รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
การค้นหาขั้นสูง  

ข่าว:

SMF - Just Installed!

แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Topics - pussy22

หน้า: [1]
1
อื่น ๆ / ขายส่งมะรุม ความแตกต่างของผักแขยง
« เมื่อ: พฤศจิกายน 22, 2018, 07:07:53 PM »

ขายส่งมะรุม ไม่เหมือนกันของผักแขยง รวมทั้งกะออมผักในสกุล Scrophulariaceae หรือที่มักเรียกด้วยกันว่า ผักแขยง รวมทั้งผักกะออม รวมทั้งชื่ออื่นๆซึ่งพืชในตระกูลนี้ที่เจอในไทยมีประมาณ 20 จำพวกuyluil;มะรุมราคาถูก แม้กระนั้นio;ชนิi';i;io;io;io;oip';ดi;|ประเjtyjภท|จำพวกuliiujtyo}ที่พบได้มาdjtyhnygkuilio;กehtพบได้บ่อย แล้วก็นิยมyuktj แต่ในที่นี้ จะuktyktykอใช้ชื่อที่นิยมเรียกtyjมyukกมายเป็นชื่อเฉพาะเพื่อกำเนิดควาyukมแตกต่างขายส่งมะรุมเเคปซูล แล้วก็เด่tyนชัดขายส่งมะรุมเเคปซูลสำหรับการkyukแบ่งประเภทและชนิด เป็น1. ผักแขยง (นิยมเรียกมากมายในrehttyอีสาน) มีชื่yujkอวิทยาศาสตร์ว่า Likuilmuuinophyukuillayk omatica (Lam.) Meredr. มะรุมราคาถูกพบtyjtyบ่อยตามท้trjองนาในภาtykคอีสาน ถูกใjrtจyjtyเติบโตในที่น้ำนอง ytjyuukต้นอวeบน้ำ สีเขีukyยวอ่อน ดอกมีสีhjtyม่วuilงอ่อน ดอกyukแก่ม่วงเข้ม นtyjอกจyukyukากนี้ ยังพบจำพวกผัukyuกrkuykjtykjykyukytkyukแขยงที่มีลักษณyjtykนกัน|เหมืjtrนกัน|ด้วยเหมือนกัyykukนiul|เช่นเดียวกัน}2. ผักกะออม yukชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Limnophila geoffrayi Bonati. R พบได้มากในภาคทิศตะวันออrthjrtjก อีสานkyu รวtrjมuilทั้งเหนือมะรุมราคาถูก แตกต่างจากผักแtrขyjtยง เป็น ขอบของใบไม่โค้งเข้ากลางใบ ดอกมีสีม่วงเข้มกว่าขายส่งมะรุมเเคปซูล และถูกใจเติบโตในที่ชื้นบนบก รังrjเกียจพื้นที่น้ำขัง1. ผักแขยgrhtง (Limnophila aromatica (Lam.) Merr.)ผักแขยงชนิดนี้พjtyjtyบได้บ่อยในภาคตะวันออกtyjเฉียงเหนือ เจอเติบโตเฉพาะในฤดูฝนหรือหลังปลูกข้าวเสร็จuil เติบโตในแปลงนาที่มีน้ำขัง ทั้งนี้แปลงนาที่น้ำขังมากtyjมาย และก็ขังนิดหน่อยมะรุมราคาถูก แต่จะไม่พบเติบrthrtโrtytjถ้rjhrtjาหากแTYปลงที่jนาไม่มีน้ำหรืthrtอดินแห้งมาก jtyทั้งนี้rhjyt เTYJมื่อถึงช่วงเกี่ยวข้าว ผักแขยงจะออกดอrttyhก {และ|แลhrtะก็|แล้วก็|รวมทั้rtผล ซึ่งต้นจะJTYเริ่มแห้งตtyาtyย แล้วก็หล่นในปลายtyJTYJดือนขายส่งมะรุมเเคปซูลเดือjtyนพฤศจิกายน-เดือนธันวJYTาคม rthแต่ว่าเดี๋jtyjยวนี้เจอการhrTYแพร่กระจายน้อjวยเหตุว่JTYาเกษตรกรrthจะเกี่ยวข้าวด้วยมือ ทำให้ต้นผักuiuiแขยงส่วนมากผิดทำลายจjtyjนเtyหลือเติบโตrthจนกรuilะtyjทั่งผลแก่ jและเม็ดร่วงได้hshลักษณะทางhrtพฤกษศrthrtาสตร์ลำต้นต้นผักแขยง เป็น{พืชล้มลุก|ไม้ล้มลุกERมีขนปกคลุม ส่วนtyjhjมะรุมราคาถูกภายในJTYลำต้นกลวงเป็นรูอากาJTYศ ส่วนลำต้นนี้มีuiehกลิ่uilนแรงแรงมะรุมราคาถูก แล้วJTYก็ให้รjtyสเผ็ดใบใบผักแขยงขายส่งมะรุมเเคปซูล ใบเป็นใบผู้เดียวเป็นคู่ๆขายส่งมะรุมเเคปซูลตรงข้ามกันJTYบนลำต้น ซึ่jtyจะออกสลับข้างเรียงกันjนชั้นๆมีโคนใบติuykดกับลำต้น ซึ่งไJTYร้ก้านใบ โtyดยใบrtจะมีjtyกษณะรูปหอก โคนใบกว้าง ปลายใบแหลม แผ่นใบมีสีเขีergยว มีต่อมขนาดเล็ก TYJรวมทั้งมีขนปกคลุม เมื่hrtอจับจะรู้สึกสากมือht ส่วนขอบของใykjจะมีลักyukษณะหยักเป็นฟันJTYเลื่อย รวมทั้งขอบของใบโค้งขายส่งมะรุมเเคปซูลเข้าหากลางใบ ขนาดใบกว้าง 1-2 ซม. มะรุมราคาถูกและก็ยาว 2-5 ซม.JTY

Tags : ขายส่งมะรุม,ขายส่งมะรุมเเคปซูล

2

หญ้าหวาน ลักษณะทางวิชาพฤกษศาสตร์ลำต้นมะกอกป่าเป็นไม้ยืนต้นชนิดผลัดใบ แตกกิ่งน้อย ทรงพุ่มไม้มีลักษณะทรงกลม ทรงพุ่มหนาข้างหลังการแตกใบใหม่ตอนฤดูฝน ส่วนulหน้าuluแล้งจะทิ้ahtrtrhงใบจrtjhnkuilนกรyukทั่งหญ้าหวานเหลือแต่กิ่yukงtyjtyก้าน ลำต้นมีลัiljyukuiluกษณะทulรงกลilม รวมทั้งตั้งชัน สูงโดkylkuuliliuยtประมาณ 1uil5-25 เมตuilหรือมากยิ่งกว่า เปลือกลำต้นrhครึ้มrth มีluilสีเทาอykuilมน้ำตol;egาrthลหรือrthio;opjสีเทา';อมดำ บางต้ehนบางtyjyukjyuทีอuilจเจอราสีขาวก้าวkuหน้าบนเปลือกio; เปลืiu;liu;อกลำต้นอาoip';io;จเรียบหรือiแตกสะเก็ด ขึ้นอยู่กับอายุ ต้นที่แก่จะแตกสะเก็jtgjtyjดที่ผิวลำต้น เปลือกข้างในมีtyjสีน้ำตาlyio;ลอมชมพู ส่วนแก่นไม้เป็นไyiltyjม้เนื้อyukkอ่อนใaeuhgthredjtyบใบมะกอก เป็นใบประกuiอบแบบio;นนกชั้นเio;ยว แบบปลายใบคี่ มีก้io;านuiใบหลักออกเรียldykงเวีuilยนสลับกัuiน ก้านใบหลักยาวราวๆ 5-25 ซม. มีใบย่uliอยที่เรียงตรงข้ามกัน 4-6 คู่ และก็ใบย่อยเดี่ยวรอบๆปลายukjuilใบ 1 ใบ รkluilวมเป็น 9-13 ใบใบย่อยแyuต่ละใบมีรูปขykuilบyuขนาน ukค่อนข้างจะครึ้ม รวu;io;มทั้งหยาบคายk กkว้างโดยประมาyuk 3-5 เซนติเมตร ยาวประyukาณ 6-12 เuilซykyติเมyukตร มีก้านใบสั้น ประมาณ 0.2-0.8 ซม. โคนใบมน ปลายใบเป็นติ่งแหลม ขอบ รวมทั้งแผ่นใบเรียบ แม้กระนั้นขอบใบจะoi;เรียบไม่บ่อยนักกันหญ้าหวาน แผ่นใบมีเส้นกลางใบ รวมทั้งเส้นluกิ้งก้ulนใlioบ{มองเห็น|luเห็น|แoilลเห็lนulเด่นชัด แผ่นใบอ่อนหuilรือยอดอ่อนมีสีแดงเข้ม สีส้ม สีเขียวอมส้ม จากนั้นกลาrthยเป็นสีเขียวอ่อน แล้วก็เขียวเข้มตyukามอายุอกดอกมะกอกออกเป็นช่อhrthรอบๆปลายกิ่ง เป็นดอกแยกyuksเพtrjศบนuykช่อดอกเดียวykuyกันe ช่อดอกหลัdekกแตกแtyนงออกเป็นช่ouil;ย่io;อย บนช่อย่อยมีดio;อกrthyukthluiขนาดเล็o;กจำนi;วนไม่ใช่น้อย ดอกอ่อนมีลักษณะกลมสีเขียวสyukyดluil เมื่อบานจะมีสีขาวอมครีม ฐานดกมีกลีบเลี้ยง 5 กลีบ เป็นรูปถ้วย ส่วนกลีบดอกไม้ถัดมามี 5 กลีบ แต่ละกลีบมีรูปรี ปลายกลีบแหลม กึ่งกลางมีเกสรตัวผู้ และtrhเกสรตัวเมีย แต่ว่าแยกดอกกัน หuiluilรืออยู่ร่วมuilกันแม้กระนั้นเกสรอีjtyjtytyกประเภทเป็นหมัน เกสjtyรsdjytjตัวเมีjtyยปลายแยกเป็น 4 แฉกทั้งนี้ มะกอกจะเริ่มออกดอกตั้jtyjtuilyjyแต่ต้นโดยประมาณrthม.ย.-luilเดือนมิuilายน ต่jrthtyอจากนั้น จะทuliยอยมีดอก แล้วก็บานเรื่อยๆจนถึงฤดูหนrthาว หญ้าหวานแต่hrtheส่วนมากจะเจอออกดop'อก แลuilะก็ติดผลมากo'oop'มายในช่วงปลายหน้าหนาวผลผลมะกอกออกเป็นช่อ ได้ผลสด มีรูปไข่หรือกลมรี ขนtkjyukluioาดผล 2.5-3.5 เซนติเมตl;iop;op'ร ยาว 3-5 ซม.'op เปลือกผลบาง เป็นมัน ผลอ่อนมีสีเขียวสด ผลแก่หรือผลสุกมีสีเขียวอมเหลือง และมีจุดประสีน้ำตาลอมดำio;กระจัดกระจายทั่ว ด้านio;ในเป็นเนื้อผล มีลัio;กษณะชุ่มฉ่ำน้ำ มีความครึ้มของเนื้อผลราวio; 2-5 มิลลิเมตรหญ้าหวาน แล้วเป็นเม็ด ดังนี้ ผลมะกอกจะเริ่มสุกให้เก็บมากในช่วงต.ค.-เดือนมกราคมเมล็ดเม็ดมะกอkykกมีรูปไข่ มีขนาดใหญ่yukมากยิ่งกว่าปริมาณร้อยละ 80 ของพื้นที่ผล เปลือกเม็ดมีสีเหลือง ดก แข็ง แล้วก็เป็นเศษไม้ ภายในเป็นkyเนื้อเมล็ดอยู่กึ่งกลางคุณประโยชน์มะกอกป่า1. ผลดิบ และผลสุกมีรสเปรี้uilยว แล้วก็มีกลิ่นหอมหวน ใช้ปรุงรสของกิน ยกตัวอย่างเช่น– ผลดิบ และผลสุกใช้แทนมะนาวทำส้มตำ ส้มตำที่ใส่มะกอกจะมีรสเปรี้ยวธรรมชาติ ไม่เปรี้ยวจัด เกิดรสหวานน้อย ผลดิบจะใส่ราวๆ 2 ลูก โดยฝานเฉพาะเปลือก แล้วก็เนื้อใส่

