รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
การค้นหาขั้นสูง  

ข่าว:

SMF - Just Installed!

แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Messages - postza221

หน้า: [1] 2 3 ... 12
1
อื่น ๆ / สมุนไพรรักษาโรคกระดูก
« เมื่อ: เมษายน 18, 2018, 02:36:28 PM »
โรคกระดูกอันตรายอย่างกว่าที่เราคิด
                โรคกระดูกโรคที่หลายคนคาดคะเนว่าเป็นโรคของผู้สูงอายุเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว โรคกระดูกนั้นเกิดขึ้นได้ทุกเพศทุกวัย ส่วนใหญ่แล้วคนเรามักจะมองข้ามไปเพราะคาดคะเนว่ามันเป็นโรคไกลตัวบางล่ะ โรคไม่อันตรายบ้างล่ะ ถ้าคุณคิดแบบนี้รู้ไว้เลยว่าคุณกำลังนึกผิดอย่างแน่นอนโรคกระดูกนั้นมีหลายแบบด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นโรคกระดูกพรุน โรคเกาต์ โรคข้อกระดูกเสื่อม โรคกระดูกทับเส้น โรคเหล่านี้สามารถเริ่มเป็นได้กับทุกเพศทุกวัยหากเราไม่ดูแล

            ที่มาของการเกิดโรคกระดูก
สาเหตุมาจากการการทำงานที่ผิดปกติของอวัยวะต่างๆ มีสาเหตุหลายอย่างเลยไม่ว่าจะเป็น การบาดเจ็บ การประสบอุบัติเหตุ การทำงานหนัก การหักโหมยกของหนัก การติดเชื้อ การเสื่อมตามอายุขัย และโรคกระดูกยังมีที่มาจากกรรมพันธุ์ด้วยในส่วนหนึ่ง หลายคนไม่ทราบว่าโรคกระดูกนั้นส่วนใหญ่มักจะเกิดจากการเคลื่อนไหว ของเราแบบผิดๆ ทำให้กระดูกต้องรับแรงกระแทกหนักๆ เช่นจากการทำงาน ที่เราต้องเคลื่อนที่ ร่างกายตลอดเวลา และมักจะเคลื่อนที่ ส่วนใดส่วนหนึ่งซ้ำไปซ้ำมาบ่อยๆ การออกแรงหนักๆฝืนยกของหนักทั้งๆที่ยกไม่ไหว การบิดข้อมืออย่างแรงเพื่อการเคลื่อนที่ ที่รวดเร็ว พฤติกรรมอาการเหล่านี้มักก่อให้เกิดอันตรายต่อกระดูกเราเสมอ แต่สาวๆที่นั่งทำงานในออฟฟิศอย่างเราๆก็ไม่ใช่ว่าจะปลอดภัยจากโรคนี้เพราะ การที่เราต้องนั่งในท่าเดียวนานๆ ก็อาการที่จะเกิดโรคกระดูกได้เช่นเดียวกัน และหากเราทำงานแบบที่ต้องออกแรงเยอะๆ หรือมีการทำงานที่เกี่ยวข้องกับการเจาะพื้น ตออกเสาเข็ม หรืออยู่ใกล้พื้นที่ที่มีแรงสั่นสะเทือนบ่อยๆก็ควรระวัง เพราะแรงสั่นสะเทือนเหล่านี้จะไปมีผลกระทบต่อระบบกระดูกในร่างกายของเราได้เช่นเดียวกัน
อาการของโรคกระดูก
เรามักจะพบว่ามีสภาพเจ็บปวด หรืออักเสบ มีสภาพบวมตามบริเวรกล้ามเนื้อและข้ออยู่บ่อย เจ็บแบบเบาๆหรือเจ็บแบบเสียวๆก็เสี่ยงต่อโรคนี้ได้ ซึ่งสภาพอาจจะมีมากมายว่านี้ขึ้นอยู่กับโรคที่เราเป็นด้วย แต่ส่วนใหญ่แล้วมักพบว่ามีระบบประสาทมาร่วมด้วย

การปกป้อง และการป้องกัน
แนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยว่าอาการของโรคนั้นอยู่ในขั้นที่เท่าไหร่ หากไม่รุนแรงก็สามารถใช้ยารักษาอาการอักเสบได้ การผ่าตัดก็ต้องขึ้นอยู่กับอาการของโรค การใช้วีธีทางการแพทย์เฉพาะทางเช่นการกายภาพบำบัด การฉีดน้ำหล่อเลี้ยงเข้าไปในระบบกระดูก หากพบอาการกระดูกเสื่อม  ซึ่งเมื่อเราพบว่าตัวเองมีสภาพผิดปกติควรรีบไปพบแพทย์ก่อนที่สภาพจะลุกลาม และเกิดเป็นโรคกระดูกเรื้อรัง เพราะจะทำให้เราต้องเสียเวลาในการไปดูแลนานหลากหลายขึ้น
เห็นไหมล่ะค่ะว่าโรคกระดูกนั้นเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัยหากเราไม่ลดพฤติกรรมอาการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ชีวิตประจำวัน การทำงาน ต้องฟื้นฟูสุขภาพตัวเองให้มากนะคะ เพราะสุขภาพของเราไม่มีขายนั้นเองค่ะ
สมุนไพรรักษาโรคกระดูก
 
คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : สมุนไพรรักษากระดูก

เครดิต : https://www.youtube.com/watch?v=L2kw_pblF2c

Tags :  สมุนไพรจีนรักษาโรคกระดูก, ประสบการณ์ผู้ป่วย, โรคกระดูก

2
โรคระบบภายในไม่สมบูรณ์ ภัยร้ายในทารกแรกเกิด
            เราเชื่อว่าโรคนี้น้อยคนที่จะรู้จัก อาจจะเป็นเพราะโอกาสที่จะเริ่มเป็นกับคนไทยนั้นมีปริมาณน้อยก็ตาม แต่ในความจริงโรคนี้มีความอันตรายมาก เพราะมักจะเป็นในทารกแรกเกิด กรณีที่เริ่มเป็นในเมืองไทยก็มีให้เราได้พบเห็นเช่นเดียวกันแต่น้อยมาก โรคระบบภายในไม่สมบูรณ์คือโรคที่เริ่มเป็นร่างกายทำงานได้ไม่เต็มที่ เริ่มเป็นระบบภายในล้มเหลว ทำให้อาหารที่บริโภคลงไปไม่ย่อยและกลายเป็นพิษในที่สุดเพราะร่างกายก็ไม่สามารถขับออกมาได้เช่นเดียวกัน ทำให้เกิดขึ้นการตกค้างของสารอาหารอื่นๆ ซึ่งวันนี้เราจะมาคุยและทำความเข้าใจเรื่องโรคระบบภายในไม่สมบูรณ์กันค่ะ
            ต้นเหตุของโรคระบบภายในไม่สมบูรณ์
            เกิดขึ้นจากความผิดพลาดของยีนร่างกาย ซึ่งอาจจะเป็นมาจากพันธุกรรมมี เกิดขึ้นพ่อแม่มียีนผิดปกติ หรืออาจจะปรากฏจากการตั้งครรภ์ไม่ถูกวิธี ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นจากความผิดปกติของยีนเดี่ยว  ทำให้ร่างกายเริ่มเป็นการจัดเรียงลำดับคู่เบสที่ผิดปกติ ทำให้ปรากฏความผิดปกติต่อการสร้างสารโปรตีนต่างๆในร่างกาย ซึ่งเป็นปรากฏการเปลี่ยนแปลงระดับ DNA ซึ่งในบางครั้งอาจจะเริ่มเป็นจากการกลายพันธ์ของยีนที่สารควบคุมเอนไซม์ ทำให้เริ่มเป็นเอนไซม์ทำงานผิดปกติ และเป็นกระบวนการเมตาบอลิซึม ผิดปกติ ในที่สุดก็จะเริ่มเป็นแสดงอาการผิดปกติออกมานั้นเองค่ะ
            อาการของโรคระบบภายในไม่สมบูรณ์
            อย่างที่บอกไว้โรคนี้พบได้ในเด็กทารกแรกเกิดเท่านั้น ซึ่งอาการของเค้าจะเริ่มเป็นผิดปกติตั้งแต่แรกคลอดจนถึงช่วง 5-6 ขวบ คือมีสภาพทางระบบประสาท และหัวใจ และอาการระบบย่อยอาหาร ในบางรายอาจพบอาการโลหิตเป็นพิษ ทำให้ไม่สามารถใช้ชีวิตได้แบบเด็กปกติ ในเด็กบางรายอาจมีสภาพทางด้านร่างกายแสดงออกมาให้ได้เห็นด้วย
            การปกป้องโรคระบบภายในไม่สมบูรณ์
            โรคนี้สามารถรักษาได้ตั้งแต่ช่วงคุณแม่ตั้งครรภ์แล้ว ควรเข้าไปพบแพทย์เพื่อตรวจครรภ์และวินิจฉัยก่อนการคลอด ซึ่งการตรวจครั้งนี้คุณหมอจะบอกให้เราทราบว่าเด็กมีความผิดปกติหรือไม่ ซึ่งหากมีอาการความผิดปกติก็สามารถเลือกนำบุตรออก เพื่อสินสุดการตั้งครรภ์ แต่ในประเทศไทยของเรายังไม่สามารถทำได้
            การรักษาดูแลโรคระบบภายในไม่สมบูรณ์
            หากพบว่าลูกเป็นโรคนี้ก็แนะนำให้ไปพบแพทย์เฉพาะทางก็จะช่วยวินิจฉัย และหาแนวทางรักษาได้เหมาะที่สุด ซึ่งวิธีการฟื้นฟูมีหลายแบบ อาจะเป็นการดูแลเพิ่มสารสร้างโปรตีน หลีกเลี่ยงยาหรือสารที่จะทำให้เกิดโรคแทรกซ้อน ดูแลแบบกำจัดสารพิษที่ตกค้างอยู่ในร่างกายเด็กออกให้หมด หรือในบางครั้งอาจจะใช้ยาเพื่อกำจัดสารพิษออกมา ซึ่งการรักษาแพทย์จะเป็นคนตัดสินใจเอง โดยคำนึงถึงสุขภาพและอาการของเด็กเป็นหลักด้วยค่ะ เพราะฉะนั้นปลอดภัยอย่างแน่นอน
คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : สมุนไพรรักษาระบบภายในไม่สมบูรณ์

