเจ็บจะลดน้อยลงเร็วกว่ากลุ่มที่ใช้ยาหลอก โดยไม่พบผลกระทบอะไรก็ตาม9
จากการทดสอบความเป็นพิษ เมื่อป้อนสารสกัด n-butanol จากใบให้หนูเม้าส์ พบว่าเป็นพิษบางส่วน แต่จะเป็นพิษปานกลางเมื่อฉีดเข้าท้อง ส่วนสารสกัดด้วยเอทานอลขนาด 1.3 กรัมต่อกิโล (เท่ากันใบแห้ง 5.44 กรัมต่อกก.) เมื่อนำมาป้อนเข้าทางปากหรือฉีดเข้าช่องท้องหนูเม้าส์ พบว่าไม่ทำให้เกิดอาการเป็นพิษอะไรก็แล้วแต่
จากการเล่าเรียนพิษครึ่งเรื้อรัง
ด้วยการป้อนสารสกัด n-butanol จากใบในขนาด 270 และ 540 มก.ต่อกก. ให้หนูแรทแต่ละวัน นาน 6 สัปดาห์ พบว่าไม่มีผลต่อการเจริญเติบโต แม้กระนั้นพบว่ามีน้ำหนักต่อมธัยมัสลดลง ในตอนที่น้ำหนักของตับมากขึ้น และไม่พบว่ามีความผิดปกติต่ออวัยวะอื่นๆหรืออาการไม่ประสงค์แต่ว่าอ http://www.disthai.com/

13

บัวบก
บัวบก ชื่อสามัญ Gotu kola
บัวบก ชื่อวิทยาศาสตร์ Centella asiatica (L.) Urb. จัดอยู่ในตระกูลผักชี (APIACEAE หรือ UMBELLIFERAE)
สมุนไพรบัวบก มีชื่อท้องถิ่นอื่นๆว่า ผักหนอก (ภาคเหนือ), ผักแว่น (ภาคใต้), กะโต่ ฯลฯ จัดเป็นพืชสมุนไพรที่มีต้นกำเนิดในแถบเอเชีย เป็นพืชล้มลุกขนาดเล็ก มีกลิ่นฉุน มีรสขมหวาน
เมื่อเอ๋ยถึงบัวบก สมุนไพรชนิดนี้ขึ้นมาทีไร คนไม่ใช่น้อยคงจะนึกไปว่ามันเพียงแค่ช่วยแก้อาการช้ำในเฉยๆ(ส่วนอาการอกหักนี้ไม่เกี่ยวกันนะ) แม้กระนั้นอันที่จริงแล้ว บัวบกหรือใบบัวบกนั้นมีสรรพคุณจำนวนมาก เนื่องจากว่าได้รับการเล่าขานเกี่ยวการดูแลรักษาโรคได้หลายอย่าง อย่างโรคลมชัก โรคผิวหนัง ท้องเดิน ท้องเฟ้อ แผลในกระเพาะอาหาร มีฤทธิ์กล่อมประสาท ช่วยบำรุงรักษาสมอง เพิ่มความจำ ช่วยลดความเมื่อยล้าของสมอง
ใบบัวบก มีสารประกอบสำคัญหลายอย่าง ตัวอย่างเช่น บราโมซัยด์ บราไม่โนซัยด์ สามเตอพีนอยด์ มาดิแคสโซซัยด์ ซึ่งมีฤทธิ์ช่วยต่อต้านการอักเสบ และก็ยังมีกรดมาดิแคสสิค วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 6 วิตามินเอ วิตามินเค ธาตุแคลเซียม ธาตุแมกนีเซียม ธาตุโซเดียม และกรดอะมิโน ได้แก่ แอสพาเรต กรดกลูตามิก เซรีน ทรีโอนีน อะลานีน ไลซีน ฮีสคราวดิน ฯลฯ
ใบบัวบกเหมาะกับผู้ที่ขี้ร้อน มีภาวะเข้มแข็ง หรือมีความร้อนเปียกชื้น เพราะเหตุว่าเป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์เป็นยาเย็น
บัวบกประโยชน์ซึ่งมาจากใบบัวบกคุณประโยชน์ซึ่งมาจากใบบัวบก
ประโยช์จากใบบัวบก
บัวบกเป็นพืชที่มีแคลเซียมในระดับปานกลางถึงสูง แต่หรูหราสารออกซาเลตที่เกิดอันตรายต่อสภาพทางด้านร่างกายในปริมาณต่ำ
ใบบัวบกช่วยคืนความอ่อนเยาว์ ย้อนอายุรวมทั้งวัย
ใช้เป็นยาอายุวัฒนะ
ช่วยสร้างเสริมและก็กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนรวมทั้งอีลาสติน
มีสารต้านทานอนุมูลอิสระ ช่วยต้านการเสื่อมของเซลล์ต่างๆภายในร่างกาย
คุณประโยชน์ของใบบัวบก ช่วยทำนุบำรุงรวมทั้งรักษาสายตา ฟื้นฟูรอบดวงตา เนื่องจากว่าบัวบกมีวิตามินเอสูง
ช่วยรักษาอาการตาอักเสบบวมแดง ด้วยการใช้ใบบัวบกล้างน้ำสะอาด คั้นมัวแต่น้ำเอามาหยดที่ตา 3-4 ครั้งต่อวัน
ช่วยบำรุงประสาทรวมทั้งสมองเสมือนใบแปะก๊วย
ช่วยทำให้ความจำและก็ทำให้มีปฏิภาณไหวพริบเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ช่วยเพิ่มความจำในผู้สูงอายุ
เชื่อว่าใบบัวบกมีส่วนช่วยเพิ่มความฉลาดทางสติปัญญา ความฉลาด รวมทั้งความสามารถสำหรับการทำความเข้าใจ
ใบบัวบกมีคุณประโยชน์ช่วยชะลอลักษณะโรคโรคสมองเสื่อมในคนชรา สตรีวัยทอง โรคอัลไซเมอร์หรืออาการหลงลืมระยะสั้นได้
ช่วยเพิ่มสมาธิ แก้สมาธิสั้น
ช่วยเพิ่มความสามารถในการตัดสินใจเฉพาะหน้า