Tags : หญ้าหวาน

3

ขายส่งเจียวกู่หลานชาเขียว มีทั้งผลดีแล้วก็โทษต่อสุขภาพมะเรชาเขียว.. เครื่องดื่มชาเพื่อสุขภาพ นับเป็นเครื่องดื่มสุดโปรดที่คนจำนะวนไม่น้อยชื่นชอบเจียวกู่หลานราคาถูกมากพอๆกับกาแฟ เพราะว่านอกเหนือจากจะให้รสความedkอร่อยแล้วขายส่งเจียวกู่หลานเเคปซูล เครื่องดื่มประเภทนี้ยังใ'io'ห้ความหอมหวานในแio'บบที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะบุคคล เว้นแต่ปdtkjykuระโยชน์จากชาเขียวที่o'มีต่อสุขภาพ การดื่มชาดังกล่าวยังพ่วงมาพร้dyfiou;'kuylyuilอมโทษด้วยเช่นกัน ซึ่งtliiuoluiluiluilวันนี้uilเราก็หยิบมาฝากกันแล้ว สำหรับผลดีเจียวกู่หลานราคาถูกรวมทั้งโทษจากชาเuyiluilขียว รวมถึงสาระน่ารู้อื่นๆเรียกว่าเกี่ยวกับuilชาเขียวอย่างครบวงจร โดยสามารถติดตามได้เลยดังนี้กว่าจะมuiluluyาเป็นชาเขีyi;oยวชาlulเขียuilวคือ ชาที่ได้มาจากต้นชา ซึ่งเป็นต้นที่มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Camuiellia sinensis โuilดยเป็นชาในชนิuilดที่uilไม่ผ่านกรรมวิธีหมักแต่อย่างใด ซึ่งคุณสามารถtrluiตระเตรียมเครื่องดื่มชuilาuiluilเขียวได้ โดยการนำใบชาเขียวสดมาผ่านควuiามร้อนเพื่อทำให้iulใบชyulาเกิuilio;op'p['p[ดความแห้งอย่างytkuyulรวดเร็วในส่วulนของเจียวกู่หลานราคาถูกกระบวนการทำก็คือ เริ่มต้นจากการเio;ก็บใบชาแล้วเอามาทำให้ylแห้งอย่างเร็วio;ในหม้อทองแoi โดยใช้ความร้อนuylที่ไม่สูงจนกรyulทั่งเหylyulลือเกิน รวมทั้งใช้มือสำหรับกาuiluiรกดเบาๆขายส่งเจียวกู่หลานเเคปซูลก่อนที่ใบชาจะเริ่มแห้ง แม้กระนั้นสำหรับผู้ใดที่ขายส่งเจียวกู่หลานเเคปซูลอยากได้ใช้วิธีสำหรับการอบไอน้ำขายส่งเจียวกู่หลานเเคปซูล ก็i;io;สามารถทำได้ด้วยการอบไอน้ำในระยะเวลาสั้นๆจากนั้นก็นำoi;ไปอบแห้งเพื่อเป็นการยับยั้งรูปแบบการทำงานของเอนไซม์ โดยความร้อนนั้นจะเป็นการช่วยในส่วนของการขัด;io;io;ขวางรูytปแบบการทำงาytนของโปรtyjนที่ทำioหน้าที่เร่งปjytฏิกิi;ริยาเคมีกระทั่งทำให้ไม่เจียวกู่หลานราคาถูกเกิดการสลายตัว ก็เลยเห็นได้ว่าใบชาที่ได้มานั้นแม้ว่าจะแห้งแม้กระนั้นก็ยังคงความใหม่เอาไว้และก็มีสีที่ค่อนข้างเขียวสำหรับใบชาที่ผ่io;านขั้นตอนขอio;ioงการหมักนั้น ;ioจะทำให้ใบช;srามีสารประกอบของฟีนอลขายส่งเจียวกู่หลานเเคปซูลเหลืออยู่มio;ioากกว่าในชาอู่หลงแล้วก็ชาดำ ด้วยเหตุว่าชาทั้งสองแบบนี้จะผ่านการหjtyมักดองมาก่อน จึงทำให้เกิดอาการชาเขียวเป็นชาที่มีฤทธิ์ในการต้านทานio;io;อo;iนุมูลอิสระมากกว่าชาทั้งสองชนิio;งสองประเภทioนั่นเอง นอกเหนือจากนี้ ชtytyjาเขียวยังมีสาร EGCG เจียวกู่หลานราคาถูกราวๆ 35-oi;50% แต่ว่าในชuilาอู่หลงจะมีสารดังyที่ได้กล่าวผ่านมาแล้วราวๆ 8-20% ขายส่งเจียวกู่หลานเเคปซูลและก็ชาดำจะyukมีสารดังกล่าวเจียวกู่หลานราคาถูกป;ioระมาณ 10% เท่าoi;yukนเก็บใบชาอย่างไyukรให้ได้ประสิทธิภาพหรับชyukาเขียวio;i;ที่มีคุณภาพนั้นจะไyukด้จากใบชาคู่อันดับหนึ่งและใบชาคู่ขายส่งเจียวกู่หลานเเคปซูลio;ที่สองfrtjtykyukสำนักงานเก็บจากยoi;io;อyuด ซึ่งชาคู่ที่หนึ่งแล้วก็สองนั้นคนจีนจะเรียกว่า บู๋อี๋yuk ส่วนใบชาคู่ที่สามเจียวกู่หลานราคาถูกและสี่จากยอดนั้น

Tags : ขายส่งเจียวกู่หลาน,เจียวกู่หลานราคาถูก

4

พริกไทย ชะอมจัดเป็นพืชสวนครัวซึ่งสามารถปลูกเป็นแถวกัน มียอดอ่อนให้ตัดกินได้ทุกฤดูกาล เป็นรั้วธรรมชาติที่กินได้ แล้วก็ยังเป็นพืชปลอดพิษที่ทำo'มาหากินได้ง่ายrtjtkuyk ราคาไม่แพงuykluiluo; ถึงแม้ว่าพริกไทยจะมีกลิ่นออกจะแkyuรง แต่ว่าก็ไม่ใช่ปัญหiulา เนื่องyukจากมีคุณค่าทางuykukอาหารสูง dekyryfkyukระyukกอบเมนูอาหารได้อย่างมyukากมาย อร่อyukykย แถมyukuilยังมีคุณประโยชน์ทางยาอีกด้วยชะอมชะอมเป็นไม้พุ่มขนาดเล็ก เป็นพืชที่ตลkyukอดทั้งyukนiuyukและก็กิ่งมีหนามแหลม มีใบเป็นใบประกอบเล็กๆลักษณะyuราวกับใบกระy'opukน มีกลิ่นแรงทุกส่วนของต้น ปลายใบเล็กแuilนำมา|เอามา}กิyukน ดอกชะอมจะออกตามซอกใบมีสีขtyาวหรือเหลืองนวล ปลูกขึ้นได้โดยแนวทางปักyuuilkชำ ตอนyukกิ่ง แข็งแรงกัyบสภาพแวดluiล้อมuiสิ่งแวyuดล้อม'op'เจริญ เป็นพืtjyชykyuyukที่มีบ้านเกิดเมืgergองนอนแถบเอเชียตuiluiluilะliulวันออกเฉียงใต้jytและเerอgเชียใluiต้คุณประโยluilชuiน์ทางโภuiชนukiulyาการในชะtyอม 1u00 กรัมerg ประกอบไปด้วยdfสารอาหารดังนี้ พluliลังงeopgl;iาน 57 กิโลiu'แop'opคliuลอรี่ เส้luiนใยอาหp'opoารjyuuil 5.gre7 กy'opukergรัม, อสtyop'yukฟอรัส 8op'0opuil กรัม, แคลเซียม 58jjtyjty กรัม, ธาตุเห'op'ล็ก 4.1 มิลลิกรัytkม, วิตามินเอ 10066erop'g IU (หน่erยสากล), วิ'opตาop'มินบี1 0.05op'มก., liuวิตามินบี2'op' 0.25 มิลลิกรัม, วิตามินop'บี 31.5 luiมิลtrลิกรัมgrt, วิตามินบี 58 ประโjtyยชน์ต่าjtyงๆที่ได้รัtyjบจากชะอม1. บำรุงายตuilา {เพราะ|เพราะว่าttyop'yj|เพราะเหtyjตุว่า|เนื่องจาก|เนื่ulองจากว่า|ด้วยเหjควjtyามร้อนภายในร่างกjyukuyาย ด้วยการ'opนำopยอดอ่อนมารับปtyjระทluiาน ส่วนนี้เป็นtyjtyjjส่วนที่นิยมรับปรtyhทานกัuilนเยอะที่สุuilด4. ช่วยขับลมในกระเพาะอา'opหาร ช่วยลดลมในกระเพwegejtytyjrgerhrtะ ทำให้คลายจากtyj6. พริกไทยแคลเซียมสูง เป็นประโยช'pouiluidktyjน์กัiuบk'opjyuสkuiliulตรีวัยทองที่กำลังจะiuluilไปสู่ภytาวการณ์กระyulดูกพรุน ชะอมสามารถyjtyช่วยได้ 'poเนื่องจากอุดมไปด้ว'po'op'ยแคล'opเซียมที่เป็'opนผ'opลดีกับกระดูกและฟัน7. รักษiuาก'opารอักเสบพริกไทย ดังเช่น อาการอักเสบที่ลิ้น และก็ลดอาการผื่นแดง8. มีฟอสฟอรัสสูง ธาตุฟอสฟop'op'opอรัสจะช่วยให้วิตามินต่างop'ๆปฏิบัติภารกิจได้อย่างมีคุณภาพสุดกำลัง9. อุดมด้วยธาตุเหล็ก โดยจะช่วยสำหรับเพื่อการบำรุงเลือดพริกไทย ช่วยทำให้ระบบการหมุนเวียนไปหล่อเลี้ยงร่างกายได้อย่างดีเยี่ยมขึ้น

5
อื่น ๆ / รู้จัก พญายอ สมุนไพรฆ่าเชื้อไวรัส
« เมื่อ: สิงหาคม 23, 2018, 03:33:42 AM »

[url=http://www.disthai.com/16913677/%E0%B8%9E%E0%B8%8D%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%AD-%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%A5%E0%B8%94%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%A2]พญายอ[/url][/size][/b]
พญายอเป็นไม้พุ่งแกมเลื้อย เถาและใบมีสีเขียวใบไม้ไม่มีหนาม ใบยาวเรียวปลายแหลม ออกตรงข้ามเป็นคู่ ดอกออกเป็นช่อ อยู่ที่ปลายกิ่ง แต่ละช่อมี 3-6 ดอก กลีบดอกเป็นดอกปลายแยกสีแดงอมส้ม
พญายอขึ้นได้งามในดินที่สมบูรณ์ แสงแดดปานกลาง พบได้ทั่วไปตามป่าในประเทศไทย หรือปลูกกันตามบ้าน ปลูกโดยใช้ลำต้นปักชำ เป็นต้นไม้ที่ปลูกง่าย ตัดกิ่งออกมาซัก 2-3 คืบ ปักขำให้รากออกมาดีแล้วก็ย้ายไปปลูกในแปลง ดูแลรักษาเหมือน พืชไม้ทั่วไป
ใบ เป็นยา ให้เก็บขนาดกลางที่สมบูรณ์ ไม่แก่หรือไม่อ่อนจนเกินไป ใบของพญายอสามารถลดอาการักเสบของหูได้ดี โดยเฉพาะส่วนที่สกัดด้วยสารละลาย “บิวทานอล” วงศ์สถิต ฉั่วกุล และคณะได้ศึกษาพบว่าสารสำคัญตัวหนึ่งเป็น “เฟลโวนนอยต์” ส่วนด้านที่มีการต้านพิษงูยังไม่ชัดเจน แต่ปลอดภัยพอที่จะใช้
ใบพญายอรักษาอาการอักเสบเฉพาะที่ (ปวด, บวม, แดง ร้อนแต่ไม่มีไข้) จากแมลงที่มีพิษกัดต่อย เช่น ตะขาบ แมงป่อง ผึ้ง ต่อ แตน รักษาโดยการเอาใบสดจากพญายอนี้มาสัก 10-15 ใบ (มากน้อยตามบริเวณที่เป็น) ล้างให้สะอาด ใส่ลงในครกตำยา ตำให้ละเอียด เติมแอลกอฮอล์พอชุ่มยา ตั้งทิ้งไว้ 1 สัปดาห์ หมั่นคนยาทุกวัน กรองน้ำยา ใช้น้ำ และกากทาบบริเวณที่เจ็บปวดบวม หรือที่ถูกแมลงสัตว์กัดต่อย
ข้อมูลจากงานวิจัยระบุว่า สารสกัดจากใบพญายอ สามารถฆ่าเชื้อไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคอีสุกอีใส งูสวัด (varicella zoster virus) ทั้งภายในและภายนอกเซลล์ คือ ยับยั้งไวรัสโดยตรง และยับยั้งการเพิ่มจำนสวนของไวรัส
ผู้ป่วยโรคเริมบริเวณอวัยยะสืบพันธุ์ที่ติดเชื้อครั้งแรกและติดเชื้อซ้ำ เมื่อรักษาโดยทาแผลของผู้ป่วยด้วยครีมพญายอ (5%) เปรียบเทียบกับยามาตรฐาน acyclovir พบว่า แผลของผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาด้วยยาจากสารสกัดใบพญายอและ acyclovir จะตกสะเก็ดภายในวันที่ 3 และหายภายในวันที่ 7 แสดงว่าครีมพญายอและครีม acyclovir มีประสิทธิภาพในการรักษาผู้ป่วยโรคเริมบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ให้หายได้เร็วพอกัน แต่ครีมพญายอ ไม่ทำให้เกิดอาการแสบระคายเคือง ในขณะที่ครีมทำให้แสบและราคาแพง
ผู้ป่วยโรคงูสวัด เมื่อรักษาโดยทาแผลด้วยครีมพญายอ (5%) วันละ 5 ครั้งทุกวัน ปรากฎว่าแผลจะตกสะเก็ดภายใน 1-3 วัน และหายภายใน 7-10 วัน พบว่าผู้ป่วยจะหายเร็วกว่าการใช้ยาชนิดอื่น และไม่พบอาการข้างเคียงใดๆ จากการใช้สารสกัดใบพญายอ
เห็นได้ชัดว่า สมุนไพรไทย พญายอ มีสรรพคุณมากมาย อย่างไรก็ตาม เพื่อป้องกันอันตรายจากการใช้สมุนไพร คุณผู้อื่นต้องศึกษาให้ละเอียด
ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์
รากของพญาปล้องทอง ประกอบด้วยสาร Lupeol, B-Sitosterol, Stigmasterol และมีการทดลองพบว่าสารสกัดด้วยสารละลายบิวทานอล (butanol) จากใบของพญาปล้องทอง มีสารประกอบฟลาโวนอยด์ (Flavonoid) สามารถระงับอาการอักเสบได้ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จึงได้มีการผลิต ครีมพญายอ ขึ้นเพื่อนำมารักษาผู้ป่วยโรคงูสวัดได้ ทำให้แผลตกสะเก็ดหายเร็ว ลดอาการปวดได้ดี และไม่พบผลข้างเคียงใดๆ จากการใช้ครีมพญายอ จึงไม่ทำให้เกิดอาการแสบระคายเคือง มีการนำมาออกจำหน่ายในระดับอุตสาหกรรม

