รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
การค้นหาขั้นสูง  

ข่าว:

SMF - Just Installed!

แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Messages - มม

หน้า: 1 [2]
16

ทับทิม
การกินเพื่อสุขภาพ
ทับทิม ยอดเยี่ยมราชินีที่ผลไม้ มีประโยชน์ต้น
การกินเพื่อสุขภาพ
ทับทิม ยอดเยี่ยมราชินีแห่งผลไม้ มีคุณประโยชน์อีกทั้งต้น
อัปเดตล่าสุดตอนวันที่ พฤษภาคม 3, 2018 ราวเวลาการอ่าน: 2 นาที
แชร์บทความนี้
ทับทิมสำเร็จไม่ที่นิยมรับประทานกันมาก รวมทั้งขึ้นชื่อลือชาในเรื่องของคุณค่าที่มากมาย จนได้รับสมญาว่า ราชินีแห่งผลไม้ พูดกันว่าทับทิมนั้นคือผลไม้ที่ถูกประยุกต์ใช้ในแวดวงแพทย์มาแล้วนับพันปี ในตอนนี้ทับทิมถือเป็นผลไม้ที่นิยมนำมาปลูก และกินกันทั่วทั้งโลก สามารถหารับประทานได้ง่ายในประเทศไทย พินิจได้จากร้านค้าขายน้ำทับทิม หรือผลทับทิมสด ที่เกือบจะมีอยู่ตามถนนหรือทุกตลาดในประเทศไทย
ประโยช์จากทับทิมมีเยอะมาก อีกทั้งในเรื่องของสารอาหาร รวมทั้งการปกป้องคุ้มครองโรค
วิตามินซีสูงมาก
ทับทิมนับว่าเป็นผลไม่ที่มีวิตามินซีสูงมาก ในน้ำทับทิมเพียงแต่ 1 แก้ว มีวิตามินซีถึงร้อยละ 40 ของปริมาณที่เราต้องการในหนึ่งวัน (สำหรับคนแก่) ด้วยปริมาณวิตามินซีที่สูงในระดับนี้ก็เลยมีคุณประโยชน์สำหรับการลดการเสี่ยงสำหรับเพื่อการเป็นโรคหวัด หรือแพ้อากาศได้อย่างดี
ช่วยบำรุงรักษาผิวพรรณ
การกินทับทิมสด หรือน้ำทับทิมนั้น จะช่วยทำให้ผิวพรรณของเรามองแจ่มใส เนื่องจากทับทิมได้ผลสำเร็จได้ที่มีสรรพคุณในการต้านทานอนุมูลอิสระ ช่วยสำหรับเพื่อการชะลอวัย ลดการเกิดริ้วรอยในผิวของเรา รวมทั้งด้วยจำนวนวิตามินซีที่สูงจึงช่วยในเรื่องทำให้ผิวกระจ่างขาวใส นอกเหนือจากนี้พวกเรายังสามารถใช้น้ำทับทิมประมาณ 1 ช้อนชา ทาบริเวณใบหน้า ทิ้งเอาไว้ 10 นาทีแล้วล้างออก จะช่วยสำหรับการบำรุงผิวหน้าให้ดูเต่งตึงเยอะขึ้นเรื่อยๆได้อีกด้วย ประโยชน์ในข้อนี้ของทับทิมสามารถรับรองได้จากการที่ในปัจจุบัน มีเครื่องแต่งตัวหรือครีมหลายอย่างได้นำทับทิมไปเป็นส่วนประกอบ
เส้นโลหิตรวมทั้งหัวใจดีขึ้น
ในทางการแพทย์มีการศึกษาค้นคว้าแล้วพบว่าทับทิม มีสรรพคุณช่วยในการทำให้การไหลเวียนของเลือด ลดภาวการณ์ขาดเลือดในคนเจ็บโรคหัวใจ ยิ่งไปกว่านี้ยังพบว่าผู้ที่มีความดันโลหิตสูง เมื่อกินน้ำทับทิมวันละ 50cc จะช่วยลดความดันโลหิตได้จำนวนร้อยละ 5 ช่วยลดสภาวะการแข็งตัวของไขมันในหลอดเลือดได้อีกด้วย
ลดการเสี่ยงสำหรับในการกำเนิดมะเร็ง
ด้วยเหตุว่าเป็นผลไม้ที่มีค่าการต้านอนุมูลอิสระที่สูง ก็เลยช่วยลดการเสี่ยงสำหรับเพื่อการเกิดโรคมะเร็งได้เป็นอย่างดี มีงานค้นคว้าพบว่า การกินทับทิมช่วยลดโอกาสการเกิดโรคมะเร็ง ช่วยยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์ของโรคมะเร็งถึง 13ช นิด และยังสามารถช่วยทำลายเซลล์มะเร็งในหลอดอาหาร และลำไส้ได้อีกด้วย
ประโยชน์อื่นๆของทับทิม
นอกจากสรรพคุณหลักที่กล่าวไปในข้างต้นแล้ว ทับทิมยังมีสรรพคุณอื่นอีกเพียบเลย ไม่ว่าจะเป็น ช่วยบรรเทาอาการแพ้ท้องในหญิงมีครรภ์ ช่วยทำให้สมดุลในวัยหมดระดู ลดความเสี่ยงในการเป็นโรคจำอะไรไม่ค่อยได้ในคนแก่ คุ้มครองโรคเลือดออกตามไรฟัน เสริมสุขภาพกระดูกลดความเสี่ยงสำหรับในการเป็นโรคกระดูกพรุน คุ้มครองปกป้องการเสื่อมสรรถยนต์ภาพทางเพศ ลดการตกขาว พูดได้ว่ามีสรรพคุณจำนวนมากจริง
 เว้นแต่ส่วนที่พวกเรานิยมกินกันอย่างเมล็ดแล้ว องค์ประกอบอื่นของทับทิมก็มีประโยชน์ไม่แพ้กัน ทั้งที่ยังไม่ตายยาและก็สมุนไพร
ใบ: สามารถทำน้ำยาบ้วนปากหรือล้างตาได้ ยาพอกที่ทำมาจากใบสามารถช่วยบรรเทาอาการผมร่วงได้อย่างยอดเยี่ยม
เปลือก: ลดการเกิดริ้วรอยในผิวของพวกเราใช้รักษา แผลหิด กากเกลื้อน มีคุณประโยชน์เกี่ยวกับการดูแลรักษาโรคในทางเดินของกิน ดังเช่นว่ารักษาอาการท้องเดินได้
เปลือกของลำต้น และราก: สามารถเอามาทำเป็นยาถ่ายพยาธิได้อีกด้วย โดยนำมาผสมกับกานพลู แล้วก็บางทีอาจใส่ดีเกลือต้มกับน้ำโดยประมาณสามถ้วย มีคุณประโยชน์สำหรับในการถ่ายพยาธิ
ดอก: มีสรรพคุณสำหรับเพื่อการรักษาแผล และทุเลาอาการอักเสบของหูชั้นใน
ทับทิมถือเป็นผลไม้ที่เป็นประโยชน์ในทุกส่วนของต้น ไม่ใช่ก็แค่เม็ด หรือน้ำทับทิม ก็เลยไม่แปลกใจเลยที่ทับทิมจะได้รับฉายานามว่า "ราชชินีที่ผลไม้"
โรคและก็อาการอื่นๆเช่น โรคเส้นเลือดหัวใจ การหย่อนความสามารถทางเพศ เจ็บกล้ามเนื้อข้างหลังการบริหารร่างกาย กลุ่มอาการอ้วนลงพุง โรคมะเร็งต่อมลูกหมาก เยื่อบุช่องปากอักเสบ ผิวไหม้จากแสงอาทิตย์ การตำหนิดเชื้อทริโคโมแนส (Trichomoniasis) ท้องเดิน โรคบิด เจ็บคอ โรคริดสีดวงทวาร อาการวัยทอง และก็อื่นๆยังจำต้องศึกษาค้นคว้าศึกษาค้นคว้าเพิ่มเพื่อหาหลักฐานเกี่ยวกับประสิทธิภาพและความปลอดภัยของทับทิมสำหรับการรักษาโรค
ความปลอดภัยสำหรับเพื่อการรับประทานทับทิมหรือผลิตภัณฑ์จากทับทิม
โดยปกติการกินน้ำทับทิมออกจะมีความปลอดภัย แต่ในบางรายที่มีลักษณะอาการแพ้ผลสดของทับทิมบางทีอาจเป็นผลข้างเคียงจากการกินน้ำทับทิมได้
รากทับทิมมีสารที่เป็นพิษต่อสุขภาพ การกินรากและก็ลำต้นของทับทิมในจำนวนมากบางทีอาจไม่ปลอดภัย
สารสกัดจากทับทิมออกจะไม่มีอันตรายในการกินหรือประยุกต์ใช้กับผิวหนัง แต่ว่าอาจจะส่งผลให้กำเนิดอาการแพ้บางส่วนในบางราย อย่างเช่น อาการคัน บวม น้ำมูกไหล หรือหายใจไม่สะดวก
การรับประทานน้ำทับทิมออกจะมีความปลอดภัยสำหรับหญิงตั้งท้องหรืออยู่ในช่วงให้นมลูก แม้กระนั้นยังไม่มีรายงานรับรองความปลอดภัยสำหรับในการรับประทานหรือใช้ทับทิมในรูปแบบอื่น อาทิเช่น สารสกัดจากทับทิม ควรต้องปรึกษาแพทย์ก่อนที่จะมีการรับประทานทุกหน
น้ำทับทิมอาจจะก่อให้ความดันเลือดลดลดลงเล็กน้อย ซึ่งอาจจะก่อให้ผู้ป่วยที่มีภาวการณ์ความดันต่ำอาการไม่ดีขึ้น

