รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
การค้นหาขั้นสูง  

ข่าว:

SMF - Just Installed!

แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Topics - billcudror1122

หน้า: 1 2 3 [4] 5 6 7
46

สมุนไพรมะขามป้อม
มะขามป้อม Phyllanthus emblica Linn.
บางถิ่นเรียก มะขามป้อม (ทั่วๆไป) กันโตด (เขมร-เมืองจันท์) กำทวด (จังหวัดราชบุรี) มั่งทาง สันยาส่า (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน).
ต้นไม้ ขนาดกลาง สูง 8-12 มัธยม เปลือกสีเขียวอมเทา ลอกออกเป็นแผ่นๆแก่นไม้สีแดงอมน้ำตาล. ใบ คนเดียว สีเขียวอ่อน กว้าง 0.25-0.5 เซนติเมตร ยาว 0.8-1.2 ซม. เรียงชิดกัน ดูผาดๆเสมือนใบประกบ ก้านใบสั้นมากมาย. ดอก เล็ก สีขาว หรือ นวล ดอกแยกเพศ แต่ว่าเกิดบนต้นเดียวกัน ออกตามง่ามใบ 6 ดอก มีกลีบรองกลีบดอกไม้ 6 กลีบ ไม่มีกลีบดอกไม้. สมุนไพร ดอกเพศผู้ มีเกสรผู้ 3 อัน ฐานรองดอกมีต่อม 6 ต่อม. ดอกเพศเมีย มีฐานรองดอกเป็นรูปถ้วย ขอบถ้วยหยัก รังไข่มี 3 ช่อง หลอดท่อรังไข่ปลายแยกเป็น 2 แฉก ไม่เท่ากัน. ผล กลม มีเนื้อครึ้ม เส้นผ่าศูนย์กลาง 1.2-2 เซนติเมตร ผลอ่อนสีเขียวอ่อน ผลแก่สีเขียวอมเหลือง เนื้อกินได้ มีรสฝาก เปรี้ยว ขม รวมทั้งอมหวาน เปลือกเมล็ดแข็ง มีสันตามแนวยาว 6 สัน ข้างในมี 6 เมล็ด.

นิเวศน์วิทยา
: ขึ้นเล็กน้อยเป็นกลุ่มๆตามป่าเบญจพรรณแล้ง ป่าเต็งรัง รวมทั้งป่าดงดิบปกติ
สรรพคุณ : ราก น้ำต้มรากกินเป็นยาลดไข้ เป็นยาเย็น ฟอกโลหิต รวมทั้งทำให้คลื่นไส้ ถ้ากลั่นราก จะได้สารที่มีคุณสมบัติเป็นยาฝาดสมานที่ดีมากยิ่งกว่าสีเสียด (catechu) (55). ต้น เปลือกเป็นยาฝาดสมาน ใบ น้ำต้มใบใช้อาบลดไข้ ดอก มีกลิ่นหอมสดชื่นเหมือนผิวมะนาว ใช้เข้าเครื่องยาเป็นยาเย็น แล้วก็ยาระบาย. ผล ใช้ได้ทั้งยังผลสด และผลแห้ง มีฤทธิ์กัดทำลาย เป็นยาเย็น ยาฝาดสมาน แก้ไข้ ขับปัสสาวะ ระบาย บำรุงหัวใจ ฟอกเลือด น้ำคั้นผลสด มีปริมาณวิตามินซีสูขี้เหนียวว่าน้ำส้มคั้นโดยประมาณ 20 เท่า ในจำนวนเสมอกัน ใช้แก้โรคลักปิดลักเปิด (scurvy) ยางผลใช้หยอดแก้ตาอักเสบ รับประทานเป็นยาช่วยในการย่อย แล้วก็ขับปัสสาวะ เนื้อผลแห้งที่เรียกว่า Emblic myrobalan ใช้เป็นยาฝาดสมาน เนื่องจากมี tannin แก้โรคริดสีดวงทวาร แก้บิด ท้องเดิน ใช้กับธาตุเหล็กแก้โรคดีซ่านรวมทั้งช่วยในการย่อย หากหมักผลจะได้แอลกอฮอล์ กินแก้ของกินไม่ย่อย แก้ไอ แล้วก็แก้โรคดีซ่าน