ที่มา : https://www.youtube.com/watch?v=_etvAVOkynk

Tags :  วิธีรักษาโรคระบบภายในไม่สมบูรณ์, สมุนไพรจีนรักษาโรคระบบภายในไม่สมบูรณ์

3
อื่น ๆ / สมุนไพรรักษาโรคเข่าเสื่อม
« เมื่อ: ธันวาคม 05, 2017, 09:35:59 PM »
โรคเข่าเสื่อมโรคอันตรายของผู้สูงอายุ
            โรคข้อเข่าเสื่อมเป็นโรคที่เรามักจะพบเกิดขึ้นในผู้สูงอายุ โดยเฉพาะในผู้หญิงที่มีอายุเยอะแยะกว่า 40 ขึ้นไปแล้ว เป็นโรคที่อันตรายโรคหนึ่ง แต่หากเราพบว่าเป็นโรคนี้ตั้งแต่เนิ่นๆก็สามารถดำเนินการักษาให้ถูกวิธีได้ โรคเข่าเสื่อมมักพบว่าบุคคลที่เสี่ยงเป็นก็คือคนที่มีน้ำหนักมากมายเกินกว่ามาตรฐาน เพราะเท้าและขาของเราจะต้องแบกรับน้ำหนักทั้งตัวของเราเมื่อเกิดขึ้นการไม่สมดุลแล้ว หัวเข่าของเราก็ต้องทำงานหนักมากขึ้น มีภาระเยอะแยะขึ้น หากมีภาวะไม่ปกติเช่นน้ำหล่อเลี้ยงไขข้อน้อย ก็จะทำให้เป็นการเสียดสี และสึกหรอของกระดูกเข่าทำให้เริ่มเป็นการขัดและกลายเป็นข้อเข่าเสื่อมในที่สุด
            ต้นเหตุของโรคข้อเข่าเสื่อม

  • ประการแรกคงมาจากเรื่องอายุ ร่างกายของเราจะเสื่อมไปตามอายุที่มากมายขึ้น เพราะร่างกายนั้นไม่สามารถสร้างสารหล่อเลี้ยงในข้อเข่าได้เพียงพอนั้นเอง
  • เพศ หากเป็นเพศหญิงแล้วมักมีโอกาสเป็นโรคเข่าเสื่อมหลากหลายกว่าผู้ชายถึง 2 เท่า เพราะเพศหญิงขาดฮอร์โมนเอสโตรเจนเยอะแยะกว่าผู้ชาย โดยเฉพาะเพศหญิงที่หมดประจำเดือนแล้วจะมีโอกาสเป็นได้ง่ายกว่าปกติ
  • น้ำหนัก ส่วนใหญ่แล้วเราจะพบว่า คนที่มีน้ำหนักเยอะมากกว่ามาตรฐานข้อเข่ายิ่งต้องรับภาระหนักขึ้น ทำให้เกิดสภาพข้อเข่าเสื่อมได้ง่ายกว่าคนน้ำหนักน้อย
  • ผู้ที่เคยได้รับบาดเจ็บที่หัวเข่า จะมีความเสี่ยงสูงหลากหลายอยู่แล้ว
  • ใช้ข้อเข่าบ่อยๆ การใช้บ่อยแบบไม่ถูกต้องนั้นก็ย่อมจะเสื่อมเร็วกว่าคนปกติหลายเท่านัก
อาการของโรคข้อเข่าเสื่อม

  • ในช่วงแรกมักจะพบสภาพปวดเมื่อยตึง ทั้งในบริเวณด้านหน้าและด้านหลัง
  • มีอาการปวดหนักมากขึ้นเมื่อผ่านไประยะหนึ่ง มักบอกได้ว่าปวดบริเวณใด
  • เริ่มมีอาการเสียงในหัวเข่า เวลาเดินรู้สึกขัดๆเดินไม่สะดวก
  • มีสภาพบวมและเกิดการอักเสบอย่างเห็นได้ชัด เริ่มมีการเสียรูปร่างของหัวเข่าให้เห็นอย่างชัดเจน จนบางรายเดินไม่ได้
วิธีปกป้องและวิธีการดูแล โรคข้อเข่าอักเสบ
วิธีฟื้นฟู
หมั่นออกกำลังกายแต่ไม่ควรใช้หัวเข่าหนักมากมายจนเกินไป น้อยการใช้หัวเข่าในแบบที่ไม่เหมาะสม ทานอาหารบำรุงน้ำไขข้อในกระดูกให้มากมายๆ ทานแคลเซียมและวิตามิน
สมุนไพรรักษาโรคเข่าเสื่อม
วิธีการดูแล    ไปพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจว่าเป็นโรคหัวเข่าเสื่อมระดับไหนแล้ววินิจฉัยว่าโรคนั้นสามารถปกป้องให้หายได้หรือไม่ ส่วนใหญ่แล้วแพทย์มักจะใช้เครื่องมือตรวจสอบว่าหัวเข่านั้นเสื่อมมากขนาดไหน หากอาการเริ่มต้นอาจจะสั่งยาแก้อักเสบ และยาฟื้นฟูในเบื้องต้นหากทานไปแล้วไม่ดีขึ้นก็จะต้องทำการผ่าตัดและกายภาพบำบัดในลำดับต่อไป ในบางครั้งโรคเข่าเสื่อมนี่ก็มาจากการหกล้มง่ายๆด้วย เราควรระมัดระวังคุณพ่อคุณแม่ที่ท่านอายุมากแล้ว จะดีที่สุดนะคะ
คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : สมุนไพรรักษาเข่าเสื่อม

เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง : https://www.youtube.com/watch?v=U4Gm1psd9ag

Tags : สมุนไพรรักษาโรคเข่าเสื่อม, วิธีรักษาโรคเข่าเสื่อม, สมุนไพรจีนรักษาโรคเข่าเสื่อม

4
อื่น ๆ / โรคอัมพฤกษ์ โรคที่เราป้องกันได้
« เมื่อ: ธันวาคม 05, 2017, 11:20:58 AM »
โรคอัมพฤกษ์  โรคที่เราป้องกันได้
            หากจะพูดถึงโรคนี้เราเชื่อว่าเป็นโรคที่หลายคนย่อมรู้จักกันดี โรคนี้เกิดขึ้นขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย ซึ่งบางครั้งเราก็รู้สาเหตุที่แท้จริงว่าทำไมคนในครอบครัวของเราถึงเป็นโรคนี้ หรือในบางครั้งเราก็ไม่รู้เลยว่า ตัวเราเองนั้นมีความเสี่ยงที่จะเริ่มเป็นเป็นสภาพโรคนี้บางรึเปล่า และอาการโรคนี้ก็มักจะเริ่มเป็นขึ้นในเพียงเสี้ยววินาทีสั้นๆ เราไม่สามารถป้องกันได้เลย แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าโรคนี้อันตรายแค่ไหน รักษา หรือดูแล คนในครอบครัวที่มีความเสี่ยงต่อโรคนี้ได้มากน้อยแค่ไหนวันนี้เรามีคำตอบมาฝากกันค่ะ
            สาเหตุของโรคอัมพฤกษ์
            อย่างที่เราทราบกันว่าโรคอัมพฤกษ์นี้สาเหตุสำคัญมักจะเป็นมาจากการที่มีโรคหลอดเลือดสมอง เริ่มเป็นจากการมีไขมันเกาะอยู่ในหลอดเลือดมากเกินไป หรือมีอาการลิ่มเลือดขนาดเล็กในหัวใจและผนังหัวใจ จึงทำให้ปรากฏการไปอุดตันในหลอดเลือดบริเวณสมอง ทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ ซึ่งส่วนใหญ่ผู้ป่วยโรคหัวใจมักจะมีอาการและความเสี่ยงมากกว่าคนปกติ นอกจากนี้บุคคลที่มีการเกิดขึ้นแข็งตัวของเลือดที่เร็วเกินไป หรือมีเกล็ดเลือดมากจนเกินไป จนทำให้ปรากฏหลอดเลือดอุดตันได้เร็วมากขึ้นคะ
            อาการของโรคอัมพฤกษ์
            อย่างที่เรารู้อยู่แล้ว สภาพของโรคนี้มักจะมีสภาพเตือนมาเสมอ แต่ในบางครั้งที่เราไม่รู้ตัวนั้น ทำให้เราพลาดที่จะฟื้นฟูตัวนั้นเองวันนี้เราจึงมีสภาพเบื้องต้นของโรคนี้มาบอกให้ทราบกัน

  • มีอาการชาครึ่งซีกของร่างกาย อาจจะด้านซ้ายหรือด้านขวา
  • มีอาการอ่อนแรง อาการแขนขาอ่อนแรง สภาพพูดจาลำบากขึ้น
  • มีสภาพเวียนศีรษะ สภาพทรงตัวไม่ดี สภาพเดินไม่ตรง
  • มีสภาพพูดไม่ชัด สภาพพูดไม่ออก ในทันทีเลย
  • มีอาการมองเห็นภาพซ้อน อาการตามัว มองไม่เห็น