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
เป็นไม้พุ่มรอเลื้อย สูง 1-3 เมตร มีลำต้นและกิ่งก้านสีเขียวเข้ม ใบเป็นใบเลี้ยงเดี่ยวออกเรียงตรงข้ามกัน รูปรีแคบขอบขนานกว้าง 1-3 ซม. ยาว 4-12 ซม. ดอกช่อ ออกเป็นกระจุกที่ปลายกิ่ง กลีบดอกสีแดงส้ม มีเกสรตัวผู้และเกสรตัวเมียยาวโผล่พ้นหลอดออกมา ปลายแยกเป็น 2 ปาก ผลเป็นผลแห้ง ไม่ค่อยออกดอก ส่วนมากขึ้นตามป่า หรือปลูกกันตามบ้าน ดังนั้นการขยายพันธุ์จึงทำได้โดยการปักชำหรือ การแยกเหง้าแขนงไปปลูก
วิธีการปลูก
การปลูกพญายอ ส่วนใหญ่ใช้กิ่งปักชำโดยเลือกกิ่งที่สมบูรณ์ปราศจากโรค ไม่แก่ หรือไม่อ่อนเกินไป ตัดกิ่งพันธุ์ให้มีความยาว 6-8 นิ้ว และมีตาบนกิ่งประมาณ 1-3 ตา ให้มีใบเหลืออยู่ที่ปลายยอด ประมาณ 1/3 ของกิ่ง ทาปูนแดงบริเวณรอยตัดของต้นตอ และกิ่งพันธุ์เพื่อป้องกันเชื้อรา ปักชำลงในถุงที่มีวัสดุปักชำเป็นดินร่วนปนทราย จะช่วยให้อัตราการออกรากของกิ่งชำสูง คุณภาพของรากดี และสะดวกในการขุดย้ายต้นไปปลูก โดยปักชำกิ่งลงในวัสดุปลูกลึกประมาณ 3 นิ้ว เอียง 45 องศา รดน้ำให้ชุ่มและรักษาความชื้นให้เพียงพอ โดยกิ่งชำไม่ควรถูกแสงแดดโดยตรง และควรดูแลความชื้นในอากาศ กิ่งปักชำจะออกรากภายใน 3-4 สัปดาห์ เมื่อกิ่งชำที่มีอายุ 3-4 สัปดาห์ ที่ชำไว้ในแปลงชำหรือในถุงชำ โดยใช้ช้อนขุดหรือเสียมแซะกิ่งชำลงปลูกในหลุมปลูกที่เตรียมไว้ 1 ต้นต่อหลุม กลบดิน และกดดินที่โคนให้แน่น รดน้ำหลังจากปลูกทันที
การเก็บ เก็บใบขนาดกลาง ไม่แก่หรืออ่อนจนเกินไป การเก็บเกี่ยวให้ใช้วิธีการตัดต้นเหนือระดับผิวดินประมาณ 10 ซม. หลังจากเก็บเกี่ยวแล้ว ต้นตอเดิมยังงอกแตกแขนงเติบโตได้อีก และสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตต่อไปได้
การดูแลรักษา ควรให้น้ำในระยะ 1-2 เดือนแรก ควรรดน้ำทุกวัน ถ้าแดดจัดควรรดน้ำเช้า-เย็น เมื่ออายุ 2 เดือนขึ้นไปแล้วอาจให้น้ำวันเว้นวัน ในฤดูฝนถ้ามีฝนตกอาจจะไม่ต้องให้น้ำ สามารถเจริญเติบโตได้ดีในดินอุดมสมบูรณ์ ชอบดินร่วนปนทรายระบายน้ำดี ไม่ชอบดินลูกรังหรือดินเหนียว ชอบอากาศร้อนชื้น ขึ้นได้ดีทั้งที่มีแดดและที่ร่ม
ลักษณะใบพญาปล้องทอง
ส่วนที่นำมาใช้ ใช้ได้ทั้งใบ และราก
ใบ

  • นำมารักษาอาการอักเสบ ถอนพิษ รักษาแผลร้อนในในปาก เริม งูสวัด ให้ใช้ใบสด 10-20 ใบ นำมาตำผสมกับเหล้าหรือ น้ำมะนาว คั้นเอาน้ำดื่มหรือเอาน้ำทาแผลและเอากากพอกแผล
  • นำมาทาบริเวณที่แมลงสัตว์กัดต่อยเป็นผื่นคัน ให้ใช้ใบสด 5-10 ใบ ตำขยี้ทาบริเวณที่เป็นแผลที่แพ้ จะยุบหายได้ผลดี
  • นำมาแก้แผลน้ำร้อนลวก ให้ใช้ใบตำเคี่ยวกับน้ำมะพร้าวหรือน้ำมันงา เอากากพอกแผลที่ถูกน้ำร้อนลวกหรือไฟไหม้ แผลจะแห้ง หรือ นำใบมาตำให้ละเอียดผสมกับสุรา มีสรรพคุณดับพิษร้อนได้ดี


รากพญายอ
ปรุงเป็นยาขับปัสสาวะ ขับระดู แก้ปวดเมื่อยบั้นเอว
http://www.disthai.com/

Tags : สมุนไพร เสลดพังพอน (พญายอ)

6


ราชพฤกษ์

คูน ประโยชน์และก็สรรพคุณของคูน หรือ ต้นราชพฤกษ์
ประวัติดอกราชพฤกษ์
           ต้นราชพฤกษ์ หรือ ต้นคูน เป็นต้นไม้พื้นบ้านของทวีปเอเชียใต้ ตั้งแต่ปากีสถาน ประเทศอินเดีย เมียนมาร์ และศรีลังกา โดยนิยมปลูกกันมากในเขตร้อน สามารถเติบโตเจริญใน แล้วก็มีชื่อเสียงในประเทศไทยมาหลายสิบปี โดยมีการเสนอให้ดอกราชพฤกษ์ เป็นดอกไม้ประจำชาติไทยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2506 แม้กระนั้นก็ยังมิได้บทสรุปกระจ่างแจ้ง จวบจนกระทั่งมีการลงชื่อให้เป็นดอกไม้ประจำชาติไทย ช่วงวันที่ 26 ต.ค. พ.ศ. 2544
ดอกไม้ประจำชาติไทย
           เพราะ ต้นราชพฤกษ์ ออกดอกสีเหลืองชูช่อ มองสง่างาม ทั้งยังมีสีตรงกับ สีทุกวันพระราชการเกิดของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ จึงถูกตั้งชื่อว่าเป็น "ต้นไม้ของพระมหากษัตริย์" และก็มีการเซ็นชื่อให้ต้นราชพฤกษ์ ยอดเยี่ยมใน 3 เครื่องหมายประจำชาติไทย โดยมี 1. ช้าง เป็นสัตว์ประจำชาติไทย 2. ศาลาไทย เป็นสถาปัตยกรรมประจำชาติไทย และก็ 3. ดอกราชพฤกษ์ เป็นดอกไม้ประจำชาติไทย
เหตุผลเลือกเป็นดอกไม้ประจำชาติไทย

  • เนื่องด้วยฯลฯไม้ท้องถิ่นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย และมีอยู่ทุกภาคของเมืองไทย
  • มีประวัติเกี่ยวพันกับจารีตหลักๆในไทยและฯลฯพืชที่มีความเป็นสิริมงคลที่นิยมนำมาปลูก
  • ใช้ประโยชน์ได้มากมาย เป็นต้นว่า ใช้เป็นยารักษาโรค ทั้งยังยังใช้ลำต้นเป็นเสาเรือนได้ เป็นต้น
  • มีสีเหลืองอร่าม พุ่มไม้งามเต็มต้น เปรียบเทียบเป็นเครื่องหมายที่ศาสนาพุทธ
  • แก่ยืนนาน และก็แข็งแรง


คูน หรือ ราชพฤกษ์ (Golden Shower, Indian Laburnum) เป็นพืชสมุนไพรชนิดยืนต้นขนาดกลางถึงขั้นใหญ่ ที่มีชื่อเรียกตามเขตแดนต่างๆตัวอย่างเช่น ภาคเหนือเรียก ราชพฤกษ์, ลมแล้ง หรือชัยพฤกษ์ ส่วนจังหวัดปัตตานีเรียก ลักเคย หรือลักเกลือ แล้วก็กะเหรี่ยง-กาญจนบุรีเรียก กุเพยะ เป็นต้น ซึ่งเป็นพืชสมุนไพรประจำถิ่นของทวีปเอเชียใต้ไปจนกระทั่งอินเดีย ศรีลังกา แล้วก็พม่า แล้วก็คูนหรือราชพฤกษ์นี้ยังเป็นดอกไม้ประจำชาติของไทยอีกด้วย
————– advertisements ————–
การดูแลและรักษา
           แสงสว่าง : อยากแสงอาทิตย์จัด หรือที่โล่งแจ้ง รวมทั้งเติบโตได้ดีในเป็นพิเศษ
           น้ำ : ชอบน้ำน้อย ควรรดน้ำ 7-10 วันต่อครั้ง สามารถทนกับสภาพอากาศร้อนก้าวหน้า
           ดิน : สามารถเติบโตก้าวหน้าในดินร่วนซุย ดินร่วนผสมทราย หรือดินเหนียว
           ปุ๋ย : นิยมใส่ปุ๋ยหมัก หรือ ปุ๋ยหมัก ในอัตรา 2-3 โลต่อต้น แล้วก็ควรให้ปุ๋ยปีละ 3-4 ครั้ง
ดอกราชพฤกษ์ ดอกไม้ประจำชาติไทย
การขยายพันธุ์
           วิธีขยายพันธุ์ต้นราชพฤกษ์ที่นิยมหมายถึงการเพาะเมล็ด โดยใช้เมล็ดสดๆมาขลิบด้วยกรรไกรตัดเล็บ แต่ว่าต้องเลือกขลิบรอบๆด้านป้าน เพราะว่าด้านแหลมจะมีต้นอ่อนอยู่ จากนั้นนำไปแช่น้ำสะอาดทิ้งเอาไว้ข้ามวัน แล้วก็ค่อยเทน้ำออกให้เหลือปริมาณพอหล่อเลี้ยงเม็ดได้ จากนั้นทิ้งเอาไว้อีกคืนก็จะเจอรากแตกออก รวมทั้งสามารถนำลงปลูกได้เลย
ความเชื่อเกี่ยวกับต้นราชพฤกษ์
           เชื่อว่าฯลฯไม้มงคล ที่ควรปลูกไว้ในทิศตะวันตกเฉียงใต้ และก็หากปลูกเอาไว้ภายในบ้านจะช่วยทำให้ทรงเกียรติตำแหน่ง เกียรติ แล้วก็เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทางไสยเวท โดยใช้ใบทำน้ำมนต์สะเดาะเคราะห์ เหตุเพราะเป็นไม้มงคลนาม
ลักษณะทั่วไปของคูน
สำหรับต้นคูนนั้นจัดว่าเป็นต้นไม้ขนาดกลาง โดยลำต้นมีสีน้ำตาลอมเทา มักขึ้นตามป่าผลัดใบ หรือในดินที่สามารถระบายน้ำได้ดิบได้ดี ส่วนใบจะมีสีเขียววาว โคนมน เนื้อใบสะอาดและก็บาง ดอกจะออกเป็นช่อ มีกลีบทรงไข่กลับอยู่ 5 กลีบ และก็เห็นเส้นกลีบเด่นชัด ฝักอ่อนมีสีเขียวรวมทั้งจะเป็นสีดำเมื่อแก่จัด และก็ในฝักจะมีฝาผนังเยื่อบางๆกั้นเป็นช่องๆอยู่ตามแนวขวางของฝัก และก็ภายในช่องพวกนี้จะมีเมล็ดสีน้ำตาลแบนๆอยู่
ต้นคูน หรือ ต้นราชพฤกษ์
ประโยชน์และก็คุณประโยชน์ของคูน
ใบ – ช่วยฆ่าพยาธิผิวหนัง ฆ่าเชื้อโรคต่างๆช่วยระบายท้อง สามารถใช้พอกแก้อาการปวดข้อ หรือแก้ลมตามข้อ รวมทั้งช่วยแก้โรคอัมพาตของกล้ามบนใบหน้า หรือนำไปต้มรับประทานแก้เส้นทุพพลภาพ และก็โรคที่มีปัญหาเกี่ยวกับสมอง ให้รสเมา
ดอก[url=http://www.disthai.com/16488365/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%9E%E0%B8%A4%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B9%8C]ราชพฤกษ์[/url] – ช่วยระบายท้อง แก้ไข้ แก้พรรดึก (ท้องผูก) และโรคกระเพาะของกิน แล้วก็แผลเรื้อรัง ให้รสขมเปรี้ยว
ราก – ช่วยสำหรับในการทำลายเชื้อคุดทะราด ระบายพิษไข้ แก้ขี้กลากหรือเกลื้อน แก้อาการเซื่องซึมหนักบริเวณหัว แล้วก็ช่วยถ่ายสิ่งสกปรกโสโครกออกมาจากร่างกาย แก้อาการหายใจขัด ทำให้ชุ่มชื่นหน้าอก แก้ลักษณะของการมีไข้ ไปจนถึงรักษาโรคหัวใจ ถุงน้ำดี มีฤทธิ์ถ่ายแรงกว่าเนื้อในฝัก สามารถใช้ได้กับเด็กหรือสตรีตั้งครรภ์ ไม่เป็นผลใกล้กันอะไรก็ตามให้รสเมา
แก่น – ช่วยในการขับพยาธิไส้เดือน ให้รสเมา
กระพี้ – ช่วยแก้โรครำมะนาด ให้รสเมา
เนื้อในฝัก – ใช้พอกเพื่อช่วยแก้อาการปวดข้อ แก้ตานขโมย แก้ไขไข้มาลาเรีย แก้บิด ถ่ายพยาธิ หรือผู้ที่มีลักษณะท้องผูกเรื้อรัง และก็ถ่ายเสมะแล้วก็แก้พรรดึก (ท้องผูก) ไปจนถึงระบายพิษไข้ สามารถใช้ได้ในเด็กและสตรีตั้งท้อง ไปจนกระทั่งเป็นยาระบายที่ไม่ทำให้ปวดมวนหรือไข้ท้อง ให้รสหวานเอียน
เปลือกฝัก – ทำให้แท้งลูก ทำให้คลื่นไส้ แล้วก็ขับเกลื่อนกลาดที่ค้างอยู่ออกมา ให้รสเฝื่อนเมา
เมล็ด – ทำให้อ้วก ให้รสขื่นเมา
เปลือกต้น – ช่วยแก้อาการท้องร่วง ใช้ฝนผสมกับหญ้าฝรั่น น้ำดอกไม้เทศ และก็น้ำตาล กินเพื่อให้กำเนิดลมเบ่ง ให้รสฝาดเมา
เปลือกราก – ช่วยแก้ไข้มาลาเรีย แล้วก็ระบายพิษไข้ ให้รสฝาด
ดอกคูน หรือ ดอกราชพฤกษ์
ต้นคูนมักนิยมปลูกเป็นไม้ประดับในพื้นที่เขตร้อนแล้วก็กึ่งเขตร้อน สามารถเติบโตเจริญในที่โล่งแจ้ง รวมทั้งปลูกได้ง่ายทั้งยังในดินร่วนซุย ดินร่วนซุยผสมทราย หรือดินร่วนเหนียว รวมทั้งยังทนต่อสภาพอากาศแห้งรวมทั้งดินเค็มได้ดี แต่ว่าหากอากาศหนาวจัดอาจจะเป็นผลให้ติดโรคราหรือโรคใบจุดได้http://www.disthai.com/