ผู้ที่มีอาการแพ้จากพิษพืชอาจมีการเสี่ยงที่จะกำเนิดอาการแพ้จากการกินทับทิม
คนเจ็บที่จำต้องเข้ารับการผ่าตัดควรหยุดกินทับทิมอย่างน้อย 2 สัปดาห์ เหตุเพราะทับทิมนำมาซึ่งการทำให้ความดันโลหิตต่ำลง จึงอาจกระทบต่อความดันเลือดในขณะผ่าตัดหรือส่งผลต่อเนื่องไปยังหลังการผ่าตัด
การรับประทานทับทิมควบคู่กับยาบางจำพวกอาจจะเป็นผลให้เกิดปฏิกิริยาระหว่างยา ดังเช่น ยาที่เกี่ยวพันกับแนวทางการทำงานของตับโดยโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมีตับ Cytochrome ชนิด P450 2D6 หรือชนิด P450 3A4 ยาลดความดันเลือดหรือเอซีอี อินฮิบิเตอร์ ยารักษาโรคความดันเลือดสูง ยาโรสุวาสแตติเตียนน คนที่รับประทานยาบ่อยๆหรือมีโรคประจำตัวควรขอคำแนะนำหมอก่อนที่จะมีการรับประทานเพื่อความปลอดภัย http://www.disthai.com/