สภาพเหล่านี้มักจะแสดงออกเป็นสภาพเดียวหรือปรากฏพร้อมหลายสภาพ ซึ่งเมื่อมีสภาพดังนี้ควรรีบไปพบแพทย์ในทันที
การฟื้นฟูโรคอัมพฤกษ์
เนื่องจากโรคนี้มีสาเหตุมากจากเลือกและไขมันในเส้นเลือดเป็นหลัก สิ่งที่เราทำได้เพื่อปกป้อง โรคอัมพฤกษ์จึงมีเพียงการทานอาหารที่มีประโยชน์ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อ ดูแลไขมันสะสมในเส้นเลือดมากเกินไป งดการทานอาหารที่มีไขมันสูงในปริมาณติดต่อกัน
            การดูแลโรคอัมพฤกษ์
            ส่วนใหญ่แล้วหากป่วยเป็นโรคนี้การปกป้อง ทางเดียวคือการทานยาทำการภาพบำบัดเพื่อฟื้นฟู ให้ร่างกายสามารถกลับมาเดินได้อีกครั้ง หรือหากสภาพยังอยู่ในระยะเริ่มต้นคุณหมอจะให้ทานยาและไปพบแพทย์ทุกเดือนเพื่อตรวจสภาพว่าอยู่ในระยะฟื้นฟูได้รึเปล่านะคะ
คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : สมุนไพรรักษาอัมพฤกษ์

เครดิต : https://www.youtube.com/watch?v=jonuuYHuE8w

Tags :  วิธีรักษาโรคอัมพฤกษ์

5
อื่น ๆ / โรคหัวใจ
« เมื่อ: พฤศจิกายน 25, 2017, 03:54:23 AM »
โรคหัวใจ
   โรคหัวใจเป็นโรคที่เกี่ยวกับหัวใจโดยเฉพาะ ซึ่งถ้าเป็นโรคนี้ จะมีผลกระทบกับหัวใจในหลายด้านและเกิดผลร้ายในหลาย ด้าน เช่น การตีบตันของหลอดเลือดในหัวใจ ,การอักเสบของชั้นในของหัวใจ , อาการหัวใจล้มเหลว ,การอักเสบของกล้ามเนื้อหัวใจ  จะมีผลให้ผู้ที่เป็นโรคนี้เสียชีวิตได้และโรคหัวใจเป็นโรคที่ทำ ให้ประชาชนทั่วโลกเสียชีวิตเป็นอันดับต้นๆ โดยข้อมูลโดยทั่วไปของโรคหัวใจสามารถ จำแนกเป็นข้อมูลได้ ดังนี้
ต้นตอและปัจจัยเสี่ยงของโรคหัวใจ มีด้วยกันหลายเหตุ ต่างๆดังนี้
1.ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมาก
2.ไม่ออกกำลังกายเป็นเวลาเนิ่นนาน
3.อยู่ในสภาพแวดล้อมที่เป็นพิษเป็นเวลานาน
4.สูบบุหรี่จัดในระยะเวลาพอกพูนมายาวนาน
5.มีปริมาณไขมันในเลือดสูง
6.เป็นโรคเบาหวาน
โดยโรคประจำตัวการกระทำเฉพาะคน แบบนี้ส่งผลด้านลบและเป็นสาเหตุ เสี่ยงที่ทำให้เป็นโรคหัวใจในอนาคต
อาการของโรคหัวใจ
โดยผู้ที่เป็นโรคหัวใจหรือมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคนี้ สามารถเฝ้าดูอาการได้ดังนี้

  • มีอาการเจ็บแน่นๆ และรู้สึกอึดอัดตรงหน้าอกเยื้องทางซ้าย
  • ใจสั่น เต้นผิดจังหวะ บางครั้งก็หยุดเต้นไปเฉยๆ หรือเต้นเร็วผิดปกติ
  • มีอาการบวมที่ขาอย่างเห็นได้ชัด
  • มีอาการเป็นลม หน้ามืด หรือวูบ บ่อยครั้ง
  • บริเวณมือและเท้ามีสีคล้ำผิดปกติ
  • เหนื่อยง่ายและมีอาการหอบหืดบ่อยๆเวลาที่ออกกำลังกายหรืออยู่เฉยๆ


    โดยสำหรับผู้ที่มีอาการแบบนี้หลายข้อ หากว่าสงสัยว่าตัวเองเป็นโรคหัวใจก็ไปเข้า พบแพทย์เพื่อตรวจดูอาการอย่างละเอียดได้ว่าตนเองโรคหัวใจเป็นหรือไม่เพื่อประโยชน์ในการรักษาต่อไป
วิธีการรักษาโรคหัวใจ
โรคหัวใจสามารถแจกแจง ชนิดออกไปได้อีกตามอาการโดยประเภทของโรคหัวใจได้แก่ โรคหลอดเลือดหัวใจตีบเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ กล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรงโรคหัวใจขาดเลือด ซึ่งโรคต่างๆที่เกิดขึ้นตามอาการพวกนี้ ในส่วนของวิธีการรักษาโรคหัวใจ แพทย์จะรักษาตามอาการที่ผู้ป่วยเป็นและให้ยาที่ผู้ป่วยสามารถตอบสนองได้ดีเพื่อช่วยกระตุ้นให้มีอาการดีขึ้น
วิธีป้องกันโรคหัวใจ
โรคหัวใจมีวิธีป้องกันได้โดยจัดการตามวิธีป้องกันโรคหัวใจ ต่างๆดังนี้
1.ดูแลตัวเองอยู่เสมอและหมั่นตรวจสอบความผิดปกติของหัวใจ
2.ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
3.รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ไม่ทานฟาสฟู้ดส์หรืออาหารแช่แข็งมากเกินไป
4.ไม่สูบบุหรี่และแอลกอฮอล์
5.อยู่ห่างจากสภาพแวดล้อมและอากาศที่เป็นพิษ
6.ตรวจสุขภาพปีละครั้ง
7.ไม่รับประทานอาหารที่มีคลอเลสเตอรอลสูง
8.ละทิ้งความเครียดต่างๆ

สมุนไพรรักษาโรคหัวใจ
สมุนไพรรักษาโรคหัวใจและช่วยบำรุงหัวใจมีมากมาย ดังต่อไปนี้
1.เห็ดหลินจือ
2.กระเทียม
3.ต้นหอม
4.ขึ้นฉ่าย
5.บัว
6.กระเจี๊ยบ
7.ลูกท้อ

โรคหัวใจเป็นโรคที่จะป้องกันได้ด้วยการออก กำลังกายอย่างสม่ำเสมอและรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ไม่สูบบุหรี่และไม่ดื่มแอลกอฮอล์  ถ้าผู้ใด ได้กระทำตนเรื่องพฤติกรรมการรับประทานสามารถบังคับตนเองให้ออกกำลังกายได้ก็จะไกล ห่างจากโรคนี้
คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : สมุนไพรรักษาหัวใจ

ที่มา : https://www.youtube.com/watch?v=HjPOeRDfqbI

Tags :  วิธีรักษาโรคหัวใจ, ประสบการณ์ผู้ป่วย

6
โรคเส้นเลือดในสมองตีบ  โรคนี้อันตรายแค่ไหน
            หากจะพูดถึงโรคนี้เราเชื่อว่าทุกคนย่อมรู้จักกันดี เพราะในเมืองไทยมีอัตราผู้ป่วยโรคนี้ค่อนข้างสูงมากเลยทีเดียว สภาพโรคเส้นเลือดในสมองตีบมักจะเป็นที่มาสำคัญที่ทำให้ผู้ป่วยเกิดขึ้นสภาพอัมพฤต อาการอัมพาต หรือเป็นสภาพแขนขาอ่อนแรง ซึ่งหลายคนที่คิดว่าไม่เป็นไรหรอก คงเป็นอาการนอนทับแขนทับขาเฉยๆทำให้เลือดไม่เดินก็ได้ แต่ในความเป็นจริงแล้วอาจจะเป็นสภาพแจ้งเตือนของโรคเส้นเลือดในสมองตีบก็ได้  ซึ่งวันนี้เราจะมาทำความรู้จักโรคนี้กันให้มากขึ้นนะคะ
            สาเหตุของโรคเส้นเลือดในสมองตีบ
            ส่วนใหญ่แล้วผู้ป่วยสภาพโรคหลอดเลือดในสมองตีบมักจะมีความเสี่ยงหลายอย่างทั้งจากสุขภาพ การรับประทานอาหาร  ซึ่งสาเหตุหลักที่จะทำให้เกิดขึ้นความเสี่ยงมากขึ้นมีดังนี้

  • มีอาการเริ่มเป็นโรคความดันโลหิตสูงเป็นโรคประจำตัว
  • มีสภาพเริ่มเป็นโรคเบาหวานเป็นโรคประจำตัว
  • มีอาการเริ่มเป็นโรคไขมันในเลือดสูงกว่าคนปกติ
  • สภาพสูบบุหรี่จัดดื่มเครื่องดื่มแอลกฮอล์ติดต่อกันเป็นเวลานาน
  • เป็นอาการโรคหัวใจอยู่แล้ว ยิ่งมีความเสี่ยงมากขึ้น
  • มีอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป
  • เป็นโรคอ้วน มีสภาพไขมันสะสมในร่างกาย
อาการของโรคเส้นเลือดในสมองตีบ

  • อย่างที่พบในการผู้ป่วยมักจะมีสภาพแขนขาชา อาการแขนขาอ่อนแรง ซึ่งอาจจะสภาพเป็นซีกใดซีกหนึ่งของร่างกายเสมอ เป็นติดต่อกันบ่อยครั้ง
  • มีอาการลิ้นแข็ง พูดไม่ออก อาการพูดไม่รู้เรื่อง และอาการสำลักบ่อยครั้ง
  • มีอาการมองไม่เห็นด้านใดด้านหนึ่งของร่างกาย
  • มีอาการเวียนศีรษะ อาการปวดหัว สภาพหน้ามืด


