รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
การค้นหาขั้นสูง  

ข่าว:

SMF - Just Installed!

แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Messages - jlkjljkl

หน้า: 1 [2]
16
ประโยชน์ขิง/สรรพคุณขิง

17
สมุนไพรขิง/ประโยช์นขิง

18

น้ำมันนวดสมุนไพร
ฆ่าความปวด หวดความเมื่อยล้า
            สวัสดีค่ะ กลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้พวกเราจะมารีวิวผลิตภัณฑ์เหมือนเดิมแม้กระนั้นจะแน่นวิชาการสักนิด ด้วยเหตุว่าคราวนี้จะมีรายละเอียดข้อมูลจากแหลงต่างๆมาอธิบายด้วยคะ เนื่องด้วยเป็นผลิตภัณฑ์คลายกล้าม ซึ่งเราเองเคยใช้ยามาหลายตัวเหมือนกัน มาดูกันดีกว่าขา
          น้ำมันนวด อาการปวดเมื่อยล้าตัวเกิดขึ้นได้ทุกครั้ง แล้วก็เกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ทำกิจกรรมบางสิ่งบางอย่างในท่าเดิมนานๆเช่น พนักงานสำนักงาน หรือออกแรงกล้ามเนื้อมากเกินไป ซึ่งถ้าหากกำเนิดลักษณะของการปวดปวดเมื่อยขึ้นมาแล้ว หลายๆคนก็เลือกที่จะทุเลาลักษณะของการปวดด้วยยาคลายกล้าม เพื่อลักษณะของการปวดเมื่อยตัวหายไปเร็ว วันนี้ เราจะมารีวิวผลิตภัณฑ์ ที่ช่วยสำหรับในการลดอาการปวดเมื่อยล้ากล้ามกันนะคะ มาดูกันว่ายาคลายกล้ามเนื้อส่วนมากแล้วเป็นยังไง พูดกันง่ายๆคือ ถ้าหากเราเกิดลักษณะของการปวดปวดเมื่อยกล้ามคนจำนวนมากและจากนั้นก็จะเลือกหาน้ำมันนวดยาคลายกล้าม ตัวอย่างเช่น ยาพารา บางครั้งก็อาจจะเป็นยาคลายกล้ามเนื้อแบบเม็ด หรือแบบที่เป็นครีมนวด ซึ่งชอบเป็นยาใช้บรรเทาอาการเจ็บปวดกะทันหันจากการที่กล้ามเนื้อหดเกร็ง เนื่องมาจากการเจ็บหรือโรคที่เกี่ยวเนื่องกับกล้ามและกระดูก ซึ่งยาบางจำพวกจะมีสารสเตอรอยด์ผสมอยู่ด้วย แล้วก็ถ้ารับประทานยาคลายกล้ามมากๆบางทีอาจเสี่ยง นำไปสู่โรคแทรกซ้อนอื่นขึ้นมาอีก ซึ่งวันนี้ เรามีผลิตภัณฑ์ตัวหนึ่งมาชี้แนะ ซึ่งทุเลาอาการปวดกล้าม เอ็น ข้อต่อได้ ลองมาดูกันนะคะว่า ผลิตภัณฑ์ตัวนี้คืออะไร
            มาดูประโยชน์ซึ่งมาจากน้ำมันนวดกันจ้ะ

  • ปวดต้นคอ บ่า ไหล่ จากการนั่งทํางานนานๆทํางานหน้าคอมฯ Office syndrome เป็นต้น
  • คนทํางานที่ต้องใช้กล้าม ดังเช่นว่า ชูของหนัก
  • นักกีฬา หรือผู้บาดเจ็บจากการออกกําลังกาย
  • นักเที่ยว นักท่องเที่ยว
  • ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับ กระดูก ข้อต่อ เส้นเอ็น กล้าม อย่างเช่น ข้อหัวเข่าอักเสบ, เอ็นอักเสบ, กระดูกทับ เส้นประสาท เป็นต้น
          ซึ่งพวกเรามาดูผลกระทบในทางร้ายจากการทานยาคลายกล้ามกัน
เพราะอะไรถึงจำต้องเลือก น้ำมันนวดเพราะเหตุว่า ยาคลายกล้ามปกติที่พวกเราทาน ทำให้กล้ามรู้สึกหายปกติจริง พวกเราจะมีความคิดว่ามันหายเป็นปกติ รวมทั้งบริหารร่างกายได้ปกติไม่เจ็บ แม้กระนั้นในความเป็นจริงแล้วกล้ามเนื้อยังอักเสบอยู่ ถ้าเกิดพวกเรายังคงใช้งานกล้ามเหมือนเดิมจะทำให้กล้ามอักเสบเยอะขึ้น การที่กินยาแล้วออกกำลังกายส่วนนั้นต่อเป็นระยะเวลาที่ยาวนานๆเข้า ก็บางครั้งอาจจะอัดเสบเรื้อรังได้ อันนี้เป็นข้อผลกระทบในทางร้ายทางอ้อมมาจากการทานยาคลายกล้ามเนื้อ ซึ่งคนจำนวนมากและก็จะใช้กล้ามหรือทำงานปกติทุกสิ่งเพราะว่าพวกเราไม่เคยรู้สึกปวดหรือเจ็บแล้ว ซึ่งมันเป็นอะไรที่ไม่ถูกเพราะว่าการทานยาคลายกล้ามเนื้อยาเมื่อเราทาน
ข้อเสนอแนะคือ หลังจากที่ได้มีการใช้ยาแล้ว 48 ชั่วโมงให้ยาหมดฤทธิ์แล้วจริงๆนะคะ แล้วก็ค่อยไปบริหารร่างกายหรือปฏิบัติงานตามเดิมค่ะ ส่วนจะต้องพักนานขนาดไหนนั้น ไม่มีใครทราบกันดีอยู่แล้วเท่าตัวคุณว่าร่างกายของคุณเป็นอย่างไรเพราะเหตุว่ามีหลายต้นเหตุด้วยกัน อย่างเช่นพวกเราเจ็บแค่ไหน รักษาอย่างไร กินยาแล้วปลดปล่อยให้ร่างกายปรับปรุงแก้ไขซ่อนแซมตัวเอง แบบงี้นานหน่อยนะคะ ซึ่งนอกเหนือจากการที่จะรับประทานยาแล้วเนี่ยจำต้องกายภาพบำบัดช่วยนะคะ ดังเช่น ยืดกล้าม ประคบ นวด อย่างถูกวิธีนะคะ ขอย้ำนะคะจำเป็นต้องถูกแนวทาง
นํ้ามันนวด ตัวนี้เหมาะสำหรับคนใดบ้าง?

