รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
การค้นหาขั้นสูง  

ข่าว:

SMF - Just Installed!

แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Topics - loidsfsa6519

หน้า: [1]
1

บัวบก
บัวบก ชื่อสามัญ Gotu kola
บัวบก ชื่อวิทยาศาสตร์ Centella asiatica (L.) Urb. จัดอยู่ในตระกูลผักชี (APIACEAE หรือ UMBELLIFERAE)
สมุนไพรบัวบก มีชื่อท้องถิ่นอื่นๆว่า ผักหนอก (ภาคเหนือ), ผักแว่น (ภาคใต้), กะโต่ เป็นต้น จัดเป็นพืชสมุนไพรที่มีต้นกำเนิดในแถบเอเชีย เป็นพืชล้มลุกขนาดเล็ก มีกลิ่นฉุน มีรสขมหวาน
เมื่อกล่าวถึงบัวบก สมุนไพรจำพวกนี้ขึ้นมาทีไร ผู้คนจำนวนมากอาจจะคิดไปว่ามันแค่ช่วยแก้อาการบอบช้ำในเฉยๆ(ส่วนอาการอกหักนี้ไม่เกี่ยวกันนะ) แต่ที่จริงแล้ว บัวบกหรือใบบัวบกนั้นมีคุณประโยชน์มากไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะได้รับการเล่าขานเกี่ยวการดูแลและรักษาโรคได้หลายอย่าง อย่างโรคลมชัก โรคผิวหนัง ท้องเสีย ท้องเฟ้อ แผลในกระเพาะ มีฤทธิ์กล่อมประสาท ช่วยบำรุงสมอง เพิ่มความจำ ช่วยลดความอ่อนเพลียของสมอง
ใบบัวบก มีสารประกอบสำคัญหลากหลายประเภท ยกตัวอย่างเช่น บราโมซัยด์ บรามิโนซัยด์ ไตรเตอพีนอยด์ มาดิแคสโซซัยด์ ซึ่งมีฤทธิ์ช่วยต่อต้านการอักเสบ รวมทั้งยังมีกรดมาดิแคสซิค วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 6 วิตามินเอ วิตามินเค ธาตุแคลเซียม ธาตุแมกนีเซียม ธาตุโซเดียม และก็กรดอะมิโน อาทิเช่น แอสพาเรต กรดกลูตามิก เซรีน ทรีโอนีน อะลานีน ไลซีน ฮีสครั้งดิน ฯลฯ
ใบบัวบกเหมาะสำหรับขี้ร้อน มีสภาวะแข็ง หรือมีความร้อนเปียกชื้น เพราะเป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์เป็นยาเย็น
บัวบกคุณประโยชน์ที่ได้รับมาจากใบบัวบกคุณประโยชน์ที่ได้รับมาจากใบบัวบก
คุณประโยชน์ที่ได้รับมาจากใบบัวบก
บัวบกเป็นพืชที่มีแคลเซียมในระดับปานกลางถึงสูง แม้กระนั้นหรูหราสารออกซาเลตที่ทำให้เป็นอันตรายต่อสุขภาพร่างกายในจำนวนต่ำ
ใบบัวบกช่วยคืนความอ่อนวัย ย้อนอายุและก็วัย
ใช้เป็นยาอายุวัฒนะ
ช่วยเสริมสร้างและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนรวมทั้งอีลาสติน
มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยต่อต้านการเสื่อมของเซลล์ต่างๆในร่างกาย
คุณประโยชน์ต่างๆที่ได้รับจากใบบัวบก ช่วยบำรุงรวมทั้งรักษาสายตา ฟื้นฟูรอบดวงตา เพราะเหตุว่าบัวบกมีวิตามินเอสูง
ช่วยรักษาอาการตาอักเสบบวมแดง ด้วยการกางใบบัวบกล้างน้ำสะอาด คั้นเอาแต่น้ำนำมาหยดที่ตา 3-4 ครั้งต่อวัน
ช่วยบำรุงรักษาประสาทและสมองราวกับใบแปะก๊วย
ช่วยทำให้ความจำและก็ทำให้มีปฏิภาณไหวพริบเพิ่มมากขึ้น
ช่วยเพิ่มความจำในคนชรา
เชื่อว่าใบบัวบกมีส่วนช่วยเพิ่มความฉลาดทางสติปัญญา ความฉลาด และความรู้ความเข้าใจสำหรับเพื่อการทำความเข้าใจ
ใบบัวบกมีคุณประโยชน์ช่วยชะลออาการโรคโรคสมองเสื่อมในผู้สูงวัย สตรีวัยทอง โรคอัลไซเมอร์หรืออาการลืมระยะสั้นได้
ช่วยเพิ่มสมาธิ แก้สมาธิสั้น
ช่วยเพิ่มความสามารถสำหรับการตกลงใจเฉพาะหน้า
ช่วยแก้อาการปวดหัว ปวดหัวด้านเดียว
ช่วยแก้อาการตาลายศีรษะ
ช่วยเครียดน้อยลง
ช่วยเสริมลักษณะการทำงานของกาบา (GABA) ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่ช่วยรักษาสมดุลของจิตใจ ก็เลยช่วยบรรเทาและก็ทำให้หลับง่ายมากยิ่งขึ้น
ช่วยทำให้เลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆเจริญยิ่งขึ้น
ช่วยกระตุ้นการสร้างเยื่อใหม่
ใช้เป็นยาบำรุงกำลัง บำรุงร่างกาย
ช่วยทำนุบำรุงโลหิตภายในร่างกาย
ช่วยบำรุงหัวใจ
ช่วยฟื้นฟูสุขภาพจากโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ
ช่วยทำให้จิตใจสดชื่น อารมณ์แจ่มใส
ช่วยให้เค้าหน้าผ่องใสเหมือนเป็นวัยรุ่น
ใช้เป็นยาอายุวัฒนะ
ช่วยบำรุงรักษาเสียง
ช่วยรักษาลักษณะการเจ็บคอ ด้วยการใช้บัวบกสดราว 1 กำมือ นำมาตำคั้นเอาน้ำแล้วเติมน้ำส้มสายชู 1-3 ช้อนแกง แล้วจิบรับประทานบ่อยๆ
ช่วยแก้หิวน้ำคุณประโยชน์ใบบัวบก
ใบบัวบกมีสรรพคุณช่วยแก้อาการร้อนใน ตัวร้อน
ใบบัวบกมีสารยั้งหรือชะลอการขยายตัวของเซลล์ของโรคมะเร็ง ช่วยต่อต้านโรคมะเร็ง
ช่วยรักษาโรคเบาหวาน ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดในคนป่วยโรคเบาหวานได้ดี
ช่วยรักษาโรคดีซ่านจากภาวการณ์ร้อนเปียกชื้น ด้วยการใช้บัวบก 30 กรัม น้ำตาลก้อนกรวด 30 กรัม ต้มน้ำ
ช่วยรักษาโรคโลหิตจาง
ช่วยรักษาอาหารหืด
ช่วยรักษาโรคความดันโลหิตสูง ด้วยการใช้ต้นสด 1 กำมือต้มกับน้ำแล้วเอามาดื่ม หรือจะใช้บัวบกสดๆต้นราว 30 กรัมนำมาค้นเอาน้ำ เพิ่มน้ำตาลนิดหน่อยแล้วดื่มกินประมาณ 5-7 วัน
ช่วยรักษาโรคลมชัก
ช่วยรักษาโรคหลอดลมอักเสบ
ช่วยรักษาอาการเต้านมอักเสบเป็นหนองในระยะต้น ด้วยการใช้บัวบกและก็เปลือกของลูกหมาก 1 ผล นำมาต้มกับสุราดื่ม
ช่วยแก้คนเป็นบ้า
ช่วยรักษาโรคที่เกี่ยวกับเลือด
ช่วยลดความดันเลือด เพิ่มความยืดหยุ่นให้เส้นโลหิต แล้วก็ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของโลหิต
ช่วยรักษาโรคที่มีสมุฏฐานจากเสมหะ
ช่วยแก้อาการอ่อนแรง อ่อนล้า
ช่วยแก้ไข้
ช่วยห้ามเลือดกำเดา เนื่องจากทำให้เลือดเดิน แม้กระนั้นเลือดจะไม่ออกมาจากเส้นเลือดและก็ยังเป็นเหตุให้อำมหิตอีกด้วย
ช่วยแก้อาการบอบช้ำใน เจ็บจากการกระทบชน
เป็นพืชที่ย่อยได้ง่าย
ช่วยทำให้เจริญอาหาร ทานอาหารได้มากขึ้น
ช่วยแก้อาการท้องเสีย
สารสกัดจากใบบัวบกมีฤทธิ์ปกป้องรวมทั้งยั้งการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้อย่างดีเยี่ยม
ช่วยแก้อาการเริ่มที่จะเป็นบิด
ช่วยรักษาโรคบิดหรือมีมูกเลือดปนเมื่อถ่าย
ช่วยรักษากระเพาะเป็นแผล
ใช้เป็นยาระบาย ช่วยระบายท้อง แก้ลม
ใช้เป็นยาขับเยี่ยว
แก้อาการฉี่ขัดข้อง ด้วยการใช้ใบบัวบกโดยประมาณ 50 กรัม เอามาตำแล้วพอกรอบๆสะดือ เมื่อปัสสาวะชำนาญดีแล้วค่อยคัดออก
ช่วยขับความร้อนเปียกชื้นฟุตบาทฉี่ คุ้มครองการเกิดนิ่ว
ช่วยรักษาโรคนิ่วทางเท้าฉี่ด้วยการใช้บัวบก 50 กรัมต้มกับน้ำซาวข้าวครั้งที่ 2 แล้วเอามาดื่ม
ช่วยรักษาอาการมีหนองออกมาจากฉี่
ช่วยแก้อาการน้ำดีในร่างกายมากจนเกินความจำเป็น
ช่วยรักษาโรคม้ามโต
ช่วยรักษาอาการติดเชื้อของไวรัสตับอักเสบ
แก้อาการปวดข้อรูมาตอยด์
ใช้เป็นยาห้ามเลือด ใส่แผลสด ด้วยการกางใบสดประมาณ 20 ใบนำมาล้างให้สะอาด ตำพอกแผลสด
ช่วยรักษาแผลให้หายเร็วเพิ่มขึ้น ช่วยเร่งการสร้างเยื่อ
ช่วยแก้อาการฟกช้ำ ด้วยการกางใบบัวบกมาตีให้แหลกแล้วเอามาโปะบริเวณที่บวมช้ำ หรือจะใช้ใบบัวบกราวๆ 40 กรัม ต้มกับเหล้าแดงราว 250 cc. ประมาณ 1 ชั่วโมงแล้วนำมาดื่ม
ใช้บัวบกตำนำมาพอกรักษาความร้อนบวมของโรคไฟลามทุ่ง หรือใช้รักษาอาการด้วยการใช้น้ำคั้นบัวบกเอามาผสมกับแป้งข้าวเหนียวทำเป็นแป้งเหลว พอกรอบๆที่เป็น
ช่วยรักษาพิษจากแมลงสัตว์กัดต่อย
ช่วยรักษาโรคผิวหนังต่างๆดังเช่นว่า โรคเรื้อน โรคสะเก็ดเงิน หิด หัด ฯลฯ
ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียที่เป็นต้นเหตุนำมาซึ่งการก่อให้เกิดหนอง
ช่วยลดอาการอักเสบของแผลได้เป็นอย่างดีและใช้ทารักษาแผลอักเสบจากการผ่าตัดได้อีกด้วย
ช่วยรักษาผิวหนังเป็นด่างขาว
ใช้เป็นยาทำลายพิษ ช่วยลดอาการปวดแสบปวดร้อนจากแผลไฟลุกน้ำร้อนลวก ด้วยการใช้ต้นสดของบัวบกประมาณ 3 ต้นนำมาล้างน้ำให้สะอาด ตำให้แหลกแล้วเอามาพอกแผลไฟไหม้
บัวบกมีการนำมาผลิตเป็นแคปซูลวางขาย มีสรรพคุณสำหรับในการช่วยบำรุงรักษาสมองเป็นหลัก (Brain tonic)
เดี๋ยวนี้มีการนำไปทำเป็นยาเป็นแผนปัจจุบันในรูปแบบผงใช้โรยแผล และก็ในแบบเป็นเม็ดรับประทานเพื่อรักษาแผลผ่าตัด แผลสด ไฟเผา น้ำร้อนลวก หรือฝีหนองได้ แล้วก็ยังช่วยป้องกันการเกิดแผลอีกด้วย
ช่วยแก้อาการก้างติดคอ ด้วยการนำบัวบกไปต้มน้ำ และก็หลังจากนั้นจึงค่อยๆกลืนน้ำลงคอ
ใบและเถาบัวบกใช้รับประทานเป็นผักสดกับน้ำพริกกะปิคั่ว หมี่กรอบ ก๋วยเตี๋ยวผัดไทย ลาบ ก้อย แกงเผ็ด ยำใบบัวบก ซุปหน่อไม้ เป็นต้น
น้ำคั้นจากใบบัวบกเอามาทำเป็นน้ำมันบัวบกใช้ชโลมหัว มีสรรพคุณช่วยบำรุงหนังศีรษะรวมทั้งเส้นผม ช่วยให้เส้นผมดกดำ แก้ไขปัญหาผมหล่น ผมหงอกก่อนวัย
น้ำใบบัวบกเป็นเครื่องดื่มที่เหมาะกับฤดูร้อนอย่างใหญ่โต เพราะว่ามีฤทธิ์เป็นยาเย็นดับร้อนในร่างกายได้สารพัด
สารสกัดจากใบบัวบก มีคุณสมบัติช่วยลดการระคายเคืองผิวและไม่มีอันตรายต่อร่างกาย
สารสกัดจากใบบัวบกมีการนำมาใช้เพื่อเป็นส่วนผสมในการผลิตเครื่องแต่งตัว
มีการนำสารสกัดจากใบบัวบกมาใช้ทำเป็นอุปกรณ์ปิดแผล
ลบรอยตีนกาตื้นๆด้วยน้ำใบบัวบก ด้วยการนำบัวบกมาล้างน้ำให้สะอาด นำไปปั่นจนถึงละเอียด แล้วนำน้ำที่ได้มาใช้สำลีชุบน้ำทาทั่วรอบๆหางตาหรือทั่วใบหน้า ทิ้งเอาไว้ราว 15 นาทีแล้วล้างออก โดยควรทาทุกเมื่อเชื่อวันก่อนนอน
มีการนำสารสกัดจากใบบัวบกมาผลิตเป็นสบู่ใบบัวบก ซึ่งผู้ผลิตอ้างว่าช่วยรักษาสิว ทำให้ผิวหน้าขาวกระจ่างขาวใส ผิวหน้าเต่งตึงได้