Tags : สมุนไพรราชพฤษ์

7

กระเทียม
ลักษณะทางกายภาพและเคมีที่ดี:
           ปริมาณน้ำไม่เกิน 68% w/w  ปริมาณขี้เถ้ารวมไม่เกิน 2.5% w/w  จำนวนเถ้าที่ไม่ละลายในกรดไม่เกิน 1% และก็จำนวนสารสกัดเฮกเซน แอลกอฮอล์ และน้ำ ราวๆ 0.52, 0.50 และก็ 15% w/w  ตามลำดับ เภสัชตำรับอังกฤษกำหนดปริมาณสาร alliin ไม่น้อยกว่า 0.45 % w/w
สรรพคุณ:
           แบบเรียนยาไทยใช้หัวกระเทียมเป็นยาขับลม แก้ลมจุกเสียด แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ แก้ธาตุทุพพลภาพ  อาหารไม่ย่อย ขับเสมหะ ขับเหงื่อ ลดไขมัน รักษาปอด แก้ปอดพิการ  แก้อุจจาระเป็นมูกเลือด  บำรุงธาตุ  กระจัดกระจายเลือด  ขับเยี่ยว แก้บวมพุพอง  ขับพยาธิ  แก้ตาปลา  แก้ตาแดง ร้องไห้  ตามัว รักษาโรคลักปิดลักเปิด  รักษาโรคมะเร็งคุด   รักษาริดสีดวง แก้ไอ  คุมกำเนิด แก้สะอึก  บำบัดรักษาโรคในอก แก้พรรดึก รักษาฟันเป็นรำมะนาด  แก้หูอื้อ แก้อัมพาต  ลมเข้าข้อ  แก้อาการชักของเด็ก พอกหัวเหน่าแก้ขัดเบา รักษาวัณโรค  แก้โรคประสาท แก้โรคหืด แก้ปวดมวนในท้อง บำรุงสุขภาพทางกามคุณ  ขับเลือดรอบเดือน  บำรุงเส้นประสาท   แก้ไข้   แก้ฟกช้ำดำเขียว แก้ปวดกระบอกตา แก้โรคในปาก แก้หวัดคัดจมูก   แก้ไข้เพื่อเสลด ทำให้ผมเงาสวย  บำรุงเส้นผมให้ดกดำ ใช้ภายนอก รักษาแผลเรื้อรัง รักษาขี้กลากโรคเกลื้อน แก้โรคผิวหนัง  ทาภายนอกทุเลาลักษณะของการปวดบวมตามข้อด้วยเหตุว่าเป็นยาพอกให้ร้อน ใช้พอกตรงที่ถูกแมลง ตะขาบ แมงป่องต่อยเป็นส่วนประกอบในตำรับยาเหลืองปิดสมุทร (แก้ท้องเดิน), ยาประสะไพล (ขับน้ำคร่ำ ในสตรีข้างหลังคลอด), ยาธาตุบรรจบ (แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ  ท้องเสีย ใช้กระเทียม 3 กลีบ ตีชงน้ำร้อน ใช้เป็นน้ำกระสายยา สำหรับยาผง)
         บัญชียาจากสมุนไพร: ที่มีการใช้ตามองค์ความรู้เริ่มแรก ตามประกาศคณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติ ในบัญชียาหลักแห่งชาติ เจาะจงการใช้กระเทียมในตำรับ “ยาแก้ลมอัมพฤกษ์” มีส่วนประกอบของหัวกระเทียมร่วมกับสมุนไพรประเภทอื่นๆในตำรับ มีสรรพคุณทุเลาลักษณะของการปวดตามเอ็น กล้ามเนื้อ มือ เท้า ตึงหรือชา ตำรับ "ยาประสะไพล" มีส่วนประกอบของหัวกระเทียมร่วมกับสมุนไพรชนิดอื่นๆในตำรับ มีสรรพคุณรักษาระดูมาไม่บ่อยนักหรือมาน้อยกว่าธรรมดา บรรเทาอาการปวดเมนส์  และขับน้ำคาวปลาในหญิงหลังคลอดบุตร
ต้นแบบและขนาดวิธีใช้ยา:
กระเทียมสด 2-5 กรัมต่อวัน กระเทียมแห้ง 0.4-1.2 กรัมต่อวัน น้ำมันกระเทียม 2-5 มิลลิกรัมต่อวัน สารสกัด 300-1,000 มิลลิกรัมต่อวัน หรือรูปแบบยาอื่นๆที่มีสาร alliin 4-12 มิลลิกรัมหรือสาร allicin 2-5 มิลลิกรัม
ขนาดแล้วก็การใช้สำหรับอาการท้องอืดท้องเฟ้อแน่นจุกเสียด:
ใช้กระเทียม  5-10  กลีบ ซอกซอยละเอียด  กินหลังรับประทานอาหาร หรือพร้อมของกิน
ขนาดแล้วก็วิธีการใช้สำหรับรักษากลากโรคเกลื้อน:
                   ฝานกระเทียมถูเสมอๆรอบๆที่เป็น  หรือตำแล้วขยี้ทาบริเวณที่เป็น  วันละ 2 ครั้ง ก่อนที่จะทายาใช้ไม้บางๆเล็กๆที่ได้ฆ่าเชื้อโรคแล้ว (โดยการแช่ในแอลกอฮอล์ 70%  หรือต้มในน้ำเดือด 10-15 นาที) ขูดบริเวณที่เป็น ให้ผิวหนังแดงๆก่อนทา เพื่อให้ตัวยาซึมลงไปได้ดีขึ้น เมื่อหายแล้วให้ป้ายยาต่ออีก 7-10 วัน
ขนาดรวมทั้งวิธีใช้สำหรับแก้ไอ:
                   ตำรายาไทยให้ใช้กระเทียม และขิงสดอย่างละเสมอกันตำละเอียด ละลายน้ำอ้อยสด คั้นเอาน้ำจิบแก้ไอ กัดเสมหะ ทำให้เสมหะแห้ง ตำราเรียนยาไทยบางตำรับให้คั้นกระเทียมกับน้ำมะนาวเติมเกลือใช้จิดหรือปัดกวาดคอ
องค์ประกอบทางเคมี:
           น้ำมันหอมระเหย โดยประมาณ 0.1-0.4% มีส่วนประกอบหลักเป็น allicin  ajoene  alliin  allyldisulfide diallyldisulfide ซึ่งเป็นสารประกอบกลุ่มกรุ๊ป organosulfur  สารในกลุ่มนี้ที่เจอในกระเทียมอย่างเช่น  สารกรุ๊ป S-(+)-alkyl-L-cysteine sulfoxides , alliin 1% , methiin 0.2% , isoalliin 0.06% และ cycloalliin 0.1% แล้วก็สารที่ไม่ระเหยเป็น สารกรุ๊ป gamma-L-glutamyl-S-alkyl-L-cysteines , gamma-glutamyl-S-trans-1-propenylcysteine 0.6% รวมทั้ง gamma-glutamyl-S-allylcysteine รวมโดยประมาณ 82% ของสารกลุ่ม organosulpur ทั้งหมดทั้งปวง ส่วนสารกรุ๊ป thiosulfinates (allicin) สารกรุ๊ป ajoenes (E-ajoene แล้วก็ Z-ajoene) สารกลุ่ม vinyldithiins (2-vinyl-(4H)-1,3-dithiin , 3-vinyl-(4H)-1,2-dithiin) และสารกรุ๊ป sulfides (diallyl disulfide , diallyl trisulfide) ซึ่งเป็นสารที่ไม่ได้เจอในธรรมชาติแม้กระนั้นเกิดขึ้นได้เนื่องมาจากการเสื่อมสภาพของสาร allin ซึ่งถูกสลายตัวด้วยโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมี alliinase จากนั้นจึงเกิดการรวมตัวกันใหม่ได้สาร allicin ซึ่งเป็นสารที่ไม่เสถียร เสื่อมสภาพได้สารกรุ๊ป sulfides อื่นๆด้วยเหตุผลดังกล่าวกระเทียมที่ผ่านแนวทางการสกัด การกลั่นน้ำมัน หรือความร้อน สารประกอบโดยมากที่เจอเป็นสารกรุ๊ป diallyl sulfide , diallyl disulfide , diallyl trisulfide และก็ diallyl tetrasulfide ส่วนกระเทียมที่ผ่านกระบวนการหมักในน้ำมัน สารประกอบที่พบส่วนใหญ่เป็น 2-vinyl-(4H)-1,3-dithiin , 3-vinyl-(4H)1,2-dithiin , E-ajoene และก็ Z-ajoene จำนวนของ alliin ที่เจอในกระเทียมสด ราว 0.25-1.15% สารกรุ๊ปอื่นๆที่เจอ ตัวอย่างเช่น สารเมือก รวมทั้ง albumin, scordinins, saponins 0.07% , beta-sitosterol 0.0015%, steroids, triterpenoids และ flavonoids
การเรียนรู้ทางเภสัชวิทยา: 
ฤทธิ์ปกป้องรักษาตับจากพิษ
      การทดสอบป้อนสาร diallyl disulfide (DADS) จากกระเทียมให้แก่หนูขาว ขนาดวันละ 50 รวมทั้ง 100 มิลลิกรัม/กิโลกรัม น้ำหนักตัว ในหนูแต่ละกรุ๊ป นานติดต่อกัน 5 วัน ก่อนเหนี่ยวนำให้ตับเกิดการเสียหายด้วยสาร carbon tetrachloride (CCl4) พบว่า DADS ทั้งสองขนาดสามารถคุ้มครองปกป้องตับเป็นพิษได้ การสำรวจลักษณะทางจุลกายตอนศาสตร์พบว่าสามารถยั้งความเสียหายของเซลล์ตับ โดยลดหลักการทำงานของเอนไซม์ aspartate transaminase (AST) แล้วก็ alanine transaminase (ALT) ในตับลงได้ ลดการแสดงออกของโปรตีนที่เกี่ยวเนื่องในกรรมวิธีอักเสบ รวมทั้งการถึงแก่กรรมของเซลล์ตับ ดังเช่น Bax, cytochrome C, caspase-3, nuclear factor-kappa B, I kappa B alpha นอกนั้นยังส่งผลเพิ่มการแสดงออกของโปรตีน รวมทั้งโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมีที่เกี่ยวพันในขั้นตอนต้านทานอนุมูลอิสระ ได้แก่ catalase, superoxide dismutase, glutathione peroxidase, glutathione reductase, glutathione S-transferase ผลจากการเรียนชี้ให้เห็นว่า สาร DADS จากกระเทียมมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและปกป้องรักษาตับจากพิษ โดยกลไกกระตุ้นการทำงานของ nuclear factor E2-related factor 2 (Nrf2) ซึ่งเป็น transcription factor หรือโปรตีนที่ควบคุมการแสดงออกของยีนที่ปฏิบัติภารกิจปกป้องรักษาเซลล์ และเยื่อจากอนุมูลออกซิเจนที่ว่องต่อปฏิกิริยา การกระตุ้น Nrf2 ส่งผลรั้งนำการสร้างโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมีต่อต้านอนุมูลอิสระ รวมทั้งสร้างโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมีในระบบการกำจัดพิษออกมาจากร่างกายในขั้นตอนที่ 2 (detoxifying Phase II  enzyme) และก็ยับยั้ง nuclear factor-kappa B ส่งผลให้ลดการผลิตสารที่เกี่ยวเนื่องกับการอักเสบลง และคุ้มครองปกป้องตับจากสารพิษได้ (Lee, et al, 2014)
ฤทธิ์ต่อต้านการอักเสบ
      เรียนฤทธิ์ต้านการอักเสบของสารสกัดน้ำโดยไม่ผ่านความร้อน (raw garlic) แล้วก็สารสกัดกระเทียมที่ผ่านการต้มแล้ว นำมาทดสอบในหลอดทดลอง โดยใช้เนื้อเยื่อของกระต่าย พบว่า raw garlic สามารถยับยั้งโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมี cyclooxygenase (ที่นำมาซึ่งการผลิตสารอักเสบ) แบบ non-competitive และ irreversible จากการเรียนรู้พบว่า raw garlic สามารถยับยั้งโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมี cyclooxygenase ได้ โดยมีค่า IC50 ต่อเกล็ดเลือด,ปอด แล้วก็เส้นเลือดแดงในกระต่ายพอๆกับ 0.35, 1.10 และ 0.90 mg ในเวลาที่กระเทียมที่ต้มแล้วมีฤทธิ์ยั้ง cyclooxygenase ได้น้อยเมื่อเปรียบเทียบกับกระเทียมที่ไม่ผ่านความร้อน เหตุเพราะองค์ประกอบสำคัญในกระเทียมนั้นถูกทำลายในขณะให้ความร้อน จากผลการศึกษาเรียนรู้และค้นคว้ารวมทั้งการวิจัยแสดงให้เห็นว่ากระเทียมน่าจะมีสาระสำหรับในการคุ้มครองโรคเส้นเลือดตันได้ (Ali, 1995)
      จากการรวบรวมงานศึกษาเรียนรู้วิจัย ที่ศึกษาเล่าเรียนฤทธิ์ต่อต้านการอักเสบของกระเทียม โดยสรุปพบว่ากระเทียมมีฤทธิ์ต้านทานการอักเสบผ่านหลายกลไก ดังต่อไปนี้คือ ต้านการอักเสบผ่าน T-cell lymphocytes โดยไปยับยั้ง SDF1a-chemokine-induced chemotaxis ส่งผลให้การมารวมกรุ๊ปกันของสารที่นำมาซึ่งการอักเสบลดน้อยลง, ยับยั้ง transendothelial migration of neutrophils มีผลให้ลดการเคลื่อนที่ของเม็ดเลือดขาวประเภท neutrophil ในกรรมวิธีอักเสบลง, ยั้งการหลั่งสาร TNFα ซึ่งเป็นสารเริ่มต้นในกระบวนการอักเสบ, กดการสร้างอนุมูลไนโตรเจนที่ว่องไวต่อการเกิดปฏิกิริยาการอักเสบ และการทำงานผ่าน ERK1/2  2 กลไก อย่างเช่น การยับยั้ง phosphatase-activity (directly related with ERK1/2 phosphorylation) แล้วก็การเพิ่ม phosphorylation of ERK1/2 kinase (ผ่านทาง p21ras protein thioallylation) มีผลทำให้การอักเสบลดน้อยลง (Martins, et al, 2016)