สภาพเหล่านี้มักจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วแบบที่เราไม่ตั้งตัว ซึ่งอาการมักจะเกิดก่อนหรือหลังการนอนอยู่เสมอ ซึ่งสภาพมักจะกำเริบแบบที่เราไม่รู้ตัว
            การดูแลโรคเส้นเลือดในสมองตีบ
            เนื่องจากโรคนี้เริ่มเป็นมาจากการไม่ฟื้นฟูสุขภาพ การดูแลที่ดีคือการดูแลสุขภาพ ทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ งดการสูบบุหรี่ และงดดื่มเครื่องดื่มแอลกฮอล์ทุกชนิด ติดต่อกันเป็นระยะเวลานานจนเกินไป งดทานอาหารที่มีไขมันสูง
            การฟื้นฟูรคเส้นเลือดในสมองตีบ
            โรคนี้สามารถฟื้นฟูให้หายขาดได้ เพียงแต่การต้องไปพบแพทย์ทุกเดือนเพื่อตรวจวินิจฉัยโรคว่าอยู่ในสภาพระดับไหนแล้วสามารถรักษาแบบบำบัดได้ไหม ซึ่งส่วนใหญ่แล้วแพทย์มักจะให้ลดอาการ ทานยาอย่างสม่ำเสมอ หากไม่ได้มีสภาพรุนแรงจนแบบเฉียบพลันเส้นเลือดตีบจนไม่สามารถรักษาให้หายได้ก็ตองใช้การผ่าตัด การขยายหลอดเลือดแบบอลลูนมาแทน ซึ่งอันตรายและมีความเสี่ยงสูง โรคเส้นเลือดในสมองตีบส่วนใหญ่มักจะต้องปกป้องสุขภาพตัวเองอยู่เสมอ ออกกำลังกายแบบเบาๆ เพื่อลดไขมันในเส้นเลือดค่ะ
คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : สมุนไพรรักษาเส้นเลือดในสมองตีบ

ที่มา : https://www.youtube.com/watch?v=L6qbCdtq6xk

Tags :  สมุนไพรจีนรักษาโรคเส้นเลือดในสมองตีบ

7
อื่น ๆ / สมุนไพรรักษาโรคเก๊าต์
« เมื่อ: พฤศจิกายน 18, 2017, 05:04:11 PM »
สมุนไพรรักษาโรคเกาต์สมุนไพรรักษาโรคเกาต์ที่สามารถช่วยป้องกันและบรรเทาอาการ ได้แก่ ชาตะไคร้ มะกรูด กระเทียม มะละกอดิบ ใบมะรุม ใบย่านาง มะตูม มะเฟือง ใบรางจืด ใบยอ ผู้ที่เป็นโรคเกาต์หรือมีอาการของโรคเกาต์สามารถหาสมุนไพรเหล่านี้มารับ ประทานได้โรคเกาต์          โรคเกาต์คือโรคที่เป็นในผู้ชายโดยส่วนมาก เนื่องจากผู้ชายมีอัตราการเป็นโรคนี้มากกว่า ผู้หญิง 20 เท่า ซึ่งโรคเกาต์เป็นโรคที่เกิดจากการมีกรดยูริกในเลือดสูง ทำให้มีอาการบวมที่ข้อต่อในร่างกายซึ่งผู้ป่วยส่วน ใหญ่จะมีอาการบวมที่นิ้วหัวแม่เท้าเป็นส่วนใหญ่ เพราะว่ากรดยูริกตกตะกอนมาและไปรวมกันที่บริเวณข้อต่อและเส้น เอ็นต้นตอและปัจจัยเสี่ยงของโรคเกาต์โรคเกาต์มีต้นตอการเกิดโรค ดังข้อต่อไปนี้1.มีกรดยูริกในเลือดสูงตกผลึกและไปสะสมในข้อต่อและเนื้อเยื่อบริเวณรอบๆส่งผลให้เกิดอาการข้อต่ออักเสบเฉียบพลันและเจ็บปวดอย่างรุนแรง2.ไตกระการขับกรดยูริกออกจากร่างกายน้อยลง3.มีต้นเหตุเกิดจากทางพันธุกรรม4.ร่างกายมีการสร้างกรดยูริกมากกว่าปกติ เนื่องจากความผิดปกติของเอนไซม์ในสารพิวรีน5.ได้รับยาที่มีผลต่อการขับกรดยูริกเป็นเวลานาน6.มีโรคประจำตัวเช่นดังเช่น เบาหวาน หรือโรคอ้วนอาการของโรคเกาต์   1.ปวดบริเวณข้อต่อ รวมไปถึงพื้นที่นิ้วหัวแม่เท้ามีอาการ บวม แดง และปวดแสบปวดร้อน โดยอาการปวดมักเป็นๆหายๆ2.ข้อต่อแดงบวม และแสบร้อน3.ตัวร้อนและมีไข้ขึ้นสูง4.มีปุ่มเนื้อ โผล่ขึ้นมาจากผิวหนังที่บริเวณ นิ้วมือ นิ้วเท้า หรือตาตุ่มรวมถึงข้อศอกซึ่งปุ่มที่โผล่ออกมาจะกัดกินกระดูกบริเวณนั้นและอาจเป็นผลให้พิการได้ซึ่งข้อนี้จะเกิดแก่ผู้ที่เป็นโรคเกาต์นานกว่า 5 ปีเท่านั้น5.มีอาการนิ่วในไตร่วมด้วย
 

วิธีการรักษาโรคเกาต์                    ในปัจจุบันทางการแพทย์ได้รักษาผู้ป่วยโรคเกาต์หลายวิธีการ ดังข้อเหล่านี้1. รักษาโดยการทานยาเพื่อระงับอาการปวด2.รักษาโดยการงดอาหารบางชนิด3.รักษาโดยการใช้ยาลดอาการอักเสบเฉียบพลัน4.รักษาโดยให้ยาลดกรดยูริกซึ่งนอกจากวิธีการเหล่านี้ยังมีการรักษาอย่างอื่นๆที่ไม่ได้กล่าวถึงร่วมด้วยวิธีปฏิบัติตัวสำหรับผู้ที่เป็นโรคเกาต์ผู้ป่วยโรคเกาต์ต้องระมัดระวังเรื่องอาหารการกินและควรปฏิบัติตนดังนี้

  • งดเว้นการเดินหรือวิ่งเมื่อมีอาการปวดข้อต่อกำเริบ
  • ละเว้นอาหารที่มี พิวลีน ไขมัน กรดยูริกสูง
  • ลดเว้นการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และละสูบบุหรี่


4.ระวังไม่ให้เกิดอุบัติเหตุตรงบริเวณข้อต่อต่างๆเพื่อป้องกันการกำเริบของโรค5.ดื่มน้ำเยอะๆ

  • งดการรับประทานอาหารทะเล และควรทานอาหารที่มีวิตามินซีสูง
  • งดอาหารที่มีแคลอรี่สูง

สมุนไพรรักษาโรคเกาต์สมุนไพรรักษาโรคเกาต์ที่สามารถ  ช่วยป้องกันและ ลดอาการ ได้แก่ ชาตะไคร้ มะกรูด กระเทียม มะละกอดิบ ใบมะรุม ใบย่านาง มะตูม มะเฟือง ใบรางจืด ใบยอ บุคคล  ที่เป็นโรคเกาต์หรือมีอาการของโรคเกาต์สามารถหาสมุนไพรพวก  นี้มารับประทาน  ได้
 
สมุนไพรรักษาโรคเก๊าต์
คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : สมุนไพรรักษาเก๊าต์

เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง : https://www.youtube.com/watch?v=IlTRG9wHV4I

Tags : สมุนไพรรักษาโรคเก๊าต์, วิธีรักษาโรคเก๊าต์, ประสบการณ์ผู้ป่วย

8
โรคไขมันอุดตัน โรคอันตรายของคนสมัยใหม่
            ถ้าพูดถึงโรคนี้หลายๆคนคงคิดถึงคนอ้วนแน่นอน 55+ แต่ในความจริงแล้วคนอ้วนนั้นแค่มีความเสี่ยงมาก กว่าคนผอมแต่คนผอมเองก็เสี่ยงเช่นเดียวกันโรคไขมันอุดตันไม่ใช่เรื่องไกลตัวเรา มันเกิดขึ้นจากสภาวะที่เราบริโภคอาหารที่มีคลอเรสเตอรรอลสูงหรือโรคไขมันสูงมาก ติดต่อกันเป็นเวลานาน จนเริ่มเป็นการสะสมของไขมันและคลอเรสเตอรอลหรือกลีเซอรรอลในปริมาณที่สูงมากมาย  ภาวะที่มีไขมันอุดตันจะส่งผลทำให้เราเป็นมีความเสี่ยงเป็นโรคอื่นๆตามมาเช่น โรคหัวใจ โรคอ้วน โรคตับ โรคเบาหวาน ต่างๆเยอะแยะ  เรามาทำความรู้จักโรคไขมันอุดตันให้มากมาย กว่านี้กันนะคะ
            ต้นเหตุของโรคไขมันอุดตัน