แนวทางการทำน้ำบัวบก
กระบวนการทำน้ำบัวบกกระบวนการทำน้ำบัวบก ควรเลือกใช้ใบบัวบกที่แก่กว่า กินเป็นผักสด โดยใช้ทั้งรากเอามาล้างน้ำชำระล้าง
ใบบัวบกจะเหนียวให้ตัดเป็น 2-3 ท่อน ก่อนนำมาบด
คั้นน้ำแรกโดยผสมน้ำกับใบบัวบกที่บด แล้วนำกากที่เหลือมาคั้นน้ำที่สองเพื่อได้ตัวยาสมุนไพรที่ยังเหลืออยู่ (ควรที่จะใช้น้ำที่สะอาด แล้วก็ห้ามใช้น้ำร้อนหรือนำน้ำที่คั้นได้ไปต้ม)
กรองน้ำบัวบกด้วยผ้าขาวบางห่างๆ(แบบผ้ามุ้ง ถี่มากจะกรองไม่ได้)
หลังกรองจะมีกากให้ทิ้งไป ให้รินเฉพาะน้ำส่วนใสๆมาดื่ม
น้ำบัวบกจำเป็นต้องคั้นใหม่ๆจากใบสดๆและไม่ควรจะเก็บน้ำที่คั้นได้ไว้นานหรือควรจะแช่เย็นเก็บไว้
น้ำเชื่อมหากทำมาจากน้ำต้มใบเตย จะมีผลให้น้ำบัวบกอร่อยมากขึ้น
สรรพคุณของน้ำใบบัวบกช่วยแก้ร้อนใน ช้ำใน
ไข่เจียวบัวบก
ใบบัวบกวัตถุดิบที่จำเป็นต้องจัดแจงอาทิเช่น บัวบกสด 20 กรัม / ไข่ 2 ฟอง / น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ / น้ำปลาเล็กน้อย / น้ำมันพืชสำหรับใช้ทอด
นำบัวบกมาล้างจนสะอาดแล้วหั่นซอยเป็นชิ้นเล็กๆ
นำไข่มาตอกแล้วตีไข่ เพิ่มเติมเครื่องปรุงต่างๆ
นำใบบัวบกที่ซอยแล้วผสมลงไปในไข่ คนจะกว่าจะเข้ากัน
นำมาทอดในไฟอ่อนจนไข่สุก
สรรพคุณช่วยทุเลาอาการปวดศีรษะ และก็ตาลายหัว
ข่างปองบัวบก (บัวบกชุบแป้งทอด)
ตระเตรียมวัตถุดิบดังนี้ บัวบกสด / ไข่ไก่ / แป้งทอดกรอบ / กระเทียมหั่นหยาบคาย / หอมแดงหั่นหยาบ / เกลือ / พริกไทยป่น
นำบัวบกสดที่ได้มาล้างชำระล้าง แล้วหั่นหยาบๆให้พอดิบพอดีคำ
นำแป้งที่ใช้สำหรับทอดกรอบมาผสมกับไข่ไก่ กระเทียม หอมแดง พริกไทย และเกลือ ผสมเข้าด้วยกัน
นำบัวบกที่หั่นเตรียมไว้ นำมาชุบกับแป้งที่ผสมไว้
หลักแล้วต่อจากนั้นตั้งกระทะ ใส่น้ำมันให้ร้อน
แล้วจึงน้ำบัวบกที่ชุบแป้งแล้ว เอามาทอดให้พอเพียงเหลืองกรอบแล้วยกลงให้สะเด็ดน้ำมัน
เพียงเท่านี้ก็เรียบร้อย นำมาจิ้มรับประทานกับน้ำจิ้มไก่ตามใจชอบได้เลย
คุกกี้บัวบก
ให้ตระเตรียมวัตถุดิบดังต่อไปนี้ บัวบกหั่นละเอียด 2 ถ้วยตวง / ไข่ไก่ 1 ฟอง / แป้งสารพัดประโยชน์ 2 ถ้วยตวง / เนยสดรสเค็ม 2 ถ้วยตวง / น้ำตาล 1.1/2 ถ้วยตวง / ผงฟู 2 ช้อนชา / กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
นำใบบัวบกมาล้างทำความสะอาดแล้วหั่นอย่างระมัดระวัง โดยตัดก้านและใบออกจากกัน ก้านให้หั่นเป็นท่อนเล็กๆส่วนใบเอามาเรียงซ้อนกันแล้วหั่นตามแนวขวางรวมทั้งกลับมาหั่นอีกข้าง แล้วพักไว้
นำแป้งและก็ผงฟูมาร่อนผ่านที่กรอง 2 รอบ แล้วพักไว้
นำเนยสดมาตีให้เข้ากับน้ำตาลด้วยความเร็วปานกลางจนกระทั่งขึ้นฟู ประมาณ 1 นาที
ใส่ไข่ไก่แล้วก็กลิ่นวานิลลาลงไป แล้วตีให้เหมาะ
ค่อยๆใส่แป้งที่ร่อนไว้แล้วลงไปทีละเล็กทีละน้อย (ครั้งละ 1 ส่วน 3 ของแป้งทั้งปวง) แล้วตีแป้งให้กับส่วนประกอบทั้งปวง
นำบัวบกที่หั่นละเอียดแล้วใส่ลงไปในแป้ง แล้วผสมให้เข้ากันอีกครั้ง
นำไปอบในตู้อบ โดยวางใส่ถาดที่ทาเนยหรือกระดาษทนไฟ ซึ่งจะต้องตักแป้งให้ได้ตามขนาดที่อยากได้
ใช้เวลาอบราว 6-8 นาที ด้วยอุณหภูมิราวๆ 250 องศา หรือมองว่าขอบเริ่มเหลืองก็เป็นอันใช้ได้แล้ว เสร็จแล้ว คุกกี้บัวบก
วิธีการทำน้ำมันบัวบก
ตระเตรียมส่วนประกอบดังต่อไปนี้ บัวบก 4 กิโล / น้ำมันที่สกัดจากมะพร้าว 1 ลิตร / น้ำที่สะอาด 1 ลิตร
นำบัวบกมาล้างน้ำทำความสะอาด แล้วหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ
เติมน้ำลงไปในบัวบก แล้วนำไปปั่นจนถึงละเอียด
เสร็จแล้วให้กรองมัวแต่น้ำบัวบกที่ได้จากการปั่น
นำน้ำบัวบกที่กรองได้ไปต้มกับน้ำมันมะพร้าวโดยใช้ไฟอ่อนๆราว 80 องศาเซลเซียส
เคี่ยวไปเรื่อยๆจนถึงเหลือแต่น้ำมันที่ทำขึ้นมาจากมะพร้าว โดยให้พินิจลักษณะกากของน้ำมัน จะมีลักษณะแห้งแบบเม็ดทราย ถือว่าเป็นอันใช้ได้ ชูลงจากเตาแล้วกรองเอาน้ำมัน เป็นอันเสร็จ
วิธีใช้น้ำมันบัวบก
ใช้น้ำมันที่ได้เอามาชโลมเส้นผม แล้วนวดให้ทั่วหนังศีรษะ
นวดเสร็จแล้วให้หมักทิ้งไว้ราว 30 นาที
ครบเวลาแล้วให้สระผมด้วยน้ำอุ่นพร้อมแชมพูตามธรรมดา เพียงเท่านี้ก็เรียบร้อย
น้ำมันบัวบก สรรพคุณช่วยบำรุงรักษาหนังหัวและก็เส้นผม ช่วยทำให้เส้นผมดกดำ จัดการกับปัญหาผมตก ผมหงอกก่อนวัย
คำตักเตือนและก็คำเสนอแนะ
คุณประโยชน์ของใบบัวบกการรับประทานใบบัวบกคุณควรพิเคราะห์เบื้องต้นของร่างกาย อย่ามองดูแต่คุณประโยชน์เพียงอย่างเดียว
บัวบกไม่เหมาะสมกับมีสภาวะเย็นพร่อง หรือขี้หนาว ท้องเฟ้อเสมอๆ
การกินบัวบกในปริมาณที่มากเกินความจำเป็น จะก่อให้ธาตุในร่างกา
http://www.disthai.com/