  • คนที่ได้รับบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา
  • เมื่อยจากการทำงานหนัก
  • ปวดมือและคอจากการเล่นมือถือ
  • ผู้ที่ปวดหลังจาก Office syndrome
  • คนที่ปวดข้อจากโรคเกาท์
  • ปวดหัวเข่าจากโรคข้อต่ออักเสบ
  • ปวดขาจากการเดิน Shopping
  • เจ็บจากการเล่นกีฬา
  • ตีดอท จนปวดมือ
  • ปวดคอจากการเล่นโทรศัพท์มือถือ
  • เมื่อยเนื้อเมื่อยตัวจากการทำงานหนัก
  • ช๊อปจัดหนัก กระทั่งปวดขา


          แล้วก็หลังจากที่ เราได้ทดลองใช้แล้วนะคะ มันได้ผลดีจริงๆข้อดีของมันคือ ซึมซาบเร็วแห้งเร็วไม่เหนียวเหนอะหนะ อีกอย่างก็คือใช้ง่ายค่ะ ข้อเสนอสำหรับในการใช้นะคะ คือนอกเหนือจากที่จะรอดตัวยาจะเบาๆซึมเข้าไปด้านใน 5 นาที อากาศจะเริ่มบรรเทาลง ซึ่งบางบุคคลบางทีอาจจะพ้นสเปรย์ไปเฉยๆแล้วหลังจากนั้นก็รอคอยให้มันแห้งก็ได้ แต่ถ้าเกิดนวดอย่านวดแรงเหลือเกิน ให้นวดเบาๆพอนะคะ มันจะทำให้ได้ผลเจริญขึ้น ซึ่งผลที่ได้นะคะ หลังจากที่ได้ทำการใช้แล้วคือลักษณะของการปวดปวดเมื่อยจากการหักโหมออกกำลังกายของพวกเราก็หายไป ตอนแรกเราปวดขามากมายเลยเพราะเหตุว่าวิ่งเหลือเกิน ลงไปแล้วถูเบาๆแล้วทิ้งเอาไว้สักราวๆ 5 นาทีนะ จะมีความรู้สึกว่าอากาศมันดีขึ้น ไม่มีผลข้างๆอะไรก็ตามเลยนะคะ เป็นเคยปวดขาจนถึงต้องการตัดขาทิ้งนะ แต่พอใช้ได้สเปรย์ตัวนี้ไปแล้วนอนพักตื่นเช้าตรู่มาหายเป็นปลิดทิ้งเลย ความรู้สึกที่ผ่านมาที่แบบปวดขามากก็หาย ช่วงนี้ผ่านมาได้7 วันแล้ว ไม่มีอาการปวดกลับมาค่ะ ซึ่งได้ผลก้าวหน้าทีเดียว ดีมากกว่าทานยาเม็ดอีก
          สำหรับคนใดที่  มีน้ำมันนวดติดบ้านกันไว้ดีแล้วนะคะ เนื้อหานี้เป็นเพียงแค่รีวิวการใช้ผลิตภัณฑ์ ซึ่งเป็นความคิดเห็นส่วนตัวเพียงแค่นั้นนะคะไม่ได้ขายคอแต่อย่างใด พวกเราใช้แล้วเห็นผลจริงก็เลยมาบอกต่อซึ่ง เนื้อหานี้พวกเราได้หาข้อมูลเพิ่มเติมนอกเหนือจากนี้จากเว็บไซต์ต่างๆนะคะ เพื่อมาประกอบสำหรับการรีวิว ซึ่งถ้ามีจุดบกพร่องประการใด สามารถวิจารณ์และแนะนำกันเข้ามาได้ แล้วก็สามารถติดตามบทความรีวิว ของพวกเราได้เรื่อยเลย และก็พวกเราจะมีผลิตภัณฑ์ดีๆตัวไหนมาเสนอแนะอีกห้ามพลาดเป็นอันขาดนะคะ เจอะกันในบทความหน้า สวัสดีจ้ะ

19

คนท้องนวดขาได้ไหม ? ตอบข้อสงสัยสำหรับคุณแม่
          คนท้องใช้น้ำมันนวดขาได้ไหม เชื่อว่าปัญหานี้คงเป็นปัญหายอดฮิตที่คุณแม่มือใหม่ผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อยใคร่รู้กันแน่นอน เพราะเหตุว่าคนท้องโดยมากมักจะมีปัญหาเมื่อยเนื้อเมื่อยตัว โดยยิ่งไปกว่านั้นบริเวณต้นขา วันนี้พวกเราจะพาแม่ไปไขข้อสงสัยประเด็นนี้กันค่ะ
          น้ำมันนวดสำหรับคุณแม่ที่กำลังตั้งท้อง ในระยะครรภ์แรกๆอาจจะไม่มีปัญหาเรื่องปวดเมื่อยสักเท่าไร แต่ว่าเพียงพออายุท้องเริ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆๆรวมทั้งด้วยฮอร์โมนในร่างกายที่มีการเปลี่ยน ประกอบกับสรีระคุณแม่เริ่มแปลง รวมไปถึงน้ำหนักที่มากขึ้นด้วย ก็เลยทำให้คุณแม่ส่วนใหญ่ร้อยทั้งยังร้อยมักจะมีปัญหาเมื่อยเนื้อเมื่อยตัวตามมา ซึ่งหัวข้อนี้แม่ไม่จำเป็นที่จะต้องมาวิตกกังวลหรือกลุ้มใจเพราะว่าถือเป็นเรื่องปกติของคนท้องจ้ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงปลายไตรมาสที่ 2 รวมทั้ง 3 แม่จะมีลักษณะอาการปวดไปทั้งตัวเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นปวดหลัง ปวดเอว และปวดต้นขา เพราะต้องแบกรับน้ำหนักที่มากขึ้นนั่นเอง ซึ่งลักษณะของการปวดเมื่อยเหล่านี้แม่จะสามารถดีขึ้นได้ด้วยการนวดให้คลายปวด แม้กระนั้นถึงอย่างนั้นม่าม้าผู้คนจำนวนมากคงจะไม่พ้นมีความกังวลว่า คนท้องนวดได้ไหม คนท้องนวดขาได้ไหม ? และก็เพื่อช่วยให้คุณแม่ความกังวลใจลดลง วันนี้กระปุกดอทคอมจะพาไปพบคำตอบกันค่ะ
          สำหรับแม่มีท้องที่มีลักษณะอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อตามร่างกายต่างๆธรรมดาแล้วสามารถนวดได้จ้ะ แม้กระนั้นต้องเป็นการนวดที่ไม่รุนแรงเกินความจำเป็น นวดเพียงพอคลายเส้นรวมทั้งคลายปวดก็เพียงพอ อย่างรอบๆแขนแล้วก็ขาม่าม้าสามารถนวดได้บ่อยๆเนื่องมาจากเป็นจุดที่ไม่สโมสรกับการแท้งบุตร ดังนี้ควรเลี่ยงการนวดบริเวณท้อง เพราะอาจจะเป็นไปได้ว่าจะมีการกระทบสะเทือนทำให้ส่งผลกับการท้องหรือแท้งลูกได้ค่ะ
          ยิ่งไปกว่านี้สำหรับคุณแม่ที่อยากนวด ตอนนี้ยังมีสถานที่นวดคนท้องอย่าง ร้านสปา ร้านค้านวด แพทย์แผนไทย และก็หมอแผนไทยปรับใช้ ที่รับนวดสำหรับคนท้องโดยเฉพาะอย่างยิ่งด้วยนะคะ ซึ่งม่าม้าสามารถเข้าไปใช้บริการได้ตั้งแต่นวดตัว นวดคอ บ่า ไหล่ นวดแขนขา รวมทั้งนวดเท้าได้ แต่ทั้งนี้แม่ก็ควรที่จะทำการเลือกร้านหรือสถานที่ที่ได้มาตรฐาน มีผู้ชำนาญสำหรับเพื่อการนวดสำหรับคนท้องโดยเฉพาะ เนื่องจากการนวดคนท้องนั้นจะไม่เสมือนการนวดคนธรรมดาทั่วไป เพราะฉะนั้นจึงจำเป็นต้องให้คนที่ได้รับการฝึกฝนหรือเรียนรู้วิธีนวดคนท้องอย่างถูกต้องเป็นคนนวดเท่านั้นจ้ะ
          ทีนี้คุณแม่ก็อาจหายกังวลใจและมั่นอกมั่นใจเวลาจะนวดเพื่อคลายปวดเมื่อยกันแล้วใช่ไหมล่ะคะ ซึ่งการนวดนั้นนอกจากจะช่วยทำให้ลักษณะของการปวดต่ำลงแล้ว ยังจะช่วยให้แม่สามารถใช้น้ำมันนวดผ่อนคลาย หายเครียด และก็อารมณ์เบิกบานขึ้นอีกด้วยนะคะ แต่ว่าดังนี้ก็อย่างที่บอกไปตอนต้น ถ้าเกิดจะนวดก็ควรจะนวดเพียงแต่เบาๆเพียงแค่นั้น หรือจะไปใช้บริการยังสถานที่นวดคนท้องโดยเฉพาะอย่างยิ่งก็ได้จ้ะ จะได้แน่ใจว่าจะไม่กระทบกระเทือนกับลูกน้อยในท้องนั่นเอง
ปวดหลังด้านขวา อย่าประมาทว่าเป็นแค่เกิดขึ้นได้เพราะมีสาเหตุเนื่องมาจากลักษณะของการปวดเมื่อยล้า ด้วยเหตุว่าบางครั้งบางคราวนี่อาจเป็นสัญญาณของลักษณะของการเจ็บป่วยไข้ที่ไม่ได้นึกฝัน
          น้ำมันนวดสามารถช่วยลักษณะของการปวดหลัง เป็นอาการที่ทุกคนจำเป็นต้องเคยพบเจอ ซึ่งเพียงพอปวดหลังขึ้นมาทีไรพวกเราก็อยากจะเอนหลังพัก หรือไม่ก็ไปนวดผ่อนคลายอาการปวดปวดเมื่อย ถึงแม้ว่าจริงแล้วอาการปวดข้างหลังบางครั้งก็อาจจะมิได้เกิดขึ้นได้เพราะมีสาเหตุเนื่องมาจากลักษณะของการปวดปวดเมื่อยกล้ามเพียงเท่านั้น แต่ยังอาจเกิดจากปัญหาสุขภาพอื่นๆได้อีกมากมาย ยกตัวอย่างเช่นที่เราจะพาทุกคนไปศึกษาต้นเหตุของลักษณะของการปวดหลังด้านขวา ว่าเกิดขึ้นจากอะไรรวมทั้งอันตรายหรือไม่ เพื่อที่จะได้รู้ทันอาการเจ็บเจ็บไข้ของร่างกาย
ปวดหลังด้านขวาทางด้านบน
          ลักษณะของการปวดข้างหลังข้างขวาด้านบน เป็นอาการปวดหลังที่อยู่รอบๆตั้งแต่บริเวณข้างหลังไหล่ไปจนกระทั่งใต้สะบัก เกิดขึ้นได้จากหลายกรณีร่วมกัน โดยมูลเหตุที่มักกระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดอาการปวดหลังข้างบนขวา มีดังนี้
ปวดหลังข้างขวา