  • มีความผิดปกติทางด้านพันธุกรรม เรื่องโครโมโซม ทำให้เป็นไขมันอุดตันได้ง่ายกว่าปกติ
  • กินอาหารที่มีไขมันสูงคลอเรตเตอรอลสูงมาก ปกติ กว่าปกติ กินนานติดต่อกันจนเยอะแยะ เกินปกติ ไป
  • โรคหรือการใช้ยาบางชนิดก็ส่งผลเสียต่อร่างกายทำให้ร่างกายขับไขมันออกได้ลดกว่าปกติ
  • ไม่ได้ออกกำลังกายเลย ร่างกายของเราจึงไม่ได้มีการเผาผลาญไขมันที่เป็นส่วนเกินมาตรฐาน ในร่างกายของเราออกไปเลย
  • การดื่มเครื่องดื่มแอลกฮอล์และสูบบุหรี่ติดต่อกันอย่างต่อเนื่อง ก็มีความเสี่ยงสูง
สภาพของโรคไขมันอุดตัน
ส่วนใหญ่แล้วมักจะไม่มีการแสดงสภาพ ออกมาให้เห็นอย่างชัดเจนจึงอยากแนะนำให้ผู้สูงอายุที่มีความเสี่ยงหมั่นไปตรวจสุขภาพประจำปี เพื่อจะได้รู้ว่าตัวเองนั้นมีคลอเรสเตอรอลในเลือดสูงกว่าค่า มาตรฐาน หรือไม่ หรือหากคุณมี อาการ ดังนี้เช่น เวียนหัวบ่อย ปวดหัว รู้สึกนอนไม่หลับ หน้ามืดบ่อย แน่นหน้าอก หายใจไม่ค่อยออกก็ควรไปตรวจเช็คกันบ้างนะคะ
การปกป้อง โรคไขมันอุดตัน

  • ลดลงการทานอาหารไขมันสูง หรืออาหารที่ให้พลังงานเยอะเกินมาตรฐาน กว่าที่ร่างกายต้องการ
  • น้อยลงการสูบบุหรี่ และดื่มเครื่องดื่มแอลกฮอล์ หากน้อยลงไม่ได้ แนะนำให้ค่อยๆน้อยไป
  • หมั่นออกกำลังกายในทุกวัน วันละเล็กล่ะน้อยก็ยังดี
การดูแล โรคไขมันอุดตัน
จะต้องไปพบแพทย์เพื่อเจาะเลือดตรวจหาค่าไขมันในเลือดหากค่าไขมันไม่สูงจนเกินมาตรฐาน ไปแพทย์จะให้ทานลดลงอาหาร และหมั่นออกกำลังกายเสมอ แต่หากปริมาณไขมันสูงจนเกินปกติ ไปแพทย์จะให้ควบคุมอาหารลดลงไขมันประเภทที่มีไขมันสูงแบบเด็ดขาด และให้ยาทานที่เป็นยาลดลงคลอเรสเตอรอลในเลือดสูง ซึ่งยาเหล่านี้จะต้องทานอย่างต่อเนื่อง และอยู่ในความควบคุมของแพทย์ และต้องไปหาหมอทุกเดือนๆ
โรคไขมันอุดตันแม้จะไม่เป็นโรคที่อันตรายเยอะแยะ นัก แต่เป็นต้นเหตุของโรคอันตรายหลายๆโรคเราสามารถ ดูแล และลดลงได้เพียงแค่หมั่นดูแลสุขภาพตัวเองกันด้วยนะคะ
คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : สมุนไพรรักษาแขนชา

ที่มา : https://www.youtube.com/watch?v=x2ROlDSBYro

Tags :  วิธีรักษาโรคแขนชา, สมุนไพรจีนรักษาโรคแขนชา, โรคแขนชา

9
โรคมะเร็งเต้านม โรคที่คุณผู้หญิงควรระวัง
            สภาพโรคมะเร็งเต้านมเป็นโรคที่สาวในสมัยใหม่คงต้องหมั่นตรวจกันแล้ว เพราะพบว่าผู้หญิงไทยมีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคนี้เยอะแยะขึ้น และมีดาราหลายท่านที่เริ่มเป็นป่วยเป็นโรคนี้หลายท่าน โรคนี้เกิดขึ้นจากการพัฒนาของเนื้อเยื่อเต้านมแบบผิดปกติ ซึ่งระหว่างเริ่มเป็นการพัฒนาอาจจะมีอาการเริ่มเป็นก้อนเนื้อในเต้านม สภาพรูปทรงเต้านมแปลก อาการผิวหนังมีรอยบุ๋มลงไป อาการมีสารน้ำแปลกๆไหลออกมาจากเต้านม ซึ่งหากเราตรวจสอบ ตรวจเต้านมด้วยตัวเองแล้ว พบว่าเป็นมีสภาพผิดปกติ ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจให้ชัดเจนอีกครั้ง
            ที่มาการเกิดโรคมะเร็งเต้านม

  • พบว่าผู้หญิงทีมีอายุเยอะแยะ 40 ปีขึ้นไปนั้น จะเริ่มเป็นมีความเสี่ยงสูงกว่าช่วงอายุอื่นๆ แต่ในประเทศไทยพบผู้ป่วยมะเร็งเต้านมส่วนใหญ่อายุหลากหลาย 50 ปี
  • พันธุกรรม หากพบว่ามีคนในครอบครัวป่วยเป็นโรคมะเร็งเต้านม จะมีความเสี่ยงหลากหลายปกติถึง 2 เท่าเลย
  • สูบบุหรี่จัดๆหลากหลายในปริมาณที่ติดต่อกันมาหลายปี
  • ทานยาคุมกำเนิดติดต่อกันเป็นเวลานานมาก
  • คนที่มีประจำเดือนมาก่อนอายุ 12 ปีจะมีความเสี่ยงสูงมากมาย
  • ผู้ที่มีบุตรหลังอายุ 30 ปี หรือหญิงที่ไม่เคยมีบุตรเลย
สภาพของโรคมะเร็งเต้านม

  • เริ่มมีอาการก้อนเนื้อที่เต้านม ซึ่งเราตรวจได้เอง
  • สภาพรูปร่างของเต้านมเริ่มเปลี่ยนแปลงไป
  • อาการผิวหนังรอบเต้านมมีอาการผิดปกติ รอยบุ๋ม ย่น เหี่ยว
  • สภาพหัวนมมีการหดตัว คัน หรือแดง ผิดจากปกติ
  • รักแร้มีสภาพบวม และมีอาการต่อมน้ำเหลืองโต
  • มีสภาพเจ็บที่เต้านม
  • มีสภาพเลือดหรือน้ำออกจากหัวนม อย่างไม่ทราบสาเหตุ
การฟื้นฟูมะเร็งเต้านม
            ไม่พบการรักษาที่ดีที่สุดเพราะโรคนี้ไม่มีสาเหตุที่ชัดเจน แต่เราสามารถปกป้องตัวเองได้ด้วยการหมั่นตรวจเต้านมด้วยตัวเอง หากพบอาการผิดปกติก็ควรรีบไปพบแพทย์ตั้งแต่เนิ่น เพื่อที่เราจะได้ดูแลได้อย่างทันท่วงทีนั้นเองค่ะ
การฟื้นฟูโรคมะเร็งเต้านม
            หากเราตรวจพบก็อาจจะต้องทำอาการเคมีบำบัดหรือการผ่าตัด ในกรณีที่เจอเป็นระยะแรกเราสามารทานยาเพื่อฆ่าเซลล์มะเร็งได้ แต่หากพบในชั้นที่เชื้อมะเร็งลุกลามไปทั่วเต้านมแล้วนั้นต้องทำการตัดนมทิ้งและทำการบำบัด ทำคีโม อีหลายครั้ง เพื่อฆ่าเซลล์มะเร็งที่ลุกลามไปตามท่อน้ำเหลืองของเรา การตัดเต้านมอาจจะต้องนอนโรงพยาบาลอีกหลายวันเพื่อเฝ้าระวังการติดเชื้อในกระแสเลือด และต้องไปพบแพทย์ทุกเดือนเพื่อรับยา และตรวจสภาพอยู่เสมอ
            โรคนี้เป็นโรคอันตราย แต่สาวๆทุกคนก็สามารถตรวจสอบด้วยตัวเองได้ ไม่อยากให้สาวๆนิ่งนอนใจหมั่นตรวจเต้านมด้วยตัวเองอยู่เสมอ ทานอาหารที่มีประโยชน์ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอก็จะช่วยให้สุขภาพดีมากขึ้นคะ
 
คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : สมุนไพรรักษามะเร็งเต้านม

ขอบคุณบทความจาก : https://www.youtube.com/watch?v=GpapbNCxsHs

Tags : สมุนไพรรักษาโรคมะเร็งเต้านม, วิธีรักษาโรคมะเร็งเต้านม, รักษาโรคมะเร็งเต้านม

10
อื่น ๆ / สมุนไพรรักษาโรคกระดูก
« เมื่อ: พฤศจิกายน 11, 2017, 07:57:13 PM »
โรคกระดูกอันตรายอย่างกว่าที่เราคิด
                โรคกระดูกโรคที่หลายคนไตร่ตรองว่าเป็นโรคของผู้สูงอายุเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว โรคกระดูกนั้นปรากฏได้ทุกเพศทุกวัย ส่วนใหญ่แล้วคนเรามักจะมองข้ามไปเพราะคาดคะเนว่ามันเป็นโรคไกลตัวบางล่ะ โรคไม่อันตรายบ้างล่ะ ถ้าคุณนึกแบบนี้รู้ไว้เลยว่าคุณกำลังคิดผิดอย่างแน่นอนโรคกระดูกนั้นมีหลายแบบด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นโรคกระดูกพรุน โรคเกาต์ โรคข้อกระดูกเสื่อม โรคกระดูกทับเส้น โรคเหล่านี้สามารถเป็นได้กับทุกเพศทุกวัยหากเราไม่ปกป้อง