17

ขิง
ขิง เป็นพืชที่มีเหง้าใต้ดิน ด้านนอกเหง้าเป็นน้ำตาลปนเหลือง เนื้อในสีขาวหรือเหลืองอ่อน มักนำมาปรุงอาหารเพราะเหตุว่าส่งกลิ่นหอม ยิ่งไปกว่านี้ ขิงยังใช้เป็นส่วนประกอบในเครื่องดื่ม สบู่ แล้วก็เครื่องแต่งตัวทั้งหลายด้วยเหมือนกัน ด้านประโยชน์ต่อร่างกาย มีความเชื่อเกี่ยวกับการใช้ขิงรักษาโรคหลากหลายชนิดมาอย่างยาวนาน ดังเช่นว่า โรคที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบที่ทำหน้าที่ย่อยอาหารอย่างท้องร่วง มีก๊าซในกระเพาะ ของกินไม่ย่อย อาการเมารถเมาเรือ อาเจียน เบื่ออาหาร
คุณสมบัติของขิงเชื่อว่ามีสารที่บางทีอาจช่วยลดอาการอ้วกแล้วก็ลดการอักเสบ โดยนักวิจัยโดยมากคาดว่าเป็นสารที่ออกฤทธิ์ในกระเพาะอาหารและไส้ รวมทั้งสารนี้อาจมีผลต่อสมองหรือระบบประสาทส่วนที่ควบคุมอาการอาเจียนด้วย แต่ว่าการสันนิษฐานดังที่กล่าวถึงแล้วยังไม่กระจ่างนัก และคุณลักษณะด้านอื่นๆมีข้อมูลน้อยกว่า ซึ่งประโยช์จากขิงต่อสุขภาพที่เราเชื่อกันนั้น เดี๋ยวนี้ทางวิทยาศาสตร์มีข้อมูลอธิบายไว้ดังนี้
การรักษาที่อาจเห็นผล
อาการอาเจียนคลื่นไส้ที่เกิดจากการใช้ยาต้านเชื้อไวรัสเอชไอวีหรือเอดส์ คุณประโยชน์ทุเลาอาการอาเจียนอ้วกของขิงบางทีอาจเป็นประโยชน์ต่อคนป่วยโรคนี้ที่อยากได้รับผลข้างเคียงจากการใช้ยารักษาโรค โดยจากการศึกษาเล่าเรียนผู้ป่วยปริมาณ 102 คน แบ่งให้กรุ๊ปหนึ่งกินขิง 500 กรัม อีกกรุ๊ปรับประทานยาหลอกวันละ 2 ครั้ง ในช่วง 30 นาทีก่อนจะได้รับยารักษาโรคเอดส์อย่างยาต่อต้านรีโทรเชื้อไวรัส เป็นเวลาทั้งหมดทั้งปวง 14 วัน พบว่าขิงช่วยลดอาการอ้วกอ้วกที่เกิดขึ้นจากการดูแลและรักษาโรคติดเชื้อเอชไอวีได้
อาการอ้วกคลื่นไส้ภายหลังจากการผ่าตัด ขิงอาจช่วยทุเลาอาการคลื่นไส้และก็อ้วกจากการผ่าตัดได้เช่นกัน โดยการศึกษาเล่าเรียนทางวิทยาศาสตร์จำนวนมากชี้ว่าการกินขิง 1-1.5 กรัม ในช่วง 1 ชั่วโมงก่อนการผ่าตัดนั้นดูเหมือนจะช่วยลดอาการอ้วกอาเจียนที่บางทีอาจเกิดขึ้นในระหว่าง 24 ชั่วโมงหลังได้รับการผ่าตัด
งานค้นคว้าวิจัยหนึ่งทดสอบแบ่งคนป่วยจำนวน 122 คนที่รับการผ่าตัดต้อกระจกให้กินแคปซูลขิง 1 กรัม แล้วก็อีกกรุ๊ปได้รับแคปซูลขิง 500 มิลลิกรัมแต่แบ่งให้ 2 คราวก่อนผ่าตัด ซึ่งผลสรุปพบว่าคนไข้ในกลุ่มหลังมีลักษณะคลื่นไส้อาเจียนน้อยครั้งและก็มีความรุนแรงของอาการน้อยกว่า โดยงานค้นคว้าวิจัยนี้พบว่าการใช้ขิงนั้นคงจะให้สมรรถนะสูงสุดเมื่อกินเสมอๆรวมทั้งบ่อยโดยแบ่งจำนวนการใช้
นอกจากนี้ การทดสอบทาน้ำมันขิงบริเวณข้อมือของผู้ป่วยก่อนเข้ารับการผ่าตัด พบว่าช่วยป้องกันอาการคลื่นไส้ในผู้เจ็บป่วยราวๆ 80 เปอร์เซ็นต์จากผู้เข้ารับการผ่าตัดทั้งหมด แต่ทว่าการใช้ขิงช่วยลดอาการคลื่นไส้คลื่นไส้ร่วมกับยาลดคลื่นไส้อ้วกนั้นบางทีอาจได้ผลได้ไม่ดีนัก รวมถึงการใช้ขิงกับคนไข้ที่เสี่ยงต่อการอ้วกอ้วกน้อยอยู่และอาจไม่ได้เรื่องเช่นกัน
อาการแพ้ท้อง การกินขิงอาจมีส่วนช่วยบรรเทาอาการแพ้ท้อง เป็นต้นว่า อาเจียน คลื่นไส้ หรือเวียนศีรษะ ผลวิจัยชิ้นหนึ่งที่ช่วยรับรองคุณลักษณะนี้เป็นการทดลองในหญิงที่มีอายุท้องต่ำลงมากยิ่งกว่า 20 อาทิตย์ จำนวน 120 คน ซึ่งเผชิญอาการแพ้ท้องทุกๆวันนานอย่างต่ำ 1 อาทิตย์ และไม่รู้สึกดีขึ้นแม้ว่าจะแปลงการทานอาหารแล้วก็ตาม ภายหลังกินสารสกัดจากขิง 125 มก. ซึ่งเสมอกันกับขิงแห้ง 1.5 กรัม วันละ 4 ครั้ง 4 วัน ผลได้แสดงให้เห็นว่าขิงอาจสามารถนำมาใช้ผลดีในฐานะการดูแลรักษาช่องทางต่ออาการแพ้ท้องได้
นับว่าสอดคล้องกับอีกงานศึกษาทำการค้นคว้าและวิจัยก่อนหน้าที่ชี้ว่าการกินขิง 1 กรัมต่อวัน ติดต่อนาน 4 วัน สามารถช่วยลดความรุนแรงของอาการอาเจียนอาเจียนในหญิงตั้งท้องที่มีอาการแพ้ท้องได้ แต่การใช้ขิงสำหรับคุณประโยชน์ด้านนี้บางทีอาจมองเห็นการดูแลและรักษาได้ช้ากว่าหรือให้ผลดีไม่พอๆกับการใช้ยาแก้อาเจียนอาเจียน นอกจากนั้น การศึกษาเล่าเรียนเกี่ยวกับคุณลักษณะช่วยลดอาการแพ้ท้องของขิงยังมีข้อกำหนดรวมทั้งพบผลลัพธ์ที่ไม่สม่ำเสมอ โดยมีบางการทดลองที่ชี้ว่าขิงบางทีอาจมิได้มีส่วนช่วยสำหรับในการลดอาการแพ้ท้องเช่นเดียวกัน
อาการหน้ามืดศีรษะ อาการที่เกิดขึ้นพร้อมกับการคลื่นไส้นี้บางทีอาจทุเลาให้ได้ด้วยการใช้คุณค่าจากขิง จากงานศึกษาเรียนรู้วิจัยที่ทดสอบด้วยการให้คนที่มีลักษณะอาการบ้านหมุน และตากระตุกจากการกระตุ้นโดยใช้อุณหภูมิรับประทานผงเหง้าขิง ปรากฏว่าเหง้าขิงช่วยลดอาการวิงเวียนหัวได้อย่างเป็นจริงเป็นจังเมื่อเทียบกับกลุ่มที่รับประทานยาหลอก แม้กระนั้นมิได้ช่วยลดช่วงเวลาหรือชะลอการกระตุกของตามากนัก
โรคข้อเสื่อม มีการเรียนบางงานที่ชี้ว่าขิงอาจมีคุณประโยชน์ลดอาการเจ็บที่เกิดขึ้นจากโรคข้อเสื่อม จากการทดลองหนึ่งที่ให้ผู้เจ็บป่วยรับประทานสารสกัดจากขิงประเภทหนึ่ง (Zintona EC) ในจำนวน 250 กรัม วันละ 4 ครั้ง พบว่าช่วยลดลักษณะของการปวดข้อเข่าภายหลังจากการดูแลรักษาตรงเวลา 3 เดือน ส่วนอีกการวิจัยที่ใช้สารสกัดจากขิงผสมกับข่า พบว่าให้ผลลัพธ์สำหรับในการช่วยลดอาการเจ็บขณะยืน อาการเจ็บหลังเดิน และอาการข้อติด
นอกจากนี้ มีการศึกษาเล่าเรียนเปรียบเทียบคุณภาพระหว่างขิงและยาพารา โดยให้ผู้เจ็บป่วยโรคข้ออักเสบในกระดูกบั้นท้ายแล้วก็ข้อหัวเข่ารับประทานสารสกัดขิง 500 มก.ทุกวี่ทุกวัน วันละ 2 ครั้ง ขิงให้ผลทุเลาอาการปวดได้เทียบเท่ากับการใช้ยาไอบูโพรเฟน 400 มิลลิกรัม วันละ 3 ครั้ง รวมทั้งยังมีงานศึกษาทำการค้นคว้าและทำการวิจัยที่ชี้แนะว่าการนวดด้วยน้ำมันที่มีส่วนผสมของขิงและส้มบางทีอาจช่วยทุเลาลักษณะของการปวดรวมทั้งอ่อนล้าที่เกิดขึ้นในช่วงสั้นๆของคนไข้ที่มีลักษณะเจ็บเข่าได้ด้วย
ลักษณะของการปวดประจำเดือน นอกจากลักษณะของการปวดจากโรคข้อเสื่อม การศึกษาบางงานยังชี้ว่าขิงอาจมีคุณลักษณะช่วยบรรเทาอาการปวดเมนส์ เป็นต้นว่า การทดลองในนิสิตมหาวิทยาลัย 120 คน โดยให้รับประทานผงเหง้าขิงครั้งละ 500 มิลลิกรัม วันละ 3 ครั้งในช่วง 2 วันก่อนเริ่มมีเมนส์ตลอดไปจนกระทั่ง 3 วันแรกของการมีระดู รวมยอดเป็น 5 วัน พบว่าผงเหง้าขิงมีส่วนช่วยลดความรุนแรงของลักษณะของการปวดประจำเดือนได้อย่างเป็นจริงเป็นจังด้านการศึกษาเล่าเรียนเทียบประสิทธิภาพของขิงและยาลดอาการปวดรอบเดือนอย่างเมเฟนามิค (Mefenamic acid) หรือไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) 400 มิลลิกรัม ในอาสาสมัคร 150 คน โดยแบ่งกลุ่มรับประทานแคปซูลขิงหรือยาแต่ละจำพวกในจำนวน 250 มก. วันละ 4 ครั้ง นาน 3 วัน โดยเริ่มตั้งแต่มีประจำเดือน ผลปรากฏไปในทิศทางเดียวกันกับงานศึกษาค้นคว้าและทำการวิจัยแรก คือ ขิงมีประสิทธิภาพทุเลาความร้ายแรงของอาการปวดรอบเดือนไม่ต่างกับการใช้ยาเมเฟนามิคหรือไอบูโพรเฟน