47

สมุนไพรหญ้า ใต้ใบ
หญ้าใต้ใบ Phyllanthus urinaria Linn.
บางถิ่นเรียก หญ้าใต้ใบ (จังหวัดอ่างทอง สุราษฎร์ธานี) ไฟเดือนห้า (จังหวัดชลบุรี) มะขามป้อมดิน (เหนือ) หมากไข่หลัง (เลย).
       ไม้ล้มลุก สูงได้ถึง 50 ซม. ลำต้นตรง ตามกิ่งมักจะออกสีแดง กิ่งที่มีใบติดอยู่นั้นแบน รวมทั้งมีปีกแคบๆ. ใบ โดดเดี่ยว เรียงสลับกัน รูปขอบขนานถึงรูปไข่กลับแกมขอบขนาน กว้าง 3-5 มิลลิเมตร ยาว 6-14 มิลลิเมตร ปลายใบกลม ปลายสุดเป็นติ่งแหลมเล็กๆโคนใบกลมแต่ว่าเบี้ยว ขอบของใบสาก ข้างล่างสีออกขาว ก้านใบสั้นมากกระทั่งเกือบจะไม่มี. ดอก ก้านสั้นมาก และแยกเพศ. ดอกเพศผู้ มี 1-2 ดอก [url=http://www.disthai.com/]สมุนไพร[/url] ออกตามง่ามใบที่อยู่สูงมากขึ้นไป กลีบรองกลีบกลม เกสรผู้ 3 อัน อับเรณุกระจายตัวตามแนวตั้ง. ดอกเพศเมีย ออกเดี่ยวๆตามง่ามใบที่อยู่ลดลงไป; กลีบรองกลีบดอกรูปขอบขนาน. ผล รูปกลมแป้น เส้นผ่าศูนย์กลางราว 2.5 มม. ผิวตะปุ่มตะป่ำ มีรอยย่นบางส่วนตามทางขวาง.

นิเวศน์วิทยา
: เกิดตามที่รกร้างทั่วไป รวมทั้งตามข้างทาง.
คุณประโยชน์ : เสมือนลูกใต้ใบ (P. amarus Schum. & Thonn.) แม้กระนั้นก็มีการใช้น้อยกว่า. ราก ฝนให้เด็กกินแก้อาการกวน และก็นอนไม่หลับ ต้น น้ำต้มทั้งยังต้น รับประทานเป็นยาขับเยี่ยว สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการบวมตามตัว แก้ฟุตบาทเยี่ยวอักเสบ แล้วก็แก้บิด ยางต้นใช้ปัดกวาดลิ้นเด็ก ใบ น้ำยางใบผสมกับน้ำกะทิให้เด็กกิน ช่วยเจริญอาหาร น้ำสุกใบรับประทานแก้เจ็บทรวงอก