ฤทธิ์ต้านทานเชื้อแบคทีเรีย
      การทดลองความสามารถสำหรับการต่อต้านเชื้อ Escherichia coli ซึ่งป็นเชื้อก่อโรคทางเดินอาหาร ของสารสกัดหัวกระเทียมด้วย เอทานอล เมทานอล  อะซิโตน  รวมทั้งการสกัดสดโดยแนวทางกดดันแบบเย็น โดยใช้แนวทาง microdilution broth susceptibility test พบว่าการสกัดสดมีค่า MIC แล้วก็ค่า MBC น้อยที่สุด (3.125กรัมต่อลิตร) รวมทั้งรองลงมาคือ สารสกัดจากตัวทำละลาย เอทานอล เมทานอล และก็อะซิโตน ให้ค่า MIC แล้วก็ MBC เสมอกัน (6.25กรัมต่อลิตร) หมายความว่าสารสกัดสดมีสมบัติสำหรับเพื่อการยับยั้ง รวมทั้งทำลายเชื้อแบคทีเรียเยี่ยมที่สุด เนื่องด้วยในกระเทียมสดมี allin เป็นสารประกอบกำมะถันที่สำคัญ เมื่อกระเทียมสดถูกบด หรือผ่านกระบวนการดัดแปลง allinase จะถูกปลดปล่อยออกมาจากด้านใน vacuole ของเซลล์ และก็อาศัยน้ำเป็นกลไกสำหรับการทำปฏิกิริยาได้เป็น allicin ซึ่งเป็นสารที่มีความสามารถสำหรับเพื่อการยับยั้งเชื้อจุลินทรีย์ ซึ่งวิธีการสกัดสดช่วยทำให้แนวทางการทำปฏิกิริยาระหว่างสาร allin แล้วก็ allinase ดีขึ้น เหตุเพราะจะต้องใช้เวลาสำหรับเพื่อการบีบเค้นน้ำกระเทียมซึ่งช่วงเวลาดังที่กล่าวมาข้างต้นช่วยทำให้กระบวนการทำปฏิกิริยาระหว่างสารเยอะขึ้นเรื่อยๆ อาจก่อให้ได้ allicin มากขึ้น (ภรภัทร แล้วก็รังสินี, 2554)
ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ
         เมื่อนำสารสกัดกระเทียมที่ได้จากการบ่มสกัด (aged garlic extract (AGE) ด้วย 20 % เอทานอล เป็นเวลา 20 เดือน ที่อุณหภูมิห้อง เอามาทดสอบการต้านการเกิดปฏิกิริยาขบวนการออกซิเดชันของไลโปโปรตีนประเภทความหนาแน่นต่ำ หรือต่อต้านการเกิด oxidized LDL (ซึ่งเป็นต้นเหตุหนึ่งที่ส่งผลให้เกิดภาวะเส้นเลือดแดงแข็ง) โดยนำ LDL ที่แยกได้จากคนมาทดสอบในภาวการณ์ที่มีหรือไม่มี AGE โดยใช้ CuSO4 รวมทั้ง 5-lipoxygenase รั้งนำให้กำเนิด oxidized LDL และทดลองสารสกัดของ AGE ผลการทดสอบพบว่า AGE มีฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระโดยลดการผลิต superoxide ion (อนุมูลอิสระของออกสิเจน) แล้วก็ลดการเกิด lipid peroxide (ออกซิเดชันของไขมัน)  โดย AGE 10%v/v เมื่อใช้น้ำเป็นตัวทำละลาย สามารถยั้งการเกิด superoxide ได้อย่างสมบูรณ์ ส่วนสารสกัด 10% v/v จาก diethyl ether ของ AGE ให้ผล 34%  ฤทธิ์ลดการเกิด lipid peroxidation ของ LDL พบว่าสารสกัด 10% v/v จาก diethyl ether ลดการเกิด lipid peroxidation ที่เกิดจากการเหนี่ยวนำของ Cu2+ และก็ 5-lipoxygenase ได้ 81% รวมทั้ง 37% ตามลำดับ สรุปได้ว่า AGE ส่งผลยั้งการเกิด oxidation ของ LDL โดยลดการผลิต superoxide และยับยั้งการเกิด lipid peroxide  ฉะนั้น AGE จึงอาจมีหน้าที่สำหรับเพื่อการปกป้องการเกิดสภาวะหลอดเลือดแดงแข็งตัว (atherosclerotic disease) ได้ (Dillon, et al, 2003)
      การเล่าเรียนฤทธิ์ต้านทานอนุมูลอิสระของสารสกัดหัวกระเทียมด้วย เอทานอล เมทานอล  อะซิโตน  และก็การสกัดสดโดยวิธีบีบคั้นแบบเย็น ทดสอบโดยแนวทางการยับยั้งอนุมูลอิสระ DPPH, การต้านออกซิไดส์จากสาร hydrogen peroxide (hydrogen peroxide (H2O2) scavenging activity ผลของการทดสอบฤทธิ์ยั้งอนุมูลอิสระ DPPH พบว่าการสกัดกระเทียมด้วยตัวทำละลายอะซิโตน ให้ค่า IC50 น้อยที่สุด พอๆกับ 3.58±0.02 mg/ml รองลงมา อาทิเช่น สารสกัดเมทานอล เอทานอล และการสกัดสด ตามลำดับ โดยมีค่า IC50 พอๆกับ 3.72±0.03, 4.47±0.20 และก็ 55.36±3.96 mg/ml เป็นลำดับ  ผลการต้านทานสารออกสิไดซ์ที่รุนแรง ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ (H2O2) พบว่าสารสกัดด้วยตัวทำละลายเมทานอล มีโภคทรัพย์การต้านออกสิไดส์ของสาร H http://www.disthai.com/

8

กระเทียม
กระเทียมกับผลดีต่อสุขภาพ
กระเทียม เป็นพืชล้มลุกที่มีหัวลักษณะเป็นทรงกระเปาะอยู่ใต้ดินเช่นเดียวกับหัวหอม ซึ่งแต่ละหัวจะประกอบด้วย 6-10 กลีบ นิยมนำมาใช้เป็นเครื่องปรุงเข้าครัว กระเทียมเป็นพืชที่ค่อนข้างจะไม่เหมือนกับพืชทั่วไป เนื่องจากอุดมไปด้วยกำมะถันหรือซัลเฟอร์ในปริมาณมาก ยิ่งกว่านั้นกระเทียมประกอบไปด้วยสารอาหารอื่นๆอีกมากมาย ได้แก่ อาร์จีนีน (Arginine) โอลิโกแซ็คคาไรด์ (Oligosaccharides) ฟลาโวนอยด์ (Flavoniods) รวมทั้งซีลีเนียม (Selenium) ซึ่งล้วนเป็นสารอาหารที่มีสาระต่อสภาพร่างกาย
กระเทียม
ผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อยบางทีอาจจดจำกระเทียมได้จากกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งเป็นผลมาจากสารอัลลิซิน (Allicin) นอกเหนือจากที่จะทำให้กระเทียมมีกลิ่นที่สะดุดตาแล้ว อัลลิซินยังเป็นสารออกฤทธิ์หลักที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกาย และก็อาจมีส่วนช่วยรักษาโรคหรือทำให้อาการต่างๆดีขึ้น โดยที่หลายท่านมั่นใจว่าการกินกระเทียมอาจช่วยทุเลาอาการที่เกี่ยวข้องกับหัวใจและก็หลอดเลือด ความดันโลหิต คอเลสเตอรอล บรรเทาหวัด รวมทั้งใช้น้ำมันกระเทียมเป็นยาทาภายนอกเพื่อรักษาอาการติดเชื้อโรคทางผิวหนัง เล็บ หรือช่วยรักษาอาการผมร่วงอีกด้วย
ดังนี้สิ่งที่ใช้ในการพิสูจน์หรือหลักฐานทางการแพทย์มีมากมายน้อยเท่าใดที่จะช่วยยืนยันสรรพคุณ ผลดี แล้วก็ความปลอดภัยของการรับประทานกระเทียมที่มีบทบาทหรือส่วนช่วยสำหรับการรักษาโรคเหล่านี้
ความดันเลือดสูง อัลลิซินซึ่งเป็นสารออกฤทธิ์ที่พบได้ในกระเทียมสดหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาการที่มีส่วนประกอบของกระเทียม อาจมีส่วนช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อเรียบที่เรียงหน้าในเส้นโลหิตแล้วก็ส่งผลให้เส้นโลหิตขยายตัวแล้วก็ทำให้ระดับความดันโลหิตลดต่ำลง ซึ่งสอดคล้องกับการทดลองชิ้นหนึ่งให้ผู้ป่วยที่มีระดับความดันโลหิตสูงโดยที่มีค่าความดันซิสโตลิก (Systolic Blood Pressure: SBP) มากกว่าหรือเท่ากับ 140 มิลลิตรปรอท รับประทานกระเทียมบ่มสกัด (Aged Garlic Extract: AGE) ขนาด 960 มก. เป็นเวลา 12 สัปดาห์ พบว่าค่าความดันซิสโตลิกลดลดลงมากกว่าเมื่อเทียบกับผู้เจ็บป่วยที่กินยาหลอก จึงอาจจะกล่าวว่าการรับประทานกระเทียมบ่มสกัดอาจมีคุณภาพสำหรับในการรักษาคนป่วยความดันโลหิตสูงได้ดีมากยิ่งกว่ายาหลอก
ต่อให้มีการทดสอบอีก 2 ชิ้นที่บ่งบอกถึงถึงสมรรถนะของกระเทียมสำหรับในการลดระดับความดันโลหิตได้ดีมากยิ่งกว่าการใช้ยาหลอก แต่ว่าเพราะว่าผลการทดสอบบางทีอาจยังไม่แม่นยำพอเพียงที่จะสรุปคุณภาพของกระเทียมได้ว่าสามารถรักษาหรือลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและก็เส้นเลือดในคนไข้ความดันเลือดสูง จึงยังควรต้องเล่าเรียนเพิ่มเติมอีกเพื่อยืนยันสมรรถนะที่ชัดเจนยิ่งขึ้น
มะเร็ง ความข้องเกี่ยวของการบริโภคกระเทียมและการเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งยังคลุมเครือรวมทั้งยังคงเป็นที่โต้เถียงกันอยู่ ซึ่งจะมองเห็นได้จากการศึกษาเรียนรู้ชิ้นหนึ่งที่ให้ชาวจีนทั้งเพศชายรวมทั้งเพศหญิงที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งกระเพาะอาหารปริมาณกว่า 5,000 คน รับประทานสารอัลลิทริดินขนาด 200 มก.ต่อวัน ร่วมกับสารซีลีเนียมขนาด 100 ไมโครกรัมวันเว้นวัน ซึ่งล้วนเป็นสารสกัดที่ได้จากกระเทียม โดยทำการทดสอบตรงเวลา 5 ปี แล้วก็เมื่อเปรียบเทียบกับกรุ๊ปที่กินยาหลอกแล้วพบว่ากรุ๊ปที่กินสารอัลลิทริดินร่วมกับสารซีลีเนียมมีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดเนื้องอกลดน้อยลง 33 เปอร์เซ็นต์ แล้วก็มีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งกระเพาะอาหารต่ำลงถึง 52 เปอร์เซ็นต์
อย่างไรก็ตาม มีการศึกษาค้นคว้าอีก 19 ชิ้นแสดงให้เห็นว่า ยังไม่เจอหลักฐานที่น่าไว้ใจถึงที่เหมาะจะช่วยส่งเสริมความข้องเกี่ยวของการบริโภคกระเทียมต่อการเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งหน้าอก มะเร็งปอด หรือโรคมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก แล้วก็มีหลักฐานที่ค่อนข้างจะจำกัดที่สนับสนุนว่าการบริโภคกระเทียมอาจช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งหลอดของกิน โรคมะเร็งกล่องเสียง โรคมะเร็งในช่องปาก หรือมะเร็งรังไข่
ทั้งนี้สถาบันโรคมะเร็งแห่งชาติประเทศสหรัฐอเมริกา (NCI) ได้บอกว่ากระเทียมเป็นผักประเภทหนึ่งที่อาจมีคุณลักษณะต้านมะเร็ง แต่ว่ายังมีต้นสายปลายเหตุอื่นๆเป็นต้นว่า รูปแบบของสินค้าที่ทำมาจากกระเทียม หรือจำนวนความเข้มข้นที่หลากหลาย อาจก่อให้พิสูจน์ถึงสมรรถนะของกระเทียมได้ยาก รวมทั้งเมื่อเวลาผ่านไปหรือเก็บเอาไว้ในสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม ก็อาจจะส่งผลให้ความสามารถของกระเทียมหมดลงไปได้เช่นเดียวกัน
แก้หวัด ผู้คนจำนวนมากมั่นใจว่ากระเทียมมีฤทธิ์ต่อต้านเชื้อจุลินทรีย์รวมทั้งเชื้อไวรัส และก็มีการประยุกต์ใช้เพื่อคุ้มครองแล้วก็บรรเทาอาการหวัดมาอย่างช้านาน ซึ่งสอดคล้องกับการเรียนรู้ชิ้นหนึ่งที่ให้อาสาสมัครปริมาณ 146 คน กินสารสกัดจากกระเทียมรูปแบบเม็ดซึ่งประกอบไปด้วยสารอัลลิสินขนาด 180 มก.วันละ 1 ครั้ง ตรงเวลา 12 สัปดาห์ แล้วให้อาสาสมัครจดบันทึกอาการเมื่อเป็นหวัด พบว่าในกลุ่มที่กินสารสกัดจากกระเทียมมีรายงานการเป็นหวัดปริมาณ 24 ครั้ง ซึ่งน้อยกว่าเมื่อเทียบกับกรุ๊ปที่กินยาหลอกที่มีรายงานการเป็นหวัดปริมาณ 65 ครั้ง อีกทั้งยังพบว่าช่วงเวลาของการเป็นหวัดในกรุ๊ปที่รับประทานสารสกัดจากกระเทียมมีปริมาณวันที่น้อยกว่า แต่ระยะเวลาการฟื้นฟูสภาพจากอาการหวัดของอีกทั้ง 2 กลุ่มมีความไม่เหมือนกันเพียงแค่เล็กๆน้อยๆ แม้ว่าผลของการทดสอบข้างต้นจะแสดงให้เห็นถึงความสามารถของกระเทียม แต่ว่าหลักฐานการทดลองทางคลินิกยังไม่เพียงพอและควรต้องเล่าเรียนเสริมเติมเพื่อรับรองคุณภาพของกระเทียมให้แจ้งชัดเพิ่มขึ้น
ลดความอ้วนรวมทั้งมวลไขมัน ในคนไข้ภาวการณ์ไขมันพอกตับ ที่มิได้เกิดขึ้นจากการดื่มแอลกอฮอล์ แต่ว่ามักเกิดจากโรคอ้วน เบาหวานชนิดที่ 2 ความดันเลือดสูง และไขมันในเลือดสูง ซึ่งการดูแลและรักษาด้วยการกินยา การผ่าตัด หรือลดความอ้วนบางทีอาจไม่พอ หากไม่ดูแลเรื่องการทานอาหารควบคู่ไปด้วย การกินกระเทียมก็เลยบางทีอาจเป็นโอกาสหนึ่งที่น่าสนใจ เพราะว่ากระเทียมเป็นพืชสมุนไพรที่อุดมไปด้วยกำมะถันหรือซัลเฟอร์และสารอาหารอื่นๆที่อาจมีคุณสมบัติปกป้องสภาวะอ้วน ซึ่งสอดคล้องกับการศึกษาเรียนรู้วิจัยชิ้นหนึ่งที่ให้ผู้เจ็บป่วยไขมันพอกตับที่ไม่ได้มีเหตุมาจากการดื่มแอลกอฮอล์ทั้งสิ้นศชายแล้วก็ผู้หญิง อายุตั้งแต่ 20-70 ปี จำนวนทั้งปวง 110 คน กินกระเทียมผงจำพวกแคปซูลขนาด 400 มก. ซึ่งข้างในประกอบไปด้วยสารอัลซิลินขนาด 1.5 มก. วันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 15 สัปดาห์ โดยสามารถกินอาหารได้ตามปกติ แต่ว่ารับประทานกระเทียมได้ไม่เกินสัปดาห์ละ 2 กลีบ จากผลของการทดสอบชี้ให้เห็นว่า น้ำหนักรวมทั้งมวลร่างกายต่ำลงอย่างเป็นจริงเป็นจังเมื่อเทียบกับกรุ๊ปที่รับประทานยาหลอก จึงอาจจะกล่าวว่าการรับประทานกระเทียมบางทีอาจช่วยลดปริมาณไขมันในตับและก็คุ้มครองหรือชะลอการเกิดสภาวะไขมันพอกตับที่มิได้มีต้นเหตุจากการดื่มแอลกอฮอล์ แม้กระนั้นการเล่าเรียนในอนาคตยังต้องดีไซน์การทดสอบให้ดีขึ้นและควรเพิ่มช่วงเวลาสำหรับการทดลองเพื่อยืนยันประสิทธิภาพของกระเทียมให้แจ่มชัดเพิ่มขึ้น
ลดระดับคอเลสเตอรอล หลักฐานเกี่ยวกับความสามารถของกระเทียมต่อการลดระดับคอเลสเตอรอลยังคงขัดแย้ง ก็เลยทำให้ยังไม่สามารถที่จะสรุปได้อย่างแจ่มแจ้ง ซึ่งสอดคล้องกับการทดสอบและก็การเรียนรู้โดยการทบทวนงานศึกษาค้นคว้าและทำการวิจัยที่เกี่ยวพันปริมาณ 29 ชิ้น ได้ทำให้เห็นว่า การกินกระเทียมอาจช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลรวมได้บางส่วน แต่ว่าไม่ส่งผลให้ระดับคอเลสเตอรอลประเภทที่ดี (High-Density Lipoprotein: HDL) เพิ่มสูงขึ้น หรือไม่ทำให้ระดับคอเลสเตอรอลจำพวกที่ไม่ดี (Low-Density Lipoprotein: LDL) ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจลดลงอะไร ก็เลยยังควรต้องศึกษาเพิ่มเติมอีกเพื่อหาข้อสรุปรวมทั้งรับรองประสิทธิภาพของกระเทียมต่อระดับคอเลสเตอรอลที่แจ่มกระจ่างยิ่งขึ้น