การรักษาที่บางทีอาจไม่เป็นผล
อาการเมารถและก็เมาเรือ นับเป็นคุณประโยชน์ของขิงที่มีการเอ๋ยถึงกันมาก ทว่าขิงบางทีก็อาจจะช่วยลดอาการหน้ามืดได้ แต่สำหรับเพื่อการตาลายอาเจียนที่เกิดขึ้นมาจากการเดินทางนั้น งานศึกษาเรียนรู้และค้นคว้าและทำการวิจัยโดยมากกล่าวว่าขิงบางทีอาจไม่มีส่วนช่วยได้จริง อย่างเช่น การแบ่งกลุ่มให้เด็กนักเรียนนายเรือ 80 คนที่ไม่คุ้นเคยกับการออกเรือท่ามกลางทะเลที่มีคลื่นแรง รับประทานเหง้าขิง 1 กรัม เทียบกับอีกกรุ๊ปที่กินยาหลอก ปรากฏว่ากลุ่มที่รับประทานขิงนั้นมีอาการอ้วกแล้วก็วิงเวียนลดลงจริงแต่ว่าอยู่ในระดับเล็กน้อยแค่นั้น หรือในอีกงานศึกษาค้นคว้าวิจัยที่ชี้ว่าการกินผงขิงในจำนวน 500 กรัม 1,000 กรัม หรือเหง้าขิงสด 1,000 มิลลิกรัม ต่างไม่มีส่วนช่วยสำหรับในการปกป้องอาการเมารถหรือรูปแบบการทำงานของกระเพาะที่เกี่ยวโยงกับอาการเมารถที่เกิดขึ้นอย่างมีนัยสำคัญแต่อย่างใด
การรักษาที่ยังไม่มีหลักฐานเพียงพอต่อการเจาะจงความสามารถ
อาการอาเจียนอาเจียนจากกระบวนการทำเคมีบำบัด อีกหนึ่งคุณประโยชน์เป็นลดอาการอ้วกแล้วก็อ้วก ซึ่งมีการเล่าเรียนด้านวิทยาศาสตร์ แต่หลักฐานเกี่ยวกับการใช้ขิงในคนป่วยที่รับเคมีบำบัดนั้นยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ว่าจะมีส่วนช่วยได้จริงหรือไม่ การเรียนรู้หนึ่งที่ชี้ถึงประโยชน์ข้อนี้ของขิง โดยให้คนป่วยรับประทานแคปซูลขิงที่ประกอบด้วยขิง 0.5-1.5 กรัม เทียบกับยาหลอก ตั้งแต่ 3 วันก่อนวันทำเคมีบรรเทานานต่อเนื่องตรงเวลา 6 วัน พบว่า มีระดับความรุนแรงของอาการอ้วกที่เกิดขึ้นหลังจากการรักษาน้อยกว่ากลุ่มที่ไม่ได้รับประทานแคปซูลขิง แม้กระนั้นเห็นผลได้ชัดในกลุ่มที่ใช้แคปซูลขิง 0.5 กรัม กับ 1 กรัมเพียงแค่นั้น ส่วนกลุ่มที่กินแคปซูลขิง 1.5 กรัมกลับเห็นผลน้อยกว่า แปลว่าการกินขิงในปริมาณมากจึงบางทีอาจไม่ได้ทำให้อาการคลื่นไส้อย่างที่น่าจะเป็น
อย่างไรก็แล้วแต่ มีหลักฐานที่ปะทะคารมข้อเกื้อหนุนดังกล่าวมาแล้วข้างต้นซึ่งเป็นการวิจัยที่เผยว่าการรับประทานขิงมิได้มีประสิทธิภาพดีไปกว่าการใช้ยาแก้อ้วก ทั้งนี้ ผลวิจัยที่ขัดแย้งกันนี้ คาดว่าอาจมีต้นเหตุมาจากจำนวนขิงที่ใช้ทดสอบนั้นต่างกัน รวมถึงขณะที่เริ่มรักษาด้วย ขิงจะประยุกต์ใช้คุณประโยชน์ทางการแพทย์ในด้านนี้แล้วเห็นผลไหมอาจควรมีการยืนยันเสริมเติมถัดไป
เบาหวาน คุณสมบัติของขิงต่อการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของคนเจ็บเบาหวานในตอนนี้ยังมีผลการศึกษาที่ไม่แน่นอน งานศึกษาค้นคว้าวิจัยหนึ่งพบว่าการรับประทานขิง 2 กรัม นาน 12 สัปดาห์ สามารถช่วยลดระดับน้ำตาลเฉลี่ยสะสม ระดับไขมันในเลือด และสารมาลอนไดอัลดีไฮด์ที่แสดงถึงระดับอนุมูลอิสระในผู้เจ็บป่วยโรคเบาหวานจำพวกที่ 2 รวมถึงอาจช่วยลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนเรื้อรังบางชนิดจากโรคเบาหวานได้ ในเวลาเดียวกัน มีการวิจัยอื่นๆที่แนะนำว่าขิงนั้นส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดจริง กลับไม่มีผลต่อระดับอินซูลิน หรือบางงานศึกษาเรียนรู้วิจัยพูดว่าขิงมีผลกับอินซูลิน แต่กลับไม่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลง ซึ่งผลการค้นคว้าที่ต่างกันนั้นอาจมาจากจำนวนขิงหรือช่วงเวลาที่คนไข้ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคเบาหวานในแต่ละการทดลองนั้นไม่เท่ากันนั่นเอง
ของกินไม่ย่อย มีการวิจัยเรียนสมรรถนะของขิงในผู้ป่วยที่มีลักษณะของกินไม่ย่อยปริมาณ 11 คน โดยให้กินแคปซูลที่มีขิง 1.2 กรัมหลังจากการเลิกอาหาร 8 ชั่วโมง ผลปรากฏว่าขิงช่วยกระตุ้นให้กระเพาะมีการย่อยอาหารและมีการบีบตัวของกระเพาะส่วนปลาย แต่ว่าการกินขิงนั้นไม่มีผลต่ออาการที่เกี่ยวพันกับระบบทางเดินอาหารหรือสารเปปไทด์ในไส้ แต่ ผู้ร่วมการทดสอบนี้มีจำนวนน้อย ทำให้ไม่บางทีอาจเจาะจงได้อย่างชัดเจนว่าขิงช่วยลดอาการของกินไม่ย่อยได้แน่ๆเพียงใด
อาการแฮงค์ เช้าใจกันว่าการกินน้ำขิงจะสามารถช่วยทุเลาอาการเมาค้างซึ่งได้ผลสำเร็จใกล้กันจากการดื่มแอลกอฮอล์ได้ สำหรับผลดีข้อนี้มีงานศึกษาทำการค้นคว้าและทำการวิจัยเมื่อนานมาแล้วที่เสนอแนะว่าการผสมขิงกับเปลือกภายในของส้มเขียวหวาน แล้วก็น้ำตาลทรายแดงก่อนดื่มแอลกอฮอล์จะช่วยลดอาการเมาค้างในคราวหลัง รวมถึงอาการคลื่นไส้ อาเจียนและก็ท้องเสีย แต่ การเรียนดังที่กล่าวผ่านมาแล้วยังจัดว่าคลุมเครืออยู่มากมายและไม่บางทีอาจรับรองได้ว่าเกิดขึ้นได้เนื่องมาจากขิงจริงๆหรือส่วนประกอบอื่นๆที่ใช้ประกอบ
ลดคอเลสเตอรอล คุณสมบัติของขิงซึ่งช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลนั้นได้มีการทดลองโดยให้ผู้ป่วยที่มีสภาวะไขมันในเลือดสูงกินแคปซูลขิงวันละ 3 ครั้ง ทีละ 1 กรัม ผลบอกว่าเมื่อเทียบกับคนป่วยกลุ่มที่รับประทานยาหลอก ขิงมีประสิทธิภาพช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลลงได้อย่างเป็นจริงเป็นจัง ซึ่งการใช้ขิงลดระดับคอเลสเตอรอลจะได้ผลดีกระทั่งสามารถนำมาใช้รักษาคนป่วยภาวการณ์นี้ได้หรือเปล่าคงจะจำต้องคอยการเล่าเรียนในอนาคตที่กระจ่างแจ้งกันถัดไป
ลักษณะการเจ็บกล้ามหลังออกกำลังกาย คุณสมบัติด้านการบรรเทาปวดและลดการอักเสบของขิงจะช่วยลดอาการเจ็บจากการบริหารร่างกายได้ด้วยหรือเปล่านั้นยังคงคลุมเครือรวมทั้งเป็นที่โต้วาทีกันอยู่เช่นเดียวกัน จากการทดลองหนึ่งที่ให้ผู้เข้าร่วมรับประทานขิงสดหรือขิงที่ทำให้สุกด้วยความร้อนแล้ว 2 กรัมอย่างต่อเนื่องนาน 124 ชั่วโมง พบว่าขิงสดแล้วก็ขิงสุกต่างมีส่วนช่วยลดลักษณะการเจ็บกล้ามเนื้อจากการบริหารร่างกายแบบหดยืดกล้ามได้ในระดับปานกลางไปจนถึงระดับมากมาย
ทว่าอีกงานศึกษาทำการค้นคว้าและวิจัยหนึ่งกลับเจอคำตอบในทางตรงกันข้าม จากการให้ผู้เข้าร่วมการทดสอบที่ทำกิจกรรมออกกำลังกายยืดหดกล้ามเนื้อเหมือนกัน กินขิง 2 กรัมในตอน 24 ชั่วโมงและ 48 ชั่วโมงภายหลังการบริหารร่างกาย พบว่ามิได้นำมาซึ่งการทำให้ลักษณะของการเจ็บกล้ามเนื้อ การอักเสบ หรือบาดเจ็บที่เกิดขึ้นมาจากการบริหารร่างกายน้อยลง แต่ผู้ทำการวิจัยพบว่าการกินขิงอาจช่วยทำให้อาการเจ็บกล้ามค่อยๆดียิ่งขึ้นในทุกวัน ถึงแม้อาจมองไม่เห็นผลได้โดยทันที
ลักษณะของการปวดหัวไมเกรน มีการศึกษากับคนไข้ 100 คน ที่เคยมีลักษณะปวดหัวไมเกรนเฉียบพลันโดยให้รับผงขิงหรือยารักษา http://www.disthai.com/