48

สมุนไพรละหุ่ง
ละหุ่ง Ricinus communis Linn.
บางถิ่นเรียกว่า ละหุ่ง มะละหุ่ง (ทั่วไป) คิว่ากล่าว (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่งสอน) คีเต๊าะ (กะเหรี่ยง-กำแพงเพชร) ปีมั้ว (จีน) มะโห่ง มะโห่งหิน (เหนือ) ละหุ่งแดง (กลาง).
ไม้พุ่ม หรือ ไม้ต้น ขนาดเล็ก สูงได้ถึง 6 ม.ยอดอ่อน และก็ช่อดอกเป็นนวลขาว. ใบ ลำพัง เรียงสลับกัน กว้าง รวมทั้งยาว 15-60 เซนติเมตร มีแฉกเป็นแบบนิ้วมือ 5-12 แฉก ปลายแฉกแหลม ขอบหยักแบบฟันเลื่อน ที่ปลายแหลมของแต่ละหยักมีต่อม เนื้อใบค่อนข้างบาง ไม่มีขน สีเขียว หรือ เขียวปนแดง ก้านใบยาว 10-30 เซนติเมตร มีต่อมที่ปลายก้าน.  สมุนไพร ดอก ออกเป็นช่อที่ยอด หรือ ตามปลายกิ่ง ตั้งชัน สีเขียว หรือ ม่วงแดง มีดอกเพศผู้ แล้วก็ดอกเพศเมียอยู่บนช่อเดียวกัน. ดอกเพศผู้ อยู่ตอนบน กลีบรองกลีบดอกไม้บาง แยกเป็น 3-5 แฉก เกสรผู้ไม่น้อยเลยทีเดียว ก้านเกสรติดกันเป็นกระจุก หรือ แยกเป็นกรุ๊ปๆอับเรณูรูปค่อนข้างจะกลม. ดอกเพศเมีย อยู่ด้านล่างของช่อดอก ก้านดอกยาวกว่าดอกเพศผู้ กลีบรองกลีบดอกเชื่อมติดกันเหมือนกาบ ปลายมี 5 หยัก หลุดร่วงง่าย รังไข่มี 3 อัน แต่ละอันด้านในมี 3 ช่อง มีไข่อ่อนช่องละ 1 หน่วย. ผล รูปไข่, เป็นจำพวกแก่แล้วแห้ง สีเขียว หรือ เขียวปนม่วง ยาว 1-1.5 เซนติเมตร มีหนามอ่อนๆหุ้ม. เมล็ด เป็นพิษ มีน้ำมัน.

นิเวศน์วิทยา
: ถิ่นเดิมอยู่ในแอฟริกาเขตร้อน ปลูกกันทั่วๆไป
สรรพคุณ : ราก ตำเป็นยาพอกเหงือกแก้ปวดฟัน น้ำสุกรากรับประทานเป็นยาระบาย ใบ ใบสดมีฤทธิ์ฆ่าแมลงบางจำพวกได้ น้ำต้มใบรับประทานเป็นยาระบาย แก้ปวดท้อง ขับนม รวมทั้งขับรอบเดือน ใบเผาไฟใช้พอกแก้ปวดบวม ปวดตามข้อ ปวดหัว และก็แผลเรื้อรัง ตำเป็นยาพอกฝี พอกหัว แก้ปวด แก้บวมอักเสบ ตำผสมกับ Bland oil ที่อุ่นให้ร้อนใช้พอก หรือ ทาแก้ปวดตามข้อ และทาท้องเด็กแก้ท้องอืด เม็ด มีพิษมาก ถ้าหากรับประทานเมล็ดดิบๆเพียงแค่ 4-5 เม็ด ก็อาจจะทำให้ตายได้ เมื่อจะจำมาใช้ทางยา ให้ทุบเอาเปลือกออก แยกจุดงอดออกมาจากเมล็ด ต้มกับน้ำนมครึ่งเดียวก่อน แล้วจึงต้มกับน้ำเพื่อทำลายพิษ รับประทานแก้ปวดตามข้อ แก้ปวดหลัง เมื่อย เป็นยาถ่าย ตำเป็นยาพอกแผล แก้ปวดตามข้อ หีบเอาน้ำมันได้น้ำมันละหุ่ง ซึ่งโดยมากใช้ในทางอุตสาหกรรม