Tags : ประโยชน์บัวบก

2

รากสามสิบ
รากสามสิบ สรรพคุณ ว่านสามสิบ แบบเรียนยาพื้นเมือง ใช้ อีกทั้งต้นหรือราก ต้มน้ำกิน แก้ตกเลือด และโรคคอพอก ราก มีรสฝาดเย็น รับประทานเป็นยาแก้พิษร้อนในอยากดื่มน้ำ แก้เมื่อย ครั่นตัว ฝนทาแก้พิษแมลงป่องกัดต่อย แก้ปวดฝี ทำให้เย็น ทำลายพิษฝี พิษปวดแสบปวดร้อน ช่วยทำนุบำรุงทารกในท้อง บำรุงตับ ปอด บำรุงกำลัง ผสมกับเหง้าขิงป่า แล้วก็ต้นจันทน์แดงผสมเหล้าโรงใช้เป็นยาแก้วิงเวียน อีกทั้งต้นหรือราก ต้มน้ำกิน แก้แท้งลูก และก็โรคคอพอก ผล มีรสเย็น ปรุงเป็นยาแก้พิษไข้เซื่องซึม แก้พิษไข้กลับ ไข้ซ้ำ มักใช้ร่วมกับผลราชดัด เพื่อดับพิษไข้จากบิดเรื้อรัง
รากสามสิบ ช่วยเหลือความรัก และ กระชับความเกี่ยวพันให้ชีวิตของการการมีคู่ครอง คลายกล้ามของมดลูก บำรุงหัวใจ ,แก้การอักเสบ ,บำรุงเลือด แก้ปวดเมนส์ ระดูมาผิดปกติ ลดสภาวะมีลูกยาก เสริมฮอร์โมนเพศหญิง กระชับช่องคลอด ช่วยให้มดลูกเข้าอู่เร็ว บำรุงผิวพรรณ ลดสิวฝ้า ชลอความแก่ แก้อาการวัยทอง
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Asparagus racemosus Willd.
วงศ์ : Asparagaceae
ชื่ออื่น : สาวร้อยผัว รากศตวารี จ๋วงเครือ (เหนือ) ผักชีช้าง (จังหวัดหนองคาย) ผักหนาม (นครราชสีมา) สามร้อยราก (จังหวัดกาญจนบุรี) สามสิบ ชีช้าง จั่นดิน ม้าสามต๋อน
ลักษณะทางวิชาพฤกษศาสตร์
ไม้เลื้อย เนื้อแข็ง ลำต้นสีเขียว มีหนามแหลม มักเลื้อยพันตันไม้อื่น เลื้อยยาว 1.5-4 เมตร เถากลมเรียบ เถาอ่อนเป็นเหลี่ยม ตามข้อเถามีหนามแหลม มีเหง้ารวมทั้งรากใต้ดินออกเป็นกระจุกคล้ายกระสวยออกเป็นพวงเหมือนรากกระชาย อวบน้ำ เป็นเส้นกลมยาว โตกว่าเถามากมาย ลำต้นมีหนาม เถาเล็กเรียว กลม สีเขียว ใบคนเดียว แข็ง ออกรอบข้อ เป็นฝอยเล็กๆเหมือนหางกระรอก สีเขียวดก หรือเป็นกระจุก 3-4 ใบ เรียงแบบสลับ ใบรูปเข็ม กว้าง 0.5-1 มม. ยาว 3-6 ซม. แผ่นใบมักโค้ง สันเป็นสามเหลี่ยม มี 3 สัน ปลายใบแหลม เป็นรูปเคียว โคนใบแหลม มีหนามที่ซอกกลุ่มใบ ก้านใบยาว 13-20 เซนติเมตร ช่อดอก ออกที่ปลายกิ่งหรือซอกใบ แบบช่อกระจะ ยาว 2-4 เซนติเมตร ดอกย่อย สีขาว ขนาดเล็ก มีกลิ่นหอมสดชื่น มี 12-17 ดอก ก้านดอกย่อย ยาวราวๆ 2 มม. กลีบรวม มี 6 กลีบ เชื่อมกันเป็นหลอดรูปดอกเข็ม ปลายแยกเป็นแฉก ส่วนหลอดยาว 2-3 มิลลิเมตร ส่วนแฉกรูปช้อน ยาว 3-4 มม. กลีบดอกไม้บางและร่น เกสรเพศผู้ เชื่อมแล้วก็อยู่ตรงข้ามกลีบรวม ขนาดเล็กมี 6 อัน ก้านชูอับเรณูสีขาว อับเรณูสีน้ำตาลเข้ม รังไข่รูปไข่กลับ ยาวราว 1 มิลลิเมตร อยู่เหนือวงกลีบ มี 3 ช่อง แต่ละช่องมีออวุล 2 เมล็ด หรือมากกว่า ก้านเกสรเพศเมียสั้น ยอดเกสรเพศเมียแยกเป็นสามแฉกขนาดเล็ก ผลสด ออกจะกลม หรือเป็น 3 พู ผิวเรียบวาว ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 4-6 มม. ผลอ่อนสีเขียวเมื่อสุกสีแดงหรือม่วงแดง เม็ดสีดำ มี 2-6 เมล็ด มีดอกช่วงเดือนเมษายนถึงมิถุนายน เจอตามป่าโปร่ง หรือเขาหินปูน
สาวร้อยผัวหรือรากสามสิบ เป็นสมุนไพรไทยมีรสหวานเย็น ที่ซ่อนเร้นไปด้วยคุณประโยชน์ขนานเอก บำรุงเครื่องเพศในสตรี แล้วก็ยังเสริมสมรรถนะทางเพศให้แก่ผู้ชาย
นิยมนำส่วนของใบอ่อน ยอดอ่อน ผลอ่อน ซึ่งมีกลิ่นหอมสดชื่นเหมือนผักชีลาว มารับประทานเป็นผัก แล้วก็นำส่วนของรากที่มีลักษณะคล้ายกระชาย แต่ว่ามีขนาดใหญ่แล้วก็ยาวกว่าทั้งมีกลิ่นหอมยวนใจ มาใช้ดองยาสมุนไพร ชูกำลังในสตรีด้วยคุณประโยชน์ที่สอดคล้องกับชื่อที่เรียกชื่อกันว่า สาวร้อยสามี ที่สื่อความหมายได้ว่า ไม่ว่าสาวใด อายุมากแค่ไหน อยู่ในวัยมีเมนส์หรือหมดระดูก็ตาม แม้ได้ทานหัวพืชประเภทนี้เสมอๆ จะช่วยให้ดูเป็นสาวกว่าวัย มีพลังทางเพศ แล้วก็ยังช่วยเพิ่มขนาดของทรวงอก ด้วยแนวทางนำรากสดมาต้มรับประทานหรือถ้าไม่อย่างนั้นก็อาจจะนำรากไปตากแห้ง แล้วนำมาบดเป็นผงปั้นเป็นลูกกลอนผสมกับน้ำผึ้งรับประทานก็ได้เช่นเดียวกันตามตำราอายุรเวท มีการใช้รากสามสิบเป็นสมุนไพรหลักสำหรับบำรุงในผู้หญิง ช่วยให้ผู้หญิงกลับมาเป็นสาวได้อีกครั้ง
ในอินเดียก็เรียกสมุนไพรจำพวกนี้คล้ายกับเมืองไทย โดยในภาษาสันสกฤต เรียกว่า ศตาวรี (Shtavari) แสดงว่า ต้นไม้ที่มีรากหนึ่งร้อยราก หรือบางหนังสือเรียนพูดว่าเป็น สตรีที่มีร้อยสามี “Satavari” (this is an India word meaning’a woman who has a hundred husbands) รากสามสิบเป็นสมุนไพรที่ถูกกล่าวถึงในตำรา พระเวท ซึ่งเป็นคำภีร์ที่มีมาก่อนอายุยงรเวทด้วยซ้ำ จึงคงจะถือได้ว่าเป็นสมุนไพรที่มีการใช้มานานหลายพันปีแล้ว แล้วก็ในประเทศอินเดียใช้ รากสามสิบ ทำเป็นของว่างเช่นเดียวกับประเทศไทย
ในตำราเรียนอายุรเวทใช้รากสามสิบเป็นสมุนไพรหลักสำหรับบำรุงในเพศหญิง ในการทำให้สตรีกลับมาเป็นสาว (Female rejuvention) ยิ่งไปกว่านี้ยังช่วยแก้ไขปัญหาอื่นๆของหญิงยกตัวอย่างเช่น ภาวการณ์ระดูเปลี่ยนไปจากปกติ ปวดประจำเดือน สภาวะมีบุตรยาก ตกขาว ภาวะอารมณ์ทางเพศเสื่อมถอย สภาวะหมดปะจำเดือน(menopause) รวมทั้งใช้บำรุงน้ำนมบำรุงท้อง ปกป้องการแท้ง (habitual abortion) และอาการที่ไม่พึงปรารถนาอื่นๆของผู้หญิง
ถึงแม้สมุนไพรชนิดนี้จะสะดุดตาต่อเพศหญิงแล้ว ในอินเดียยังคงใช้สำหรับการเพิ่มพลังทางเพศให้กับผู้ชายอีกด้วย ซึ่งก็อาจจะคล้ายกับทางภาคเหนือของไทยที่ใช้สาวร้อยผัว หรือที่เรียกในภาคเหนือว่า “ม้าสามต๋อน” เป็นยาดองเพื่อเพิ่มพลังทางเพศชาย รวมทั้งยังคงใช้เพื่อคุณประโยชน์ทางยาอื่นๆอีกมาก เป็นต้นว่า ยาแก้ไอ ยารักษาโรคกระเพาะ ยาแก้บิด แก้ไข้ แก้อักเสบ ซึ่งจัดได้ว่าสมุนไพรชนิดนี้เป็นสมุนไพร ที่ใช้มากที่สุดในประเทศอินเดียชนิดหนึ่ง ตอนนี้มีสารสกัดด้วยน้ำ ของ[url=http://www.disthai.com/16660416/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%9A-%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%A2%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B9%8C%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%93-%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B8%A2]รากสามสิบ[/url] จากประเทศอินเดียไปจำหน่ายที่สหรัฐฯ ในลักษณะเป็น dietary supplement หรือพวกอาหารเสริมที่สามารถขายได้ ทั่วไปไม่ต้องมีใบสั่งแพทย์