18

ขิง
แม้ว่าขิงจะเป็นสมุนไพรซึ่งสามารถใช้ปรุงอาหารและก็มีคุณประโยชน์ในการรักษาโรค แม้ว่าขิงจะมีกลิ่นฉุนรวมทั้งมีรสชาติเผ็ดร้อน เลยทำให้ไม่ถูกปากคนไม่ใช่น้อยนั้น แต่ว่าขิงก็เป็นสมุนไพรซึ่งสามารถใช้ประกอบอาหารรวมทั้งมีสรรพคุณรักษาโรค พวกเรามาดูกันดีกว่าว่าสมุนไพรดีๆอย่างขิงนั้นมีคุณประโยชน์แล้วก็โทษอะไรที่เราคิดไม่ถึงบ้าง
ประโยชน์ที่ได้รับมาจากขิง
+ ลดอาการท้องอืดหากคุณรู้สึกท้องอืดหรือของกินไม่ย่อยให้จิบชาน้ำขิงหรือกินขิงสดจะมีผลให้คุณทราบกันดีอยู่แล้วขึ้น หรือหากคุณเกิดอาการท้องอืดที่เกิดจากการกินถั่วละก็ คราวหน้าทดลองฝานถั่วบางๆลงไปในอาหารที่มีถั่ว โน่นก็จะช่วยลดอาหารท้องขึ้นได้ด้วยเหมือนกันจ้ะ เพราะขิงนั้นเป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์ร้อน สามารถช่วยขับลม รวมทั้งกระตุ้นแนวทางการทำงานของไส้ทำให้ อาการท้องอืดทุเลาลงได้
+ ช่วยทุเลาอาการไมเกรน
จากการศึกษา
พบว่า การกินขิงในขณะที่อาการไมเกรนใกล้กำเริบนั้น จะช่วยทำให้ความเจ็บจากอาการไมเกรนลดน้อยลงได้ เนื่องจากว่าขิงจะไปช่วยสกัดการฮอร์โมนที่เกี่ยวกับการอักเสบ ยิ่งไปกว่านี้ยังมีการศึกษาอื่น บ่งบอกถึงอีกว่าขิงสามารถช่วยรักษาอาการไขข้ออักเสบ โดยพบว่าคนที่มีลักษณะอาการของโรคข้อหัวเข่าเสื่อมหรือโรครูมาตอยด์มีลักษณะต่ำลงเมื่อบริโภคขิงผงเป็นประจำแต่ละวัน
ประโยช์จากขิง และโทษที่คุณอาจไม่ได้นึกฝัน
+ ช่วยคุ้มครองป้องกันโรคมะเร็ง
 ขิงมีคุณสมบัติสำหรับในการช่วยต่อสู้กับโรคมะเร็ง โดยมีการเรียนพบว่าขิงช่วยให้เซลล์มะเร็งข้างในรังไข่ตาย เนื่องจากในขิงมีสารเคมีธรรมชาติที่ไปช่วยกระตุ้นโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมีกลูตาไธโน-เอส-ทรานสเฟอรเรส ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ จึงช่วยคุ้มครองป้องกันมะเร็งได้ นอกจากนี้ยังเจออีกว่าสินค้าอาหารเสริมที่มีขิงเป็นองค์ประกอบยังช่วยลดอาการอักเสบในลำไส้ใหญ่ได้อีกด้วย
+ ช่วยบรรเทาอาการอ้วก
 [url=http://www.disthai.com/16488302/%E0%B8%82%E0%B8%B4%E0%B8%87]ขิง[/url]สามารถทุเลาอาการอ้วกได้ โดยชาวเอเชียนั้นมักจะใช้ขิงสำหรับเพื่อการช่วยทุเลาอาการเมารถ หรือเมาเรือ ยิ่งไปกว่านี้ยังมีหลายการศึกษาเล่าเรียนพบว่าขิงสามารถช่วยคุ้มครองและก็ทุเลาอาการอ้วกภายหลังการผ่าตัดและก็ยังช่วยบรรเทาอาการอาเจียนแล้วก็อาเจียนในคนเจ็บโรคมะเร็งที่เข้ารับเคมีบรรเทาได้อีกด้วย
+ ช่วยลดน้ำตาลในเลือด
 มีการศึกษาใหม่พบว่า ขิงผงนั้นสามารถช่วยลดน้ำตาลในเลือดได้ โดยยิ่งไปกว่านั้นกับผู้ป่วยโรคเบาหวานจำพวกที่ 2 แม้กระนั้นก็ควรที่จะขอคำแนะนำหมอก่อนรับประทานขิงร่วมกับยา ด้วยเหตุว่าขิงบางทีอาจทำปฏิกิริยากับยาที่ใช้รักษาได้ รวมทั้งควรติดตามผลระดับน้ำตาลอย่างสนิทสนม เนื่องจากถ้ากินขิงมากจนเกินความจำเป็นก็อาจจะส่งผลให้ระดับอินซูลินน้อยลงมากจนเกินความจำเป็นจนอยู่ในขั้นอันตรายได้
ประโยชน์ต่างๆที่ได้รับจากขิง รวมทั้งโทษที่คุณอาจคิดไม่ถึง
ขิงดอง สรรพคุณดีก็มีนะ รู้ยัง?
 พวกเราอาจจะเคยรับรู้กันมาว่าการกินของหมักดองไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพ แต่ต้องขอยกเว้นไว้สำหรับขิงดองค่ะ ด้วยเหตุว่าในความเป็นจริงแล้วถึงแม้ขิงดองจะเป็นของกินที่ผ่านการหมักดองด้วยน้ำส้มสายชู แต่ว่าเรื่องคุณประโยชน์ และก็คุณประโยชน์เพื่อสุขภาพ ขิงดองก็มีดีไม่ด้อยไปกว่าขิงใหม่ๆเลยล่ะค่ะ ซึ่งคุณประโยช์จากขิงดองมีดังนี้
* ช่วยแก้อาการเมาเรือ เมารถ แล้วก็อาการแพ้ท้อง