            สาเหตุของการเกิดโรคกระดูก
ต้นเหตุมาจากการการทำงานที่ผิดปกติของอวัยวะต่างๆ มีต้นเหตุหลายอย่างเลยไม่ว่าจะเป็น การบาดเจ็บ การประสบอุบัติเหตุ การทำงานหนัก การหักโหมยกของหนัก การติดเชื้อ การเสื่อมตามอายุขัย และโรคกระดูกยังมีที่มาจากกรรมพันธุ์ด้วยในส่วนหนึ่ง หลายคนไม่ทราบว่าโรคกระดูกนั้นส่วนใหญ่มักจะเกิดจากการเคลื่อนที่ ของเราแบบผิดๆ ทำให้กระดูกต้องรับแรงกระแทกหนักๆ เช่นจากการทำงาน ที่เราต้องเคลื่อนที่ ร่างกายตลอดเวลา และมักจะขยับร่างกาย ส่วนใดส่วนหนึ่งซ้ำไปซ้ำมาบ่อยๆ การออกแรงหนักๆฝืนยกของหนักทั้งๆที่ยกไม่ไหว การบิดข้อมืออย่างแรงเพื่อการเคลื่อนที่ ที่รวดเร็ว พฤติกรรมความเสี่ยงเหล่านี้มักก่อให้เกิดอันตรายต่อกระดูกเราเสมอ แต่สาวๆที่นั่งทำงานในออฟฟิศอย่างเราๆก็ไม่ใช่ว่าจะปลอดภัยจากโรคนี้เพราะ การที่เราต้องนั่งในท่าเดียวนานๆ ก็อาการที่จะเกิดโรคกระดูกได้เช่นเดียวกัน และหากเราทำงานแบบที่ต้องออกแรงเยอะๆ หรือมีการทำงานที่เกี่ยวข้องกับการเจาะพื้น ตออกเสาเข็ม หรืออยู่ใกล้พื้นที่ที่มีแรงสั่นสะเทือนบ่อยๆก็ควรระวัง เพราะแรงสั่นสะเทือนเหล่านี้จะไปปะทะต่อระบบกระดูกในร่างกายของเราได้เช่นเดียวกัน
สภาพของโรคกระดูก
เรามักจะพบว่ามีสภาพเจ็บปวด หรืออักเสบ มีอาการบวมตามบริเวรกล้ามเนื้อและข้ออยู่บ่อย เจ็บแบบเบาๆหรือเจ็บแบบเสียวๆก็เสี่ยงต่อโรคนี้ได้ ซึ่งอาการอาจจะมีมากว่านี้ขึ้นอยู่กับโรคที่เราเป็นด้วย แต่ส่วนใหญ่แล้วมักพบว่ามีระบบประสาทมาร่วมด้วย

การรักษา และการป้องกัน
แนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยว่าสภาพของโรคนั้นอยู่ในขั้นที่เท่าไหร่ หากไม่รุนแรงก็สามารถใช้ยารักษาสภาพอักเสบได้ การผ่าตัดก็ต้องขึ้นอยู่กับอาการของโรค การใช้วีธีทางการแพทย์เฉพาะทางเช่นการกายภาพบำบัด การฉีดน้ำหล่อเลี้ยงเข้าไปในระบบกระดูก หากพบสภาพกระดูกเสื่อม  ซึ่งเมื่อเราพบว่าตัวเองมีอาการผิดปกติควรรีบไปพบแพทย์ก่อนที่สภาพจะลุกลาม และเกิดเป็นโรคกระดูกเรื้อรัง เพราะจะทำให้เราต้องเสียเวลาในการไปรักษานานมากขึ้น
เห็นไหมล่ะค่ะว่าโรคกระดูกนั้นเริ่มเป็นได้กับทุกเพศทุกวัยหากเราไม่ลดพฤติกรรมอาการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ชีวิตประจำวัน การทำงาน ต้องรักษาสุขภาพตัวเองให้มากมายนะคะ เพราะสุขภาพของเราไม่มีขายนั้นเองค่ะ
สมุนไพรรักษาโรคกระดูก
 
คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : สมุนไพรรักษากระดูก

เครดิต : https://www.youtube.com/watch?v=L2kw_pblF2c

Tags :  วิธีรักษาโรคกระดูก, สมุนไพรจีนรักษาโรคกระดูก, ประสบการณ์ผู้ป่วย

11
อื่น ๆ / โรคสะเก็ดเงิน
« เมื่อ: พฤศจิกายน 10, 2017, 03:48:00 PM »
โรคสะเก็ดเงิน

เรื้อนกวาง หรือโรคสะเก็ดเงิน เป็นอาการอักเสบที่ผิวหนังมีลักษะเป็นผื่น ปื้นแดง และมีสะเก็ดเป็นขุยที่หลุดลอก เนื่องจากวงจรการผลัดเซลล์ผิวจะสั้นกว่าคนปกติ  เป็นโรคที่สามารถส่งผลกระทบทางด้านจิตใจต่อผู้ป่วยและคนรอบข้างเป็นอย่างมาก  โรคสะเก็ดเงินมักจะพบใน ผู้ใหญ่ระหว่างอายุ 20 –50ปี โดยทั่วไปพบว่าจะสามารถเกิดกับผู้ป่วยที่มีคนในครอบครัวป่วย เป็นโรคนี้ หรือพันธุกรรม และอาจเกิดได้จากการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนในร่างกาย รวมถึงการเกิดจากปัจจัยกระตุ้นต่างๆ  เช่น ความเครียด การสูบบุหรี่ การเกิดการบาดเจ็บทางผิวหนัง

อาการเริ่มต้นของความเจ็บป่วยนี้จะมีลักษณะคล้ายเป็นรังแค นั่นคือมีขุยบนหนังศีรษะ แต่จะแตกต่างตรงที่มีขอบเขตที่เป็นปื้นเลยขอบของไรผม และมีอาการคันแต่ไม่เป็นเหตุให้ผมร่วง และมักไม่พบที่บริเวณใบหน้า การตรวจพบด้วยตนเองจึงเป็นเรื่องยากเพราะไม่แน่ใจว่าเป็นโรคภัยนี้หรือไม่ จึงจำต้องอาศัยความชำนาญของแพทย์ผู้เชี่ยว ชาญในการวินิจฉัยอาการ ซึ่งอาการของโรคสะเก็ดเงิน แบ่งออกได้เป็น 4 ลักษณะ คือ

1.ประเภทผื่นหนา (Plaque psoriasis)  พบมากที่สุด 80% ของคนไข้ ลักษณะอาการจะมีผื่นแดงหนา ขอบเขตชัด ขุยหนา สีขาวหรือสีเงิน จึงเรียกว่า“โรคสะเก็ดเงิน” พบบ่อยบริเวณที่มีการเสียดสีเช่น หนังศีรษะ ลำตัว แขนขา โดยเฉพาะบริเวณ ข้อศอก และหัวเข่า

2.ชนิดผื่นขนาดเล็ก (Guttate psoriasis) มักพบในผู้เจ็บป่วยมักมีอายุน้อยกว่า 30 ปี  ลักษณะอาการจะเป็นตุ่มแดงเล็กคล้ายหยดน้ำขนาดเล็กไม่เกิน 1 เซนติเมตร มีขุย ผู้ป่วยในกลุ่มนี้โดยมากมีประวัติการติดเชื้อทางเดินหายใจ ส่วนบน

3.ชนิดตุ่มหนอง (Pustular psoriasis) มักพบในผู้เจ็บป่วยไม่ได้รับการดูแลรักษาที่ถูกต้อง   ลักษณะจะเป็นตุ่มหนองกระจายบนผิวหนังที่มีการอักเสบแดง ในรายที่เป็นมากอาจมีไข้ร่วมด้วย ซึ่งพบได้น้อยมาก

4.ประเภทผื่นแดงลอกทั่วตัว (Erythrodermic psoriasis) เป็นสะเก็ดเงินที่มีภาวะจากขาดยาหรือมีปัจจัยบางอย่างมากระตุ้น ผิวหนังจะแดงและมีขุยลอกเกือบทั่วพื้นที่ผิวทั้งหมดของร่างกาย ถือเป็นสะเก็ดเงินชนิดรุนแรง

สะเก็ดเงิน เป็นโรคที่ไม่ติดต่อ แต่ญาติและคนใกล้ชิดควรทำความเข้าใจกับอาการ ของโรคภัยและให้กำลังใจกับผู้เจ็บป่วยอย่าง สม่ำเสมอ เนื่องจากความเจ็บป่วยนี้เป็นความเจ็บ ป่วยเรื้อรัง ผู้ป่วยจะจำเป็นต้องปฏิบัติตนให้ ถูกต้องถึงจะควบคุมอาการของโรคภัยได้ และจำเป็นจะต้องหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นต่างๆ เช่น ความเครียด พักผ่อนน้อ่ย การดื่มสุรา หรือหลีกเลี่ยงการใช้ยาความดัน หรือยาที่ใช้ในกลุ่มจิตเวชบางประเภท นอกจากนี้สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปก็สามารถทำ เอาเกิดภาวะของโรคได้ รวมถึงไม่พึงจะเปลี่ยนแพทย์ในการบรรเทาบ่อยๆ เนื่องจากความเจ็บป่วยนี้เป็นโรคที่จำต้องทำการรักษาอย่างต่อเนื่อง ก็จะกระตุ้นให้ผู้ป่วยมี อาการดีขึ้นจากที่เป็นอยู่ได้
คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : สมุนไพรรักษาสะเก็ดเงิน