ความปลอดภัยสำหรับเพื่อการกินกระเทียม
การกินกระเทียมค่อนข้างจะไม่เป็นอันตรายถ้าหากกินในปริมาณที่เหมาะสม แต่ว่าอาจจะส่งผลให้เป็นผลข้างๆได้ ตัวอย่างเช่น ปากเหม็น มีกลิ่นเต่า รู้สึกแสบร้อนที่บริเวณปากหรือที่กระเพาะอาหาร แสบร้อนกลางอก ท้องเฟ้อ อ้วก อาเจียน หรือท้องร่วง อาการเหล่านี้บางทีอาจทวีความร้ายแรงขึ้นเมื่อรับประทานกระเทียมสด อีกทั้งการใช้กระเทียมสดทาหรือสัมผัสที่รอบๆผิวหนังอาจจะทำให้เกิดอาการแสบร้อนและเคืองได้
ข้อควรไตร่ตรองสำหรับเพื่อการรับประทานกระเทียมโดยยิ่งไปกว่านั้นบุคคลในกลุ่มต่อแต่นี้ไป
คนที่กำลังมีท้องหรือคนที่อยู่ในช่วงให้นมลูก การรับประทานกระเทียมในตอนการมีครรภ์ค่อนข้างจะไม่มีอันตรายหากกินเป็นของกินหรือในปริมาณที่สมควร แต่ว่าอาจไม่ปลอดภัยถ้ากินกระเทียมเป็นยารักษาโรค ทั้งยังไม่มีช้อมูลที่น่าไว้วางใจเพียงพอเกี่ยวกับความปลอดภัยของการทากระเทียมที่รอบๆผิวหนังในช่วงการตั้งท้องหรือให้นมบุตร
เด็ก การกินกระเทียมในปริมาณที่สมควรและก็ในระยะสั้นๆบางทีอาจปลอดภัยสำหรับเด็ก แต่การใช้กระเทียมทาบริเวณผิวหนังอาจก่อให้เกิดอาการแสบร้อนและก็เคือง
คนที่มีปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะอาหารหรือการย่อยของอาหาร อาจก่อให้มีการเคืองที่ทางเดินของกินได้
คนที่มีความดันโลหิตต่ำ การรับประทานกระเทียมอาจจะเป็นผลให้ระดับความดันเลือดลดลดลงมากกว่าธรรมดา
ผู้ที่วางแผนเข้ารับการผ่าตัด ควรหยุดกินกระเทียมก่อนการผ่าตัดอย่างต่ำ 2 สัปดาห์ด้วยเหตุว่าอาจทำให้เลือดออกมากและมีผลต่อความดันเลือดในระหว่างการผ่าตัด และผู้ที่มีสภาวะเลือดออกแตกต่างจากปกติไม่ควรรับประทานกระเทียม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระเทียมสด เพราะเหตุว่าบางทีอาจเพิ่มการเสี่ยงให้เลือดออกได้ง่ายดายมากยิ่งขึ้น
ผู้ที่อยู่ในระหว่างการกินยารักษาโรค ดังเช่น ไอโซไนอะสิด เพราะกระเทียมบางทีอาจลดการดูดซึมของยาภายในร่างกายและมีผลต่อความสามารถแนวทางการทำงานของยา รวมถึงไม่ควรรับประทานกระเทียมในระหว่างใช้ยาดังต่อไปนี้
ยารักษาการติดเชื้อไวรัสที่เป็นสาเหตุของโรคภูมิคุ้มกับบกพร่องหรือโรคเอดส์
ยาคุม
ยาต้านการแข็งตัวของเลือด
ยาต่อต้านเกล็ดเลือด
http://www.disthai.com/

Tags : สมุนไพรกระเทียม

9

กระเทียม
คุณประโยชน์กระเทียม
ปรับความดันโลหิตให้อยู่ในระดับธรรมดา
ลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด
ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด จึงเหมาะกับคนไข้เบาหวาน
บำรุงเลือด ป้องกันอาการโลหิตจาง
เพิ่มภูมิต้านทานให้กับร่างกาย
ป้องกันโรคหัวใจ
ลดท้องผูก ทำให้ระบบขับถ่ายปฏิบัติงานก้าวหน้าขึ้น
ช่วยขับลม แก้อาการจุดเสียดแน่นท้อง
คุ้มครองไข้หวัด ยั้งการเจริญเติบโตของไวรัส แบคทีเรีย เชื้อรา
มีสารต้านอนุมูลอิสระ บำรุงผิวพรรณ และก็ลดความเสี่ยงสำหรับเพื่อการเป็นโรคโรคมะเร็ง
chopped-garlicsiStock
กระเทียม กับ 10 ประโยชน์ดีๆที่พวกเราอยากให้คุณทานแต่ละวัน
แนวทางทานกระเทียมให้ได้ประโยชน์
สารอัลลิซินในกระเทียมที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายของเรา จะต้องผ่านการหั่น สับ ทุบ หรือบด ควรต้องหั่น สับ ทุบ หรือบดกระเทียมก่อนนำมาปรุงอาหาร 5-10 นาที ขึ้นรถอัลลิซินนี้จะไม่สลายหายไปเมื่อถูกความร้อน ฉะนั้นจะทานสด หรือจะปรุงอาหารในน้ำมันก็ไม่เป็นไร
จำนวนกระเทียมที่ควรทานต่อวัน
ในวัยผู้ใหญ่สามารถทานกระเทียมได้ราวๆ4 กรัมต่อวัน แต่ว่าไม่สมควรทานมากเกินกว่านี้ต่อเนื่องกันเกิน 10 วัน เพราะจะเพิ่มความเสี่ยงภาวะเลือดแข็งตัวช้า  หรือเลือดไหลไม่หยุดเมื่อกำเนิดบาดแผล
วิธีเลือกซื้อกระเทียมมาทำอาหาร
ควรจะเลือกกระเทียมที่ศีรษะแน่นๆไม่ฝ่อ เปลือกบาง เนื้อสีเหลืองอ่อน สด ไม่เน่า ไม่มีราขึ้น แล้วก็หากอยากได้รสชาติของกระเทียมแบบแรงๆควรที่จะทำการเลือกกระเทียมหัวเล็กๆ
ว่าแล้วอาหารมื้อต่อไปก็บอกให้คนทำอาหารพ่อครัวใส่กระเทียมลงไปในของกินให้ด้วยนะคะ แต่ว่าระวังนิดหน่อย หากทานกระเทียมมากๆโดยยิ่งไปกว่านั้นกระเทียมสด อาจมีลักษณะการเจ็บคอคราวหลัง และก็อย่าลืมระมัดระวังกลิ่นปากกันด้วยจ้ะ สักครู่จะกล่าวหาไม่เตือนนะ
ลักษณะทั่วไปของกระเทียม
กระเทียมเป็นไม้ล้มลุกชนิดกินหัว ลำต้นสูง 1-2 ฟุต มีหัวลักษณะกลมแป้นขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1-2 นิ้ว ข้างนอกของหัวกระเทียมมีเปลือกบางๆห่ออยู่หลายชั้น ด้านในหัวประกอบแกนแข็งตรงกลาง ข้างนอกเป็นกลีบเล็กๆปริมาณ 10-20 กลีบ เนื้อกระเทียมในกลีบมีสีเหลืองอ่อนและก็ใส  มีน้ำเป็นองค์ประกอบสูง มีกลิ่นฉุนจัด
ลำต้นแล้วก็หัวกระเทียมสด
แหล่งเพาะปลูก
กระเทียมสามารถปลูกได้ทั่วๆไปในทุกภาคของเมืองไทย แต่นิยมปลูกกันมากมายทางภาคเหนือและภาคอีสาน เนื่องด้วยมีสภาพดินรวมทั้งสภาวะอากาศที่เหมาะอย่างยิ่งกว่าภาคอื่นๆทำให้กระเทียมเติบโตได้ดิบได้ดี ได้ผลผลิตสูงและมีรสชาติที่ดีมากยิ่งกว่า

ลักษณะทางวิชาพฤกษศาสตร์
กระเทียมเป็นไม้ล้มลุกแล้วก็ใหญ่ยาว สูง 30-60 เซนติเมตร มีกลิ่นฉุน มีหัวใต้ดิน2 ลักษณะกลมแป้น เส้นผ่านศูนย์กลาง 2-4 ซม. มีแผ่นเยื่อสีขาวหรือสีม่วงอมชมพูห่อหุ้มอยู่ 3-4 ชั้น ซึ่งลอกออกได้ แต่ละหัวมี 6-10 กลีบ กลีบมีสาเหตุจากตาซอกใบของใบอ่อน ลำต้นลดรูปลงไปมาก ใบผู้เดียว (Simple leaf) ขึ้นมาจากดิน เรียงซ้อนสลับ แบนเป็นแถบแคบ กว้าง 0.5-2.5 เซนติเมตร ยาว 30-60 เซนติเมตร ปลายแหลมแบบ Acute ขอบเรียบและก็พับทบเป็นสันตลอดความยาวของใบ โคนแผ่เป็นแผ่นรวมทั้งเชื่อมชิดกันเป็นวงห่อหุ้มรอบใบที่อ่อนกว่าและก้านช่อดอกนำมาซึ่งการก่อให้เกิดเป็นลำต้นเทียม ปลายใบสีเขียวแล้วก็สีจะเบาๆจางลงจนกว่าถึงโคนใบ ส่วนที่หุ้มห่อหัวอยู่มีสีขาวหรือขาวอมเขียว ช่อดอกแบบช่อซี่ร่ม (Umbel) มีตะเกียงรูปไข่เล็กๆไม่น้อยเลยทีเดียวอยู่ปนเปกับดอกขนาดเล็กซึ่งมีปริมาณน้อย มีใบประดับประดาใหญ่ 1 ใบ ยาว 7.5-10 เซนติเมตร ลักษณะบาง ใส แห้ง เป็นจะงอยแหลมห่อหุ้มช่อดอกช่วงเวลาที่ยังตูมอยู่ แต่เมื่อช่อดอกบานใบประดับจะเปิดอ้าออกและแขวนลงรองรับช่อดอกไว้ ก้านช่อดอกเป็นก้านกระโดด เรียบ รูปทรงกระบอกตัน ยาว 40-60 ซม. ดอกสมบูรณ์เพศ กลีบรวม 6 กลีบ แยกจากกันหรือชิดกันที่โคน รูปใบหอกปลายแหลม ยาวโดยประมาณ 4 มม. สีขาวหรือขาวอมชมพู เกสรเพศผู้ 6 อัน ติดที่โคนกลีบรวม อับเรณูและก็ก้านเกสรเพศเมียยื่นขึ้นมาสูงขึ้นยิ่งกว่าส่วนอื่นๆของดอก รังไข่ 3 ช่อง แต่ละช่องมีออวุล 1-2 เม็ด ผลเล็กเป็นกระเปาะสั้นๆรูปไข่หรือออกจะกลม มี 3 พู เม็ดเล็ก สีดำ
ในประเทศไทยปลูกมากมายทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือ แม้กระนั้นกระเทียมที่มีชื่อว่าเป็นกระเทียมคุณภาพดี กลิ่นแรง ดังเช่นว่ากระเทียมจากจังหวัดศรีสะเกศ
วิธีเลือกซื้อกระเทียม
การเลือกซื้อกระเทียมนั้น มีหลักไต่ตรองที่ง่ายๆคือ เลือกกระเทียมที่หัวแน่น กลีบแน่น เปลือกบาง มีเนื้อสีเหลืองอ่อน สด แน่น ไม่ฝ่อและไม่มีเชื้อรา ที่สำคัญถ้าต้องทำกับข้าวที่ต้องการกลิ่นแรงๆจำเป็นต้องเลือกกระเทียมหัวเล็กแค่นั้น
กระเทียมสดคุณภาพดี
จะมีความเห็นว่ากระเทียมมีคุณประโยชน์รวมทั้งคุณประโยชน์มากไม่น้อยเลยทีเดียว ถึงกระเทียมจะมีกลิ่นฉุน แม้กระนั้นก้ไม่ยากเหลือเกินที่จะกินครับ ด้วยเหตุดังกล่าวอย่าลืมเพิ่ข้อควรไตร่ตรองสำหรับในการกินกระเทียมโดยเฉพาะบุคคลในกลุ่มต่อแต่นี้ไป
คนที่กำลังตั้งครรภ์หรือคนที่อยู่ในช่วงให้นมลูก การรับประทานกระเทียมในช่วงการท้องออกจะปลอดภัยถ้าเกิดรับประทานเป็นของกินหรือในปริมาณที่สมควร แต่อาจไม่ปลอดภัยแม้กินกระเทียมเป็นยารักษาโรค ทั้งยังยังไม่มีช้อมูลที่น่าไว้ใจเพียงพอเกี่ยวกับความปลอดภัยของการทากระเทียมที่รอบๆผิวหนังในช่วงการท้องหรือให้นมบุตร
เด็ก การรับประทานกระเทียมในปริมาณที่เหมาะสมและก็ในระยะสั้นๆอาจไม่เป็นอันตรายสำหรับเด็ก แต่ว่าการใช้กระเทียมทาบริเวณผิวหนังอาจจะก่อให้เกิดอาการแสบร้อนและเคือง
คนที่มีปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะอาหารหรือการย่อยของอาหาร อาจจะเป็นผลให้มีการระคายที่ทางเดินอาหารได้
ผู้ที่มีความดันโลหิตต่ำ การกินกระเทียมอาจส่งผลให้ระดับความดันเลือดลดลดน้อยลงมากยิ่งกว่าปกติ
ผู้ที่คิดแผนเข้ารับการผ่าตัด ควรหยุดกินกระเทียมก่อนการผ่าตัดขั้นต่ำ 2 อาทิตย์เพราะเหตุว่าอาจทำให้เลือดออกมากและก็ส่งผลต่อความดันเลือดในระหว่างการผ่าตัด และคนที่มีภาวะเลือดออกแตกต่างจากปกติไม่ควรรับประทานกระเทียม โดยเฉพาะกระเทียมสด เนื่องจากอาจเพิ่มการเสี่ยงให้เลือดออกได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
ผู้ที่อยู่ในระหว่างการกินยารักษาโรค อาทิเช่น ไอโซไนอะสิด เนื่องจากว่ากระเทียมบางทีอาจลดการดูดซึมของยาภายในร่างกายและส่งผลต่อประสิทธิภาพลักษณะการทำงานของยา รวมถึงไม่ควรกินกระเทียมในระหว่างใช้ยาดังต่อไปนี้
ยารักษาการติดเชื้อโรคเอชไอวีหรือโรคภูมิคุมกันบกพร่อง
ยาคุมกำเนิด
ยาต่อต้านการแข็งตัวของเลือด
ยาต้านเกล็ดเลือดกระเทียมลงในเมนูอาหารของท่านครับผม สรรพคุณรวมทั้งประโยชน์ของกระเทียมนั้นเหลือร้ายจริงๆ http://www.disthai.com/