เพราะขิงดองเป็นอาหารที่มีกลิ่นแรงทั้งยังยังมีรสชาติเผ็ดอมเปรี้ยว เลยทำให้เปลี่ยนเป็นอาหารที่เหมาะกับมีลักษณะอาการเมาเรือ เมารถ แล้วก็สตรีที่กำลังมีครรภ์ ซึ่งชอบมีลักษณะอาการแพ้ท้อง เอาไว้รับประทานขณะที่รู้สึกอาเจียน เพราะเหตุว่าจะช่วยบรรเทาอาการได้จ้ะ ไม่ต้องพึ่งยาแก้เมา หรือยาแก้แพ้ท้อง ทดลองใช้ขิงดองมองนี่ล่ะจ้ะ เด็ด !
* ช่วยล้างปากเวลากินอาหาร
 สำหรับหลายคนที่สงสัยว่าเพราะเหตุไรเวลาไปรับประทานอาหารญี่ปุ่นแล้วบนจานของกินประเทศญี่ปุ่นจะมีขิงดอง คำตอบก็คือขิงดองเหล่านั้นมีไว้กินล้างปากค่ะ โดยส่วนมากสำหรับเพื่อการทานอาหารประเทศญี่ปุ่น จะกินขิงดองตามเข้าไปภายหลังทานอาหารจานนั้นหมดแล้ว เพื่อไม่ให้รสของกินจานเดิมติดอยู่ในปากจนถึงทำให้เกิดความรู้สึกเลี่ยนและก็กินจานถัดไปไม่ไหว ทั้งยังยังเป็นเหตุให้ลิ้มรสอาหารจานถัดไปได้อย่างมากอีกด้วย
* โซเดียมต่ำ
 แม้ขิงดองจะมีรสจัด แม้กระนั้นน่าประหลาดที่ขิงดองเป็นของกินที่มีโซเดียมต่ำมากมายเมื่อเทียบกับอาหารดองประเภทอื่นๆเมื่อเอามากินและทำให้ไม่จำเป็นที่จะต้องมาวิตกกังวลหรือกลุ้มใจกับปริมาณโซเดียม ลดความเสี่ยงที่จะเกิดความดันโลหิตสูงลงไปได้อีกมากมายเลย
คุณประโยชน์ที่ได้รับมาจากขิง รวมทั้งโทษที่คุณอาจนึกไม่ถึง
ข้อพึงระวังสำหรับในการทานขิง
- อาจก่อให้เกิดภาวะแทรกสำหรับการตั้งครรภ์ได้
 มีบางการเล่าเรียนพบว่าขิงมีความเชื่อมโยงกับภาวะแทรกซ้อนในการท้องรวมทั้งการแท้ง แต่สำหรับในการตั้งท้องรายอื่นๆนั้นไม่พบว่าการกินขิงจะมีผลให้กำเนิดอาการเหล่านั้นขึ้น แถมยังช่วยลดอาการอ้วกจากการแพ้ท้องได้อีกด้วย ด้วยเหตุผลดังกล่าวคุณควรไปปรึกษาแพทย์ก่อนจะที่ใช้ขิงในการรักษาอาการแพ้ท้องด้วยตัวเองค่ะ
- ทำให้เกิดแผลร้อนในภายในปากได้
 ขิงเป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์ร้อน ถ้าเกิดกินเข้าไปในปริมาณที่มากก็จะสามารถเยื่อบุข้างในช่องปากมีการอักเสบจนกระทั่งเป็นอาการร้อนในได้ ด้วยเหตุดังกล่าวไม่สมควรรับประทานขิงมากเกินไปค่ะ
- ยั้งการแข็งตัวของเลือด
 การศึกษาหนึ่งในประเทศออสเตรเลียพบว่า ขิงนั้นมีคุณประโยชน์ในการต่อต้านการแข็งตัวของเลือดมากกว่ายาแอสไพริน สถาบันสุขภาพของออสเตรเลียได้ออกคำเตือนให้งดการรับประทานขิงตอนที่ใช้ยาละายลิ่มเลือดเนื่องจากจะทำให้เกิดการเสี่ยงสำหรับเพื่อการกำเนิดอาการช้ำเลือดหรืออาการเลือดออกได้ โดยเหตุนั้นถ้าคุณมีลักษณะอาการเลือดออกไม่ดีเหมือนปกติหรือกำลังใช้ยาละลายลิ่มเลือด ควรหลีกเลี่ยงการกินขิงจ้ะฃ http://www.disthai.com/

19

น้ำมันเหลือง เป็นอย่างไร ?
น้ำมันเหลือง ยาแผนโบราณจากพืชสมุนไพรประสิทธิภาพเยี่ยม ทำมาจากพืชสมุนไพรจำพวกต่างๆกัน คุณประโยชน์ที่ใช้สูดดม ทา นวด เพื่อทุเลาอาการต่างๆคุณประโยชน์นี้ไม่ด้อยกว่ายาแผนปัจจุบันเลยทีเดียว
การใช้นำมันนวดตามจุดต่างๆ
การนวดน้ำมันเหลืองเป็นแนวทางสำหรับดูแลภาวะผิวและสุขภาพที่ขอแนะนำเป็นการนวด ที่สกัดจากสมุนไพรรวมทั้งพืชต่างๆที่อุดมไปด้วยคุณประโยชน์ที่ดีต่อร่างกาย โดนการนำสารสกัดกลิ่นรวมทั้งเนื้อน้ำมันเหล่านั้นมานวดตามจุดต่างๆของร่างกายด้วยกลิ่นหอมยวนใจ รวมถึงสัมผัสของของน้ำมันที่เต็มไปด้วยธรรมชาติจะเข้าไปช่วยกระตุ้นระบบต่างๆของร่างกาย ลดความเครียด ทำให้เราบรรเทา รวมถึงช่วยในเรื่องของความชื้นรวมทั้งผิวพรรณให้ดูดีขึ้นด้วย วันนี้พวกเราจะพาไปดูคุณประโยชน์ที่ได้รับมาจากการนวดน้ำมันว่ามีสาระในด้านใดบ้าง
โรคนี้จะไม่อาจจะหายไปได้เอง!
โรคต่างๆเกี่ยวกับข้อจะไม่สามารถที่จะหายขาดได้เอง แม้ว่าอาการที่แสดงออกมาจะรุนแรงน้อยลงก็ตาม แล้วก็ในที่สุดก็จะแปลงเป็นโรคเรื้อรังแล้วก็ทำให้เกิดความยากแค้นสำหรับเพื่อการดำรงชีวิตเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อปล่อยให้เป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆปัญหาด้านข้อที่มีอยู่ก็จะขยายไปกระทั่งทำให้มีเพียงการผ่าตัดเท่านั้นที่จะเป็นทางออกเดียวที่ช่วยได้
บางกรณีที่เป็นร้ายแรงมากมายต้องเปลี่ยนข้อต่อทั้งสิ้นด้วย
ความเจ็บมีเพียงแค่จะมากขึ้นเรื่อยๆ
การผ่าตัดสามารถหลบหลีกได้
ฟื้นฟูข้อต่อของคุณให้รวดเร็วทันใจที่สุดเท่าที่จะทำได้ในขณะที่โรคยังมิได้ลุกลามเกินไปนัก
  หมอพื้นเมืองหรือการแพทย์แผนไทย สารภาพในคุณประโยชน์อันแสนวิเศษของยาแผนโบราณตามตำรายาสมุนไพร ตำรับเก่าแก่วัดโพธิ์หรือวัดพระเชตุพนบริสุทธิ์มังคลาราม ซึ่งเป็นยาสมุนไพรแผนโบราณขนานเอกที่มีชื่อดังแล้วก็ได้รับความไว้ใจสำหรับเพื่อการรักษาโรคมาเนิ่นนานแล้ว สมกับคำที่กล่าวไว้ว่า "นวดแผนโบราณ ยาแผนโบราณ แบบเรียนยาสมุนไพร จำต้องวัดโพธิ์ ความคิดของคนไทยทั้งประเทศของบรรพบุรุษไทย"
ศิลปะที่สวยสดงดงามของการนวดได้ทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นด้วยการนวดน้ำมันบางมาก. น้ำมันนวดแต่ละคนมีคุณลักษณะรักษาโรคต่างๆที่มีเพื่อให้บริการด้านต่างๆสำหรับการรักษาร่างกายและจิตใจของคุณอีกด้วย. เลือกน้ำมันที่เหมาะสมที่สุดสำหรับความปรารถนาส่วนบุคคลของคุณและผ่อนคลายร่างกายของคุณด้วยการนวดผ่อนคลายและก็ฟื้นฟูอย่างสม่ำเสมอ, เพื่อรักษาความสมดุลด้านจิตวิญญาณของคุณและก็สุขภาพที่ดีที่สุดของร่างกายของคุณ.

  • คุณประโยชน์มีอะไรบ้าง ?