ที่มา : https://www.youtube.com/watch?v=vX9dFkWF-eQ

Tags :  ประสบการณ์ผู้ป่วย

12
อื่น ๆ / โรคตกขาว ไม่อันตรายอย่างที่คิด
« เมื่อ: พฤศจิกายน 04, 2017, 03:19:50 AM »
โรคตกขาว ไม่อันตรายอย่างที่คิด
            หากจะพูดกันถึงเรื่องนี้รู้ดีว่า สาวๆหลายๆคนคงรู้จักกันแล้วล่ะ เจ้าสภาพตกขาวเนี่ย มันไม่ได้อันตรายมากอย่างที่ทุกคนเข้าใจ เรามาทำความเข้าใจสภาพตกขาวกันเลย ภาวะเป็นอาการตกขาว ที่ผู้หญิงทุกคนต้องเคยเจอ เป็นการอาการตอบสนองต่อฮอร์โมนในผู้หญิงที่มาปกติ เป็นของเหลวที่ถูกขับออกมาจากช่องคลอดตามธรรมชาติ ถ้าเป็นสภาพตกขาวแบบปกติจะไม่มีกลิ่นและอาการคัน ซึ่งหากสาวๆมีตกขาวแบบมีกลิ่น มีสภาพคันแล้วล่ะก็ เป็นตกขาวแบบอันตรายนั้นเองค่ะ แต่ไม่ต้องกังวลไปทุกอย่างมีทางออกเสมอ
            ที่มาของโรคตกขาว
            สภาพตกขาวที่ไม่ปกตินั้น เริ่มเป็นมาจากการติดเชื้อโรคต่างๆ และการแพ้หรือการระคายเคืองจากสารเคมี ทำให้มีสีและกลิ่นแตกต่างไปจากแบบปกติ เป็นเชื้อโรคที่เป็นสาเหตุสำคัญในการอาการตกขาวแบบผิดปกติได้แก่ เชื้อรา เชื้อหนองในแท้ เชื้อหนองในเทียม เชื้อแบคทีเรีย เชื้อโปรโตซัว เชื้อแบคทีเรีย สีและกลิ่นของเป็นตกขาวก็จะแตกต่างกันไปตามชนิดของการติดเชื้อด้วย
            อาการของโรคตกขาว
            ผู้ป่วยโรคนี้มักปรากฏมีอาการปวดท้อง  ปรากฏอาการตกขาวมีกลิ่น และเป็นสีที่ไม่ปกติ มีเป็นอาการคันร่วมด้วยในบางครั้ง ในบางรายอาจเกิดขึ้นปวดท้องหนักเยอะแยะจนต้องทานยาระงับปวด  มีสภาพอักเสบรุนแรงเยอะแยะภายในช่องคลอด ซึ่งอันตรายมากควรรีบไปพบแพทย์
            การฟื้นฟูโรคตกขาว
            หมั่นปกป้องและดูแลทำความสะอาดด้วยวิธีดังนี้

  • ใช้สบู่อ่อนหรือน้ำอุ่นๆทำความสะอาดจุดซ่อนเร้น
  • หลังจากเข้าห้องน้ำ ควรทำความสะอาดให้แห้ง อย่างถูกวิธี
  • ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์ เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
  • รับประทานโยเกิร์ตหรือยาคูลท์ บ่อยๆเพื่อรักษาจุลินทรีย์ในจุดซ่อนเร้น
  • งดการใส่เสื้อผ้ารัดแน่นๆ หรือชุดชั้นในที่ไม่ระบายอากาศ
การรักษาโรคตกขาว
การปกป้องโรคตกขาวที่มีอาการติดเชื้อสามารถรักษาได้ 2 แบบ
1.การดูแลความสะอาดของร่างกาย ไม่สวมใส่เสื้อผ้ารัด หรือแน่นจนเกินไป หยุดการทานยาปฎิชีวนะหรือยาคุมกำเนิดหลากหลาย รักษาด้วยยาเฉพาะทาง เช่นยาแก้ปวด ยาแก้คัน ซึ่งแนะนำควรไปซื้อที่ร้านขายยาเท่านั้น ไม่ต้องอาย
2.การใช้ยาดูแลการติดเชื้อโดยตรง ส่วนใหญ่แล้วผู้ป่วยในระยะนี้ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจให้ละเอียด ในรายที่ติดเชื้อแบบธรรมดา สภาพไม่รุนแรงเยอะแยะนัก สามารถหายาดูแลได้ที่ร้านขายยาทั่วไป ส่วนในผู้ป่วยที่เป็นโรคสภาพตกขาวเรื้อรังควรไปพบแพทย์เพื่อรับยาฆ่าเชื้อแบบนานกว่าปกติมาทาน จะช่วยให้โรคนี้หายได้ไวมากขึ้น โรคนี้เป็นโรคที่ช่วยเตือนสาวๆให้รักษาความสะอาดมากๆ หมั่นฟื้นฟูตัวเองไม่ว่าโรคอะไรก็ไม่มาวุ่นวายแน่นอนค่ะ
คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : สมุนไพรรักษาตกขาว

ขอบคุณบทความจาก : https://www.youtube.com/watch?v=oBcKDSUYbmA

Tags :  วิธีรักษาโรคตกขาว, โรคตกขาว, รักษาโรคตกขาว

13
โรคริดสีดวงทวารไม่ใช่โรคน่าอาย แต่เป็นโรคอันตราย

  • หากพูดถึงโรคริดสีดวงทวารล่ะก็ เชื่อว่าคนไทยเกินครึ่งรู้จักโรคนี้ แต่หลายคนรู้จักโรคนี้เพียงพื้นฐานเท่านั้น ไม่รู้ว่าโรคริดสีดวงทวารนี้อันตรายขนาดไหน แม้ว่ามันจะไม่อันตรายมากมายแต่เราก็ไม่ควรจะปล่อยให้เริ่มเป็นอาการของโรคกำเริบและลุกลามต่อไปเรื่อยๆ โรคริดสีดวงทวารคือโรคที่เป็นจากการอักเสบของหลอดเลือดบริเวณรอบทวารหนักและรอบๆปากทวารหนัก โรคริดสีดวงทวารหนักเป็นโรคที่เราพบได้ทั่วไป ซึ่งพบมากในช่วงอายุ 45-65 ปี วันนี้เราจึงมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับโรคริดสีดวงทวารกันค่ะ

                สาเหตุของโรคริดสีดวงทวารหนัก
                อย่างที่ทราบกันเลยว่าโรคนี้เป็นโรคที่เกิดขึ้นเกี่ยวข้องกับระบบอวัยวะที่ใช้ในระบบขับถ่าย ซึ่งหากเราใช้แบบไม่ถูกต้องก็อาจจะทำให้ปรากฏโรคริดสีดวงทวารขึ้นมาได้ ต้นเหตุที่ทำให้เริ่มเป็นโรคนี้ส่วนใหญ่มักจะมีดังนี้
    1.มีอาการท้องผูกบ่อยครั้ง ทำให้เราต้องเพิ่มแรงเบ่งอุจจาระออกมา ทำให้เกิดขึ้นสภาพหลอดเลือดหรือกล้ามเนื้อบริเวณทวารหนักบาดเจ็บได้ง่ายหลากหลาย ขึ้น
    2.มีสภาพท้องเสีย ทำให้ร่างกายต้องเพิ่มแรงดัน และเพิ่มการเสียดสีบ่อยครั้งมากขึ้น ทำให้เกิดขึ้นอวัยวะบริเวณทวารหนักมีโอกาสเสียหายได้
    3.อายุ หากมีช่วงอายุ 45-60 ปีก็มีความเสี่ยงที่กล้ามเนื้อบริเวณทวารหนักนั้นจะเสื่อมสภาพตามการใช้งาน
    4.พันธุกรรม หากพบว่ามีคนในครอบครัวเป็นโรคนี้ ความเสี่ยงก็ยิ่งเพิ่มมาก ขึ้นตามไปด้วย
    5.มีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก ทำให้เกิดขึ้นการกด เบียด ทับต่อกล้ามเนื้อและหลอดเลือดบริเวณนั้น ทำให้ปรากฏการอักเสบและโป่งพองได้ง่ายมากมาย
    6.มีสภาพโรคประจำตัวอย่างอาการโรคเบาหวานและสภาพโรคอ้วน ก็จะทำให้อุ้งเชิงกรานต้องรับน้ำหนักมาก ขึ้น เลือดมีโอกาสคลั่งในบริเวณกล้ามเนื้อและหลอดเลือดทวารหนักได้สูง
    อาการของโรคริดสีดวงทวารหนัก

  • ส่วนใหญ่มักจะพบว่ามีติ่งเนื้อสีชมพูยื่นออกมา อาจจะพบว่ามีอาการปวด หรืออาการระคายเคืองบริเวณทวารหนักมากมายตามมาด้วย อาจจะพบอาการอุจาระปนเลือดออกมาด้วย ซึ่งหากมีอาการแบบนี้ควรไปพบแพทย์
            การฟื้นฟูโรคริดสีดวงทวารหนัก
            หมั่นดูแลสุขภาพเรื่องการกิน ระวังอย่าให้ปรากฏสภาพท้องผูก หมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ขยับตัวบ่อยๆ ฝึกปกป้องการเข้าห้องน้ำให้เป็นเวลา ไม่กลั้นอาการอุจจาระ
            การรักษาโรคริดสีดวงทวาร
            ส่วนใหญ่แล้วแพทย์มักจะให้ปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต และทานอาหารที่มีกากใยสูง ทานยาควบคู่กันไป ก็จะช่วยให้อาการดีขึ้นได้ ซึ่งหากพบว่าอยู่ในระยะเรื้อรังอาจจะต้องทำการผ่าตัด ฉายแสง ฟื้นฟูตามสภาพ แต่โรคริดสีดวงทวารหนักไม่ใช่โรคอันตรายถึงชีวิต แต่หากเราเป็นโรคนี้ก็ควรรีบปกป้องตั้งแต่เนิ่น เพื่อฟื้นฟูการเป็นเรื้อรังและภาวะแทรกซ้อนอื่นๆนะคะ
คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : สมุนไพรรักษาริดสีดวงทวาร

ขอบคุณบทความจาก : https://www.youtube.com/watch?v=Sg5V5FHA5Aw

Tags : สมุนไพรรักษาโรคริดสีดวงทวาร, วิธีรักษาโรคริดสีดวงทวาร, รักษาโรคริดสีดวงทวาร