ช่วยแก้ลักษณะของการปวดศีรษะ ปวดหัวฝ่ายเดียว
ช่วยแก้อาการหน้ามืดหัว
ช่วยความเครียดลดลง
ช่วยเสริมรูปแบบการทำงานของกาบา (GABA) ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่ช่วยรักษาสมดุลของจิตใจ ก็เลยช่วยผ่อนคลายแล้วก็ทำให้หลับง่ายขึ้น
ช่วยทำให้เลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆก้าวหน้ายิ่งขึ้น
ช่วยกระตุ้นการผลิตเยื่อใหม่
ใช้เป็นยาบำรุงกำลัง บำรุงร่างกาย
ช่วยบำรุงเลือดภายในร่างกาย
ช่วยบำรุงรักษาหัวใจ
ช่วยฟื้นฟูสุขภาพจากโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ
ช่วยทำให้จิตใจแจ่มใส อารมณ์แจ่มใส
ช่วยให้เค้าหน้าผ่องใสเหมือนเป็นวัยรุ่น
ใช้เป็นยาอายุวัฒนะ
ช่วยบำรุงรักษาเสียง
ช่วยรักษาอาการเจ็บคอ ด้วยการใช้บัวบกสดโดยประมาณ 1 กำมือ นำมาตำคั้นเอาน้ำแล้วเพิ่มเติมน้ำส้มสายชู 1-3 ช้อนแกง แล้วจิบกินบ่อยๆ
ช่วยแก้หิวน้ำสรรพคุณใบบัวบก
ใบบัวบกมีคุณประโยชน์ช่วยแก้อาการร้อนใน ตัวร้อน
ใบบัวบกมีสารยับยั้งหรือชะลอการขยายตัวของเซลล์ของโรคมะเร็ง ช่วยต่อต้านโรคมะเร็ง
ช่วยรักษาโรคเบาหวาน ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดในคนไข้โรคเบาหวานก้าวหน้า
ช่วยรักษาโรคดีซ่านจากภาวการณ์ร้อนชื้น ด้วยการใช้บัวบก 30 กรัม น้ำตาลทรายก้อนกรวด 30 กรัม ต้มน้ำ
ช่วยรักษาโรคโลหิตจาง
ช่วยถนอมอาหารหืด
ช่วยรักษาโรคความดันโลหิตสูง ด้วยการใช้ต้นสด 1 กำมือต้มกับน้ำแล้วนำมาดื่ม หรือจะใช้บัวบกสดๆทั้งต้นโดยประมาณ 30 กรัมเอามาค้นเอาน้ำ เพิ่มเติมน้ำตาลนิดหน่อยแล้วดื่มกินราวๆ 5-7 วัน
ช่วยรักษาโรคลมชัก
ช่วยรักษาโรคหลอดลมอักเสบ
ช่วยรักษาอาการเต้านมอักเสบเป็นหนองในระยะแรก ด้วยการใช้บัวบกและก็เปลือกของลูกหมาก 1 ผล นำมาต้มกับเหล้าดื่ม
ช่วยแก้คนเป็นบ้า
ช่วยรักษาโรคที่เกี่ยวกับเลือด
ช่วยลดระดับความดันเลือด เพิ่มความยืดหยุ่นให้เส้นโลหิต และช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือด
ช่วยรักษาโรคที่มีสมุฏฐานจากเสมหะ
ช่วยแก้อาการเมื่อยล้า เหน็ดเหนื่อย
ช่วยแก้ไข้
ช่วยห้ามเลือดกำเดา เนื่องจากว่าทำให้เลือดเดิน แม้กระนั้นเลือดจะไม่ออกจากเส้นเลือดแล้วก็ยังเป็นเหตุให้อำมหิตอีกด้วย
ช่วยแก้อาการช้ำใน บาดเจ็บจากการกระทบกระแทก
เป็นพืชที่ย่อยได้ง่าย
ช่วยทำให้เจริญอาหาร กินอาหารได้มากขึ้น
ช่วยแก้อาการท้องร่วง
สารสกัดจากใบบัวบกมีฤทธิ์คุ้มครองปกป้องแล้วก็ยับยั้งการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้อย่างดีเยี่ยม
ช่วยแก้อาการเริ่มที่จะเป็นบิด
ช่วยรักษาโรคบิดหรือมีมูกเลือดคละเคล้าเมื่อขับถ่าย
ช่วยรักษากระเพาะเป็นแผล
ใช้เป็นยาระบาย ช่วยระบายท้อง แก้ลม
ใช้เป็นยาขับปัสสาวะ
แก้อาการปัสสาวะขัดข้อง ด้วยการกางใบบัวบกโดยประมาณ 50 กรัม นำมาตำแล้วพอกบริเวณสะดือ เมื่อถ่ายปัสสาวะคล่องแคล่วดีแล้วค่อยคัดแยกออก
ช่วยขับความร้อนเปียกชื้นทางเท้าฉี่ ปกป้องการเกิดนิ่ว
ช่วยรักษาโรคนิ่วทางเท้าปัสสาวะด้วยการใช้บัวบก 50 กรัมต้มกับน้ำแช่ข้าวครั้งที่ 2 แล้วเอามาดื่ม
ช่วยรักษาอาการมีหนองออกมาจากเยี่ยว
ช่วยแก้อาการน้ำดีภายในร่างกายมากเกินความจำเป็น
ช่วยรักษาโรคม้ามโต
ช่วยรักษาอาการติดเชื้อของไวรัสตับอักเสบ
แก้ลักษณะของการปวดข้อรูมาตอยด์
ใช้เป็นยาห้ามเลือด ใส่แผลสด ด้วยการกางใบสดประมาณ 20 ใบเอามาล้างให้สะอาด ตำพอกแผลสด
ช่วยรักษาแผลให้หายเร็วยิ่งขึ้น ช่วยเร่งการสร้างเยื่อ
ช่วยแก้อาการฟกช้ำดำเขียว ด้วยการกางใบบัวบกมาทุบให้แหลกแล้วเอามาโปะรอบๆที่ฟกช้ำดำเขียว หรือจะใช้ใบบัวบกประมาณ 40 กรัม ต้มกับเหล้าแดงโดยประมาณ 250 cc. ประมาณ 1 ชั่วโมงแล้วเอามาดื่ม