49

สมุนไพรไม้เท้ายายม่อม
ไม้เท้ายายม่อม Trigonostemon longifolius
บางถิ่นเรียก เท้ายายม่อมป่า อ้ายบ่าว (จังหวัดปัตตานี)
ไม้ใหญ่ หรือ ไม้ใหญ่ ขนาดเล็ก สูง 2-6 ม. ยอดอ่อนมีขนสีเหลืองอมแดง เมื่อแห้งมีสีเหลือง. ใบ ผู้เดียว เรียงสลับกัน รูปหอกกลับถึงรูปช้อนแกมรูปไข่กลับ กว้าง 5-14 ซม. ยาว 20-55 เซนติเมตร ปลายใบเรียวแหลมเป็นหาง ยาวประมาณ 0.5-2 ซม. ขอบใบหยักน้อยทางใกล้ปลายใบ ส่วนขอบใกล้โคนใบเรียบ; โคนใบเรียวแหลมจนกระทั่งเป็นครีบ; เส้นใบมี 15-20 คู่ ข้างบนใบสีเขียวเข้ม สะอาด ยกเว้นตามเส้นกลางใบมีขน ด้านล่างสีอ่อน มีขนห่างๆทั่วๆไป และก็มีขนมากตามเส้นกึ่งกลางใบ และก็ขอบของใบ; ก้านใบยาว 0.5-1.5 เซนติเมตร มีขน. ดอก ออกตามง่ามใบ เป็นช่อยาว ไม่แยกกิ้งก้าน ยาว 15-25 เซนติเมตร มีขนหนาแน่น ใบประดับประดารูปยาวปลายแหลม; ดอกเพศผู้ และก็ [url=http://www.disthai.com/]สมุนไพร[/url] ดอกเพศเมียกำเนิดบนต้นเดียวกัน. ดอกเพศผู้ มีกลีบรองกลีบ 5 กลีบ ข้างนอกมีขนยาวแล้วก็แข็งชี้ไปทางปลายกลีบ; กลีบ 5 กลีบ รูปไข่กลับแกมขอบขนาน สีแดงคล้ำ เกสรผู้มี 3 หรือ 5 อัน ก้านเกสรเชื่อมติดกันเป็นแท่ง อับเรณูติดที่ปลาย ก้านดอกมีต่อม 5 ต่อม ชอบเชื่อมติดกันเหมือนรูปถ้วย. ดอกเพศเมีย กลีบรองกลีบดอกไม้ แล้วก็กลีบมีลักษณะเหมือนดอกเพศผู้หรือเปล่ามีกลีบ รังไข่มี 3 ช่อง ท่อรังไข่แยกเป็น 2 แฉก แต่ละแฉกแยกต่ออีก 2 แฉก. ผล เป็นช่อตั้งชัน มี 3 พู เส้นผ่านศูนย์กลางโดยประมาณ 14 มม. มีขนปกคลุมหนาแน่น; ก้านผลยาว 0.7-1.0 ซม. เม็ด มีขนาดเล็ก.

นิเวศน์วิทยา
: ขึ้นในป่าดงดิบทางภาคใต้ เหนือระดับน้ำทะเลไม่เกิน 400 ม.
คุณประโยชน์ : ราก น้ำยางรากใช้ทาแก้ผึ้งต่อย แล้วก็ทาแก้พิษแมงกะพรุน