สรรพคุณของน้ำมันเหลือง สมุนไพรนั้น มีมากมายทีเดียว
บรรเทาอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล เป็นหวัด แก้วิงเวียนหัว หน้ามืดคล้ายจะเป็นลม
แก้กลยุทธ์ปวดเมื่อย บวมช้ำ ทาแก้พิษแมลงสัตว์กัดต่อย ปวดบวม
ทาท้องเพื่อขับลมด้านในท้อง
ทาแก้ผื่นผื่น ตุ่มคัน
ทาก่อนนอนทำให้หลับง่ายดายมากยิ่งขึ้น จิตใจสงบ ผ่อนคลาย ทาเช็ดนวดฝ่าเท้า ไล่เลือดลม
ใช้ทาแก้ เหน็บชา ตะคิว ปวดสันหลังปวดบั้นท้าย ปวดหัวเข่า ปวดขา ฟกช้ำดำเขียว ปวดกล้ามเนื้อ สูดดมแก้อาเจียน ตาลาย หอบหืด รวมทั้งไซนัส
- ทุเลาอาการเวียนหัวศีรษะ หน้ามืด คล้ายจะเป็นลมเป็นแล้ง
- แก้เคล็ดลับปวดเมื่อย ถอนพิษแมลงสัตว์กัดต่อย
- ทาท้องเพื่อขับลมข้างในท้อง
- ทาแผลมีดบาด ทาแก้ผื่นผื่น
- ทาก่อนนอนช่วยให้หลับง่ายดายมากยิ่งขึ้น
- ทุเลาอาการคัดจมูก เนื่องจากว่าหวัด
น้ำมันเหลืองผลการศึกษาเรียนรู้จากมหาวิทยาลัยบอสตันเผยว่า คนเจ็บโรคมะเร็งระยะแพร่ที่ได้รับการนวดตัว จะสามารถนอนเจริญขึ้น ทุเลาลักษณะการเจ็บปวด รวมทั้งมีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้นด้วย ซึ่งสอดคล้องกับผลจากการวิจัยของ Memorial Sloan-Kettering Cancer Center in New York City ในปี 2004 ที่เปิดเผยว่า คนเจ็บโรคมะเร็งระยะแพร่กระจาย จะทรมานจากลักษณะการเจ็บปวดลดลง อาเจียนน้อยครั้ง หรือไม่อ้วกเลย รู้สึกสดชื่นขึ้น ความดันดีมากกว่าเดิม รวมทั้งเครียดจากลักษณะการป่วยน้อยลง หลังจากได้รับการบำบัดด้วยวิธีการนวด
การเลือกน้ำมันนวด
การเลือกน้ำมันเหลืองขึ้นอยู่กับการใช้งาน และก็สรรพคุณต่างๆของน้ำมันเหลืองแต่ละประเภท โดยส่วนใหญ่น้ำมันฐานรากที่นิยมนำมาผสมทำน้ำมันเหลือง เป็นต้นว่า น้ำมันที่สกัดจากเมล็ดทานตะวัน ฯลฯ ซึ่งมีวิตามินอี สูงขึ้นยิ่งกว่าน้ำมันที่สกัดจากถั่วเหลือง และก็น้ำมันเมล็ดข้าวโพดถึง 3 เท่า วิตามินอี ทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ดักจับ แล้วก็ทำลายของเสียที่รังควานเซลล์ต่างๆของร่างกาย ช่วยทำให้ผิวพรรณเต่งตึง ลกไขมันในเส้นโลหิต คุ้มครองปกป้องการเกิดโรคมะเร็ง นอกจากนี้น้ำมันเม็ดดอกทานตะวันยังมีกรดไขมันไม่อิ่ม กรดไลโนเลอิกสูง ซึ่งเป็นกรดไขมันที่จำเป็นต้องต่อสุขภาพ อีกทั้งยังช่วยทำให้ผิวพรรณนุ่มชุ่มชื่นกระชุ่มกระชวย
โดยดังนี้น้ำมันแต่ละชนิดจะมีคุณสมบัติ และก็คุณค่าที่นานับประการ ขึ้นกับการเลือกใช้ให้เหมาะสมตามการใช้งาน
วัสดุ เครื่องมือ
1.เมนทอล 300 กรัม
2.พิมเสน 100 กรัม
3.การบูร 100 กรัม
4.หัวไพลแก่จัด 200 กรัม
5.น้ำมันงาบริสูทธิ์ 50 กรัม
6.กระทะสำหรับทอดหัวไพล
7.ภาชนะสำหรับผสมสาร ดังเช่น ขวดบรรจุกาแฟ ขวดแก้ว
กระบวนการทำ
1.ล้างหัวไพลให้สะอาดตากให้แห้ง หั่นเป็นชิ้นเล็กๆตากแห้ง
2.ทอดหัวไพลในน้ำมันงาโดยใช้ไฟอ่อนๆทอดไปจนกระทั่งน้ำมันเป็นสีเหลือง เสร็จแล้วใส่สมุนไพรทีละตัวทอดแม้กระทั่งหมดฟองยกลงจากเตากรองเอากากทิ้ง
3.นำส่วนผสม 3 ชนิด ในอัตราส่วนที่กำหนดเป็น(เมนทอล 3 ส่วน พิมเสน 1 ส่วน พิมเสน 1 การบูร 1 ส่วน )เทผสมรวมกันในภาชนะสำหรับผสมสาร
4.ใช้ไม้พายเล็กคนให้ส่วนประกอบทั้งปวงละลายเป็นของเหลว (หากไม่ใช่ไม้คนบางทีอาจใช้กรรมวิธีการเขย่าขวดให้ส่วนผสมละลายก็ได้
5.เติมน้ำมันที่สกัดจากหัวไพลลงไป คนให้เข้าเป็นเนื้อเดียว
6.[url=https://www.charmingfresh.com/product/49/%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%94%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%9E%E0%B8%A3http://www.chiangdaoherb.com/product/19/%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%94%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%9E%E0%B8%A3]น้ำมันเหลือง[/url]ที่ได้บรรจุขวดปิดฝาให้แน่น
คุณประโยชน์น้ำมันเหลือง เป็นผลิตภัณฑ์ ที่คนส่วนใหญ่นิยมทำใช้คุ้นเคย ด้วยเหตุว่าสมุนไพรหาได้ง่าย ใช้ทาแก้อัมพาต เหน็บชา ปวดสันหลังปวด บั้นเอว ปวดเข่า ฟกช้ำ ปวดกล้ามเนื้อ ดมแก้คลื่นใส้ เวียนหัว หอบหือ และไซนัส

20

น้ำมันนวดสมุนไพร

ลักษณะโรคปวดต่างๆ
ปวดหลังด้านขวาล่าง
          หลังด้านล่างก็คือบริเวณหลังตั้งแต่ใต้สะบักไปจนกระทั่งก้นกบ ซึ่งเป็นส่วนที่พบบ่อยลักษณะของการปวดได้บ่อยที่สุด แถมเมื่อมีลักษณะปวดและจากนั้นก็มักจะทำให้ทำอะไรก็ทำได้ตรากตรำ ดังนี้สาเหตุที่ก่อให้เกิดลักษณะของการปวดหลังด้านขวาส่วนล่าง นอกเหนือจากการใช้กล้ามเนื้อมากจนเกินความจำเป็นและไม่ถูกลีลาแล้ว ยังมีต้นสายปลายเหตุอื่นๆอีกตัวอย่างเช่น

  • มีครรภ์

              อาการปวดหลังเป็นเรื่องปกติของว่าที่คุณแม่ที่กำลังท้อง เพราะรอบๆข้างหลังด้านล่าง เป็นบริเวณที่จำต้องรองรับเด็กแบเบาะตัวน้อย ยิ่งถ้าว่าที่คุณแม่ต้องนั่ง ยืน หรือเดิน ต่อเนื่องกันเป็นเวลานานๆก็บางทีก็อาจจะยิ่งรู้สึกปวดหลังด้านล่างทางขวาได้ง่ายมากยิ่งขึ้น ดังนี้อาการจะเป็นๆหายๆขึ้นกับท่าทางที่ทำอยู่ ถ้าเกิดได้นอนพักชั่วประเดี๋ยวก็จะ แม้กระนั้นหากเกิดอาการนี้เรื้อรัง แถมยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น ควรจะรีบไปพบแพทย์ เนื่องจากนั่นบางทีอาจไม่ได้มีสาเหตุจากแค่ความปวดเมื่อยล้า แต่อาจเป็นเพราะความไม่ปกติของท้องได้ค่ะ


    โรคติดเชื้อในกระดูก


              หนึ่งในอาการติดโรคที่คนทั่วไปสามารถเจอได้ โดยอาการมักจะเกิดขึ้นที่บริเวณกระดูกสันหลัง ทำให้รู้สึกเจ็บปวดที่กระดูกสันหลังและก็แพร่กระจายไปทั่วรอบๆหลังด้านล่างด้านขวา โดยส่วนใหญ่แล้วการต่อว่าดเชื้อในกระดูกมักจะเกิดกับคนสูงอายุ คนที่มีปัญหาภูมิคุ้มกันบกพร่อง รวมทั้งจะมีแนวโน้มเกิดการติดเชื้อมากยิ่งขึ้นถ้าเกิดมีปัญหาสุขภาพอื่นๆอยู่ก่อนแล้วค่ะ