คุณประโยชน์สมุนไพรรากสามสิบ (รากศตวารี)
ช่วยสร้างสมดุล แก่ระบบฮอร์โมนผู้หญิง
แก้ปวดประจำเดือน
แก้รอบเดือนมาไม่ปกติ
แก้อาการตกขาว
แก้ปัญหาช่องคลอดอักเสบ ช่วยดับกลิ่นในช่องคลอด
ช่วยทำให้ช่องคลอดกระชับ
แก้ไขปัญหาการมีบุตรยาก คุ้มครองป้องกันการแท้งบุตร
บำรุงน้ำนม
ช่วยทำให้มดลูกเข้าอู่เร็ว
ช่วยระบาย ขับฉี่
ลดกลิ่นตัว กลิ่นปาก
ช่วยเพิ่มขนาดหน้าอก แล้วก็สะโพก
กระชับสัดส่วน
ช่วยลดไขมันส่วนเกิน
ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด
บำรุงเลือด รวมทั้งบำรุงหัวใจ
บำรุงฮอร์โมนเพศ
บำรุงผิวพรรณ
ลดสิว ลดฝ้า ช่วยผิวขาวใส
แก้อาการวัยทอง ชะลอความเฒ่า
ใช้รักษาโรคตับ ปอดพิการ
ชูกำลัง แก้กษัย
ข้อพึงระวังสำหรับการใช้รากสามสิบ
รายงานการวิจัยทางด้านวิทยาศาสตร์พบว่ารากสามสิบมีฤทธิ์เสมือนฮอร์โมนเอสโตรเจน เพราะฉะนั้นก็เลยห้ามประยุกต์ใช้ในสตรีที่มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็ง อาทิเช่น คนเจ็บโรค uterine fribrosis หรือ fibrocystic breast
ผลที่เกิดจากการวิจัยสมุนไพรรากสามสิบ
การเรียนในหนูแรทของสารสกัดรากด้วยเอทานอลต้นรากสามสิบ แบ่งเป็น 2 ช่วงเป็นช่วงเฉียบพลัน และก็ช่วงยาวต่อเนื่อง
โดยการเรียนในระยะเฉียบพลันป้อนสารสกัดเอทานอลต้นรากสามสิบขนาด 1.25 กรัม/กิโลกรัม ให้กับหนูแรทที่ไม่เป็นโรคเบาหวาน แล้วก็หนูแรทที่เป็นเบาหวานจำพวกที่ 1 และก็ ชนิดที่ 2 พบว่าไม่เป็นผลลดระดับน้ำตาลในเลือด แม้กระนั้นช่วยให้ทนต่อการเพิ่มขึ้นของกลูโคส (glucose tolerance) ในนาทีที่ 30 ดียิ่งขึ้น และการเล่าเรียนตอนยาวตลอดโดยป้อนสารสกัดเอทานอลรากสามสิบขนาด 1.25 กรัม/กิโลกรัมวันละ 2 ครั้ง นาน 28 วัน ให้กับหนูที่เป็นเบาหวานจำพวกที่ 2 ในระหว่างที่หนูเบาหวานกรุ๊ปควบคุมได้รับน้ำในขนาดที่เท่ากัน พบว่าสามารถลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ และเพิ่มระดับของอินซูลิน 30% เมื่อเทียบกับกลุ่มโรคเบาหวานควบคุม นอกจากนั้นยังเพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระ เพิ่มระดับอินซูลินในตับอ่อน รวมทั้งเพิ่มกลัยวัวเจนที่ตับเมื่อเปรียบเทียบกับกรุ๊ปเบาหวานควบคุม จากการศึกษาในครั้งนี้สรุปได้ว่าฤทธิ์ลดระดับน้ำตาลในเลือดของสารสกัดรากสามสิบน่าจะเป็นผลมาจากการขัดขวางการสรุปยและก็การดูดซึมสารคาร์โบไฮเดรต แล้วก็การเพิ่มการหลั่งอินซูลิน ซึ่งต้นรากสามสิบน่าจะมีประโยชน์สำหรับการนำมารักษาคนเจ็บเบาหวานได้
ที่มา : หน่วยบริการฐานข้อมูลสมุนไพร ที่ทำการข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล http://www.disthai.com/

Tags : สมุนไพรรากสามสิบ

3
อื่น ๆ / ความเป็นมาของต้นราชพฤกษ์
« เมื่อ: สิงหาคม 16, 2018, 08:24:36 AM »

ราชพฤกษ์
ที่มาที่ไปของต้นราชพฤกษ์
   จากสมัยก่อนก่อนหน้าที่ผ่านมากว่า 50 ปี ทางราชการมีความเพียรพยายามบ่อยมากสำหรับเพื่อการกำหนดให้มีเครื่องหมายประจำชาติไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกำหนด ต้นไม้ รวมทั้ง ดอกไม้ ประจำชาติ เริ่มต้นที่กรมป่าไม้ได้เชิญให้ราษฎรสนใจต้นราชพฤกษ์หรือคูณมาตั้งแต่ตอนปี พุทธศักราช2494 โดยรัฐบาลลงความเห็นให้ถือวันที่ 24 มิถุนายน เป็นวันต้นไม้ประจำปีของชาติ (arbour day) มีการชวนให้ปลูกต้นไม้ที่เป็นประโยชน์จำพวกต่างๆมากมาย ในเวลาเดียวกันก็ได้มีการเสนอว่า ต้นราชพฤกษ์ คงจะถือเป็นต้นไม้ประจำชาติ
ราชพฤกษ์
   จนถึงในปี พ.ศ.2506 มีการสัมมนาเพื่อกำหนดสัญลักษณ์ต้นไม้แล้วก็สัตว์ประจำชาติเป็นครั้งแรก โดยกรมป่าไม้ได้เสนอให้ ต้นราชพฤกษ์ หรือ ต้นคูณ ไม้มงคลที่เป็นประโยชน์แล้วก็รู้จักกันอย่างล้นหลามฯลฯไม้ประจำชาติ สำหรับสัตว์ประจำชาติก็คือ ช้างเผือก สัตว์ที่มีคุณค่าเกี่ยวโยงกับขนบธรรมเนียมไทยรวมทั้งประวัติศาสตร์ไทยมายาวนาน การเสนอครั้งนั้นมิได้มีการประกาศอย่างเป็นทางการ ด้วยเหตุนั้นตลอดเวลาที่ผ่านมาสัญลักษณ์ที่บ่งถึงความเป็นอิสระยจึงมีนานาประการ ตั้งแต่สถานที่สำคัญๆ สัตว์ ดอกไม้ ที่คนประเทศไทยคุ้นเคยแล้วก็ประสบพบเห็นบ่อย ยกตัวอย่างเช่น พระปรางค์วัดใกล้รุ่งฯ เรือสุพรรณหงส์ ดอกบัว ดอกมะลิ ดอกพุทธรักษา แมวไทย เหมือนกันกับ ต้นราชพฤกษ์ รวมทั้ง ช้างเผือก ยังคงถูกชื่นชมให้เป็นเครื่องหมายประจำชาติตลอดมา
            ปี พ.ศ.2530 มีการช่วยเหลือให้ปลูกต้นราชพฤกษ์อีกที เพื่อเป็นการสรรเสริญพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เนื่องในวโรกาสทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ โดยมีการผลักดันให้ปลูกต้นราชพฤกษ์ทั่วทั้งประเทศจำนวน 99,999 ต้น ขณะนี้จึงมีต้นราชพฤกษ์อยู่มากทั่วทั้งประเทศไทย
            ผลสรุปเรื่องเครื่องหมายประจำชาติดูเหมือนจะยังกำกวม จนถึงตอนปี พ.ศ.2544 คณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติ ได้นำเรื่องดังที่กล่าวถึงแล้วกลับมาเสนออีกครั้ง แล้วก็มีผลสรุปเสนอให้มีการกำหนดเครื่องหมายประจำชาติ 3 สิ่งคือ ดอกไม้ สัตว์แล้วก็สถาปัตยกรรม แล้วก็การพินิจพิเคราะห์ที่ผ่านมาเสนอให้ระบุดอกไม้ประจำชาติคือ ดอกราชพฤกษ์ สัตว์ประจำชาติ คือ ช้างไทย แล้วก็สถาปัตยกรรมประจำชาติคือ ศาลาไทย
            เหตุที่เลือก ดอกราชพฤกษ์ เป็นดอกไม้ประจำชาติเนื่องจากว่ามีความเหมาะสมในหลายๆด้านหมายถึงเป็นดอกไม้จากต้นไม้ที่ถูกเสนอให้ฯลฯไม้ประจำชาติเมื่อครั้งที่กรมป่าไม้เสนอไว้ ฯลฯไม้ที่แก่ยืน ทนทาน ปลูกขึ้นได้ดีทั่วทุกภาคของประเทศ ฯลฯไม้ประจำถิ่นที่รู้จักแพร่หลาย มีชื่อเรียกหลายชื่อแตกต่างในแต่ละภาค อาทิเช่น ต้นลมแล้ง คูน อ้อดิบ ราชพฤกษ์เป็นพืชที่มีความเป็นสิริมงคลใช้ประโยชน์ในพิธีหลักๆเป็นต้นว่า ลงหลักเมือง ลงเสาเอก ทำคฑาจอมพลรวมทั้งยอดธงชัยเฉลิมพลของกองทหาร ในช่วงฤดูร้อนราชพฤกษ์จะมีดอกสะพรั่งทั้งต้น ช่อดอกมีทรงสวย สีเหลืองแพรวพราวเป็นเครื่องหมายของศาสนาพุทธอันเป็นศาสนาประจำชาติ รวมทั้งเป็นสีเดียวกับวันพระราชการเกิดของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ นอกเหนือจากนั้นความสวยสดงดงามของช่อดอก และก็ความหมายที่ดียังถูกจำทดลองแบบเสริมแต่งไว้บนอินทรธนูของข้าราชการพลเรือนอีกด้วย
ดอกราชพฤกษ์ ดอกไม้ประจำชาติไทย
ส่งดอกไม้ประจำชาติไทยเป็นดอกราชพฤกษ์ (Golden shower) หรือ ชื่อด้านวิทยาศาสตร์ของ ดอกราชพฤกษ์ คือ Cassia fistula
           ดอกไม้สีเหลืองสวยงามที่พบได้บ่อยเห็นได้ทั่วไปตามข้างถนนสายต่างๆคือสีสันของ ดอกราชพฤกษ์ หรือ ดอกคูน ต้นไม้มงคลที่ได้รับการชื่นชมให้เป็น ดอกไม้ประจำชาติไทย อีกทั้งเชื่อว่าเป็นต้นไม้ที่ปลูกไว้แล้วจะเสริมให้คนในบ้านมีเกียรติขั้นชื่อ เสียงมากยิ่งขึ้นด้วย ยิ่งใกล้ไปสู่เวลาที่การเปิดประตูต้อนรับเพื่อนบ้านอาเซียนกันแล้ว ในวันนี้กระปุกดอทคอมก็เลยขอนำเนื้อหาเกี่ยวกับดอกไม้ประจำชาติไทยอย่าง ดอกราชพฤกษ์ มาให้ทำความรู้จักกันจ้า
เรื่องราวดอกราชพฤกษ์
           ต้นราชพฤกษ์ หรือ ต้นคูน เป็นต้นไม้พื้นเมืองของทวีปเอเชียใต้ ตั้งแต่ปากีสถาน อินเดีย ประเทศพม่า แล้วก็ศรีลังกา โดยนิยมนำมาปลูกกันมากในเขตร้อน สามารถเจริญเติบโตได้ดิบได้ดีในที่โล่ง แล้วก็เป็นที่รู้จักในประเทศไทยมาหลายสิบปี โดยมีการเสนอให้ดอกราชพฤกษ์ เป็นดอกไม้ประจำชาติไทยตั้งแต่ปี พุทธศักราช 2506 แม้กระนั้นก็ยังมิได้ข้อสรุปแจ้งชัด ตราบจนกระทั่งมีการลงนามให้เป็นดอกไม้ประจำชาติไทย เมื่อวันที่ 26 ต.ค. พุทธศักราช 2544

ดอกไม้ประจำชาติไทย
           เพราะเหตุว่า ต้นราชพฤกษ์ มีดอกสีเหลืองยกช่อ มองสง่างาม อีกทั้งยังมีสีตรงกับ สีทุกวันพระราชการบังเกิดของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ จึงถูกตั้งชื่อว่าเป็น "ต้นไม้ของพระเจ้าแผ่นดิน" รวมทั้งมีการลงนามให้ต้นราชพฤกษ์ เป็นเยี่ยมใน 3 สัญลักษณ์ประจำชาติไทย โดยมี 1. ช้าง เป็นสัตว์ประจำชาติไทย 2. ศาลาไทย เป็นสถาปัตยกรรมประจำชาติไทย และ 3. ดอกราชพฤกษ์ เป็นดอกไม้ประจำชาติไทย
เหตุผลเลือกเป็นดอกไม้ประจำชาติไทย