ใช้บัวบกตำเอามาพอกรักษาความร้อนบวมของโรคไฟลามทุ่ง หรือใช้รักษาอาการด้วยการใช้น้ำคั้นบัวบกนำมาผสมกับแป้งข้าวเหนียวทำเป็นแป้งเหลว พอกรอบๆที่เป็น
ช่วยรักษาพิษจากแมลงสัตว์กัดต่อย
ช่วยรักษาโรคผิวหนังต่างๆดังเช่น โรคเรื้อน โรคสะเก็ดเงิน หิด ฝึกฝน เป็นต้น
ช่วยหยุดการเติบโตของเชื้อแบคทีเรียที่เป็นต้นเหตุนำไปสู่หนอง
ช่วยลดอาการอักเสบของแผลได้เป็นอย่างดีและก็ใช้ทารักษาแผลอักเสบจากการผ่าตัดได้อีกด้วย
ช่วยรักษาผิวหนังเป็นด่างขาว
ใช้เป็นยาทำลายพิษ ช่วยลดอาการปวดแสบปวดร้อนจากแผลไฟเผาน้ำร้อนลวก ด้วยการใช้ต้นสดของบัวบกประมาณ 3 ต้นเอามาล้างน้ำให้สะอาด ตำให้แหลกแล้วนำมาพอกแผลไฟไหม้
บัวบกมีการเอามาผลิตเป็นแคปซูลวางขาย มีสรรพคุณสำหรับเพื่อการช่วยบำรุงรักษาสมองเป็นหลัก (Brain tonic)
เดี๋ยวนี้มีการนำไปทำเป็นยาเป็นแผนปัจจุบันในชนิดผงใช้โรยแผล แล้วก็ในชนิดเม็ดกินเพื่อรักษาแผลผ่าตัด แผลสด ไฟเผา น้ำร้อนลวก หรือฝีหนองได้ และก็ยังช่วยคุ้มครองป้องกันการเกิดรอยแผลอีกด้วย
ช่วยแก้อาการก้างปลาติดคอ ด้วยการนำบัวบกไปต้มน้ำ และก็หลังจากนั้นจึงค่อยๆกลืนน้ำลงคอ
ใบและเถาบัวบกใช้กินเป็นผักสดกับน้ำพริกกะปิคั่ว หมี่กรอบ ก๋วยเตี๋ยวผัดไทย ลาบ ก้อย แกงเผ็ด ยำใบบัวบก ซุปหน่อไม้ เป็นต้น
น้ำคั้นจากใบบัวบกเอามาทำเป็นน้ำมันบัวบกใช้ทาหัว มีสรรพคุณช่วยทำนุบำรุงหนังหัวและเส้นผม ช่วยให้เส้นผมดกดำ ไขปัญหาผมหล่น ผมหงอกก่อนวัย
น้ำใบบัวบกเป็นเครื่องดื่มที่เหมาะกับหน้าร้อนอย่างยิ่ง ด้วยเหตุว่ามีฤทธิ์เป็นยาเย็นดับร้อนในร่างกายได้สารพัด
สารสกัดจากใบบัวบก มีคุณสมบัติช่วยลดการระคายเคืองผิวและไม่มีอันตรายต่อสภาพทางด้านร่างกาย
สารสกัดจากใบบัวบกมีการประยุกต์ใช้เพื่อเป็นส่วนประกอบในการผลิตเครื่องสำอาง
มีการนำสารสกัดจากใบบัวบกมาใช้ทำเป็นวัสดุปิดแผล
ลบรอยตีนกาตื้นๆด้วยน้ำใบบัวบก ด้วยการนำบัวบกมาล้างน้ำให้สะอาด นำไปปั่นจนละเอียด แล้วนำน้ำที่ได้มาใช้สำลีชุบน้ำทาทั่วรอบๆหางตาหรือทั่วบริเวณใบหน้า ทิ้งเอาไว้โดยประมาณ 15 นาทีแล้วล้างออก โดยควรทาทุกวี่วันก่อนนอน
มีการนำสารสกัดจากใบบัวบกมาผลิตเป็นสบู่ใบบัวบก ซึ่งผู้ผลิตอ้างว่าช่วยรักษาสิว ทำให้ผิวหน้าขาวกระจ่างใส ผิวหน้าเต่งตึงได้

กระบวนการทำน้ำบัวบก
ขั้นตอนการทำน้ำบัวบกขั้นตอนการทำน้ำบัวบก ควรเลือกใช้ใบบัวบกที่แก่กว่า กินเป็นผักสด โดยใช้ทั้งรากเอามาล้างน้ำทำความสะอาด
ใบบัวบกจะเหนียวให้ตัดเป็น 2-3 ท่อน ก่อนเอามาบด
คั้นน้ำแรกโดยผสมน้ำกับใบบัวบกที่บด แล้วนำกากที่เหลือมาคั้นน้ำที่สองเพื่อให้จับตัวได้ยาสมุนไพรที่ยังเหลืออยู่ (ควรจะใช้น้ำสะอาด และห้ามใช้น้ำร้อนหรือนำน้ำที่คั้นได้ไปต้ม)
กรองน้ำบัวบกด้วยผ้าขาวบางห่างๆ(แบบผ้ามุ้ง ถี่มากจะกรองไม่ได้)
หลังกรองจะมีกากให้ทิ้งไป ให้รินเฉพาะน้ำส่วนใสๆมาดื่ม
น้ำบัวบกจะต้องคั้นใหม่ๆจากใบสดๆและไม่ควรจะเก็บน้ำที่คั้นได้ไว้นานหรือควรแช่เย็นเก็บไว้
น้ำเชื่อมถ้าเกิดทำมาจากน้ำต้มใบเตย จะทำให้น้ำบัวบกอร่อยมากขึ้น
สรรพคุณของน้ำใบบัวบกช่วยแก้ร้อนใน ช้ำใน
ไข่เจียวบัวบก
ใบบัวบกวัตถุดิบที่จำเป็นต้องเตรียมเป็นต้นว่า บัวบกสด 20 กรัม / ไข่ 2 ฟอง / น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ / น้ำปลาเล็กน้อย / น้ำมันพืชสำหรับใช้ในการทอด
นำบัวบกมาล้างจนกระทั่งสะอาดแล้วหั่นซอกซอยเป็นชิ้นเล็กๆ
นำไข่มาตอกแล้วตีไข่ เติมเครื่องปรุงต่างๆ
นำใบบัวบกที่ตรอกแล้วผสมลงไปในไข่ คนให้เข้ากัน
นำมาทอดในไฟอ่อนจนกระทั่งไข่สุก
คุณประโยชน์ช่วยบรรเทาอาการปวดศีรษะ และเวียนหัวศีรษะ