Tags : สมุนไพรกระเทียม

10

ตะไคร้
ตะไคร้ (Lemon Grass) จัดเป็นผักสมุนไพรประเภทหนึ่งที่นิยมเอามาเตรียมอาหารสำหรับขจัดกลิ่นคาว รวมทั้งช่วยเพิ่มรสชาตของอาหาร ในมากมายรายการอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหารจำพวกที่เป็นอาหารต้มยำ และก็แกงต่างๆรวมทั้งการนำมาดัดแปลงเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆอาทิเช่น น้ำตะไคร้ ผงตะไคร้ ฯลฯ
ตะไคร้ เป็นไม้ล้มลุกตระกูลเดียวกันกับต้นหญ้า มีอายุมากกว่า 1 ปี ขึ้นกับสิ่งแวดล้อม มีบ้านเกิดเมืองนอนในประเทศแถบเอเซียอาคเนย์ เช่น พม่า ไทย ลาว มาเลเชีย อินโดนีเชีย ฯลฯ
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Cymbopogon citratus (DC.)
ตระกูล : Graminae
ชื่อสามัญ : Lapine, Lemon grass, Sweet rush, Ginger grass
ชื่อแคว้น:
– ตะไคร้
– ตะไคร้แกง
– ตะไคร้มะขูด
– ค้างหอม
– ไคร
– จะไคร
– เชิดเกรย
– หัวสิงไค
– เหลอะเกรย
– ห่อวอตะโป
– เฮียงเม้า
ตะไคร้1
ลักษณะทั่วไป
ลำต้น
ลำต้นตะไคร้มีเหง้าใต้ดิน ลำต้นมีลักษณะตั้งชัน รูปทรงกระบอก มีความสูงได้ถึง 1 เมตร (แล้วก็ใบ)ส่วนของลำต้นที่เราเห็นจะเป็นส่วนของกาบใบที่ออกเรียงช้อนกันแน่น โคนต้นมีลักษณะกาบใบห่อหุ้มหนา ผิวเรียบ แล้วก็มีขนอ่อนปกคลุม ส่วนโคนมีรูปร่างอ้วน มีสีม่วงอ่อนนิดหน่อย และค่อยๆเรียวเล็กลงแปลงเป็นส่วนของใบ ศูนย์กลางเป็นปล้องแข็ง ส่วนนี้สูงประมาณ 20-30 ซม. ขึ้นอยู่กับความอุดมสมบูรณ์ของดิน รวมทั้งประเภท แล้วก็เป็นส่วนที่ประยุกต์ใช้สำหรับปรุงอาหาร
ตะไคร้ ใบ
ใบตะไคร้ประกอบด้วย 3 ส่วนเป็นก้านใบ (ส่วนลำต้นที่กล่าวข้างต้น) หูใบ (ส่วนต่อ
ระหว่างกาบใบ รวมทั้งใบ) รวมทั้งใบ
ใบตะไคร้ เป็นใบโดดเดี่ยว มีสีเขียว มีลักษณะเรียวยาว ปลายใบโค้งทางลงดิน โคนใบเชื่อมต่อกับหูใบ ใบมีรูปขอบขนาน ผิวใบสากมือ และก็มีขนปกคลุม ปลายใบแหลม ขอบของใบเรียบ แต่คม กลางใบมีเส้นกลางเรือใบแข็ง สีขาวอมเทา แลเห็นต่างกับแผ่นใบชัดแจ้ง ใบกว้างราว 2 ซม. ยาว 60-80 เซนติเมตร
ดอก
ตะไคร้เป็นพืชที่มีดอกยาก ก็เลยไม่ค่อยประสบพบเห็น ดอกตะไคร้ดอกจะออกดอกเป็นช่อกระจัดกระจาย มีก้านช่อดอกยาว และมีก้านช่อดอกย่อยเรียงเป็นคู่ๆในแต่ละคู่จะมีใบแต่งแต้มรองรับ มีกลิ่นหอมสดชื่น ดอกมีขนาดใหญ่เหมือนดอกอ๋อ
ดอกตะไคร้
คุณประโยชน์ตะไคร้

  • ลำต้น รวมทั้งใบสด


– ใช้เป็นเครื่องเทศประกอบอาหารสำหรับขจัดกลิ่นคาว ช่วยให้ของกินมีกลิ่นหอมยวนใจ แล้วก็ปรับปรุงแก้ไขรสให้น่าอร่อยมากขึ้น
– ใช้เป็นส่วนประกอบของยาใช้ภายนอกกันยุง สเปรย์กันยุง รวมทั้งยาจุดกันยุง

  • น้ำมันตะไคร้

    – ใช้เป็นส่วนผสมของน้ำหอม
    – ใช้เป็นส่วนผสมสำหรับทำสบู่ แชมพูสระผม
    – ใช้เป็นส่วนผสมของเครื่องแต่งหน้า
    – ใช้ทานวด แก้เมื่อย
    – ใช้ทาลำตัว แขน ขา เพื่อคุ้มครอง และไล่ยุง
    – ใช้เป็นส่วนผสมของสารป้องกัน แล้วก็กำจัดแมลง
    ค่าทางโภชนาการของตะไคร้ ( 100 กรัม)

  • พลังงาน 143 กิโลแคลอรี่
  • โปรตีน 1.2 กรัม
  • ไขมัน 2.1 กรัม
  • คาร์โบไฮเดรต 29.7 กรัม
  • เส้นใย 4.2 กรัม
  • แคลเซียม 35 มิลลิกรัม
  • ธาตุฟอสฟอรัส 30 มก.
  • เหล็ก 2.6 มิลลิกรัม
  • วิตามินเอ 43 ไมโครกรัม
  • ไทอามีน 0.05 มิลลิกรัม
  • ไรโบฟลาวิน 0.02 มิลลิกรัม
  • ไนอาสิน 2.2 มก.
  • วิตามินซี 1 มิลลิกรัม
  • เถ้า 1.4 กรัม


ที่มา: กองโภชนาการ (2544)(1)
สารสำคัญที่เจอ
ส่วนของลำต้น และใบมีน้ำมันหอมระเหย (Volatile oil) ที่ประกอบด้วยสารหลายประเภท ดังเช่นว่า
– ซิทราล (Citral) พบได้บ่อยที่สุด 75-90%
– ทรานซ์ ไอโซซิทราล (Trans-isocitral)
– ไลโมเนน (Limonene)
– ยูจีนอล (Eugenol)
– ลิทุ่งนาลูล (Linalool)
– พบรานิออล (Geraniol)
– ติดอยู่ริโอฟิวลีน ออกไซด์ (Caryophyllene oxide)
– พบรานิล อะซิเตท (Geranyl acetate)
– 6-เมทิล 5-เฮพเทน-2-วัน (6-Methyl 5-hepten-2-one)
– 4-โนนาโนน (4-Nonanone)
– เมทิลเฮพหนโนน (Methyl heptennone)
– สิโทรเนลลอล (Citronellol)
– ไมร์ซีน (Myrcene)
– การบูร (Camphor)
รวบรวมจาก ทอง ขยัน (2552)(2), หัวใจชนชั้น ตระการชัยสกุล (2551) อ้างถึงในเอกสารหลายฉบับ(4)

คุณประโยชน์ตะไคร้

  • ลำต้น และก็ใบ


– ช่วยทุเลา และรักษาลักษณะของการมีไข้หวัด
– แ้ก้ไอ รวมทั้งช่วยขับเสลด
– บรรเทาลักษณะโรคโรคหืดหอบ
– รักษาลักษณะของการปวดท้อง
– ช่วยขับเยี่ยว แก้เยี่ยวยาก
– ช่วยขับเหงื่อ
– ช่วยสำหรับในการขับลม
– แก้อหิวาต์
– บำรุงธาตุ เจริญอาหาร
– ช่วยลดระดับความดัน โลหิตสูง
– ลดจำนวนคอเลสเตอรอลในเส้นโลหิต
– แก้เมนส์มาเปลี่ยนไปจากปกติ

  • ราก


– ใช้เป็นยาปรับปรุงเจ็บท้อง และก็ท้องร่วง
– ช่วยขับฉี่
– บรรเทาอาการไอ และก็ขับเสลด

  • น้ำมันหอมระเหย


– ออกฤทธิ์ต่อต้านเชื้อรา
– ช่วยกำจัดเซลลูไลท์
– ช่วยสำหรับในการถ่าย
– บรรเทาอาการท้องร่วง
– ลดอาการจุกเสียด แน่นท้อง จากฤทธิ์ลดการบีบตัวของลำไส้
– ช่วยขับน้ำดี
– ช่วยขับลม
– ระังับลักษณะของการปวด
– ต้านอาการอักเสบ และก็ลดการต่อว่าดเชื้อ
– กระตุ้นระบบไหลเวียนเลือด
– ลดอาการกลัดกลุ้ม
– ต้านอนุมูลอิสระ
เก็บจาก ทอง ขยัน (2552)(2), ใจวรรณะ ตระการชัยสกุล (2551)(4)
ฤทธิ์ทางยาของสารสกัดจากตะไคร้

  • ฤทธิ์ลดการบีบตัวของไส้


น้ำมันหอมระเหยของตะไคร้ออกฤทธิ์ลดอาการแน่นจุกเสียดด้วยการลดการบีบตัวของไส้ โดยมีสารสำคัญที่ออกฤทธิ์ อย่างเช่น Cineole รวมทั้ง Linalool

  • ฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรียปัจจัยอาการของอาการท้องร่วง


สารเคมีในน้ำมันหอมระเหยของตะไคร้สามารถออกฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่สำคัญของอาการท้องเสียหมายถึงE. coli โดยมีสารออกฤทธิ์ ตัวอย่างเช่น Citral, Citronellol, Geraneol และก็ Cineole

  • ฤทธิ์ขับน้ำดี


น้ำมันหอมระเหยของตะไคร้สามารถออกฤทธิ์กระตุ้นการขับน้ำดีของตับอ่อน โดยมีสารสำคัญที่ออกฤทธิ์ อย่างเช่น Borneol, Fenchone และก็ Cineole

  • ฤทธิ์ขับลม


สาร Menthol, Camphor แล้วก็ Linalool สามารถออกฤทธิ์กระตุ้นการขับลมในร่างกายได้
พิษของน้ำมันตะไคร้
ปริมาณน้ำมันตะไคร้ที่ทำให้หนูขาวตายที่ครึ่งหนึ่งของปริมาณหนูขาวทั้งหมด ด้วยการให้ทางปาก  ที่ความเข้มข้น 5,000 มิลลิกรัม/โล รวมทั้งการให้น้ำมันหอมระเหยทางกระเพาของกินแก่กระต่ายที่ทำให้กระต่ายตายที่ครึ่งเดียว พบว่า มีปริมาณความเข้มข้นเดียวกันกับการให้แก่หนูขาว
พิษทันควันของน้ำมันหอมระเหยจากตะไคร้ที่ความเข้มข้น 1,500 ppm ในระยะเวลา 60 วัน กลับได้มาพบว่า หนูขาวที่ได้รับน้ำมันหอมระเหยของตะไคร้มีการเติบโตเร็วกว่ากรุ๊ปที่ไม้ได้รับ รวมทั้งค่าทางเคมีของเลือดไม่มีความเคลื่อนไหวอะไร