  • เหตุเพราะเป็นต้นไม้พื้นเมืองที่รู้จักกันอย่างมากมาย รวมทั้งมีอยู่ทุกภาคของเมืองไทย
  • มีประวัติเกี่ยวกับขนบธรรมเนียมสำคัญๆในไทยและเป็นต้นพืชที่มีความมงคลที่นิยมนำมาปลูก
  • ใช้ประโยชน์ได้นานาประการ ดังเช่น ใช้เป็นยารักษาโรค ทั้งยังใช้ลำต้นเป็นเสาเรือนได้ ฯลฯ
  • มีสีเหลืองสวยงาม พุ่มสวยเต็มต้น เปรียบเป็นเครื่องหมายที่พุทธศาสนา
  • แก่ยืนนาน และก็แข็งแรง
ลักษณะทั่วไป
           เป็นต้นไม้ขนาดกึ่งกลาง สูงประมาณ 10-20 เมตร มีดอกเป็นช่อสีเหลืองแพรวพราว แต่ละช่อยาวราว 20-40 ซม. โดยกลีบดอกจะเป็นสีเหลือง 5 กลีบ ส่งผลยาวราว 30-60 ซม. มีกลิ่นแรง และก็มีเมล็ดที่เป็นพิษ
การปลูกดอกราชพฤกษ์
           นิยมนำมาปลูกด้วยเมล็ด โดยจะมีการเจริญเติบโตช้าในช่วง 1-3 ปีแรก แม้กระนั้นหลังจากนั้นจะมีการเติบโตเร็วขึ้น รวมทั้งออกดอกตอนอายุราวๆ 4-5 ปี
การดูแลรักษา
           แสงสว่าง : ต้องการแดดจัด หรือกลางแจ้ง รวมทั้งเจริญเติบโตได้ดีในเป็นพิเศษ
           น้ำ : ชอบน้ำน้อย ควรรดน้ำ 7-10 วันต่อครั้ง สามารถทนกับลักษณะอากาศร้อนก้าวหน้า
           ดิน : สามารถเติบโตได้ดิบได้ดีในดินซึ่งร่วนซุย ดินร่วนผสมทราย หรือดินเหนียว
           ปุ๋ย : นิยมให้ปุ๋ยหมัก หรือ ปุ๋ยธรรมชาติ ในอัตรา 2-3 โลต่อต้น และก็ควรจะให้ปุ๋ยปีละ 3-4 ครั้ง
การขยายพันธุ์
           วิธีแพร่พันธุ์ต้นราชพฤกษ์ที่นิยม คือ การเพาะเม็ด โดยใช้เม็ดใหม่ๆมาขลิบด้วยกรรไกรตัดเล็บ แม้กระนั้นจำเป็นต้องเลือกขลิบรอบๆด้านป้าน เพราะว่าด้านแหลมจะมีต้นอ่อนอยู่ แล้วหลังจากนั้นนำไปแช่น้ำสะอาดทิ้งไว้ผ่านวัน แล้วก็ค่อยเทน้ำออกให้เหลือปริมาณพอหล่อเลี้ยงเมล็ดได้ แล้วทิ้งไว้อีกคืนก็จะพบรากแตกออก แล้วก็สามารถนำลงปลูกได้เลย
ความเชื่อถือเกี่ยวกับต้นราชพฤกษ์
           เชื่อว่าฯลฯพืชที่มีความมงคล ที่ควรจะปลูกเอาไว้ในทิศตะวันตกเฉียงใต้ แล้วก็ถ้าเกิดปลูกเอาไว้ภายในบ้านจะช่วยทำให้มีเกียรติยศ เกียรติยศ และก็เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทางไสยศาสตร์ โดยใช้ใบทำน้ำพระพุทธมนต์สะเดาะเคราะห์ เพราะเหตุว่าเป็นพืชที่มีความมงคลนาม http://www.disthai.com/

4


ราชพฤกษ์

คูน ประโยชน์แล้วก็คุณประโยชน์ของคูน หรือ ต้นราชพฤกษ์
เรื่องราวดอกราชพฤกษ์
           ต้นราชพฤกษ์ หรือ ต้นคูน ฯลฯไม้ประจำถิ่นของเอเชียใต้ ตั้งแต่ปากีสถาน ประเทศอินเดีย ประเทศพม่า แล้วก็ศรีลังกา โดยนิยมนำมาปลูกกันมากในเขตร้อน สามารถเจริญเติบโตได้ดิบได้ดีในที่โล่ง และเป็นที่รู้จักในประเทศไทยมาหลายสิบปี โดยมีการเสนอให้ดอกราชพฤกษ์ เป็นดอกไม้ประจำชาติไทยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2506 แต่ก็ยังมิได้บทสรุปชัดเจน จวบจนกระทั่งมีการลงนามให้เป็นดอกไม้ประจำชาติไทย ช่วงวันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2544
ดอกไม้ประจำชาติไทย
           เนื่องด้วย ต้นราชพฤกษ์ มีดอกสีเหลืองยกช่อ มองสง่างาม อีกทั้งยังมีสีตรงกับ สีทุกวันพระราชการเกิดของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ จึงถูกตั้งชื่อว่าเป็น "ต้นไม้ของในหลวง" และมีการลงนามให้ต้นราชพฤกษ์ เป็นเยี่ยมใน 3 สัญลักษณ์ประจำชาติไทย โดยมี 1. ช้าง เป็นสัตว์ประจำชาติไทย 2. ศาลาไทย เป็นสถาปัตยกรรมประจำชาติไทย แล้วก็ 3. ดอกราชพฤกษ์ เป็นดอกไม้ประจำชาติไทย
เหตุผลเลือกเป็นดอกไม้ประจำชาติไทย

  • เหตุเพราะเป็นต้นไม้พื้นบ้านที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย รวมทั้งมีอยู่ทุกภาคของประเทศไทย
  • มีประวัติเกี่ยวเนื่องกับจารีตสำคัญๆในไทยและก็เป็นต้นไม้มงคลที่นิยมปลูก
  • ใช้ประโยชน์ได้นานัปการ ดังเช่น ใช้เป็นยารักษาโรค ทั้งยังใช้ลำต้นเป็นเสาเรือนได้ ฯลฯ
  • มีสีเหลืองงาม พุ่มไม้งามเต็มต้น เทียบเป็นสัญลักษณ์ที่ศาสนาพุทธ
  • แก่ยืนนาน และทนทาน


คูน หรือ ราชพฤกษ์ (Golden Shower, Indian Laburnum) เป็นพืชสมุนไพรประเภทยืนต้นขนาดกึ่งกลางถึงขั้นใหญ่ ที่มีชื่อเรียกตามแคว้นต่างๆอย่างเช่น ภาคเหนือเรียก ราชพฤกษ์, ลมแล้ง หรือชัยพฤกษ์ ส่วนปัตตานีเรียก ลักเคย หรือลักเกลือ รวมทั้งกะเหรี่ยง-จังหวัดกาญจนบุรีเรียก กุเพยะ ฯลฯ ซึ่งเป็นพืชสมุนไพรท้องถิ่นของเอเชียใต้ไปจนกระทั่งอินเดีย ศรีลังกา และประเทศพม่า และก็คูนหรือราชพฤกษ์นี้ยังเป็นดอกไม้ประจำชาติของไทยอีกด้วย
————– advertisements ————–
การดูแลและรักษา
           แสง : อยากแสงแดดจัด หรือที่โล่งแจ้ง และก็เจริญวัยได้ดีในเป็นพิเศษ
           น้ำ : ชอบน้ำน้อย ควรรดน้ำ 7-10 วันต่อครั้ง สามารถทนกับลักษณะอากาศร้อนก้าวหน้า
           ดิน : สามารถเจริญเติบโตก้าวหน้าในดินร่วนซุย ดินร่วนคละเคล้าทราย หรือดินเหนียว
           ปุ๋ย : นิยมใส่ปุ๋ยหมัก หรือ ปุ๋ยธรรมชาติ ในอัตรา 2-3 กก.ต่อต้น แล้วก็ควรให้ปุ๋ยปีละ 3-4 ครั้ง
ดอกราชพฤกษ์ ดอกไม้ประจำชาติไทย
การขยายพันธุ์
           แนวทางเพาะพันธุ์ต้นราชพฤกษ์ที่นิยม คือ การเพาะเมล็ด โดยใช้เมล็ดใหม่ๆมาขลิบด้วยกรรไกรตัดเล็บ แต่ต้องเลือกขลิบรอบๆด้านป้าน เพราะว่าด้านแหลมจะมีต้นอ่อนอยู่ แล้วต่อจากนั้นนำไปแช่น้ำสะอาดทิ้งไว้ผ่านวัน แล้วก็ค่อยเทน้ำออกให้เหลือจำนวนพอหล่อเลี้ยงเม็ดได้ แล้วต่อจากนั้นทิ้งไว้อีกคืนก็จะพบรากแตกหน่อ และก็สามารถนำลงปลูกได้เลย
ความเชื่อเกี่ยวกับต้นราชพฤกษ์
           มั่นใจว่าฯลฯพืชที่มีความมงคล ที่ควรจะปลูกเอาไว้ภายในทิศตะวันตกเฉียงใต้ และถ้าหากปลูกเอาไว้ภายในบ้านจะช่วยให้มีเกียรติขั้น เกียรติ และเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทางไสยเวท โดยใช้ใบทำน้ำพระพุทธมนต์สะเดาะเคราะห์ เนื่องจากเป็นพืชที่มีความมงคลนาม
ลักษณะทั่วไปของคูน
สำหรับต้นคูนนั้นจัดว่าเป็นต้นไม้ขนาดกึ่งกลาง โดยลำต้นมีสีน้ำตาลอมเทา มักขึ้นตามป่าผลัดใบ หรือในดินที่สามารถถ่ายเทน้ำก้าวหน้า ส่วนใบจะมีสีเขียวเป็นเงา โคนมน เนื้อใบสะอาดแล้วก็บาง ดอกจะออกเป็นช่อ มีกลีบทรงไข่กลับอยู่ 5 กลีบ และเห็นเส้นกลีบกระจ่างแจ้ง ฝักอ่อนมีสีเขียวและก็จะเป็นสีดำเมื่อแก่จัด และก็ในฝักจะมีผนังเยื่อบางๆกั้นเป็นช่องๆอยู่ตามแนวขวางของฝัก และภายในช่องพวกนี้จะมีเมล็ดสีน้ำตาลแบนๆอยู่
ต้นคูน หรือ ต้นราชพฤกษ์
คุณประโยชน์และก็คุณประโยชน์ของคูน
ใบ – ช่วยฆ่าพยาธิผิวหนัง ฆ่าเชื้อโรคต่างๆช่วยระบายท้อง สามารถใช้พอกแก้ลักษณะของการปวดข้อ หรือแก้ลมตามข้อ และก็ช่วยแก้โรคอัมพาตของกล้ามเนื้อบนใบหน้า หรือนำไปต้มกินแก้เส้นพิการ รวมทั้งโรคเกี่ยวกับสมอง ให้รสเมา
ดอกราชพฤกษ์ – ช่วยระบายท้อง แก้ไข้ แก้พรรดึก (ท้องผูก) และโรคกระเพาะของกิน แล้วก็แผลเรื้อรัง ให้รสขมเปรี้ยว
ราก – ช่วยในการฆ่าเชื้อคุดทะราด ระบายพิษไข้ แก้ขี้กลากหรือเกลื้อน แก้อาการเซื่องซึมหนักบริเวณหัว รวมถึงช่วยถ่ายสิ่งสกปรกโสโครกออกมาจากร่างกาย แก้อาการหายใจขัด ทำให้กระชุ่มกระชวยทรวงอก แก้อาการไข้ ไปจนถึงรักษาโรคหัวใจ ถุงน้ำดี มีฤทธิ์ถ่ายแรงกว่าเนื้อในฝัก สามารถใช้ได้กับเด็กหรือสตรีมีครรภ์ ไม่มีผลข้างๆใดๆให้รสเมา
แก่น – ช่วยสำหรับการขับพยาธิไส้เดือน ให้รสเมา
กระพี้ – ช่วยแก้โรครำมะนาด ให้รสเมา
เนื้อในฝัก – ใช้พอกเพื่อช่วยแก้อาการปวดข้อ แก้ต้นตานขโมย ปรับปรุงแก้ไขไข้มาลาเรีย แก้บิด ถ่ายพยาธิ หรือคนที่มีลักษณะท้องผูกเรื้อรัง และถ่ายเสมะรวมทั้งแก้พรรดึก (ท้องผูก) ไปจนกระทั่งระบายพิษไข้ สามารถใช้ได้ในเด็กและก็สตรีมีครรภ์ ไปจนถึงเป็นยาระบายที่ไม่ทำให้ปวดมวนหรือไข้ท้อง ให้รสหวานเหม็นเบื่อ
เปลือกฝัก – ทำให้แท้งลูก ทำให้อาเจียน แล้วก็ขับรกที่ค้างอยู่ออกมา ให้รสเฝื่อนฝาดเมา
เม็ด – ทำให้อ้วก ให้รสฝาดเมา
เปลือกต้น – ช่วยแก้อาการท้องเดิน ใช้ฝนผสมกับหญ้าฝรั่น น้ำดอกไม้เทศ รวมทั้งน้ำตาล กินเพื่อเกิดลมเบ่ง ให้รสฝาดเมา
เปลือกราก – ช่วยแก้ไข้ไข้มาลาเรีย และระบายพิษไข้ ให้รสฝาด
ดอกคูน หรือ ดอกราชพฤกษ์
ต้นคูนมักนิยมนำมาปลูกเป็นไม้ประดับในพื้นที่เขตร้อนและก็กึ่งเขตร้อน สามารถเจริญเติบโตได้ดีในที่โล่ง แล้วก็ปลูกได้ง่ายทั้งยังในดินซึ่งร่วนซุย ดินร่วนคละเคล้าทราย หรือดินร่วนเหนียว รวมถึงยังทนต่อสภาพอากาศแห้งแล้งและก็ดินเค็มได้ดี แต่ถ้าหากอากาศหนาวจัดอาจก่อให้ติดเชื้อราหรือโรคใบจุดได้http://www.disthai.com/