ข่างปองบัวบก (บัวบกชุบแป้งทอด)
จัดแจงวัตถุดิบดังนี้ บัวบกสด / ไข่ไก่ / แป้งทอดกรอบ / กระเทียมหั่นหยาบ / หอมแดงหั่นหยาบ / เกลือ / พริกไทยป่น
นำบัวบกสดที่ได้มาล้างทำความสะอาด แล้วหั่นหยาบๆให้พอดีคำ
นำแป้งที่ใช้สำหรับทอดกรอบมาผสมกับไข่ไก่ กระเทียม หอมแดง พริกไทย และเกลือ ผสมเข้าด้วยกัน
นำบัวบกที่หั่นจัดแจงไว้ นำมาชุบกับแป้งที่ผสมไว้
หลักหลังจากนั้นตั้งกระทะ ใส่น้ำมันให้ร้อน
แล้วจึงน้ำบัวบกที่ชุบแป้งแล้ว นำมาทอดให้พอเพียงเหลืองกรอบแล้วชูลงให้สะเด็ดน้ำมัน
เท่านี้ก็เสร็จเรียบร้อย เอามาจิ้มกินกับน้ำปรุงรสไก่ตามที่ใจต้องการได้เลย
คุกกี้บัวบก
ให้จัดแจงวัตถุดิบดังนี้ บัวบกหั่นละเอียด 2 ถ้วยตวง / ไข่ไก่ 1 ฟอง / แป้งอเนกประสงค์ 2 ถ้วยตวง / เนยสดรสเค็ม 2 ถ้วยตวง / น้ำตาลทราย 1.1/2 ถ้วยตวง / ผงฟู 2 ช้อนชา / กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
นำใบบัวบกมาล้างทำความสะอาดแล้วหั่นอย่างถี่ถ้วน โดยตัดก้านรวมทั้งใบออกมาจากกัน ก้านให้หั่นเป็นท่อนเล็กๆส่วนใบนำมาเรียงทับกันแล้วหั่นตามทางขวางแล้วก็กลับมาหั่นอีกข้าง แล้วพักไว้
นำแป้งแล้วก็ผงฟูมาร่อนผ่านตะแกรง 2 รอบ แล้วพักไว้
นำเนยสดมาตีให้กับน้ำตาลด้วยความเร็วปานกลางจนขึ้นฟู ราวๆ 1 นาที
ใส่ไข่ไก่แล้วก็กลิ่นวานิลลาลงไป แล้วตีให้ถูกกัน
ค่อยๆใส่แป้งที่ร่อนไว้แล้วลงไปทีละเล็กทีละน้อย (ทีละ 1 ส่วน 3 ของแป้งทั้งหมด) แล้วตีแป้งให้เข้ากับส่วนประกอบทั้งหมดทั้งปวง
นำบัวบกที่หั่นละเอียดแล้วใส่ลงไปในแป้ง แล้วผสมเข้าด้วยกันไปเรื่อยๆจนกว่าจะเข้ากันอีกครั้ง
นำไปอบในตู้อบ โดยวางใส่ถาดที่ทาเนยหรือกระดาษทนไฟ ซึ่งจะต้องตักแป้งให้ได้ตามขนาดที่ต้องการ
ใช้เวลาอบโดยประมาณ 6-8 นาที ด้วยอุณหภูมิราวๆ 250 องศา หรือมองว่าขอบเริ่มเหลืองก็เป็นอันใช้ได้แล้ว เสร็จแล้ว คุกกี้บัวบก
ขั้นตอนการทำน้ำมันบัวบก
เตรียมส่วนประกอบดังต่อไปนี้ บัวบก 4 โล / น้ำมันที่ผลิตขึ้นมาจากมะพร้าว 1 ลิตร / น้ำที่สะอาด 1 ลิตร
นำบัวบกมาล้างน้ำทำความสะอาด แล้วหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ
เพิ่มเติมน้ำลงไปในบัวบก แล้วก็ค่อยนำไปปั่นจนละเอียด
เสร็จแล้วให้กรองเอาแต่น้ำบัวบกที่ได้จากการปั่น
นำน้ำบัวบกที่กรองได้ไปเคี่ยวกับน้ำมันมะพร้าวโดยใช้ไฟอ่อนๆประมาณ 80 องศาเซลเซียส
ต้มไปเรื่อยๆจนถึงเหลือแต่น้ำมันที่ทำจากมะพร้าว โดยให้สังเกตลักษณะกากของน้ำมัน จะมีลักษณะแห้งแบบเม็ดทราย นับว่าเป็นอันใช้ได้ ยกลงจากเตาแล้วกรองเอาน้ำมัน เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
วิธีใช้น้ำมันบัวบก
ใช้น้ำมันที่ได้เอามาทาเส้นผม แล้วนวดให้ทั่วหนังหัว
นวดเสร็จแล้วให้หมักทิ้งไว้ราวๆ 30 นาที
ครบเวลาแล้วให้สระผมด้วยน้ำอุ่นพร้อมแชมพูตามธรรมดา เป็นอันเสร็จ
น้ำมันบัวบก คุณประโยชน์ช่วยบำรุงรักษาหนังหัวรวมทั้งเส้นผม ช่วยให้เส้นผมดกดำ ขจัดปัญหาผมหล่น ผมหงอกก่อนวัย
คำเตือนและคำแนะนำ
คุณประโยชน์ของใบบัวบกการรับประทานใบบัวบกคุณควรจะพิเคราะห์เบื้องต้นของร่างกาย อย่ามองดูแต่สรรพคุณเพียงอย่างเดียว
บัวบกไม่เหมาะสมกับคนที่มีภาวะเย็นพร่อง หรือขี้หนาว ท้องเฟ้อเป็นประจำ
การกินบัวบกในปริมาณที่มากเกินความจำเป็น จะทำให้ธาตุในร่างกา
http://www.disthai.com/

14

สมุนไพรเหงือกปลาหมอ
ชื่อวงศ์ : ACANTHACEAE
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Acanthus ebracteatus Vahl
ชื่อพ้อง : Acanthus ilicfolius L. ; Acanthus ilicfolius L. var intergrifolia T.Anderson
ชื่อสามัญ : Sea holly