    กระดูกสันหลังหักจากแรงดัน


              แค่เพียงไอ หรือจาม ก็สามารถทำให้กระดูกสันหลังหักได้ โดยยิ่งไปกว่านั้นคนที่มีอาการโรคกระดูกพรุน หรือคนวัยชราที่มีภาวะกระดูกเปราะกว่าธรรมดา โดยถ้าหากเกิดอาการกระดูกสันหลังหักเนื่องด้วยแรงดัน จะมีผลให้เกิดอาการปวดที่ข้างหลังด้านขวาที่อยู่ข้างล่าง ในลักษณะปวดหน่วงๆครั้งคราวอาจะมีลักษณะปวดร้ายแรง ฉะนั้นถ้าคุณจาม หรือไอแล้วมีลักษณะอาการปวดที่หลังด้านขวาที่อยู่ข้างล่าง อย่าชะล่าใจและก็ปล่อยทิ้งไว้ ควรจะรีบไปหาแพทย์อย่างด่วนเลยค่ะ


    หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท


              น้ำมันนวดสามารถ ลักษณะของการปวดที่เกิดขึ้นมาจากปัจจัยนี้สามารถพบได้มากสูงที่สุด โดยปัจจัยที่ทำให้หมอนรองกระดูกเขยื้อนทับเส้นประสาทนั้นอาจะกำเนิดได้จากอาการเจ็บ หรือมีเหตุที่เกิดจากปัญหาหมอนรองกระดูกเสื่อม โดยอาการนี้นอกเหนือจากการที่จะทำให้ปวดหลังข้างล่างทางด้านขวาแล้ว ก็จะมีอาการชารอบๆขาร่วมด้วย ยิ่งถ้าหากเพราะหมอนรองกระดูกไปทับเส้นประสาท ทำให้หลักการทำงานของระบบประสาทที่สั่งงานไปยังขาเกิดความไม่ปกติ ยิ่งถ้าหากเส้นประสาทที่ถูกกดทับนั้นเป็นเส้นประสาทไซอาติเตียนก (Sciatic) ซึ่งเป็นประสาทขนาดใหญ่ที่อยู่รอบๆคะนึงข้างหลังส่วนเอวด้วย จะทำให้เกิดลักษณะของการปวดร้าวลงขา บางทีก็อาจจะทำให้ถึงขั้นไม่อาจจะเดินได้ ด้วยเหตุดังกล่าวหากกำเนิดลักษณะของการปวดข้างหลังร่วมกับอาการชา หรือปวดร้าวลงขาอย่างเรื้อรังละก็ ควรจะรีบไปกระทำตรวจโดยด่วน เพื่อจะได้วางวิธีการรักษาได้อย่างถูกต้องค่ะ


    โรคไต


    ไม่ว่าจะเป็นอาการไตอักเสบ หรือนิ่วในไต ก็ทำให้รู้สึกเจ็บปวดข้างหลังส่วนล่างได้ ด้วยเหตุว่าไตเป็นอวัยวะที่อยู่ใกล้หลังเยอะที่สุด โดยถ้าหากเกิดอาการไตอักเสบ หรือนิ่วในไตที่ไตข้างขวาก็จะมีผลให้รู้สึกเจ็บปวดข้างหลังด้านขวาที่อยู่ทางด้านล่างมากมายเป็นพิเศษ และก็อาการนี้ไม่อาจจะหายสนิทได้ หากมิได้กระทำการรักษาอย่างแม่นยำจ้ะ


    การติดเชื้อฟุตบาทปัสสาวะ (Urinary Tract Infection)


              การตำหนิดเชื้อในทางเดินปัสสาวะไม่เพียงแต่ทำให้ปวดท้องด้านล่าง แม้กระนั้นยังเป็นเหตุให้ปวดหลังข้างล่างด้านขวาได้อีก ยิ่งถ้าการต่อว่าดเชื้อแพร่ระบาดไปที่ไต ทำให้กรวยไต หรือไตอักเสบ ก็จะยิ่งทำให้อาการปวดหลังรุนแรงมากเพิ่มขึ้น รวมทั้งมีอาการไข้ต่ำๆเกิดขึ้นร่วมด้วย ด้วยเหตุดังกล่าวถ้ามีลักษณะอาการปวดหลังขวาที่อยู่ข้างล่าง พึงสังเกตว่ามีลักษณะฉี่เป็นเลือด หรือมีกลิ่นเหม็น และก็มีลักษณะเจ็บเวลาฉี่หรือไม่ หากมีละก็ ควรไปพบหมอเลยจ้ะ


    โรคอ้วน


              ความอ้วนเป็นอีกหนึ่งต้นเหตุสำคัญที่กระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดอาการปวดข้างหลังด้านล่างได้ โดยเฉพาะอ้วนมากๆเนื่องจากว่าน้ำหนักส่วนเกินจะไปกดนอนทับที่รอบๆกระดูกสันหลัง และกล้ามเนื้อบริเวณข้างหลังจนทำให้ปวดหลัง ซึ่งถ้าเรื้อรังเป็นระยะเวลานานๆก็จะก่อให้กระดูกสันหลังผิดรูปผิดรอยได้จ้ะ


    ไม่บริหารร่างกายกล้ามข้างหลัง


              เหมือนกันกับกล้ามส่วนอื่นๆกล้ามข้างหลังก็อยากบริหารร่างกายเพื่อเสริมความแข็งแกร่งของกล้ามอย่างเดียวกัน ซึ่งถ้าเกิดเราไม่ยินยอมออกกำลังกายกล้ามข้างหลัง กล้ามก็จะอ่อนแอลง และไม่สามารถรองรับน้ำหนักตัวที่กดทับลงมาได้ กระทั่งเป็นต้นเหตุทำให้ปวดหลังด้านขวาล่าง รู้อย่างนี้แล้วหลังจากนั้นก็อย่าลืมหมั่นบริหารร่างกายกล้ามข้างหลังเสมอๆนะคะ เพียงแค่บริหารร่างกายด้วยท่ายืดกล้าม หรือฝึกโยคะก็จะช่วยกล้ามเนื้อหลังแข็งแรงมากเพิ่มขึ้นแล้วล่ะจ้ะ
              ที่มาของอาการปวดข้างหลังข้างขวากลุ่มนี้ล้วนแล้วแต่เป็นต้นเหตุที่มักพบ แม้กระนั้นดังนี้เองก็ยังมีโรคภัยไข้เจ็บอื่นๆที่ทำให้เกิดลักษณะของการปวดข้างหลังทางขวาได้ด้วยเหมือนกัน ซึ่งถ้าปวดแบบเรื้อรังไม่หายสักที แทนที่จะพึ่งยาพาราหรือนวดทุเลาอาการก็น่าจะไปพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยอย่างแม่นยำค่ะ
              [url=https://www.charmingfresh.com/product/49/%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%94%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%9E%E0%B8%A3https://www.chiangdaonaturefood.com/product/45/%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%94%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%9E%E0%B8%A3]น้ำมันนวด[/url] แต่ว่าสำหรับคนใดกันแน่ที่มีลักษณะปวดหลังเพราะว่ามีท่าทางที่ผิดท่า ชี้แนะให้ออกกำลังกาย หรือยืดเหยียดร่างกายตามนี้เลย
              - 6 ท่าโยคะแก้ปวดหลังสุดเบสิก หยุดทุกอาการปวดก่อนหลังพังทลาย
              - 10 ท่าโยคะแก้ปวดหลัง ยืดเหยียดทุกวี่ทุกวัน ลักษณะของการปวดหายไว !
              รวมทั้งลองปรับท่านอนมานอน 4 ท่านอนแก้ปวดหลัง ไม่ได้อยากต้องการข้างหลังพังรีบเปลี่ยนแปลงท่านอนด่วน ! บางทีอาจจะช่วยให้หายปวดหลังได้ค่ะ

หน้า: 1 [2]