Tags : สมุนไพรราชพฤษ์

5

เห็ดหลินจือ
เห็ดหลินจือมีผลอย่างไรต่อเซลล์ต่อมะเร็ง โรคหัวใจ โรคไต โรคเบาหวาน โรคความดันสูง รวมทั้งโรคอื่นๆอันแสนเหนื่อยที่จะรักษา ติดตามผลการค้นคว้ารับรองสรรพคุณได้ในเนื้อหานี้จ้ะ
บทความเหล่านี้อ้างอิงคุณประโยชน์ของเห็ดหลินจือจากผลวิจัยรับรองจากที่ต่างๆเพื่อให้สหายได้ไตร่ตรองด้วยตัวเองว่ารักษาโรคก้าวหน้าแค่ไหนและก็น่าเชื่อถือเท่าใด ถ้าสหายๆเคยอ่านบทความเกี่ยวกับสรรรพคุณหรืองานศึกษาค้นคว้าและทำการวิจัยเกี่ยวกับเห็ดหลินจือจากที่อื่นมาก่อน แล้วรู้สึกอ่านไม่ง่ายมากแค่ไหนหรือไม่รู้เรื่อง บทความในเว็บไซต์นี้คนเขียนได้คัดเลือกและก็รวบรวมจากหลายที่และเขียนในภาษาที่อ่านง่ายที่สุดเท่าที่จะทำได้
เพื่อนๆถูกใจบทความนี้ก็จะเป็นกำลังใจให้คนเขียนได้บทความดีๆให้เพื่อนฝูงอ่านกันอีกต่อไปบทความเห็ดหลินจือรักษาโรคเด็ดๆที่เพื่อนฝูงๆต้องถูกใจ
ระบบภูมิคุ้มกันเป็นกลไกการกำจัดเชื้อโรค สารเคมีแปลกปลอม เซลล์ของมะเร็ง และก็สิ่งเจือปนอื่ๆที่จะเข้ามาทำอัตรายต่อสุขภาพพวกเรานั้นเอง ดังนั้นหากเพื่อนฝูงๆมีระบบภูมิคุ้มกันดีก็จะไม่ป่วยไข้ง่าย หรือถ้าเจ็บป่วยก็จะฟื้นเร็ว แต่ถ้าเกิดระบบภูมิคุ้มกันไม่ดีก็จะเจ็บไข้บ่อยและเป็นหนักกว่าผู้ที่มีระบบูมิคุ้มกันแข็งแรง มาถึวนี้แล้วเพื่อนๆอาจเห็นจุดสำคัญของการมีระบบภูมิต้านทานที่แข็งแรงกันแล้ว
คนจีนโบราณใช้เห็ดหลินจือมาเป็นเวลายาวนานกว่า 2000 ปีแล้ว แต่ว่าในยุคนั้นยังไม่มีผู้ใดพิสูจน์ได้ว่าเพราะเหตุไรทานเห็ดหลินจือถึงมีอายุยืนรวมทั้งแข็งแรงไม่ค่อยเป็นโรค ช่วงนี้พวกเราสมารถพิสูจน์ได้ในทางวิทยาศาสตร์แล้วว่าสารกรุ๊ป Polysacchayide ในเห็ดหลินจือนั้นสามารถเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับพวกเราได้จริง สารกรุ๊ปดังกล่าวข้างต้นสามารถกระตุ้นการผลิต Interleukin แล้วก็ Immuoglodulin ซึ่งนำมาซึ่งการทำให้ระบบภูมคุ้มกันดีและแข็งแรงขึ้น
ระบบภูมิต้านทานที่ถูกเสริมด้วยสาร Polysaccharide ในเห็ดหลินจือจะสามารถต้านวรัส เซลล์ของมะเร็ง และจำกัดสารอนุมูลอิสระได้ดิบได้ดีขึ้น นอกจากนั้นยังช่วยทำให้คนที่ถูกผลกระทบที่โดนยาต้านโรคมะเร็งบางตัวแล้วก็การทำคีโมกดภูมิคุ้มกันให้มีระบบระเบียบภูมิต้านทานดีขึ้นอีก แล้วก็เห็ดหลินจือยังมีสารออกฤทธิ์ต้านการแบ่งตัวของเชื้อ HIV อีกด้วย ซึ่ง กรุ๊ปดังกล่าวมาแล้วข้างต้นคือกรุ๊ป Bitter Triterpenoids
A
นักวิจัยได้ศึกษาค้นพบสารหลายชนิดในเหล็ดหลินจือที่ช่วยลดจำนวนไขมันในเส้นโลหิตเป็นGanoderic Acid และ Lucidenic Acid ซึ่งสาร 2 ประเภทที่กล่าวมาข้างต้น เว้นแต่ช่วยลดไขมันในเส้นโลหิตได้แล้ว ยังคุ้มครองป้องกันไม่ให้ไขมันตันเส้นโลหิตได้โดยตรงอีกด้วย นอกเหนือจากนี้ยังมีสารกรุ๊ป Nucleotide ที่สามารถช่วยลดการอุดตันของลิ่มเลือดในเส้นโลหิต และก็ช่วยลดอัตราเสี่ยงที่จะเป็นอัมพาตได้อีกด้วย
ได้มีนักวิทยาศาสตร์ที่ประเทศญี่ปุ่นทดลองให้สารสกัดเห็ดหลินจือกับคนที่เป็นโรคไขมันเส้นเลือดสูง 70 ราย และก็ทำการเก็บผลการทดลองภายหลังจากผ่านไป 3 เดือน พบว่าโคเรสเตอรอลของคนรับการทดสอบน้อยลงไปถึง 74% ซึ่งก็สอดคล้องกับผลงานวิจัยจากทั่วทั้งโลก แล้วก็ยังพบว่าเห็ดหลินจือ เว้นแต่ช่วยลดการอุดตันของไขมันในเส้นเลือดแล้ว ยังทำให้เลือดไหลเวียนดีขึ้นอีกด้วย
ฉะนั้น ก็เลยอาจกล่าวได้ว่า เครื่องพิสูจน์ทางคุณสมบัติรวมทั้งคุณประโยชน์ต่างๆที่ได้รับจากเห็ดหลินจือยังคงมีจำกัด บาง การวิจัยเป็นการทดลองขนาดเล็ก หลักฐานที่ได้ยังไม่มีคุณภาพเพียงพอ หรือเป็นเพียงการทดสอบในผู้เจ็บป่วยบางกลุ่มเท่านั้น ประสิทธิผลของเห็ดหลินจือต่อโรคมะเร็ง จึงยังคงเป็นเรื่องการค้นคว้าที่ควรปฏิบัติการทดสอบถัดไป เพื่อได้สำเร็จลัพ์ที่กระจ่าง และเป็นประโยชน์ในวงกว้างต่อการดูแลและรักษาผู้เจ็บป่วยโรคมะเร็งได้ในอนาคต

ภาวะต่อมลูกหมากโต และการเจ็บป่วยในระบบฟุตบาทปัสสาวะ
มีแนวทางการทดลองหนึ่งที่ใช้สารสกัดจากเห็ดหลินจือทดลองในคนป่วยเพศ 88 รายซึ่งมีอายุเกินกว่า 49 ปีขึ้นไป ที่มีอาการเยี่ยวติดขัด ข้างหลังการทดสอบกว่า 12 สัปดาห์ ผลที่ได้เป็น ผู้ป่วยต่างหรูหราคะแนน IPSS ที่ ( TNE lnternational Prostate Symptom Score )ซึ่งเป็นค่าคะแนนสากลสำหรับการวัดปัญหาในระบบทางเท้าปัสวะของคนป่วยจากการตอบปัญหา กลับไม่ปรากฏผลในเชิงการเปลี่ยนแปลงคุณภาพชีวิต การขับถ่ายปัสวะ หรือขนาดของต่อมลูกหมากอะไร
ด้วยเหตุนั้น การทดลองดังที่กล่าวถึงมาแล้วจึงยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาสตร์ที่กระจ่างแจ้งพอเพียง จำเป็นต้องมีการค้นคว้าทดสอบในด้านนี้ถัดไปในอนาคต เพื่อค้นหาข้างหลังฐานที่เด่นชัดสำหรับการสรุปเกี่ยวกับประสิทธิของเห็ดหลินจือต่อการรักษาภาวะต่อมลูกหมากโตหรือปัญหาสุขภาพใดๆก็ตามที่เกี่ยวข้อง
ลดปัจจัยเสี่ยงของโรคเส้นเลือดหัวใจ
จากการวิเคราะห์ผลของการทดลองทางการแพทย์ 5 ราการ ซึ่งมีคนไข้เบาหวานประเภท 2 เข้าร่วมทดลองกว่า 398 รายพบว่า เห็ดหลินจือไม่มีผลทางการรักษาในเชิงการลดระดับน้ำตาลในเลือดไม่มีหลักฐานทางด้านวิทยาศาสตร์ที่มีคุณภาพพอเพียงจะเกื้อหนุนผลทางการรักษาพวกนั้น และไม่มีข้อมูลที่เพียงพอสำหรับในการยืนยันด้านความปลอดภัยจากการบริโภคเห็ดหลินจือด้วยเหมือนกัน โดยหนึ่งในการวิจัยพวกนั้น ได้แสดงถึงผลข้างเคียงจากการบริโภคเห็ดหลินจือในคนป่วยบางราย เป็นอาการคลื่นใส้ ท้องร่วง หรือท้องผูก
เพราะฉะนั้นควรต้องมีการค้นคว้าทดลองถึงคุณภาพของเห็ดหลินจือในการลดสิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่างๆพวกนี้เพื่อปกป้องและก็การรักษาโรคเส้นเลือดหัวใจต่อไป และให้ได้การกระจ่างแจ้งชัดดเจนในด้านดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้นมากขึ้นเรื่อยๆ อันเป็นผลดีต่อแนวทางการรักษาปกป้องโรคเส้นเลือดหัวใจและอาการต่างๆที่เกี่ยวต่อไปในอนาคต