14
สมุนไพรบ้านๆ ก็บอกลาโรคไมเกรนได้
โรค ไมเกรน ถือได้ว่าเป็นอีกโรคหนึ่งที่ใกล้ตัวพวกเราทุกคนอย่างมากเลย ล่ะ เพราะว่าเป็นโรคที่สามารถเกิดขึ้นได้ง่ายจากสภาพแวดล้อมต่างๆรอบ ตัวของเรา จากพฤติกรรมของเราและยังสามารถติดต่อผ่านทางพันธุรก รรมได้อีกด้วย ซึ่งถึงแม้ว่าเราอาจจะรู้สึกว่าโรคไมเกรน ก็คือการปวดหัวข้างเดียวธรรมดาๆ เป็นไม่บ่อยมากเท่าไหร่สามารถหายได้เอง แต่ในความเป็นจริงแล้ว โรคไมเกรนเป็นอีกโรคหนึ่งที่น่ากลัวนะ
อาการของโรคไมเกรน เกิดจากการหดตัวและขยายตัวของหลอดเลือดในสมองของเราอย่างรวดเร็วและฉับ พลัน ซึ่งจะสามารถเปิดได้ตั้งแต่อายุ 25 ปีขึ้นไป และจะมีโอกาสที่เป็นได้บ่อยกับคนอายุตั้งแต่อายุ 45 ปีขึ้นไป โดยจะมีอาการปวดหัวตุบๆข้างเดียวหรือทั้งสองข้างเป็นจังหวะ ซึ่งใครที่เป็นมาก ก็จะปวดหัวจนไม่สามารถทำงานได้เลยล่ะ โรคไมเกรนสามารถเกิดได้หลายสาเหตุดังนี้
- นอนน้อย นอนดึก พักผ่อนไม่เพียงพอ
- เกิดจากความเครียดที่ได้พบ
- มองแสงในที่ที่มีความสว่างจ้ามากเกินไป
- อากาศต่างๆที่เราได้สูดดมเข้าไป
- ฯลฯ
การ รักษาโรคไมเกรน สามารถทำได้หลากหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นทั้งกินยาบรรเทาต่างๆที่สามารถหาซื้อได้ตามร้านขาย ยาทั่วไป ยาบรรเทาอาการปวดไมเกรนโดยเฉพาะ การลดพฤติกรรมที่ทำร้ายสุขภาพ และอื่นๆอีกมากมายรวมไปถึงการกินสมุนไพรรักษาโรคด้วยนะ โดยในปัจจุบันนี้นิยมสมุนไพรรักษาโรคไมเกรนอย่างมากเลยล่ะ และสมุนไพรที่สามารถรักษาโรคไมเกรนก็มีคร่าวๆ ดังนี้
ดอกแค
มีคุณสมบัติ ในการดูแลร่างกายอย่างมาก มีทั้งแก้โรคบิด แก้มูกเลือด ลดอาการท้องร่วง อีกทั้งยังช่วยบำรุงประสาท แก้ปวดศีรษะ เพื่อลดอัตราการเกิดโรคไมเกรนได้อีกด้วย
ใบบัวบก
มีคุณสมบัติ ในการดูแลหัวใจ แก้อ่อนเพลีย รักษาแผล ช่วยห้ามเลือด ลดความดันและอื่นๆอีกมากมายรวมไปถึงลดอาการเมื่อยล้าตามส่วนต่างๆของร่างกาย รวมไปถึงระบบประสาทอีกด้วย
กระเทียม
มีคุณสมบัติใน การดูแลประสาทโดยตรง ช่วยบรรเทาและรักษาอาการปวดไมเกรนได้อย่างดี อีกทั้งยังมีคุณสมบัติในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด และอื่นๆอีกด้วย
ซึ่งจากสมุนไพรเหล่านี้ เราจะเห็นได้ว่าไม่เพียงแต่บรรเทาอาการปวดหัวจากโรคไมเกรนเท่านั้น ยังมีส่วนช่วยในการบำรุงเส้นประสาทโดยตรงเพื่อลดอัตรา การเกิดโรคไมเกรนรวมไปถึงดูแลส่วนต่างๆของร่างกาย เพื่อลดอัตราการเกิดโรคอื่นอีกด้วย การเลือกใช้สมุนไพรรักษาโรค ถือว่าเป็นทางเลือกที่ดีที่สามารถทำได้ง่ายในชีวิตประจำวันของเรานะ
คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : สมุนไพรรักษาไมเกรน

เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง : https://www.youtube.com/watch?v=um1fILxLJKY

Tags :  รักษาโรคไมเกรน

15
โรคพาร์กินสัน โรคอันตรายของระบบสมอง
            โรคพาร์กินสัน เป็นโรคระบบสมองที่หลายคนคงรู้จักกันดี เพราะมีคนดังหลายท่านที่เกิดขึ้นป่วยเป็นโรคนี้ เริ่มเป็นความผิดปกติของการเสื่อมของระบบประสาทส่วนกลาง อาการของโรคพาร์กินสันปรากฏจากการที่เซลล์ผลิตโดปามีนในซับสแตนเชียไนกรา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสมองส่วนกลางตายหรือเสื่อมสภาพ ซึ่งไม่มีการตรวจพบสาเหตุที่แท้จริงของการตายของสมองในครั้งนี้ ซึ่งโรคพาร์กินสันที่เกิดขึ้นขึ้นนี้เป็นเรื่องเกี่ยวระบบของการเคลื่อนไหวทั้งหมด ทำให้ผู้ป่วยเกิดขึ้นมีอาการสั่น แข็งแกร็ง เป็นเคลื่อนไหวช้าและเริ่มเป็นเดินลำบาก และอาจจะมีปรากฏภาวะซึมเศร้า และปรากฏสมองเสื่อมตามมา
            ต้นเหตุของโรคพาร์กินสัน

  • พันธ์กรรม ผู้ที่มีคนในครอบครัวเป็นโรคนี้มีความเสี่ยงสูงเยอะแยะกว่าบุคคลอื่นถึง 3 เท่าและหากมีมากมาย2 คนในครอบครัวที่เป็นโรคนี้ความเสี่ยงก็เพิ่มมากขึ้นตามเดิม
  • เซลล์ในร่างกายเสื่อมสภาพเร็วกว่าเยอะแยะกำหนดโดยไม่ทราบสาเหตุ
  • มีอนุพันธ์อิสระ Free radical ในร่างกายมากมายกว่าปกติ ช่วงเร่งการทำลายเซลล์ประสาท
  • ร่างกายมีการสะสมสารพิษจำพวก Toxin ที่ได้รับจากอาหารและสภาพแวดล้อมในปริมาณมากกว่าคนปกติ
สภาพของโรคพาร์กินสัน

  • มีสภาพอารมณ์แปรปรวน ไม่แน่นอนอยู่เสมอ
  • มีสภาพสั่นเกร็ง ของร่างกาย ซึ่งสภาพสั่นของแตะละคนก็อาจจะแตกต่างกันไป
  • มีอาการรเกร็งจองกล้ามเนื้อ อาการกล้ามเนื้อหดตัว สภาพเคลื่อนไหวร่างกายลำบาก
  • มีอาการสูญเสียการทรงตัว มักจะมีสภาพเดินหน้าถอยหลัง เวลาจะเดินก้าวต่อไปก็เต็มไปด้วยความลำบาก
  • มีสภาพเคลื่อนไหวได้ช้าและลำบาก ต้องใช้เวลาในการเคลื่อนที่ค่อนข้างเยอะ
  • มีปัญหาอาการเรื่องระบบขับถ่าย มีอาการท้องผูก ท้องเสีย
  • มีปัญหาเรื่องการพูด พูดเสียงจะเบา ไม่ค่อยมีเสียง พูดติดอ่าง บางทีก็พูดฟังไม่รู้เรื่อง
  • มีสภาพกลั้นปัสสาวะไม่อยู่บ่อยครั้ง
การฟื้นฟูโรคพาร์กินสัน
            โรคนี้ไม่มีการตรวจพบการฟื้นฟูที่ดีที่สุดได้ พบว่าสาเหตุการเป็นโรคนั้นอกเหนือการควบคุม
การปกป้องโรคพาร์กินสัน
พบว่ามีการฟื้นฟูโรคพาร์กินสันให้ดีขึ้น แต่ไม่อาจจะทำให้เซลล์สมองที่ตายไปแล้วฟื้นตัวหรืองอกใหม่ได้ ซึ่งมีการรักษาอยู่สามแบบด้วยกัน
1.การรักษาด้วยยา โดยการทานยาที่มีการออกฤทธิ์ช่วยในการเพิ่มโดพามีน ในปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย มักจะต้องไปพบแพทย์บ่อยครั้งเพื่อปรับขนาดยาให้มีความพอดีกับร่างกายและอาการของผู้ป่วย จะต้องทานยาอย่างสม่ำเสมอ
2.การปกป้องโดยการผ่าตัด ซึ่งมาค่าใช้จ่ายสูงเป็นการฝังสายเพื่อกระตุ้นการทำงานของสมองเพื่อให้ผู้ป่วยกลับมาเคลื่อนไหวได้อีกครั้ง และยังมีวิธีการปลูกถ่ายเซลล์สมองให้สร้างสารโดพามีนแทนเซลล์สมองที่ตายไปแล้ว ช่วยให้ผู้ป่วยใช้ชีวิตได้แบบปกติ งดการกินยา หรือลดขนาดของยาลงได้ และมีผลกระทบค่อนข้างสูงในการผ่าตัดมีภาวะแทรกซ้อนค่อนข้างเยอะกว่าวิธีทั่วไป
คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : สมุนไพรรักษาพาร์กิมสัน

เครดิต : https://www.youtube.com/watch?v=-nhx8zE7SgA

Tags :  ประสบการณ์ผู้ป่วย, รักษาโรคพาร์กิมสัน

หน้า: [1] 2 3 ... 12