การนั่งดำเนินการเป็นเวลานานๆหรือยกของหนักไม่ถูกท่า


          น้ำมันนวด สามารถช่วย อาการการยกของหนักหรือการนั่งดำเนินการในอาการที่ผิดจำเป็นต้องติดต่อกันเป็นระยะเวลานานๆๆก็เป็นต้นเหตุที่นำมาซึ่งการก่อให้เกิดลักษณะของการปวดกล้ามเนื้อรอบๆข้างหลังส่วนบนด้านขวาได้  โดยรอบๆข้างหลังส่วนบน เว้นเสียแต่กล้ามข้างหลังแล้ว ก็ยังเชื่อมต่อกับกล้ามไหล่และกล้ามเนื้อคอ โดยเหตุนั้นถ้าหากมีลักษณะปวดหลังด้านขวาที่อยู่ทางด้านบนจากการใช้แรงงานหนักก็ชอบมีลักษณะอาการปวดคอและก็ไหล่ในด้านเดียวกันร่วมด้วย ทราบแบบนี้แล้วถ้าผู้ใดที่ยังนั่งดำเนินงานในท่าเดิมนานๆก็ลุกขึ้นมายืดเส้นยืดสายบ้างนะคะ รวมทั้งน่าจะนั่งให้ถูกท่าด้วย โดยท่านั่งปฏิบัติงานที่ถูกต้องก็คือควรให้จอคอมพิวเตอร์อยู่ในระดับสายตาค่ะ


ความผิดแปลกของกระดูกและข้อ


          กระดูกบริเวณหลังส่วนบนนั้นประกอบไปด้วยกระดูกไหปลาร้า กระดูกไหล่ กระดูกสันหลัง และกระดูกต้นแขน ซึ่งถ้าเกิดกำเนิดความผิดปกติกับกระดูกกลุ่มนี้ก็อาจจะส่งผลให้รอบๆข้างหลังขวาบนเกิดลักษณะของการปวดได้ โดยต้นเหตุที่ทำให้กระดูกไม่ปกติก็ได้แก่ การเกิดอุบัติเหตุ หรือข้อต่อของกระดูกที่หลังส่วนบนขวามีการอักเสบ นอกจากนั้นสภาวะกระดูกพรุนก็สามารถทำให้เกิดลักษณะของการปวดที่กระดูกรอบๆด้านขวาที่อยู่ทางด้านบนได้  ตอนที่ผู้ป่วยโรคมะเร็งบางประเภทในระยะแพร่กระจาย อย่างมะเร็งเต้านม โรคมะเร็งปอด มะเร็งต่อมลูกหมาก โรคมะเร็งที่ต่อมไทรอยด์ และมะเร็งไต ก็จะมีอาการปวดกระดูกรอบๆหลังส่วนบนเหมือนกัน


ความผิดแปลกของอวัยวะภายใน


          น้ำมันนวดสามารถช่วยรักษาอาการ อาการปวดข้างหลังส่วนบนขวามิได้เป็นผลมาจากกล้ามและกระดูกรอบๆหลังส่วนบนเท่านั้น แต่ว่ายังอาจเกิดขึ้นจากลักษณะการเจ็บป่วยของอวัยวะต่างๆในร่างกายได้ เป็นต้นว่า โรคตับ นิ่วในไตรวมทั้งในกระเพาะหรือลำไส้เล็กส่วนต้น โรคในถุงน้ำดี หรือแม้กระทั้งอาการติดโรคในไต หรืออาจจะเกิดจากอาการไส้ติ่งอักเสบที่ทำให้ปวดแผ่ขยายขึ้นบริเวณข้างหลังด้านขวาก็ได้ ส่วนคุณผู้หญิง ถ้าหากมีลักษณะปวดที่หลังส่วนบนขวา โน่นอาจเป็นสัญญาณของซีสต์ในรังไข่ การต่อว่าดเชื้อของท่อรังไข่ หรือการตั้งครรภ์นอกมดลูกที่บริเวณท่อรังไข่ได้อีกด้วยจ้ะ


โรคที่เกี่ยวกับปอด


          ปอดเป็นอวัยวะที่อยู่ส่วนบนของร่างกายซึ่งตรงกับข้างหลังส่วนบนพอดี เพราะฉะนั้นเมื่อปอดมีความผิดธรรมดาก็สามารถก่อให้เกิดลักษณะของการปวดหลังส่วนบนได้ โดยอาการที่จะนำไปสู่ลักษณะของการปวดหลังด้านบนขวาก็เป็นต้นว่า โรคปอดอักเสบ โรคมะเร็ง อาการติดเชื้อของเยื่อหุ้มปอดหรือช่องอก ยิ่งไปกว่านี้อาการอุทกภัยปอด หรือแม้กระทั้งหัวใจล้มเหลว ก็เป็นสาเหตุสำคัญที่กระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดอาการปวดข้างหลังด้านขวาทางด้านบนได้ ด้วยเหตุนี้แม้มีอาการปวดที่หลังด้านบนขวาแบบเรื้อรังและรุนแรง ควรรีบไปพบหมอให้เร็วที่สุดจ้ะ