11

ตะไคร้บ้าน
ตะไคร้ คุณประโยชน์
"ตะไคร้" (Lemongrass) เป็นสมุนไพรก้นครัวที่เรารู้จักแล้วก็คุ้นเคยกันมานาน เพราะเหตุว่าในอาหารไทยหลากหลายประเภทมักใส่ตะไคร้ลงไปเป็นเยี่ยมในเครื่องปรุงด้วยเสมอ เช่น ต้มยำ ต้มข่าไก่ ยำ น้ำพริกต่างๆช่วยเพิ่มรสชาติแล้วก็ค่าให้กับของกิน ส่งกลิ่นหอมเชื้อเชิญกิน จนถึงกลายเป็นสิ่งที่จะต้องมีให้ได้เลยในอาหารพวกนี้ นอกเหนือจากนี้ยังมีกลิ่นหอมยวนใจส่วนตัวจากน้ำมันหอมระเหย ทำให้ตะไคร้ถูกใช้ประโยชน์เป็นกลิ่นในผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพมากมายก่ายกอง น้ำมันหอยระเหย น้ำมันทาตัว ยาจุดกันยุง สบู่ต่างๆ
ตะไคร้ จัดเป็นไม้ล้มลุกที่จัดอยู่ในวงศ์หญ้า มีหลายประเภท นอกเหนือจากนำไปประกอบอาหารแล้วและก็ทำเป็นยาสมุนไพรแล้ว ตะไคร้บางประเภทยังช่วยไล่ยุงมดแมลงได้อีกด้วย ก็เลยจัดเป็นพืชผักสวนครัวที่อยู่คู่กับคนประเทศไทยมานาน หลายบ้านจึงนิยมนำมาปลูกเอาไว้ในบ้าน จะใช้เมื่อใดก็ตัดมาใช้ได้ทันที
ตะไคร้จัดเป็นสมุนไพรที่ซ่อนคุณประโยชน์ไว้มากมายก่ายกอง เนื่องจากเป็นทั้งอาหารรวมทั้งยารักษาโรค มีวิตามินและแร่ธาตุที่มีสาระต่อสุขภาพ ทั้งยังวิตามินเอ วิตามินบี วิตามินซี แคลเซียม แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม เหล็ก สังกะสี ทองแดง แมงกานีส และโฟเลต คุณภาพคับแก้วขนาดนี้รังเกียจตะไคร้ทดลองเปลี่ยนแปลงความคิดกันใหม่ หันมาถูกใจตะไคร้ให้มากยิ่งขึ้น จะได้ประโยชน์จำนวนมากแน่นอน
ตะไคร้หอมไล่ยุงได้ใช่หรือ?
ใน[url=http://www.disthai.com/16913433/%E0%B8%95%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B9%89]ตะไคร้[/url]หอม มีน้ำมันหอยละเหยอยู่ซึ่งมีฤทธิ์สำหรับการปกป้องแมลงได้ โดยครีมที่มีส่วนผสมจากน้ำมันหอมละเหยในตะไคร้สามารถปกป้องยุงลาย ยุงก้นปล่อง รวมทั้งยุงหงุดหงิดรำคาญกัดได้ ยิ่งไปกว่านี้ยังฤทธิ์สำหรับการกำจัดลูกน้ำยุงได้อีกด้วย
เว้นเสียแต่ยุงแล้ว สารสกัดจากตะไคร้หอมยังช่วยคุ้มครองปกป้องแมลงจำพวกอื่น อย่างเช่น แม้ผสมสารสกัดตะไคร้กับสะเดาจะส่งผลช่วยลดเพลี้ยอ่อนและหนอนเจาะฝักซึ่งเป็นศัตรูของถั่วค้าง ส่วนยาสระผมที่มีส่วนผสมจากตะไคร้หอม สามารถฆ่าตัวเห็บหมัดในสัตว์เลี้ยงได้
ลักษณะ
ลำต้นรูปทรงกระบอก แข็ง หมดจด ตามข้อมักมีไขปกปะทุลม เหง้า มีข้อรวมทั้งข้อสั้นมาก กาบใบสีขาวนวล หรือสีขาวผสมม่วง รสปร่า  มีกลิ่นหอมเฉพาะ
คุณประโยชน์
– อีกทั้งต้น : ใช้เป็นยารักษาโรคหือหอบ แก้ปวดท้อง ขับฉี่ และแก้อหิวาตกโรค นอกจากนั้นยังคงใช้ร่วมกับสมุนไพรอื่น รักษาโรคได้ ดังเช่นว่า บำรุงธาตุ เจริญอาหาร และขับเหงื่อ
– ใบ : ช่วยลดความดันเลือดสูง แก้ไข้
– ราก : ใช้เป็นยาแก้ไข เจ็บท้อง ท้องเดิน
– ต้น : ใช้เป็นยาขับลม ยาแก้ไม่อยากอาหาร แก้โรคฟุตบาทปัสสาวะ นิ่ว เป็นยาบำรุงธาตุไฟให้ก้าวหน้า ยิ่งกว่านั้นยังคงใช้กำจัดกลิ่นคาวได้ด้วย
– น้ำมัน : มีฤทธิ์ต้นเชื้อรา รวมทั้งมีกลิ่นไล่หมาและแมว
หนังสือเรียนยาไทย : ต้น รสหอมปร่า ขับลม ลดอาการท้องอืดท้องอืดท้องเฟ้อแน่นจุกเสียด แก้อาการเกร็ง ขับเหงื่อ แก้โรคทางเดินปัสสาวะ แก้อาการขัดเบา แก้นิ่ว แก้ปัสสาวะเป็นเลือด ทำให้เจริญอาหาร ลดระดับความดันโลหิต เหง้า แก้เบื่อข้าว บำรุงไฟธาตุ แก้กษัย ขับลมในไส้ แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ แก้เยี่ยวขัด แก้ฉี่ทุพพลภาพ แก้นิ่ว เป็นยารักษาเกลื้อน แก้ไข้หวัด ขับระดู ขับระดูขาว ใช้ด้านนอกทาแก้ลักษณะของการปวดบวมตามข้อ
ตะไคร้หอม
ตะไคร้ สรรพคุณ
ลักษณะ
ลำต้นเป็นข้อๆใบรูปขอบขนานปลายแหลม ใบยาวกว่าตะไคร้บ้าน ลักษณะของใบกว้าง 5-20 มิลลิเมตร ยาวราวๆ 50-100 เซนติเมตร แผ่นใบแคบ ยาว รวมทั้งนิ่มกว่าตะไคร้บ้าน มีสีเขียว ผิวเนียน และก็มีกลิ่นหอมยวนใจเอียน ก้านใบเป็นกาบทับกันแน่นสีเขียวผสมม่วงแดง รากฝอยแตกออกจากโคน ต้นรวมทั้งใบมีกลิ่นฉุนจนถึงกินเป็นของกินมิได้ ทั้งต้น มีรสปร่า ร้อนขม

สรรพคุณ
– ทั้งต้น : ใช้เป็นยาแก้ปากแตกระแหง แก้ริดสีดวงในปาก ขับลมในลำไส้ แก้แน่น ขับโลหิตรอบเดือน มีฤทธิ์ทำให้กล้ามเรียบบีบตัว ไม่เหมาะสมกับสตรีตั้งท้อง ด้วยเหตุว่าถ้าทานเข้าไป อาจก่อให้แท้งได้
– ใบ : ใช้เป็นยาคุม ชำระล้างลำไส้ ไม่ให้เกิดซาง
– ราก : แก้ลมจิตรวาด หัวใจ กระวายกระวน เพ้อเจ้อ
– ต้น : แก้ลมพานไส้ แก้ธาตุ แก้เลือดลมเปลี่ยนไปจากปกติ
– น้ำมัน : ใช้ทาคุ้มครองปกป้องยุง มีฤทธิ์ไล่แมลง แล้วก็ใช้รักษาโรคตัวเห็บหมา
แบบเรียนยาไทย : ใช้ เหง้า เป็นยาบีบมดลูก ทำให้แท้งบุตรได้ คนตั้งครรภ์ห้ามกิน ยิ่งกว่านั้นยังคงใช้ขับประจำเดือน ขับปัสสาวะ ขับตกขาว ขับลมในไส้ แก้แน่น แก้แผลในปาก แก้ตานซางในลิ้นแล้วก็ปาก บำรุงไฟธาตุ แก้ไข้ แก้อาเจียน แก้ริดสีดวงตา แก้ธาตุ แก้เลือดลมแตกต่างจากปกติ
เหง้า ใบ และกาบ นำมากลั่นได้น้ำมันหอมระเหย ใช้เป็นเครื่องหอม อาทิเช่น สบู่ หรือพ่นทาผิวหนังกันยุง แมลง อีกทั้งต้น มีรสปร่า ร้อนขม แก้ริดสีดวงในปาก
ประโยชน์ต่างๆที่ได้รับจากน้ำมันหอมระเหยของตะไคร้
– น้ำมันหอมระเหยจากตะไคร้บ้าน ช่วยกระตุ้นให้ตื่นตัว กระปรี้กระเปร่า ทำให้กระปรี้กระเปร่า เครียดน้อยลง แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ ช่วยสำหรับในการย่อยของกิน ช่วยเจริญอาหาร ทุเลาอาการปวดโรคข้ออักเสบ ปวดกล้าม
-น้ำมันหอมระเหยที่กลั่นจากใบตะไคร้ ช่วยบรรเทาอาการปวดข้อ ช่วยต่อต้านเชื้อราบนผิวหนังได้เป็นอย่างดี และก็ช่วยลดการบีบตัวของลำไส้ได้
ข้อควรปฏิบัติตาม
ตะไคร้มีฤทธิ์ที่จะช่วยขับโลหิต ทำให้มดลูกบีบตัว ห้ามใช้กับหญิงตั้งครรภ์เนื่องจากอาจจะก่อให้แท้งได้

12

น้ำมันเหลือง
เราชี้แนะง่ายๆแค่ 2 ขั้นตอนหมายถึง"กด" + "ทา" โดยจะนวดไหมนวดก็ได้ ทาบริเวณที่มีลักษณะอาการ
เดี๋ยวนี้น้ำมันเหลืองเป็นที่ชอบใจใช้เป็นอันมากเยอะมาก เพราะน้ำมันเหลืองคุณประโยชน์ไม่แพ้ยาแผนปัจจุบันอย่างยิ่งจริงๆ ลูกค้ามากไม่น้อยเลยทีเดียวต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากธรรมชาติจริงๆเพราะว่านอกเหนือจากจะรู้สึกปลอดภัยแล้ว ใช้นานหรือหลายครั้งขนาดไหนก็ไม่มีการสะสม
ใครกันแน่ที่ถูกใจใช้ น้ำมันเหลือง เป็นประจำห้ามพลาด ด้วยเหตุว่าวันนี้เรานำน้ำมันเหลืองสูตรใหม่ กลิ่นไม่ฉุนจัด ซึ่งทั่วไปนั้นมีการทำกันเปลี่ยนสูตรมาก แล้วแต่ว่าผู้ใดกันแน่ถูกใจสูตรไหน เป็นน้ำมันเหลืองที่ทำจากธรรมชาติล้วนๆใช้สมุนไพรดีๆของไทยทั้งปวงมักใช้แก้ปวด แก้หน้ามืด แก้ตะคริว รักษาโรคหอบหืด ไซนัส บางสูตรแก้อาการท้องอืดได้ด้วย ไปดูสูตรกระบวนการทำกันเลย
สิ่งของ เครื่องไม้เครื่องมือ
1.เมนทอล 300 กรัม
2.พิมเสน 100 กรัม
3.การบูร 100 กรัม
4.หัวไพลแก่จัด 200 กรัม
5.น้ำมันงาบริสูทธิ์ 50 กรัม
6.กระทะสำหรับทอดหัวไพล
7.ภาชนะสำหรับผสมสาร อย่างเช่น ขวดใส่กาแฟ ขวดแก้ว
ขั้นตอนการทำ
1.ล้างหัวไพลให้สะอาดตากให้แห้ง หั่นเป็นชิ้นเล็กๆตากแห้ง
2.ทอดหัวไพลในน้ำมันงาโดยใช้ไฟอ่อนๆทอดไปจนกระทั่งน้ำมันเป็นสีเหลือง เสร็จแล้วใส่สมุนไพรครั้งละตัวทอดถึงแม้ว่าจะหมดฟองยกลงจากเตากรองเอากากทิ้ง
3.นำส่วนประกอบอีกทั้ง 3 ประเภท ในอัตราส่วนที่เจาะจงหมายถึง(เมนทอล 3 ส่วน พิมเสน 1 ส่วน พิมเสน 1 การบูร 1 ส่วน )เทผสมรวมกันในภาชนะสำหรับผสมสาร
4.ใช้ไม้พายเล็กคนให้ส่วนประกอบทั้งปวงละลายเป็นของเหลว (ถ้าเกิดไม่ใช่ไม้คนอาจใช้กระบวนการเขย่าขวดให้ส่วนผสมละลายก็ได้
5.เติมน้ำมันที่สกัดจากหัวไพลลงไป คนให้เข้ามาเป็นเนื้อเดียว
6.น้ำมันเหลืองที่ได้บรรจุขวดปิดฝาให้แน่น
น้ำมันเหลือง ผลการศึกษาจากมหาวิทยาลัยบอสตันเปิดเผยว่า ผู้บาดเจ็บโรคมะเร็งระยะขยายที่ได้รับการนวดตัว จะสามารถนอนก้าวหน้าขึ้น ดีขึ้นกว่าเดิมอาการเจ็บปวด รวมทั้งมีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้นด้วย ซึ่งสอดคล้องกับผลวิจัยของ Memorial Sloan-Kettering Cancer Center in New York City ในปี 2004 ที่เปิดเผยว่า คนไข้โรคมะเร็งระยะแพร่ จะทรมาทรกรรมจากลักษณะของการเจ็บปวดลดน้อยลง อาเจียนน้อยครั้ง หรือไม่คลื่นไส้เลย รู้สึกชื่นมื่นขึ้น ความดันดียิ่งกว่าเดิม แล้วก็เครียดจากลักษณะของการป่วยต่ำลง ภายหลังได้รับการบำบัดด้วยวิธีการนวด
การเลือกน้ำมันเหลือง
การเลือกน้ำมันนวดขึ้นอยู่กับการใช้แรงงาน และคุณประโยชน์ต่างๆของน้ำมันนวดแต่ละจำพวก โดยส่วนมากน้ำมันฐานรากที่นิยมเอามาผสมทำน้ำมันนวด เช่น น้ำมันที่สกัดจากเมล็ดทานตะวัน อื่นๆอีกมากมาย ซึ่งมีวิตามินอี สูงขึ้นยิ่งกว่าน้ำมันที่สกัดจากถั่วเหลือง รวมทั้งน้ำมันเมล็ดข้าวโพดถึง 3 เท่า วิตามินอี ปฏิบัติภารกิจเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ดักจับ รวมทั้งทำลายของเสียที่รังแกเซลล์ต่างๆของร่างกาย ช่วยให้ผิวพรรณเต่งตึง ลกไขมันในเส้นเลือด ปกป้องรักษาการเกิดโรคมะเร็ง นอกเหนือจากนั้นน้ำมันเม็ดดอกทานตะวันยังมีกรดไขมันไม่อิ่ม กรดไลโนเลอิกสูง ซึ่งเป็นกรดไขมันที่จะต้องต่อสถาพทางร่างกาย อีกทั้งยังช่วยให้ผิวพรรณนุ่มกระชุ่มกระชวย
โดยทั้งนี้น้ำมันเหลืองแต่ละจำพวกจะมีคุณลักษณะ แล้วก็คุณประโยชน์ที่นานับประการ สังกัดการเลือกใช้ให้สมควรตามการใช้

Tags : น้ำมันเหลือง

หน้า: [1]