50

[url=http://www.disthai.com/]สมุนไพรกระเบากลัก[/url][/color][/size][/b]
กระเบากลัก Hydnocarpus ilicifolia King
บางถิ่นเรียก กระเบากลัก (สระบุรี) กระค่อยชาวา (เขมร-จันทบุรี) กระเบาพนม (เขมร-สุรินทร์) กระเบาลิง (ทั่วๆไป) กระเบียน ขี้มอด (จันทบุรี) กระเรียน (ชลบุรี) คมขวาน (ประจวบคีรีขันธ์) จ๊าเมี่ยง (จังหวัดสระบุรี แพร่) ดูกช้าง (กระบี่) บักกราย พะโลลูตุ้ม (มลายู-จังหวัดปัตตานี) หัวค่าง (ประจวบคีรีขันธ์ สุราษฎร์ธานี)
ไม้ใหญ่ ขนาดกึ่งกลาง สูง 10-30 ม. กิ่งอ่อนมักมีขนสีน้ำตาลแดงกระจายห่างๆกิ่งแก่สะอาด ลำต้นตรง เปลือกเรียบสีเทา ใบ คนเดียว ออกเวียนสลับกัน รูปไข่ ขอบขนาน หรือ รูปไข่แกมรูปใบหอก กว้าง 4-7 ซม. ยาว 12-17 ซม. ตัวใบเบาๆเรียวสอบไปยังปลายใบ โคนใบมนหรือเบี้ยว ขอบของใบหยักเป็นฟันเลื่อยห่างๆค่อนไปทางปลายใบ ปรากฏชัดในใบอ่อน เนื้อใบดกหมดจดเป็นเงา เส้นใบมี 6-8 คู่ เส้นใบย่อยสานกันเป็นร่างแห เห็นกระจ่างทั้งคู่ด้าน ดอก ออกเป็นช่อสั้นๆตามง่ามใบ สีเขียวอ่อน เป็นดอกแยกเพศ กลีบเลี้ยงแล้วก็กลีบดอกไม้มีอย่างละ 4 กลีบ. สมุนไพร ดอกเพศผุ้ มีเกสรเพศผู้ 14-20 อัน สีขาว ก้านเกสรสั้นและก็มีขนห่างๆ อับเรณูรูปไข่ปนรูปขอบขนาน ดอกเพศเมีย มีเกสรเพศผู้ที่ไม่สมบูรณ์ราวๆ 15 อัน รังรูปกลมรีหรือรูปไข่ มีขนสีน้ำตาลปกคลุมหนาแน่น ผล กลม หน้าแข้ง เส้นผ่าศูนย์กลาง 4-5 เซนติเมตร ผิวมีขนนุ่มสีดำ ภายในมีเม็ดรูปไข่ 10-15 เมล็ด

นิเวศน์วิทยา
: ขึ้นตามป่าดงดิบแล้งหรือป่าเบญจพรรณทั่วๆไป ตามป่าหาด และก็บริเวณเขาหินปูน ความสูง 20-400 ม.
สรรพคุณ : เม็ด ให้นำมันกระค่อย เสมือน H. anthelminthica และก็มีสรรพคุณคล้ายกัน นอกเหนือจากนี้น้ำมันจากเมล็ดยังใช้สำหรับในการทำสบู่

51

สมุนไพรหวายลิง
หวายลิง Flagellaria indica L.
บางถิ่นเรียก หวายลิง หวายเย็บจาก (ภาคใต้) หวายลี (สงขลา)
ไม้เถา ต้นยาวได้ถึง 20 ม. หมดจด โคนต้นเนื้อแข็ง เหนือขึ้นไปเนื้ออ่อน มีเส้นผ่านศูนย์กลางต้น 2-8 มิลลิเมตร ใบ ผู้เดียว ออกเวียนสลับ รูปใบหอก กว้าง 0.5-6.5 ซม. ยาว 3-50 เซนติเมตร ปลายใบเรียวแหลม ปลายสุดม้วนเป็นมือพัน ยาวตั้งแต่ 3-13 เซนติเมตร กาบใบยาว 1-7 ซม. มีสันตามยาว มีติ่งหู 2 ติ่งอยู่ที่ปลาย ก้านใบสั้น หรือ ไม่มี ดอก ออกเป็นช่อกระจัดกระจาย ที่ยอดมักประกอบด้วยกิ่ง 2 กิ่ง ยาว 2-30 เซนติเมตร ดอกย่อยไม่มีก้านดอก ออกเดี่ยวๆหรือ ติดเป็นกระจุก สมุนไพร มีใบประดับประดาที่มีลักษณะเป็นเกล็ดล้อมอยู่ กลีบมี 6 กลีบ เรียงเป็น 2 ชั้น สีขาวปนสีเนื้อ ยาวราวๆ 2 มม. กลีบดอกชั้นนอกยาวกว่ากลีบดอกไม้ชั้นในเล็กน้อย เกสรเพศผู้มี 6 อัน ยาวกว่ากลีบดอกไม้ 2 เท่า อับเรณูสีเหลือง ก้านเกสรไม่ชิดกัน รังไข่แคบ ภายในมี 3 ช่อง มีไข่ช่องละ 1 เมล็ด ก้านเกสรเพศเมียปลายแยกเป็น 3 แฉก โผล่พ้นกลีบดอก ผล เส้นผ่านศูนย์กลาง 5-6 มิลลิเมตร ภายในมี 1 เม็ด