20

เหงือกปลาหมอ
เหงือกปลาหมอ ชื่อสามัญ Sea holly, Thistleplike plant
เหงือกปลาหมอ ชื่อวิทยาศาสตร์ Acanthus ebracteatus Vahl (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Acanthus ilicifolius Lour., Acanthus ilicifolius var. ebracteatus (Vahl) Benoist, Dilivaria ebracteata (Vahl) Pers.) จัดอยู่ในตระกูลเหงือกปลาหมอ(ACANTHACEAE)
สมุนไพรเหงือกปลาหมอ มีชื่อแคว้นอื่นๆว่า แก้มแพทย์ (สตูล), แก้มแพทย์เล (กระบี่), อีเกร็ง (ภาคกลาง), นางเกร็ง จะเกร็ง เหงือกปลาหมอน้ำเงิน ฯลฯ
เหงือกปลาหมอมีอยู่ร่วมกัน 2 สายพันธุ์ คือ ชนิดที่เป็นดอกสีม่วง (Acanthus ilicifolius L.) ที่พบได้บ่อยทางภาคใต้ และจำพวกที่เป็นดอกสีขาว (Acanthus ebracteatus Vahl) ที่พบได้มากทางภาคกึ่งกลางรวมทั้งภาคตะวันออก และเป็นพรรณไม้ที่ขึ้นชื่อลือนามของจังหวัดสมุทรปราการ
เหงือกปลาแพทย์ สมุนไพรใกล้ตัวหรือบางทีอาจจะเรียกว่าเป็นสมุนไพรชายน้ำหรือชายเลนก็ได้ สามารถนำสรรพคุณทางยามาใช้ในการรักษาโรคได้หลายประเภท ที่เด่นมากมายก็คือการนำมารักษาโรคผิวหนังได้ดูเหมือนจะทุกชนิด แก้น้ำเหลืองเสีย รวมทั้งการนำมาใช้รักษาริดสีดวงทวาร เป็นต้น โดยส่วนที่นำมาใช้เป็นยาสมุนไพรก็ได้แก่ ส่วนลำต้นทั้งยังสดแล้วก็แห้ง ใบทั้งสดแล้วก็แห้ง ราก เม็ด และก็ทั้งต้น (ส่วนอีกทั้ง 5 ประกอบไปด้วย ต้น ราก ใบ ผล เมล็ด)
รูปแบบของเหงือกปลาหมอ
ต้นเหงือกปลาแพทย์ เป็นไม้พุ่มขนาดกลาง มีความสูงโดยประมาณ 1-2 เมตร ลำต้นแข็ง มีหนามอยู่ตามข้อของลำต้น ข้อละ 4 หนาม ลำต้นกลม กลวง ตั้งชัน มีสีขาวอมเขียว ลำต้นมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1.5 เซนติเมตร ขยายพันธุ์ด้วยแนวทางเพาะเมล็ดและการใช้กิ่งปักชำ เป็นพรรณไม้ที่มักขึ้นที่โล่งแจ้ง เติบโตได้ดีในที่ร่มแล้วก็ในที่ที่มีความชื้นสูง ถูกใจขึ้นตามชายน้ำหรือรอบๆริมฝั่งคลองรอบๆปากแม่น้ำ ตัวอย่างเช่น รอบๆริมน้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันออกเหนือปากคลองมหาวงก์ แล้วก็ที่โรงเรียนนายเรือ ฯลฯ
ต้นเหงือกปลาหมอ
ใบเหงือกปลาหมอ ใบเป็นใบลำพัง ลักษณะของใบมีหนามคมอยู่ริมขอบของใบและปลายใบ ขอบใบเว้าเป็นระยะๆผิวใบเรียบเป็นมันลื่น แผ่นใบสีเขียว เส้นใบสีขาว มีชำเลืองสีขาวเป็นแนวก้างปลา เนื้อใบแข็งและเหนียว ใบกว้างราว 4-7 ซม. และยาวประมาณ 10-20 ซม. ใบจะออกเป็นคู่ตรงกันข้ามกัน ก้านใบสั้น
ใบเหงือกปลาหมอ
ดอกเหงือกปลาหมอ ออกดอกเป็นช่อตั้งตามปลายยอด ยาวโดยประมาณ 4-6 นิ้ว ดอกมีอีกทั้งจำพวกดอกสีม่วง (หรือสีฟ้า) แล้วก็พันธุ์ดอกสีขาว ที่ดอกมีกลีบรองดอกมี 4 กลีบ กลีบแยกจากกัน รอบๆกลางดอกจะมีเกสรตัวผู้แล้วก็เกสรตัวเมียอยู่
ดอกเหงือกปลาหมอ
สมุนไพรเหงือกปลาหมอ
ผลเหงือกปลาหมอ รูปแบบของผลเป็นฝักสีน้ำตาล ลักษณะของฝักเป็นทรงกระบอก รูปไข่ หรือกลมรี ยาวราว 2-3 เซนติเมตร เปลือกฝักมีสีน้ำตาล ปลายฝักป้าน ภายในฝักมีเมล็ด 4 เม็ด
คุณประโยชน์ของเหงือกปลาหมอ
ใช้เป็นยาอายุวัฒนะ ทำให้อายุยืน สุขภาพดี เลือดลมไหลเวียนดี เส้นเลือดไม่ตัน บำรุงผิวพรรณ ด้วยการใช้ทั้งต้นเหงือกปลาหมอนำมาตำผสมกับพริกไทยในอัตราส่วน 2:1 แล้วเคล้าผสมกับน้ำผึ้ง ปั้นเป็นยาลูกกลอน ว่ากันว่าถ้าเกิดกินติดต่อกัน 1 เดือน จะมีผลให้สติปัญญาดี ไม่มีโรค / 2 เดือน ผิวหนังเต่งตึง / 3 เดือน ทำให้ริดสีดวงหาย / 4 เดือน ช่วยแก้ลม 12 ประเภท หูไว / 5 เดือน หมดโรค / 6 เดือน ทำให้เดินไม่รู้จักอ่อนเพลีย / 7 เดือนผิวสวย / 8 เดือน เสียงเพราะ / 9 เดือน หนังเหนียว (ทั้งต้น, ราก)
เหงือกปลาหมอมีสรรพคุณช่วยบำรุงประสาท (ราก)
ช่วยรักษาอาการธาตุไม่ปกติ (อีกทั้งต้น)
ช่วยให้เลือดลมเป็นปกติ (ทั้งยังต้น)เหงือกปลาหมอขาว
ช่วยให้เจริญอาหาร (ทั้งยังต้น)
ช่วยแก้โรคกษัย อาการซูบซีดเหลืองตลอดตัว ด้วยการใช้ต้นของเหงือกปลาหมอนำมาตำเป็นผงรับประทานทุกวี่ทุกวัน (ต้น)
ช่วยแก้อาการร้อนตลอดตัว เจ็บระบบหมดทั้งตัว ตัวแห้ง เวียนหัว หน้ามืดตามัว มือตายตีนตาย ด้วยการใช้ต้นของเหงือกปลาหมอรวมทั้งเปลือกมะรุมอย่างละเสมอกัน ใส่หม้อต้มผสมกับเกลือบางส่วน หมาก 3 คำ เบี้ย 3 ตัว วางบนปากหม้อ แล้วใช้ฟืน 30 ดุ้น ต้มกับน้ำเดือดจนกระทั่งงวดแล้วยกลง เมื่อเสร็จให้กลั้นหายใจกินขณะอุ่นๆกระทั่งหมด อาการก็จะ (ต้น)ช่วยยั้งมะเร็ง ต้านทานมะเร็ง (อีกทั้งต้น)
ช่วยรักษาอาการปอดอักเสบ ด้วยการใช้เหงือกปลาหมอต้นรวมทั้งอาหารมื้อเย็นเหนือ ข้าวเย็นใต้ในสัดส่วนที่เสมอกัน นำมาต้มกับน้ำจนเดือดแล้วเอามาดื่มในขณะอุ่นๆทีละ 1 แก้ว ยามเช้า ตอนกลางวัน เย็น อาการจะดีขึ้น (ทั้งยังต้น)
รักษาปอดอักเสบ ข้อมูลนี้ยังไม่น่าเชื่อถือ* (ใบ)
ต้นมีรสเค็มกร่อย คุณประโยชน์ช่วยแก้อาการปวดศีรษะ (ต้น)
รากช่วยแก้และก็ทุเลาอาการไอ หรือจะใช้เมล็ดเอามาต้มดื่มแก้อาการไอก็ได้ด้วยเหมือนกัน (ราก, เม็ด)
ช่วยแก้โรคหืดหอบ (ราก)
ช่วยรักษาวัณโรค ด้วยการใช้ต้นนำมาตำผสมเป็นน้ำดื่ม (ต้น)
ช่วยแก้ลักษณะการเจ็บตา ตาแดง ด้วยการใช้เหงือกปลาหมอทั้งยังต้นนำมาตำผสมกับขิง คั้นเอาแต่น้ำใช้หยอดตาแก้อาการ (อีกทั้งต้น)
ใบช่วยแก้ไข้ (ใบ)
ช่วยแก้ไข้จับสั่น ด้วยการใช้ทั้งต้นเหงือกปลาหมอมาตำผสมกับขิง (อีกทั้งต้น)
ช่วยแก้พิษไข้หัว ด้วยการใช้อีกทั้งต้นและรากเอามาต้มอาบแก้อาการ (อีกทั้งต้น)
แก้อาการไอ เม็ดใช้ผสมกับดอกมะเฟือง เปลือกอบเชย น้ำตาลกรวด เอามาต้มรวมกันแล้วเอาแต่น้ำมากินเป็นยาแก้ไอ (เมล็ด)
ช่วยขับเสมหะ (ราก)
ถ้าหากเป็นลม ให้ใช้ต้นเหงือกปลาหมอ 1 ส่วน / พริกไทย 2 ส่วน ผสมรวมกัน ตำให้ถี่ถ้วนเป็นผุยผงแล้วเอามาละลายน้ำร้อนดื่ม (ต้น)
ช่วยแก้โรคกระเพาะ ด้วยการใช้อีกทั้งต้นแล้วก็พริกไทย (10:5 ส่วน) ตำผสมปั้นเป็นยาลูกกลอน (ทั้งยังต้น)