ชื่อประจำถิ่นอื่น : แก้มหมอ, แก้มแพทย์เล (กระบี่) ; จะเกร็ง, นางเกร็ง, เหงือกปลาหมอ, เหงือกปลาหมอน้ำเงิน (ทั่วๆไป) ; อีเกร็ง (ภาคกึ่งกลาง)
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ไม้พุ่มขนาดเล็ก (US) สูงโดยประมาณ 30-100 ซม. ลักษณะลำต้นเป็นข้อ แข็ง รวมทั้งมีหนามอ่อนๆตามข้อๆละ 4 หนาม
ใบ เป็นใบผู้เดียว ออกตรงข้ามกันเป็นคู่ๆสีเขียวเข้ม ลักษณะใบรูปไข่หรือรูปขอบขนาน ขอบใบเว้าหรือเรียบ และมีหนามแหลม ปลายใบแหลม มีก้านใบสั่นๆ
ดอกเหงือกปลาหมอ ออกเป็นช่อตั้งชันที่ยอด ช่อดอกยาว กลีบรองกลีบดอก มี 4 กลีบ แยกจากกันสีเขียวอ่อน กลีบดอกสีขาว สีขาวขริบฟ้า หรือสีฟ้าอมม่วง แยกเป็น 2 ทาง กลีบบนยาวพอๆกับกลีบรองกลีบดอก แต่กลีบข้างล่างแผ่กว้างและโค้งลง ปลายกลีบหยักเว้าเป็น 3 หยักตื้นๆ
ผล เป็นฝักสีน้ำตาล ปลายฝักป้าน มีเม็ดด้านใน 4 เม็ด
นิเวศวิทยา
เป็นไม้ที่โล่งแจ้ง มีอยู่ทั่วๆไปในป่าชายเลน ตามที่ลุ่มริมแม่น้ำลำคลอง ส่วนใหญ่ชอบขึ้นในที่น้ำกร่อย บางทีก็เจอในน้ำจืดบ้างเหมือนกัน
การปลูกรวมทั้งแพร่พันธุ์
เติบโตเจริญในดินดูเหมือนจะทุกประเภท ความชื้นปานกลาง เพาะพันธุ์ด้วยการเพาะเม็ด
ประโยชน์ทางยา
รสรวมทั้งสรรพคุณในหนังสือเรียนยา
อีกทั้งต้น รสเค็มกร่อย แก้อาการผื่นผื่นคัน
ใบ รสเค็มกร่อย รักษาโรคปวดบวมแล้วก็แผลอักเสบ แก้ท้องขึ้นท้องเฟ้อ ท้องอืดท้องเฟ้อ แพทย์แผนไทยตามชนบทใช้ทั้งยัง 5 เป็นยาแก้ไข้หัว พิษฝี พิษรอยแดงได้ดิบได้ดี แก้น้ำเหลืองเสีย ใช้ปรุงกับฟ้าทลายโจรรมหัวริดสีดวงทวาร โขลกใบผสมกับขิงคั้นเอาน้ำหยอดตาแก้อาการตาเจ็บหรือตาแดง
ผล รสเค็มกร่อย ใช้เป็นยาขับโลหิตอย่างแรง รวมทั้งแก้ฝีซาง ฝีตาน
ในประเทศประเทศอินเดีย ใช้ยอดและใบอ่อนโขลกผสมน้ำน้อยปิดแผลที่ถูกงูกัด อีกทั้งต้นใช้รักษาแก้โรคที่เกี่ยวกับหลอดลมรวมทั้งแก้ไอ และก็นำมาต้มเอาน้ำดื่มเป็นยารักษาธาตุพิการ
ในประเทศประเทศสิงคโปร์ ใช้เม็ดเป็นยาแก้ไอ โดยต้มเมล็ดกับดอกมะเฟืองหรือดอกตะลิงปลิง แล้วเพิ่มเติมเปลือกอบเชย และก็น้ำตาลกรวด จิบแก้ไอ เมล็ดบดเป็นผุยผงใช้พอกแก้ฝี หรือนำไปคั่วแล้วป่นละลายน้ำดื่มแก้ฝี ฝักต้มรับประทานเป็นยาขับโลหิต และแก้ฝี รากต้มเป็นยาดื่มแก้โรคงูสวัด
แนวทางแล้วก็จำนวนที่ใช้
รักษาโรคผิวหนัง แผลพุพอง น้ำเหลืองเสีย โดยใช้ต้นและก็ใบสด 3-4 กำมือ ล้างให้สะอาด สับเป็นชิ้นนำไปต้มน้ำ แล้วใช้น้ำอาบ ตอนเช้า-เย็น เป็นเวลา 1 อาทิตย์
ข้อควรจะทราบ
เหงือกปลาหมอมีอยู่ด้วยกัน 2 จำพวก เป็น
เหงือกปลาหมอ Acanthus ilifolius L. หรือ Acanthus ilifolius L. var intergrifolia T.Anderson ลักษณะจะมีดอกสีฟ้าอมม่วง มีประสีเหลืองตรงกลางกลีบ มีใบประดับสีเขียวอีก 2 กลีบ รองรับดอกอยู่เป็นประจำไป
เหงือกปลาหมอ Acanthus ebracteatus Vahl ลักษณะจะมีดอกสีขาวออกจะเล็ก มีใบประดับประดารองรับช่อดอก แม้กระนั้นตกหลุดไปก่อน
คุณประโยชน์ของเหงือกปลาหมอ
ใช้เป็นยาอายุวัฒนะ ทำให้อายุยืน สุขภาพแข็งแรง เลือดลมไหลเวียนดี เส้นเลือดไม่อุดตัน บำรุงผิวพรรณ ด้วยการใช้อีกทั้งต้นเหงือกปลาหมอนำมาตำผสมกับพริกไทยในอัตราส่วน 2:1 แล้วคลุกเคล้าผสมกับน้ำผึ้ง ปั้นเป็นยาลูกกลอน ว่ากันว่าถ้ารับประทานต่อเนื่องกัน 1 เดือน จะมีผลให้ปัญญาดี ไม่มีโรค / 2 เดือน ผิวหนังเต่งตึง / 3 เดือน ทำให้ริดสีดวงหาย / 4 เดือน ช่วยแก้ลม 12 จำพวก หูดี / 5 เดือน หมดโรค / 6 เดือน ทำให้เดินไม่รู้อิดโรย / 7 เดือนผิวสวย / 8 เดือน เสียงไพเราะ / 9 เดือน หนังเหนียว (อีกทั้งต้น, ราก)
เหงือกปลาหมอมีสรรพคุณช่วยทำนุบำรุงประสาท (ราก)
ช่วยรักษาอาการธาตุผิดปกติ (ทั้งยังต้น)