6

เห็ดหลินจือ
สปอร์เห็ดหลินจือแดง-ส่วนที่มีคุณค่าที่สุดของเห็ดหลินจือ
เมื่อ ค.ศ 2005 บริษัทของพวกเรามีจุดเริ่มแรกขึ้นจากความอยากหาสมุนไพรคุณภาพสูงจากในหลายประเทศ ตราบจนกระทั่งพวกเราเจอและก็มีส่วนร่วมกับบริษัทยยาของรัฐบาลจีน และได้ นำเข้าสปอร์เห็ดหลินจือประสิทธิภาพสูงต่อจากนั้นเป็นต้นมา
นับ 10 กว่าปี ที่เราเป็นผู้ก่อกำเนิด และเป็นผู้นำในด้านสปอร์เห็ดหลินจือแดงประสิทธิภาพสูง คุณภาพเป็นหัวใจสำคุณของเรา สปอร์เห็ดหลินจือของเรา จะถูกคัดสรรอย่างดีก่อนถึงมือบริโภค เห็ดหลินจือแดงที่พวกเรานำเข้ามา ถูกเพาะด้วยแนวทางละเอียดลออ ทำให้ได้ตัวดอกเห็ดที่มีขนาดใหญ่มากยิ่งกว่า
พวกเราใส่ใจและตรวจทานคุณภาพในทุกกรรมวิธีการผลิตอย่างใกล้ชิด รวมทั้งด้วยกรรมวิธีการผลิตที่ดูแลอย่างยอดเยี่ยม ทำให้เราได้รับการยืนยันมาตฐาน GMP (GOOD Manufacturing Practice) ทุกล็อตที่เราผลิตออกมา จะได้รับการตรวจคุณภาพจากห้องแล็ปในโรงพยาบาล
เพื่อคุณประโยชน์สูงสุดของท่านคนที่กำลังหาสินค้าเห็ดหลินจือมากิน
งานค้นคว้าวิจัยรับรองว่าการรับประทานสปอร์เห็ดหลินจือจะได้ผลดีมากยิ่งกว่าการทานดอก เนื่องด้วยสปอร์มีสารออกฤทธิ์สำคัญมากกว่าและสปอร์ที่ถูกกระเทาะนั้น เปลือกจะต้านมะเร็ง รวมทั้งเสริมภูมิคุ้มกันได้ดียิ่งไปกว่า เทียบกับแบบไม่ได้กระเทาะเปลือก
ที่พลาดมิได้ที่สุดเป็น.....
ท่านๆสามารถบริโภคเห็ดหลินจือได้ติดต่อกันเป็นเวลานานโดยปลอดภัยใด อีกกด้วย เห็ดหลินจือมีมากมายว่า 100 สายพันธุ์แต่สายพันธุ์ที่มีคุณประโยชน์ทางยาเยี่ยมที่สุดคือเห็ดหลินจือแดง เนื่องจากสายพันธุ์นี้จะมีสารออกฤทธิ์กรุ๊ป Polysaccharide อยู่อย่างมากที่สุด
ส่วนท่านที่กำลังเลือกซื้อเห็ดหลินจือออกมาขายในท้องตลาดรูปแบบต่างๆจำนวนมาก ในแบบอย่างดอกอบแห้ง แคปซูล น้ำเห็ดหลินจือ กาแฟเห็ดหลินจืออื่นๆอีกเพียบเลย
ด้วยเหตุผลดังกล่าวการจะเลือกซื้อเห็ดหลินจือให้ได้แบบที่มีคุณภาพดี จะต้อง......
มองตั้งแต่กระบวนการผลิต ว่าตัวเห็ดหลินจือนั้นได้รับการเลี้ยงที่สมควรหรือปล่าว เนื่องจากการควบคุมอณหภูมิ ความชื้น สารอาหาร แล้วก็กระบวนการแปลรูปล้วนส่งผลต่อจำนวนสาระสำคัญในตัวเห็ดหลินจือ บรรจุภัณฑ์ก็สำคัญไม่แพ้กัน เนื่องจากว่าเห็ดหลินจือจะขึ้นราได้ง่ายเมื่อโดนความชื้อ เพราะฉะนั้นตัวบรรจุภัณฑ์จำเป็นต้องเลือกเป็นขวดที่กันความชื้อได้ดิบได้ดีอีกด้วย
เห็ดหลินจือกับคุณประโยชน์ต่อร่างกาย
เห็ดหลินจือ (Lingzihi หรือ  REISHI)มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า กาโนเดอร์ มา ลูสิดัม (Ganoderma Lucidum) เป็นเห็ดที่มีขนาดใหญ่ มีสีเข้มมีพื้นผิวแวววาว มีลักษณะคล้ายไม้ และก็มีรสขม มีประวัตศาสตร์ยาวนานสำหรับในการใช้เห็ดหลินจือ เพื่อรักษาหรือบำรุงสุขภาพในประเทศแถบเอเซีย โดย เฉพาะประเทศจีนแล้วก็ประเทศญี่ปุ่น เนื่องมาจากเชื่อว่าสารประกอบภายในเหลืดหลินจือมีคุณค่าต่อสุขภาพร่างกาย
ในเห็ดหลินจือมีสารอาหารที่บางทีอาจส่งผลดีต่อร่างกายล้นหลาม จำพวกเส้นใยต่างๆโปรตีนคาร์โบไฮเดรต ไขมัน วิตามินและธาตุบางประเภท เชเนแคลเซียม โพแทสเซียม ฟอสฟอรัสแมกนีเซียม เซเลเนียม ธาตุเหล็ก สังกะสี มองแดง สารโมเลกุลชีวภาพที่สำคัญ เย่างสเตียรอยด์(Steroids) เทอร์ตะกายอยด์ (Terpenoide) นิวคลีโอไทด์ (Nucleotides) ไกลวัวโปรตีน (Glycoproteins)พอลิแซ็กคาไรค์ (Polrsacchayides) และก็สารอนุพันธ์อื่นๆโดยยิ่งไปกว่านั้นกรดอะมิโนไลซีน (Lysine) และลิวซีน (Leucine)ด้วยประการฉะนี้ มีบางคนหรือในบางวัฒนธรรมนำเห็ดหลินจือมาปรุงอาหารแล้วก็แปรรูปเพื่อการบริโภคอย่างนานาประการ นักวิทยาศาสตร์ก็เลยสนใจและนำเห็ดหลินจือมาทดสอบหาประสิทธิผลทางการรักษาและการบำรุงสุขภาพ เพื่อพิสูจน์ว่าเห็ดจำพวกนี้เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายของผู้คนใช่หรือไม่

เห็ดหลินมีประโยชน์ต่อสุขภาพที่บางทีอาจเป็นได้ใช่หรือ?
มีการค้นคว้าทดลองมากเกี่ยวกับคุณสมบัติและคุณค่าที่บางทีอาจเป็นได้ของเห็ดหลินจือ
แต่ในตอนนี้ยังไม่มีหลักฐานหรือข้อยืนยันด้านวิทยาศาสตร์รวมทั้งการแพทย์ที่กระจ่างถึงคุณสมบัติและก็คุณค่าที่อาจเป็นไปได้ของเห็ดหลินจือแม้กระนั้น ในขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานหรือสิ่งพิสูจน์ด้านวิทยาศาสตร์และการแพทย์ที่กระจ่างถึงคุณลักษณะแล้วก็ประสิทธิผลด้านอะไรก็ตามด้วยเหตุดังกล่าว ผู้ใช้ควรศึกษาเรียนรู้ข้อมูลของเห็ดหลินจือ จำนวนและกระบวนการบริโภคที่สมควร และความจำกัดต่างๆและเหตุทางสุขภาพของตนให้ดีก่อนการบริโภค
ตัวอย่างงานศึกษาเรียนรู้วิจัยที่เรียนรู้เกี่ยวกับเห็ดหลินจือที่อาจมีผลต่อร่างกาย
โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์
งานค้นคว้าหนึ่งได้ทดลองหาประสิทธิผลรวมทั้งความปลอดภัยของการบริโภคอาหารเสริมเห็ดหลืนจือในคนป่วย โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ ปริมาณ 32 ราย  ผลเป็น เห็ดหลินจืออาจมีคุณประโยชน์ในด้านการห้ามอาการปวด ไม่เป็นอันตรายต่อการรับประทานเข้าสู่ร่างกายและไม่ส่งผลข้างๆ อย่างไรก็ตาม กลับไม่ปรากฏผลที่มีความนัยสำคัญสำหรับการต่อต้านปฎิกิริยาขบวนการออกซิเดชัน การต้านการอักเสบ หรือผลการปรับระบบภูมิคุ้มกันอะไร
เพิ่มความสามารถร่างกาย
มีการทดลองที่ทดลองความสามารถของเห็ดหลินจือในด้านการเพิ่มสรรถภาพของร่างกาย โดยได้ ทดลองในคนเจ็บโรคปวดกล้ามเนื้อไฟโปรไมอัลเจีย (Fibromyalgia)ผู้หญิงปริมาณ 64 ราย ตลอดเวลาการทดลอง 6 สัปดาห์ คนเจ็บบริโภคเห็ดหลินจือปริมาณ 6 กรัม/วัน จากนั้นจึงทดสอบความสามารถร่างกายของคนเจ็บ ผลการทดลองรวมทั้งวางแผนรักษาคนป่วยโรคนี้ถัดไป แม้กระนั้นยังคงขาดหลักฐานเกื้อหนุนที่กระจ่างแจ้ง จะต้องมีการศึกษาวิจัยในด้าน เพื่อหาหลักฐานและสิ่งพิสูจน์ที่แนชัดถึงประสิทธิผลของเห็ดหลินจือต่อไป
ต้านทานการเกิดปฎิกิริยาออกซิเดชัน รวมทั้งคุ้มครองการทำลายเซลล์ตับ
จากการทดสอบหาประสิทธิภาพของสารสามเทอร์พีนอยด์ (Trirpenoids)และโพลีแซ็กคาไรด์(Polysaccharide)ในเห็ดหลินจือในด้านการต้านการเกิดปฎิกิริยาขบวนการออกซิเดชัน และก็การป้องกันการทำลายเซลล์ตับในกลุ่มผู้ทดลองที่มีร่างกายแข็งแรง 42 คน คำตอบครั้งแสดงถึงสมรรถนะของเห็ดหลินจือสำหรับการช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ และก็ยั้งการเกิดอนุมูลอิสระ ลดการอักเสบของตับ
อย่างไรก็ตาม เห็ดหลินจืออาจช่วยต้านทานปริกิรริยาออกซิเดชันได้ แต่ว่าการทดลองดังกล่าวเป็นเพียงแต่การศึกษาเรียนรู้ขนาดเล็ก ควรทำการศึกษาเรียนรู้และทำการค้นคว้าถัดไปเพื่อหาหลักฐานรวมทั้งข้อพสจน์ที่เด่นชัดที่กระจ่างแจ้งถึงประสิทธิผลของเห็ดหลินจือ http://www.disthai.com/