ช่วยขับพยาธิ (เมล็ด)
ช่วยรักษาโรคริดสีดวงทวาร ด้วยการใช้ต้นเหงือกปลาหมอกับขมิ้นอ้อย เอามาตำละลายกับน้ำแล้วทาบริเวณที่เป็นริดสีดวง หรือจะใช้ปรุงกับฟ้าทะลายโจร ใช้รมหัวริดสีดวงก็ได้ (ต้น, ใบ)
ช่วยขับฉี่ ข้อมูลนี้ยังไม่น่าเชื่อถือ* (ไม่เจาะจงส่วนที่ใช้)
ช่วยรักษามุตกิดระดูขาว ตกขาวของสตรี ด้วยการกางใบแล้วก็ต้นนำมาตำเป็นผง ผสมกับน้ำผึ้งหรือน้ำมันมันงา ปั้นเป็นยาลูกกลอนกินแก้อาการ (ต้น, ใบ, ราก)
ช่วยแก้รอบเดือนมาไม่เป็นปกติของสตรี ด้วยการใช้ทั้งยังต้นเอามาตำผสมกับน้ำผึ้ง น้ำมันงา (ทั้งยังต้น)
ช่วยรักษานิ่วในไต ด้วยการใช้ใบเอามาต้มเป็นน้ำดื่ม (ใบ)
ช่วยแก้ไตพิการ ข้อมูลนี้ยังไม่น่าเชื่อถือ* (ไม่เจาะจงส่วนที่ใช้)
ผลช่วยขับโลหิต หรือจะใช้เมล็ดผสมกับดอกมะเฟือง เปลือกอบเชย น้ำตาลกรวด นำมาต้มรวมกันแล้วมัวแต่น้ำมากิน หรือใช้ต้น 10 ส่วนและก็พริกไทย 5 ส่วน ผสมทำเป็นยาลูกกลอนรับประทานก็ได้ (เม็ด, ผล, อีกทั้งต้น)
ช่วยฟอกเลือด ข้อมูลนี้ยังไม่น่าเชื่อถือ* (ไม่ระบุส่วนที่ใช้)
แก้พิษเลือด ข้อมูลนี้ยังไม่น่าเชื่อถือ* (เปลือกต้น)
ช่วยสมานแผล ด้วยการใช้ทั้งยังต้นเอามาตำผสมกับหัวสามสิบ ในอัตราส่วน 2:1 (ต้น)
ต้นเหงือกปลาหมอมีสรรพคุณช่วยรักษาแผลพุพอง (ต้น)
ใบมีรสเค็มกร่อย สรรพคุณช่วยรักษาแผลอักเสบ (ใบ)
ช่วยแก้น้ำเหลืองเสีย ด้วยการใช้ต้น 3-4 ต้น นำมาหั่นเป็นชิ้น แล้วต้มน้ำอาบแก้อาการ (ต้น, ใบ, เม็ด)
สำหรับคนป่วยเอดส์ที่มีแผลพุพองตามผิวหนัง ถ้าใช้ต้นมาต้มอาบและทำเป็นยารับประทานต่อเนื่องกันราว 3 เดือนจะช่วยให้อาการของแผลพุพองทุเลาลงอย่างชัดเจน (ต้น)
ช่วยรักษาโรคผิวหนังหรือประป่า รักษาขี้กลากเกลื้อน อีสุกอีใส (ใบ)
ช่วยรักษาโรคขี้เรื้อน คุดทะราด ด้วยการใช้ทั้งต้นนำมาตำมัวแต่น้ำดื่ม (ต้น)
ช่วยแก้ผดผื่นคันตามร่างกาย ใช้ล้างแผลเรื้อรัง ด้วยการใช้ต้นสดและใบสดล้างสะอาดราวๆ 3-4 กำมือ นำมาสับแล้วต้มกับน้ำอาบแก้ผื่นคันติดต่อกัน 3-4 ครั้ง (ต้น, ใบ)
เหงือกปลาหมอมีคุณประโยชน์ทางยาช่วยแก้ผื่นคัน (ต้น)
รากสดเอามาต้มเอาแต่น้ำ ใช้ดื่มเป็นยารักษาโรคงูสวัดได้ (ราก)
ช่วยรักษาฝี ฝีเรื้อรัง แผลฝีหนอง ไข้ทรพิษ ตัดรากฝี แก้พิษฝีทุกชนิดอีกทั้งด้านในด้านนอก ด้วยการใช้ต้นรวมทั้งใบสดรวมทั้งแห้งราวๆ 1 กำมือ นำมาบดอย่างระมัดระวัง แล้วนำมาพอกรอบๆที่เป็นฝี หรือแนวทางลำดับที่สองจะนำมาสับเป็นชิ้นเล็กๆใส่น้ำให้ท่วมแล้วต้มในน้ำเดือดทิ้งไว้ 10 นาที แล้วเอามาดื่มก่อนอาหารทีละครึ่งแก้ว วันละ 3 ครั้ง ราวๆ 2-3 อาทิตย์ หรือจะใช้เม็ดเอามาคั่วให้ไหม้เกรียมแล้วป่นให้รอบคอบ ชงกับน้ำกินเป็นยาแก้ฝีก็ได้ (ต้น, ใบ, เม็ด)
เม็ดใช้ปิดพอกฝี (เมล็ด)
ผลมีรสเผ็ดร้อน คุณประโยชน์ช่วยถอนพิษ (ผล, ต้น)
ใบสดนำมาตำอย่างถี่ถ้วน สามารถใช้พอกรอบๆแผลที่ถูกงูกัดได้ (ใบ)
ช่วยแก้ผิวแตกตลอดตัว ด้วยการใช้ต้นของเหงือกปลาหมอ 1 ส่วน / ดีปลี 1 ส่วน ใช้ผสมกันบดให้เป็นผุยผงชงกับน้ำร้อนดื่มแก้อาการ (อีกทั้งต้น)
ต้น ถ้าเกิดนำมาใช้จะช่วยแก้โรคเหน็บชา อาการชาตลอดตัวได้ (ต้น)
รากมีคุณประโยชน์ช่วยแก้อัมพาต (ราก)
แก้ลักษณะการเจ็บข้างหลังเจ็บเอว ด้วยการใช้ต้นกับชะเอมเทศเอามาบดเป็นผุยผง ผสมกับน้ำผึ้งปั้นเป็นยาลูกกลอนรับประทาน (ต้น)
ใบใช้เป็นยาประคบปรับปรุงข้ออักเสบรวมทั้งแก้ลักษณะของการปวดต่างๆ(ใบ)
ช่วยทำนุบำรุงรากผม ด้วยการใช้น้ำคั้นจากใบเอามาทาให้ทั่วศีรษะ จะช่วยบำรุงรากผมได้ (ใบ)
ประโยช์จากเหงือกปลาหมอ
ในตอนนี้สมุนไพรเหงือกปลาหมอมีการนำไปผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นยาแคปซูลสมุนไพร (เหงือกปลาหมอแคปซูล) หรือเป็นยาชงสมุนไพร (เหงือกปลาหมอผงสำเร็จรูป) หรือในลักษณะของยาเม็ด
นอกจากการใช้เป็นยาสมุนไพรที่ใช้สำหรับในการอบตัวหรืออบด้วยไอน้ำ สมุนไพรเหงือกปลาหมอยังคงใช้เป็นส่วนประกอบสำหรับเพื่อการผลิตเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องแต่งตัวอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น สบู่ สินค้าที่ใช้สำหรับในการเปลี่ยนสีผม จนถึงแชมพูของสุนัข ฯลฯ
แหล่งอ้างอิง
: เว็บที่ทำการโครงงานรักษาพันธุกรรมพืชสาเหตุจากความคิด สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี, ฐานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ ม.อบ., หนังสือพิมพ์ประเทศชาติ (ช่ำชอง หิมะคุณ), หนังสือพรรณไม้สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ เล่ม 4, ฐานข้อมูลพืชพันธุ์ไม้ องค์การส่วนวิชาพฤกษศาสตร์, สำนักงานกองทุนส่งเสริมการผลิตเสริมสุขภาพ (สสส.), หนังสือยอดสมุนไพรยาอายุวัฒนะ (คุณครูยุวดี จอมป้องกัน), หนังสือกายบริหารแกว่งแขน (โชคชัย ปัญจทรัพย์สมบัติ) http://www.disthai.com/