ช่วยทำให้เลือดลมปกติ (อีกทั้งต้น)เหงือกปลาหมอขาว
ช่วยให้เจริญอาหาร (ทั้งต้น)
ช่วยแก้โรคกษัย อาการผอมโซเหลืองหมดทั้งตัว ด้วยการใช้อีกทั้งต้นของเหงือกปลาหมอนำมาตำเป็นผุยผงรับประทานแต่ละวัน (ต้น)
ช่วยแก้อาการร้อนทั้งตัว เจ็บระบบทั้งตัว ตัวแห้ง เวียนหัว หน้ามืดตามัว มือตายตีนตาย ด้วยการใช้ทั้งต้นของเหงือกปลาหมอรวมทั้งเปลือกมะรุมอย่างละเท่ากัน ใส่หม้อต้มผสมกับเกลือน้อย หมาก 3 คำ เบี้ย 3 ตัว วางบนปากหม้อ แล้วก็ใช้ฟืน 30 ดุ้น ต้มกับน้ำเดือดจนกระทั่งงวดแล้วชูลง เมื่อเสร็จให้กลั้นหายใจกินขณะอุ่นๆจนหมด อาการก็จะดียิ่งขึ้น (ต้น)
ช่วยยับยั้งโรคมะเร็ง ต่อต้านมะเร็ง (ต้น)
ช่วยรักษาอาการปอดอักเสบ ด้วยการใช้เหงือกปลาหมอทั้งต้นและอาหารเย็นเหนือ อาหารมื้อเย็นใต้ในรูปร่างที่เท่ากัน นำมาต้มกับน้ำจนกระทั่งเดือดแล้วเอามาดื่มในขณะอุ่นๆทีละ 1 แก้ว รุ่งเช้า ช่วงเวลากลางวัน เย็น อาการจะดียิ่งขึ้น (ต้น)
รักษาปอดบวม ข้อมูลนี้ยังไม่น่าเชื่อถือ* (ใบ)
ต้นมีรสเค็มกร่อย คุณประโยชน์ช่วยแก้ลักษณะของการปวดหัว (ต้น)
รากช่วยแก้และก็ทุเลาอาการไอ หรือจะใช้เมล็ดเอามาต้มดื่มแก้อาการไอก็ได้เหมือนกัน (ราก, เม็ด)
ช่วยแก้โรคหืดหอบ (ราก)
ช่วยรักษาวัณโรค ด้วยการใช้ต้นเอามาตำผสมเป็นน้ำดื่ม (ต้น)
ช่วยแก้ลักษณะการเจ็บตา ตาแดง ด้วยการใช้เหงือกปลาหมอทั้งยังต้นเอามาตำผสมกับขิง คั้นมัวแต่น้ำใช้หยอดตาแก้อาการ (อีกทั้งต้น)
ใบช่วยแก้ไข้ (ใบ)
ช่วยแก้ไข้จับสั่น ด้วยการใช้ทั้งยังต้นเหงือกปลาหมอมาตำผสมกับขิง (ต้น)
ช่วยแก้พิษไข้หัว ด้วยการใช้อีกทั้งต้นและรากเอามาต้มอาบแก้อาการ (ทั้งยังต้น)
แก้อาการไอ เมล็ดใช้ผสมกับดอกมะเฟือง เปลือกอบเชย น้ำตาลกรวด เอามาต้มรวมกันแล้วเอาแต่น้ำมากินเป็นยาแก้ไอ (เมล็ด)
ช่วยขับเสมหะ (ราก)
หากเป็นลมเป็นแล้ง ให้ใช้ต้นเหงือกปลาหมอ 1 ส่วน / พริกไทย 2 ส่วน ผสมรวมกัน ตำอย่างละเอียดเป็นผุยผงแล้วเอามาละลายน้ำร้อนดื่ม (ต้น)
ช่วยแก้โรคกระเพาะ ด้วยการใช้ต้นและพริกไทย (10:5 ส่วน) ตำผสมปั้นเป็นยาลูกกลอน (ต้น)
ช่วยขับพยาธิ (เมล็ด)
ช่วยรักษาโรคริดสีดวงทวาร ด้วยการใช้ต้นเหงือกปลาหมอกับขมิ้นอ้อย นำมาตำละลายกับน้ำแล้วทาบริเวณที่เป็นริดสีดวง หรือจะใช้ปรุงกับฟ้าทะลายมิจฉาชีพ ใช้รมหัวริดสีดวงก็ได้ (ต้น, ใบ)
ช่วยขับเยี่ยว ข้อมูลนี้ยังไม่น่าเชื่อถือ* (ไม่กำหนดส่วนที่ใช้)
ช่วยรักษามุตกิดตกขาว ตกขาวของสตรี ด้วยการใช้ใบและต้นเอามาตำเป็นผุยผง ผสมกับน้ำผึ้งหรือน้ำมันมันงา ปั้นเป็นยาลูกกลอนรับประทานแก้อาการ (ต้น, ใบ, ราก)
ช่วยแก้รอบเดือนมาไม่เป็นปกติของสตรี ด้วยการใช้ทั้งยังต้นเอามาตำผสมกับน้ำผึ้ง น้ำมันงา (ต้น)
ช่วยรักษานิ่วในไต ด้วยการใช้ใบนำมาต้มเป็นน้ำดื่ม (ใบ)
ช่วยแก้ไตทุพพลภาพ ข้อมูลนี้ยังไม่น่าเชื่อถือ* (ไม่ระบุส่วนที่ใช้)

ผลช่วยขับเลือด หรือจะใช้เมล็ดผสมกับดอกมะเฟือง เปลือกอบเชย น้ำตาลกรวด นำมาต้มรวมกันแล้วมัวแต่น้ำมากิน หรือใช้ต้น 10 ส่วนและพริกไทย 5 ส่วน ผสมทำเป็นยาลูกกลอนรับประทานก็ได้ (เมล็ด, ผล, ทั้งต้น)
ช่วยฟอกโลหิต ข้อมูลนี้ยังไม่น่าเชื่อถือ* (ไม่กำหนดส่วนที่ใช้)
แก้พิษเลือด ข้อมูลนี้ยังไม่น่าเชื่อถือ* (เปลือกต้น)
ช่วยรักษาแผล ด้วยการใช้ต้นนำมาตำผสมกับหัวสามสิบ ในอัตราส่วน 2:1 (ทั้งต้น)
ต้นเหงือกปลาหมอมีคุณประโยชน์ช่วยรักษาแผลพุพอง (ต้น)
ใบมีรสเค็มกร่อย สรรพคุณช่วยรักษาแผลอักเสบ (ใบ)
ช่วยแก้น้ำเหลืองเสีย ด้วยการใช้ต้น 3-4 ต้น นำมาหั่นเป็นชิ้น แล้วต้มน้ำอาบแก้อาการ (ต้น, ใบ, เมล็ด)