Tags : สมุนไพรเห็ดหลินจือ

7

ขิง
ข้อดีของสรรพคุณขิง
25 คุณประโยชน์ดีๆของ’’ผลดีสำหรับเพื่อการรักษาโรค
1.ขิงสดช่วยลดความเจ็บตามข้อ ลดอาการเมื่อยกล้าม
2.ขิงมีสรรพคุณช่วยรักษาแผล ฆ่าเชื้อโรคในแผลได้
3.ขิงช่วยให้สบายท้อง ขับลม แก้ท้องผูก
4.ขิงเป็นสมุนไพรที่ช่วยทำลายเชื้อแบคทีเรียในร่างกาย ช่วยขับเสลด ทำให้หายใจสะดวก
5.ขิงช่วยแก้อาการวิงเวียน หน้ามืด อ้วก เมารถ เมาเรือ
6.ขิงช่วยเผาผลาญไขมัน และก็เป็นยาระบายอ่อนๆก็เลยแป็นต้นเหตุที่ทำให้ขิงช่วยลดน้ำหนัก ลดไขมัน ลดคอเลสเตอรอลได้
7.ขิงช่วยทำนุบำรุงหัวใจ เหมาะสมกับคนเจ็บโรคหัวใจ
8.ขิงช่วยแก้โรคลมพิษ แก้แพ้เกสรดอกไม้ แล้วก็อาหารทะเลได้
9.คุณประโยชน์ต่างๆที่ได้รับจากเนื้อขิงสดๆทำมาทาแก้ผื่นคัน แก้แมลงกัดต่อยได้
10.ขิงช่วยบำรุงสายตา คุ้มครองโรคตาแดง อาการน้ำในตามาก ตาฝ้าฟาง
11.ขิงเป็นสมุนไพรดับกลิ่น ช่วยลดกลิ่นตัว
12.ขิงมีคุณประโยชน์แก้ฟันเหลือง ฟันพุ โดยนำขิงสดมาตำให้แหลก คั้นเอาน้ำผสมกับเกลือ น้ำอุ่น คนจนเข้ากัน เอามาอม กลัวปากเสมอๆ แล้วลองสังเกตว่าลักษณะของการปวดจะเบาๆลดน้อยลง
13.มีสรรพคุณลดกลิ่นปากได้ โดยนำขิงสดมาตำให้แหลก คั้นเอาน้ำผสมกับเกลือ น้ำอุ่น คนจะกว่าจะเข้ากัน นำมาอม กลั้วปากเสมอๆ ช่วย จัดการกับแบคทีเรียในปาก ลดปัญหากลิ่นปากได้อย่างดี
14.ขิงช่วยบรรเทาลักษณะของการปวดไมเกรนได้ โดยให้ดื่มน้ำขิงบ่อยๆ แล้วทดลองสังเกตว่าอาการปวดจะเบาๆลดน้อยลง
15.ขิงทุเลาโรคประสาทอาการของโรคประสาท การดื่มน้ำขิงจะช่วยลดความขุ่นมันของหัวใจ
16.ขิงช่วยการไหลเวียนของนมแม่ให้ ควรจะเป็นเครื่องดื่มสมุนไพรสำหรับสตรีให้นมบุตรเป็นอย่างดี
17.ขิงช่วยบรรเทาผู้ติดสิ่งเสพติดได้ โดยสรรพคุณของขิงมีส่วนช่วยลดความต้องการเสพสิ่งเสพติด
18.คุณประโยช์จากขิงช่วยต่อต้านโรคมะเร็ง จากการศึกษาทำการค้นคว้าและวิจัยพบว่าสาระสำคัญในขิงช่วยต้านการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งได้อย่างดีเยี่ยม
19.ขิงช่วยควมคุมความดันเลือดได้ สำหรับคนที่มีปัญหาความดันสูง และก็ ความดันต่อ ควรจะฝานขิงสดมาต้มกับน้า ดื่มเสมอๆ จะช่วยควบคุมความดันให้เป็นปกติ
20.สรรพคุณของขิงช่วยผ่อมคลาย ช่วยทำให้นอนสบาย ก็เลยเหมาะเป็นอาหารสำหรับผู้ที่มีปัญหานอนไม่หลับ
21.ขิงช่วยบำรุงรักษาผิวพรรณ โดยช่วยทำให้ผิวเรียบเนียนเพิ่มขึ้น กำจัดเซลลูไลท์
22.ใบเละดอกของขิงช่วยแก้อาการขัดฉี่ ป้องกันโรคนิ่วได้
23.ขิงช่วยรักษาอาการมือ เท้าเย็นได้ เพราะขิงมีฤทธิ์ร้อน ก็เลยช่วยปรับสมดุลในร่างกายได้
24.เหง้าขิงช่วยป้องกันการเกิดแผลในกระเพราะเหตุว่าของกินได้
25.ขิงช่วยแก้อึกได้โดยตำขิงสดให้แหลกคั้นเอาน้ำแล้วผสมกับน้ำผึ้ง น้ำอุ่น คนจะกว่าจะเข้ากันดื่มแก้สะอึกได้
การดัดแปลงทางสถานพยาบาล
1.บรรรเทาอาการเจียนรุนแรงใช้ขิงสดพอกที่จุดฝังเข็มไก่กวน(เหนือข้อมือใน 2 ชุ่น)ทิ้งไว้ราวครึ่งชั่วโมงถึง  ชั่วโมงอาการจะดียิ่งขึ้น
2.ทุเลาอาการแผลในกระเพาะอาหารและก็ลำไส้เล็กส่วนต้น ต้มขิงสดที่ตำอย่างถี่ถ้วนกับน้ำ 300 มล. นาน 30 นาที รับประทานวันละ 3 เวลา เป็นเวลา 2 วัน ในคนป่วยที่เป็นโรคกระเพาะอาหาร แล้วก็ลำไส้เล็กส่วนต้น พบว่าลักษณะของการปวดกระเนื่องจากว่าลดน้อยลงหรือหายไป ความรู้สึกแสบท้องเวลาหิวดีขึ้น มากมายท้องผูก หรืออุจจาระสีดำ (มีความหมายว่ามีเลือดออก)ปกติ ความอยากอาหารดีขึ้น (พบว่าผู้เจ็บป่วยเหล่านั้นโดยมากกลับเป็นซ้ำได้อีก ซึ้งบางทีอาจจำต้องรักษาตลอด หรือควบคุมสาเหตุอื่นๆร่วมด้วยก็เลยจะรักษาหายสนิทได้)
3.รักษาโรคบิด ใช้ขิงสด 75 กรัม น้ำตาลแดงตำเข้าด้วยกัน แบ่งกินเป็น 3 มื้อต่อตำหรับ
4.ปกป้องรักษาอาการเมารถ เมารือ
-ใช้ขิงสดเป็นแผ่นปิดที่จุดไน่กวน(เหนือข้อมือข้างใน 2 ชุ่น(ใช้เหริยญ สตางค์ขนาดพอเหมาะปิดทับแล้วก็ใช้ปลาสเตอร์หรือยางยืดรัดไว้
-ใช้ขิงสด 25 กรัม ตำละเอียด คั้นเอาเฉพาะน้ำมันดื่ม (ไม่ต้องดื่มน้ำตาม)
5.รักษาปัสสาวะรดที่นอนในผู้เจ็บป่วยที่มีสภาวะหยางพร่อง มีความเย็นในร่างกายเป็นเหตุ
ให้ใช้ขิง 30 กรัม(ตำ)ยาบริวารนพนาฟู่จื่อ 6 กรัม ปู่กู่จื้อ 12 กรัม บดคลุกเคล้าให้เข้ากันถูในแอ่งสะดือ ใช้ผ้าผ้าก๊อซสะอาดปิดทับแล้วก็ใช้ปลาสเตอร์ปิดให้แน่น
6.รักษาคอไส้อุดกั้นจากพยาธิตัวกลม
ใช้ ขิง [/b]สด 120 กรัม ตำละเอียด คั้นเอาน้ำขิงผสมกับน้ำผึ้ง 120 กรัม รับประทานครั้งเดียว หรือค่อยๆรับประทานหมดภายในครึ่งชั่วโมง การทดสอบในคนเจ็บ 64 คน พบว่าสามารถลดอุดกันของลำใส้ร้ยละ 96.8 ฤทธิ์สำหรับในการขับพยาธิร้อยละ 61.3
7.เป็นหวัดตัวร้อนไม่สบายเนื่องไข้เนื่อง จากกระทบความเย็น อย่างเช่น โดนฝน โดนลม ทำให้หนาว มีไข้ต่ำ ให้หั่นขิงฝอย 30 กรัม

ชงกับน้ำตาล หรืออาจใส่หัวหอมตี 3-4 (ช่วยกระจัดกระจายลม)ดื่มขณะร้อนๆแล้วคลุมผ้าให้เหงือออก
8.ฟื้นฟูร่างกายวันหลังคลอดลูก นิยมให้หญิงข้างหลังคลอดลูก นิยมให้หญิงข้างหลังคลอดกินไก่ผัดขิง โดยเฉพาะไก่ดำตัวผู้จะยิ่งมีหยางมากกว่าไก่ตัวเมีย
ร่างกายของหญิงหลังคลอดจะเสียทั้งพลังหยางและเลือด มีน้ำในร่างกายตกค้างอยู่มากมายการกินไก่ผัดขิงจะเสริมอีกทั้งเลือดหยางช่วยให้การสรุปยซับอาหาร มีการขับระบายของเสียน้ำตกค้าง น้ำคาวปลาได้ดีขึ้นทำให้ร่างกายกลับสู่สภาวะธรรมดาเร็วขึ้น
ข้อควรไตร่ตรองสำหรับการทานขิง
-อาจทำให้เกิดภาวะแทรซ้อนในการท้องได้
มีบางการศึกษาพบว่าขิงมีความเชื่อมโยงกับภาวะแทรกซ้อนสำหรับเพื่อการตั้งท้อง รวมทั้งการแท้ง แต่ว่าสำหรับเพื่อการท้องรายอื่นๆนั้นๆไม่พบการกินขิงจะมีผลให้กำเนิดอาการเหล่านั้นขึ้น แถมยังช่วยลดอาการอาเจียนจากการแพ้ท้องได้อีกด้วย ด้วยเหตุนี้คุณควรไปขอความเห็นแพทย์ก่อ่นจะที่ใช้ขิงสำหรับในการรักษาอาการแพ้ท้องด้วยตัวเอง
-ทำให้มีการเกิดแผลร้อนในด้านในปากได้
ขิงเป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์ร้อน ถ้าเกิดหารรับประทานเข้าไปในปริมาณที่มากก็จะสามารถเยื่อบุภายในช่องปากมีการอักเสบจนเป็นอาการร้อนในได้ โดยเหตุนี้ไม่ควรกินขุงมากจนเกินความจำเป็น
-ยับยั้งการแข็งตัวของเลือด
การเรียนหนึ่งในหนึ่งในประเทศออสเตรเลียพบว่า ขิงนั้นมีสรรพคุณสำหรับการต้านการแข็งตัวของเลือดมากกว่ายาแอสไพริน สถานที่บันสุขภาพของออสเลียได้ออกคำตักเตือนเตือนให้งดการกินขิงในเวลาที่ใช้ยาละลายลิ่มเลือดเพราะว่าจะก่อให้เกิดการเสี่ยงสำหรับการเกิดอาการห้อเลือดหรืออาการเลือดหรืออาการเลือดออกได้ โดยเหตุนี้ถ้าหากว่าคุณมีอากเลือดออกเลือดออกไม่ดีเหมือนปกติหรือหรือกำลังใข้ยาละลายลิ่มเลือด ควรจะหลีก แกงเลียงการกินขิง
เมื่อรู้อย่างงี้แล้ว หวังหลายคนที่กำลังคิดจะใช้ขิงช่วยทุเลาลักษณะของโรคต่างๆก็น่าจะต้องระวังตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
เนื่องจากบางโอกาสถ้าเกิดราใช้ ขิงในการรักษาโรคหนึ่งแม้กระนั้นก็บางทีอาจช่วยกระตุ้นให้อีกโรคนั้นอาการเกิดขึ้นอีกได้ โดยเหตุนี้ควรกินขิงอย่างรอบคอบ แต่ถ้าหากว่าไม่แน่ใจล่ะก็ ควรขอคำแนะนำจากหมอก่อนเสมอ

หน้า: [1]