21

ชื่อวงศ์ : LEGUMINOSAE-CAESALPINIOIDEAE
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Cassia fistula L.
ชื่อสามัญ : Golden shower, Indian laburnum, Pudding-pine tree
ชื่อท้องถิ่นอื่น : ราชพฤกษ์ (ภาคเหนือ) ; ปูโย, เปอโซ, ปือยู, แมะหล่าหยู่ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน) ; คูณ (ภาคกลาง, ภาคเหนือ) ; ชัยพฤกษ์, ราชพฤกษ์ (ภาคกลาง) ; กุเพยะ (กะเหรี่ยง-กาญจนบุรี)
ชนิดนี้หนังสือเรียนหลังเล่มเสนอ ชื่อใหม่เป็นเพียงแค่ระดับประเภทย่อยเป็นCassia javanica L.subsp javanica K.& S.S .Larsen พืชประเภทนี้เป็นไม้ต้นขนาดเล็ก ถึงขั้นกึ่งกลาง สูงได้ถึง ๑๕ เมตร เมื่อลำต้นอย่างอ่อนอยู่มีน้ำแข็งที่เกิดขึ้นมาจากกิ่งแก่ที่ร่วงหล่นไป แต่ว่าเมื่อต้นอายุมากขึ้นจะหายไป ลำต้นไม่ปุ่มป่ำ ใบเป็นใบประกอบแบบขนนกเรียงสลับกัน มีใบย่อย ๕-๑๕ คู่ ก้านใบยาว ๑.๕-๔ ซม. แกนกลางใบยาว ๒๐-๓๐ เซนติเมตร ใบย่อยรูปไข่ปนรูปมูลหรือรูปขอบขนาน กว้าง ๑.๕-๓ เซนติเมตร ยาว ๒-๕ เซนติเมตร ปลายใบกลมหรือมน โคนใบกลม ใต้ใบมีขนละเอียดอยู่เอนราบกับผิวใบ ก้านใบย่อยสั้นมากมาย ดอกออกเป็นช่อตามกิ่ง ก้านช่อดอกใหญ่รวมทั้งแข็ง ไม่แตกกิ่งก้านสาขา ยาว ๕-๑๖ เซนติเมตร เมื่อเริ่มบานมีสีชมพูแล้ว เปลี่ยนเป็นสีแดงเข้ม เมื่อใกล้โรยเปลี่ยนเป็นสีออกขาว ดอกย่อยมีก้านเรียวยาว ๓-๕ ซม.ราชพฤกษ์ มีกลีบเลี้ยงมี สีแดงเข้มถึงสีแดงอมน้ำตาล รูปไข่ ปลายแหลม ยาว ๗-๑๐ มิลลิเมตรกลีบดอกไม้รูปไข่กลับ กว้าง ๗-๘ มิลลิเมตร ยาว ๒๕-๓๕มิลลิเมตร โคนกลีบดอกไม้เป็นก้านยาวราว ๓ มม.  เกสรเพศผู้มี ๑๐ อัน ปริมาณยาวไม่เท่ากัน รังไข่เรียว ขนปกคลุมบางๆผลเป็นฝักรูปกระบอกขนาดวัดผ่าศูนย์กลางราม ๑-๑.๕ ซม. ยาว ๒๐-๖๐ เซนติเมตร ห้อยลงมาจากกิ่ง ฝักแก่สีดำ หมดจด ไม่มีขน ไม่แตก มีเม็ดมากมาย รวมทั้งรูปแบนเกือบกลม สีน้ำตาลวาว
ลักษณะทางวิชาพฤกษศาสตร์
ไม้ใหญ่ (T) สูงประมาณ 5-15 เมตร เปลือกต้นเรียบ เกลี้ยง สีเทาอ่อนหรือสีเทาอมน้ำตาล สีเทาอมขาว หรือสีนวล
ใบ เป็นใบประกอบแบบขนนก ใบเรียงสลับ ลักษณะใบย่อยรูปไข่ ปลายใบแหลม ขอบของใบเรียบ โคนใบมน แผ่นใบสีเขียว มีใบย่อยราวๆ 4-12 คู่
ดอก ออกดอกเป็นช่อแบบช่อกระจะ เป็นช่อห้อยระย้าออกตามกิ่งหรือออกตามง่ามใบ มีดอกแบบสมมาตรข้างๆ มีกลีบดอก 5 กลีบ สีเหลืองสด โดยกลีบบนสุดจะเรียงอยู่รอบในสุด ดอกมีกลิ่นหอมหวนอ่อนๆ
ผล เป็นฝักกลม ทรงกระบอกยาว ผิวเรียบ และมีเปลือกแข็ง ภายในมีผนังแบนสีน้ำตาล กั้นเป็นห้องรวมทั้งมีเมล็ดห้องละ 1 เม็ด ผลอ่อนจะมีสีเขียว เมื่อแก่จะเป็นสีน้ำตาลเข้ม หรือดำ
เมล็ด มีเนื้อห่อหุ้มนุ่มๆสีน้ำตาลไหม้ หรือสีดำ ลักษณะกลมมนรวมทั้งแบน มีรสหวาน
นิเวศวิทยา
ขึ้นตามป่าเบญจพรรณแล้งทั่วไป มีมากมายทางภาคเหนือ นิยมปลูกเป็นไม้ประดับและก็ปลูกข้างถนนเพื่อความสวย
การปลูกและก็แพร่พันธุ์
ปลูกง่ายและเติบโตได้ในดินแทบทุกชนิด แม้กระนั้นจะชอบดินร่วนปนทราย ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ดและตอนกิ่ง