สำหรับคนไข้โรคภูมิคุมกันบกพร่องที่มีแผลพุพองตามผิวหนัง ถ้าหากใช้ต้นมาต้มอาบแล้วก็ทำเป็นยากินต่อเนื่องกันโดยประมาณ 3 เดือนจะช่วยทำให้ลักษณะของแผลพุพองทุเลาลงอย่างชัดเจน (ต้น)
ช่วยรักษาโรคผิวหนังหรือประป่าดง รักษากลากเกลื้อน อีสุกอีใส (ใบ)
ช่วยรักษาโรคโรคเรื้อน โรคกุฏฐัง ด้วยการใช้อีกทั้งต้นนำมาตำมัวแต่น้ำดื่ม (อีกทั้งต้น)
ช่วยแก้ผื่นผื่นคันตามร่างกาย ใช้ล้างแผลเรื้อรัง ด้วยการใช้ต้นสดและใบสดล้างสะอาดโดยประมาณ 3-4 กำมือ เอามาสับแล้วต้มกับน้ำอาบแก้ผื่นคันต่อเนื่องกัน 3-4 ครั้ง (ต้น, ใบ)
เหงือกปลาหมอมีสรรพคุณทางยาช่วยแก้ผื่นคัน (ต้น)
รากสดนำมาต้มมัวแต่น้ำ ใช้ดื่มเป็นยารักษาโรคงูสวัดได้ (ราก)
ช่วยรักษาฝี ฝีเรื้อรัง แผลฝีหนอง ฝีดาษ ตัดรากฝี แก้พิษฝีทุกชนิดอีกทั้งข้างในภายนอก ด้วยการใช้ต้นและก็ใบทั้งสดแล้วก็แห้งราว 1 กำมือ เอามาบดอย่างรอบคอบ แล้วเอามาพอกรอบๆที่เป็นฝี หรือแนวทางที่สองจะนำมาสับเป็นชิ้นเล็กๆใส่น้ำให้ท่วมแล้วต้มในน้ำเดือดทิ้งเอาไว้ 10 นาที แล้วนำมาดื่มก่อนที่จะรับประทานอาหารทีละครึ่งแก้ว วันละ 3 ครั้ง ราวๆ 2-3 อาทิตย์ หรือจะใช้เมล็ดนำมาคั่วให้ไหม้เกรียมแล้วป่นอย่างระมัดระวัง ชงกับน้ำกินเป็นยาแก้ฝีก็ได้ (ต้น, ใบ, เมล็ด)
เมล็ดใช้ปิดพอกฝี (เม็ด)
ผลมีรสเผ็ดร้อน คุณประโยชน์ช่วยทำลายพิษ (ผล, ต้น)
ใบสดเอามาตำอย่างละเอียด สามารถใช้พอกบริเวณแผลที่ถูกงูกัดได้ (ใบ)
ช่วยแก้ผิวแตกตลอดตัว ด้วยการใช้อีกทั้งต้นของเหงือกปลาหมอ1 ส่วน / ดีปลี 1 ส่วน ใช้ผสมกันบดให้เป็นผงชงกับน้ำร้อนดื่มแก้อาการ (อีกทั้งต้น)
ต้น ถ้าหากนำมาใช้จะช่วยแก้โรคเหน็บชา อาการชาทั้งตัวได้ (ต้น)
รากมีสรรพคุณช่วยแก้อัมพาต (ราก)
แก้อาการเจ็บหลังเจ็บเอว ด้วยการใช้ต้นกับชะเอมเทศเอามาบดเป็นผุยผง ผสมกับน้ำผึ้งปั้นเป็นยาลูกกลอนกิน (ต้น)
ใบใช้เป็นยาประคบปรับปรุงข้ออักเสบรวมทั้งแก้อาการปวดต่างๆ(ใบ)
ช่วยบำรุงรากผม ด้วยการใช้น้ำคั้นจากใบนำมาทาให้ทั่วศีรษะ จะช่วยบำรุงรากผมได้ (ใบ) http://www.disthai.com/

Tags : สมุนไพรเหงือกปลาหมอ

15

เหงือกปลาหมอ
รักษาโรคผิวหนัง ผื่นคัน ขี้กลากเกลื้อน
ชื่ออื่น : แก้มแพทย์ แก้มหมอเล จะเกร็ง นางเกร็ง อีเกร็ง เหงือกปลาหมอน้ำเงิน
ในหนังสือเรียนยาไทยพูดว่า เหงือกปลาหมอสามารถแก้โรคผิวหนังได้ทุกชนิด
ในเมื่อเหงือกปลาหมอมีคุณประโยชน์เด่นแก้น้ำเหลืองเสียได้ โรคผิวหนังต่างๆแม้แต่ โรคอีสุกอีใส ที่เกิดขึ้นมาจากเชื้อไวรัสก็จะบรรเทาเบาบางลง
สมุนไพร เหงือกปลาแพทย์เป็นไม้พุ่มที่มีขนาดกลางๆสูงราว 1-2 เมตร ส่วนของลำต้นและก็ใบจะมีหนามมีหนาม ใบหนามแข็งแล้วก็มีขอบเว้าหนามแหลมใบออกเป็นคู้ตรงข้ามกัน ส่วนของดอกจะออกเป็นช่อตามยอด กลีบจะมีสีขาอมม่วง มี 4 กลีบแยกจากกันผลเป็นฝักสีน้ำตาล มี เม็ด จะสามารถมักพบตามชายน้ำ ริมฝั่งลำคลองรอบๆปากแม่น้ำ
ในกรณีโรคผิวหนังพุพองจากเชื้อไวรัสโรคภูมิคุมกันบกพร่อง แม้จะรุนแรงกว่าโรคผิวหนังทั่วไป แต่เมื่อใช้เหงือกปลาแพทย์เป็นทั้งยังยากินและก็ต้มน้ำอาบติดต่อกันเป็นระยะเวลาที่ยาวนานกว่า 3 ข้างขึ้นไป แผลพุพอง ก็จะลดลงลงอย่างชัดเจน สำหรับผู้เจ็บป่วยโรคผิวหนังด้วย
แนวทางปรุงยารวมทั้งวิธีใช้ยาก็มีหลายแนวทางเป็น
แนวทางต้มยากินแล้วก็อาบ
เอาเหงือกปลาแพทย์สดหรือแห้งสับเป็นท่อนเล็กๆใส่เต็มขันขนาด 1 ลิตร ใส่น้ำ 4 ขัน ต้มยาให้เดือดนาน 10 นาที ตักน้ำยาขึ้นมา 1 แก้ว แบ่งไว้สำหรับดื่มรับประทานขณะอุ่นๆทีละครึ่งแก้ว วันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น ก่อนที่จะกินอาหาร