ประโยชน์ทางยา
รสและก็คุณประโยชน์ในแบบเรียนยา
ราก รสเมา เป็นยาบำรุง รักษาโรคเกี่ยวกับหัวใจ โรคที่เกิดขึ้นและมีปัญหาเกี่ยวกับถุงน้ำดี เป็นยาถ่ายอย่างแรง รักษาลักษณะของการมีไข้ ระบายพิษไข้ ถ่ายสิ่งสกปรกออกมาจากร่างกาย ทำลายเชื้อคุดทะราด แก้ขี้กลากเกลื้อน แก้อาการเซื่องซึม หนักหัว
เปลือกราก รสฝาด ต้มดื่มแก้ไข้ไข้มาลาเรียและก็ระบายพิษไข้ ใช้ร่วมกับเนื้อในฝักเป็นยาแก้ไข้มาลาเรียและก็เป็นยาระบาย
แก่น รสเมา ใช้เป็นยาขับพยาธิไส้เดือน รักษาอาการท้องร่วง และช่วยรีบคลอด
ราชพฤกษ์เปลือกต้น รสฝาดเมา ใช้เป็นยาช่วยรีบคลอด รักษาอาการท้องเสีย
กระพี้ รสเมา ใช้แก้โรครำมะนาด
ฝัก เนื้อในฝักรสหวานเอียน ใช้รับประทานเป็นยาระบาย ช่วยทุเลาอาการแน่นหน้าอก ฟอกหรือชำระน้ำดี แก้ลมเข้าข้อและขัดข้อ
เปลือกฝัก รสขื่นเมา ทำให้แท้งลูก ขับเกลื่อนกลาดที่ค้าง แล้วก็ทำให้คลื่นไส้
ใบแก่ รสเมา ใบสดหรือตากแห้ง ใช้เป็นยาถ่าย รักษาอัมพาต ฆ่าเชื้อโรคทั้งปวง ฆ่าพยาธิผิวหนัง รักษาอัมพาตของกล้ามบนใบหน้า พอกแก้ปวดข้อ หรือต้มน้ำแก้โรคที่เกิดขึ้นและมีปัญหาเกี่ยวกับสมอง แก้เส้นเอ็นพิการ
ใบอ่อน รสเมา ตำพอกหรือคั้นเอาน้ำทารักษาโรคขี้กลากเกลื้อน แก้ไข้รูมาติก
ดอก รสเปรี้ยวขม ใช้รักษาโรคกระเพาะอาหาร เป็นยาถ่ายพยาธิ ต้มดื่มแก้ไข้ แก้แผลเรื้อรัง ช่วยหล่อลื่นในไส้ ระบายท้อง
เมล็ด ช่วยกระตุ้นให้อ้วก เป็นยาถ่าย
[url=http://www.disthai.com/16488365/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%9E%E0%B8%A4%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B9%8C]ราชพฤกษ์[/url] วิธีและจำนวนที่ใช้
แก้อาการท้องผูก โดยเอาเนื้อในฝักแก่หนักประมาณ 5-10 กรัม ต้มกับน้ำ 500 ซีซี ใส่เกลือบางส่วน ดื่มก่อนนอนหรือเช้าตรู่ก่อนกินอาหาร เป็นยาระบายที่เหมาะกับคนที่ท้องผูกบ่อยๆ และสตรีมีครรภ์ก็ใช้ฝักคูณเป็นยาระบายได้
รักษาโรคกระเพาะ โดยใช้ฝักราวๆ 30 กรัม ผสมน้ำ 100 ซีซี ต้มให้เดือดแล้วก็เหลือน้ำ 50 ซีซี ดื่มให้หมดครั้งเดียว วันละ 3 ครั้ง http://www.disthai.com/

22
อื่น ๆ / มารู้จะ “ทับทิม” ผลไม้เพื่อสุขภาพ
« เมื่อ: สิงหาคม 06, 2018, 10:41:58 AM »

ทับทิม
มารู้จัก “ทับทิม” ผลไม้เพื่อสุขภาพ
นักระบุอาหารจดทะเบียนวิชาชีพประเทศอเมริกา
ในยุคที่ผู้ใดกันก็ห่วงสุขภาพ รักการบริหารร่างกาย หมั่นรับประทานผัก ผลไม้ต่างๆเมื่อกล่าวถึง “ทับทิม” คนไม่ใช่น้อยอาจรู้จักดีกันดีกับผลไม้ที่มีกลิ่นหอมหวน รสอร่อยชักชวนติดใจ ทับทิมนั้นมีต้นกำเนิดมาจากอินเดียแล้วก็อิหร่าน โดยในบันทึกโบราณทางการแพทย์บอกว่า ทับทิมถูกใช้เป็นยารักษาโรครวมทั้งใช้ในการดูแลรักษาสุขภาพร่างกายมานานนับพันๆปี
ปัจจุบันทับทิมจัดเป็นผลไม้ในกลุ่ม ซุปเปอร์ฟรุ๊ต ซึ่งอุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุสารพฤกษเคมีและก็สารแอนติออกซิแดนท์ซึ่งมีจำนวนสูงเยี่ยมในทับทิมโดยสูงเป็น 3 เท่าของอาหารอื่นที่มีสารแอนติออกซิแดนท์สูง อีกทั้งมีใยอาหารสูงมากมาย นอกเหนือจากนี้ยังมีวิตามินซีสูง มีวิตามินบี 5 (กรดแพนโทธีนิค) วิตามินเอ วิตามินอี ส่วนธาตุที่มีมากมายคือ แคลเซียม โพแตสเซียม และธาตุเหล็ก
จากการเรียนรู้พบว่าทับทิมมีสารที่มีฤทธิ์สำหรับการต่อต้านขบวนการออกซิเดชันที่เกี่ยวกับการอักเสบ ซึ่งอาจช่วยคุ้มครองป้องกันโรคมะเร็ง และโรคไม่ติดต่อเรื้อรังอื่นๆฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระในทับทิมสูงขึ้นมากยิ่งกว่า เหล้าองุ่นรวมทั้งใบชาเขียวถึง 3 เท่า และก็ยังมีจำนวนสารโพลีฟีนอลในทับทิมสูงยิ่งกว่าน้ำผลไม้อื่นๆเป็นต้นว่า ส้ม องุ่น แคนเบอร์ปรี่ ลูกแพร แอปเปิ้ล อีกด้วย
ทับทิมมีสารต้านอนุมูลอิสระที่อยู่ในกลุ่มสารโพลีฟีนอล ที่สำคัญคือ สารพูนิคาลาจิน พูนิติดอยู่ลิน แล้วก็กรดกัลลาจิก ทั้งปวงนี้อาจมีผลต่อการคุ้มครองป้องกันอันตรายต่อเยื่อภายในร่างกายที่จะส่งผลต่อการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรังรังต่างๆการศึกษาเรียนรู้และค้นคว้าและทำการวิจัยพบว่าสารต้านอนุมูลอิสระในทับทิมบางทีอาจช่วยยั้งการเจริญของเซลล์มะเร็ง ทับทิมยังมีสารอโรมาเทสอินฮิบิเตอร์ธรรมชาติ ซึ่งช่วยยั้งการผลิตฮอร์โมนเอสโทรเจนที่อาจช่วยลดการเสี่ยงโรคมะเร็งเต้านม นอกจากนี้สารอาหารและก็สารต้านอนุมูลอิสระในน้ำทับทิมสกัดยังมีประโยชน์ต่อผิวพรรณ อาจต้านการเกิดริ้วรอย ช่วยทำให้มีผิวพรรณอ่อนกว่าวัยและมีร่างกายแข็งแรง ยิ่งกว่านั้นทับทิมยังจัดเป็นผลไม้ที่มีพลังงานต่ำ จึงบางทีอาจให้ประโยชน์ต่อการลดพลังงานสำหรับการควบคุมน้ำหนัก โดยการรับประทานทับทิมแทนขนมหวาน
ด้วยสารสำคัญต่างๆในทับทิม นักค้นคว้าก็เลยพึงพอใจทำการค้นคว้าถึงประโยชน์ต่อสุขภาพ โดยมีรายงานการวิจัยจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด พบว่า สารสกัดจากทับทิมช่วยชะลอการก้าวหน้าของเซลล์มะเร็ง รวมทั้งสามารถฆ่าเซลล์มะเร็งในห้องทดลองได้ นอกจากนั้นยังมีการวิจัยชี้ว่า น้ำทับทิมสกัดยังสามารถช่วยลดแอลดีแอลคอเลสเทอรอล ซึ่งเป็นคอเลสเทอรอลไม่ดี ทำให้เส้นเลือดแดงแข็งอุดตัน และยังช่วยลดความดันเลือด มีผลสำหรับเพื่อการช่วยคุ้มครองโรคหัวใจ โรคเส้นเลือดสมองตีบแล้วก็หัวใจวาย
ด้วยประโยชน์ที่ได้รับมาจากทับทิมที่มีต่อสุขภาพและมาจากธรรมชาติ ทำให้ทับทิมเป็นที่นิยมอย่างมากมายทั่วทั้งโลก เดี๋ยวนี้มีการนำทับทิมมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์น้ำทับทิมสกัดแบบพร้อมดื่ม เพื่อความสบายสำหรับผู้ใช้ที่รักแล้วก็หวังดีในการดูแลสุขภาพ
การค้นคว้าวิจัยของ Sharma, Mc Clees and Afaq ล่าสุดในปี 2017 บอกว่า สารสกัดจากทับทิมมีฤทธิ์ต้านทานการอักเสบ ยั้งการเกิดเซลล์กลายพันธุ์ที่นำไปสู่เซลล์ของมะเร็ง
ด้วยสรรพคุณมากไม่น้อยเลยทีเดียวดังที่กล่าวถึงมาแล้ว ทำให้ทับทิมได้รับการตั้งชื่อว่าเป็น “ซุปเปอร์ฟรุต” (Super fruit) ที่ได้รับความนิยมแพร่หลายไปทั่วโลก เพราะว่ามีวิตามินรวมทั้งแร่ธาตุ
ความเชื่อถือและตำนาน
ชาวภาษากรีกโบราณมั่นใจว่า ต้นทับทิมมีเหตุที่เกิดจากเลือดของไดโอนีซุส (Di-onysus) ซึ่งเป็นกษัตริย์แห่งทวยเทพเทวดาทั้งมวลรวมทั้งเทวีนาน่า(Nana) ซึ่งเป็นพรหมจารีย์ ตั้งท้องขึ้นโดยการสอดใส่ผลทับทิม และก็ให้กำเนิดเทพเทวดาแอตตำหนิส (Attis) ขึ้น ด้วยเหตุนี้ ผู้ที่ชื่นชมเทวดาแอตติสก็เลยไม่กินผลทับทิม ชาวยิวในสมัยพระผู้เป็นเจ้าโซโลมอนก็ถือว่า ทับทิมคือผลไม้ศักดิ์สิทธิ์ ดังปรากฏอยู่บนยอดเสาของวิหารกษัตริย์โซโลมอน ชาวฮินดู ในอินเดียมั่นใจว่า พระคเณศทรงโปรดทับทิม คนที่นับถือพระพิฆเนศก็เลยนิยมนำผลทับทิมไปถวาย นอกจากนั้น ยังใช้ดอกทับทิมเส้นไหว้บูชาพระอาทิตย์ พระนารายณ์ แล้วก็เทวีพระลักษมี อีกด้วย
คนจีนถือว่า ต้นทับทิมเป็นพืชที่มีความเป็นสิริมงคล (โดยเฉพาะอย่างยิ่งทับทิมประเภทดอกสีขาว) รวมทั้งนับว่าทับทิมเป็นสัญลักษณ์แห่งความอุดมสมบูรณ์ ความมีลูกหลานมากมาย (เพราะว่าผลทับทิมมีเม็ดมาก) ก็เลยนิยมให้ผลทับทิมเป็นของขวัญแก่คู่บ่าวสาวในพิธีสมรส (เพื่อให้มีลูกหลานมากๆ) ในพิธีแต่งงานนิยมปักยอดทับทิมไว้ที่ผมเจ้าสาว และก็ปักยอดทับทิมไว้ที่สิ่งของเซ่นสังเวยเจ้า ชาวจีนยังมั่นใจว่า ใบหรือกิ่งทับทิมมีอำนาจไล่ภูตผีปีศาจได้ ก็เลยนิยมนำมาปลูกทับทิมไว้ในบริเวณบ้าน และก็ใช้ใบทับทิมแช่น้ำล้างหน้า ล้างมือ ข้างหลังกลับจากงานศพ (เพื่อไม่ให้อสุรกายติดตามมา)
ในประเทศญี่ปุ่นอาจรับความศรัทธาเกี่ยวกับทับทิมไปจากจีน กลายเป็นเครื่องหมายของเจ้าแม่ที่รอปกป้องรักษาเด็กๆให้ไม่เป็นอันตราย แล้วก็เชื่อว่าเมื่อเด็กๆได้รับประทานผลทับทิมแล้วจะไม่มีอันตรายแล้วยังปลอดภัยจากภูตผีปีศาจทั้งมวล คนประเทศไทยก็คงจะได้รับถ่ายทอดความศรัทธาเกี่ยวกับทับทิมมาจากคนจีนบ้าง ดังปรากฏว่า มีศาลเจ้าหลายแห่งในประเทศไทย ชื่อเจ้าแม่ทับทิม ซึ่งคงเป็นเจ้าแม่ที่มีกำเนิดจากเมืองจีนแล้วเปลี่ยนเป็นชื่อไทยคราวหน้า

หน้า: 1 [2]