ส่วนน้ำยาที่แบ่งไว้อาบนั้น ต้องใช้อาบขณะน้ำยายังอุ่นอยู่ ก่อนอาบน้ำจะต้องชำระล้างร่างกายด้วยสบู่ให้สะอาดเสียก่อน เมื่ออาบน้ำยาแล้ว ไม่ต้องอาบน้ำปกติตามอีก อาบน้ำยาวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็นครั้งละ 3-4 ขัน แต่ว่าถ้าเกิดมีเหงือกปลาแพทย์จำนวนมาก บางครั้งก็อาจจะต้มยาเพื่อเป็นการแช่หมดทั้งตัวในอ่างก็ยิ่งดี
กระบวนการทำเป็นยาลูกกลอน
นำเหงือกปลาแพทย์ทั้ง 5 คราวตากแห้งมาบดเป็นผุยผงละเอียด 2 ส่วน ผสมน้ำผึ้งแท้ 1 ส่วน ปั้นเป็นเม็ดลูกกลอนขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1 เซนติเมตร ผู้ใหญ่กินทีละ 2 เม็ด เด็กบางทีอาจจะกินทีละ 1 เม็ดหรือครึ่งเม็ดตามขนาดอายุและก็น้ำหนัก รับประทานวันละ 2 ครั้ง ก่อนที่จะรับประทานอาหาร ตอนเช้า-เย็น รับประทานไปเรื่อยๆตราบจนกระทั่งจะหาย แต่ถ้าหากเป็นโรคผิวหนังจากภูมิต้านทานผิดพลาดก็ต้องรับประทานตลอดกาล

วิธีการทำเป็นแคปซูล
นำผงเหงือกปลาแพทย์ที่ผ่านการเหินเป็นผงละเอียดเหมือนแป้งใส่แคปซูลขนาด 250 มก. คนแก่รับประทานทีละ 2 แคปซูลวันละ 2-3 เวลาก่อนอาหาร เด็กต่ำลงตามส่วน
เหงือกปลาหมอมีคุณประโยชน์จำนวนมาก อย่างเช่น
-ราก มีคุณประโยชน์สำหรับในการแก้โรคหืด อัมพาต แก้ไอ และก็ใช้ขับเสมหะ
-ต้น มีสรรพคุณรักษาโรคหลากหลายประเภท โดยใช้ต้นตำผสมน้ำกินรักษาวัณโรค อาการซูบผอม ถ้าใช้ทาก็ช่วยแก้โรคเหน็บชาได้
-ลำต้น ไปผสมกับสมุนไพรอื่นๆก็จะได้สรรพคุณทางยาต่างกันออกไปอีก
-ทั้งต้นรวมรากต้มอาบแก้พิษไข้หัวลม แก้โรคผิวหนังทุกชนิด
-ทั้งยังต้นสดตำพอกปิดหัวฝีแผลเรื้อรังถอนพิษ ต้มกินแก้พิษไข้ทรพิษ ฝีทั้งมวล ผลรับประทานเป็นยาขับโลหิตรอบเดือน นอกเหนือจากนี้ ถ้าหากตาเจ็บ ตาแดง เอา
"เหงือกปลาหมอ" ทั้งยังต้นตำกับขิงคั้นเอาน้ำหยอดตาหาย เป็นเหน็บชา ชาตลอดตัว
- ต้นตำทาบริเวณที่เป็นจะดียิ่งขึ้น
- ตำเอาน้ำดื่มกากพอก งูกัด
- ต้นกับขมิ้นอ้อยตำทาป็นฝีฟกบวม เป็นริดสีดวงทวาร
- ต้นตำกับขิงรับประทาน โรคเรื้อน โรคกุฏฐัง ป่วยจับสั่น
- ทั้งต้นตำใบส้มป่อยต้มดื่ม เจ็บข้างหลัง เจ็บเอว
- "เหงือกปลาหมอ" กับชะเอมเทศตำผงละลายน้ำผึ้งปั้นเป็นก้อนรับประทาน ริดสีดวงแห้ง
ในท้อง ซูบผอมเหลืองทั้งตัว กินทุกวัน
- "เหงือกปลาหมอ" กับเปลือกมะรุมเสมอกันใส่หม้อ เกลือนิดนึง หมาก 3 คำ เบี้ย 3 ตัว วางบนปากหม้อ ใช้ฟืน 30 ท่อน ต้มกับน้ำจนเดือดให้งวดก็เลยยกลง กลั้นหายใจรับประทานขณะอุ่นจนหมด เป็นริดสีดวง มือตายตีนตาย ร้อนหมดทั้งตัว วิงเวียน ตามัว เจ็บระบมตลอดตัว ตัวแห้ง จะหายได้
- "เหงือกปลาหมอ" อีกทั้ง 5 รวมราก กับ อาหารมื้อเย็นเหนือ อาหารเย็นใต้ จำนวนเสมอกัน กะตามต้องการ ต้มกับน้ำจนเดือดดื่มขณะอุ่นทีละ 1 แก้ว 3 เวลา รุ่งเช้า ช่วงเวลากลางวัน เย็น ต้มดื่มปอดเริ่มมีปัญหาเป็นฝ้าจะอาการ ไปให้แพทย์เอกซเรย์ปอดไม่เป็นฝ้าอีกหยุดต้มกินได้เลย และก็ต้องระวังอย่าให้เป็นอีก
ยาอายุวรรฒนะ
- "เหงือกปลาหมอ" 2 ส่วน พริกไทย 1 ส่วน ทำเป็นผงละลายน้ำผึ้งปั้นรับประทานวันแล้ววันเล่า
กินได้ 1 เดือน ไม่มีโรค สติปัญญาดี
กินได้ 2 เดือน ผิวหนังเต่งตึง
กินได้ 3 เดือน โรคริดสีดวงทุกจำพวกหาย
กินได้ 4 เดือน แก้ลม 12 ชนิด หูดี
กินได้ 5 เดือน หมดโรค
กินได้ 6 เดือน เดินไม่เคยทราบอ่อนแรง
กินได้ 7 เดือน ผิวงาม
กินได้ 8 เดือน เสียงน่าฟัง
กินได้ 9 เดือน หนังเหนียว
-"เหงือกปลาหมอ" 1 ส่วน ดีปลี 1 ส่วน ทำผงชงรับประทานกับน้ำร้อนถ้าเกิดผิวแตกหมดทั้งตัวหายได้ ทั้งผองที่บอกเป็นหนังสือเรียนยาโบราณ ไม่เชื่อก็ไม่สมควรดูถูกดูแคลน ทราบไว้เป็นวิชา http://www.disthai.com/

Tags : สมุนไพรเหงือกปลาหมอ

หน้า: [1] 2