นิเวศน์วิทยา
: ส่วนมากขึ้นตามที่ราบลุ่ม สูงขึ้นยิ่งกว่าระดับน้ำทะเลไม่เกิน 200 ม. และตามป่าชายเลน ตามชายฝั่งทะเล ตั้งแต่ภาคกลางลงไปจนถึงภาคใต้
คุณประโยชน์ : ต้น น้ำสุกต้นและเหง้า กินเป็นยาขับเยี่ยว ใบ ใบอ่อนใช้สระผม น้ำต้มใบแล้วก็ดอกรับประทานเป็นยาขับเยี่ยว ขับนิ่ว แล้วก็แก้ทางเดินฉี่อักเสบ เม็ดพิษ

Tags : สมุนไพร

52

สมุนไพรรักทะเล
รักทะเล Scaevola taccada (Gaertn.) Roxb.
บางถิ่นเรียกว่า รักทะเล (ชุมพร) บงบ๊ง (มลายู-ภูเก็ต) บ่งบง (ภาคใต้) โหรา (ตราด)  ไม้พุ่ม หรือ ไม้ต้น ขนาดเล็ก ใบ เดี่ยว ออกเวียนสลับ มีใบหนาแน่นตามปลายกิ่ง แผ่นใบรูปไข่กลับ หรือ รูปช้อน กว้าง 5-10 ซม. ยาว 12-15 ซม. เกลี้ยง หรือ มีขนเล็กน้อย โคนใบสอบเรียว ปลายใบกลม ขอบใบเรียบ หยักเล็กน้อย หรือ หยักลึก ดอก ออกเป็นช่อสั้น ๆ ตามง่ามใบ ยาว 2-4 ซม. มีดอกจำนวนน้อย ก้านช่อยาว 0.5-1 ซม. ใบประดับมีขนาดเล็กรูปสามเหลี่ยมค่อนข้างยาว ดอกยาวประมาณ 2 ซม. เกลี้ยง หรือ มีขนเล็กน้อย กลีบเลี้ยงเชื่อมกันเป็นหลอดเล็ก ๆ ยาว 2-5 มม. ปลายแยกเป็นแฉกรูปยาวแคบ 5 แฉก หลอดกลีบเลี้ยงเชื่อมกับรังไข่ กลีบดอก 5 กลีบเชื่อมกันเป็นหลอด สีขาว หรือ เหลืองอ่อน มีลายเส้นสีม่วงอ่อน สมุนไพร ด้านบนของหลอดดอกมีรอยผ่าลึก ทำให้กลีบดอกทั้ง 5 เบี้ยวลงไปอยู่ทางด้านล่าง ภายในหลอดมีขนหนาแน่น ขอบกลีบเป็นเส้นฝอย ๆ เกสรเพศผู้ 5 อัน ก้านเกสรไม่ติดกัน รังไข่ 1 อัน ภายในมี 1-2 ช่อง แต่ละช่องมีไข่ 1 เมล็ด ก้านเกสรเพศเมียรูปทรงกระบอก โคนก้านมีขน ปลายเกสรมีเยื่อรูปถ้วยคลุมอยู่ขอบเยื่อคลุมมีขน ผล รูปกลม เส้นผ่านศูนย์กลาง 1-1.5 ซม. เกลี้ยง เมื่อสุกสีขาวนวล เปลือกชั้นในที่หุ้มเมล็ดค่อนข้างแข็ง ภายในมี 1-2 เมล็ด

นิเวศน์วิทยา
: ขึ้นตามชายฝั่งทะเลที่เป็นทราย หรือ หิน ยกเว้นตามป่าชายเลน
สรรพคุณ : ราก น้ำต้มราก กินแก้พิษ จากการกินปูหรือปลาที่มีพิษ ใบ ใช้สูบได้เหมือนใบยาสูบ  น้ำต้มใบ กินเป็นยาช่วยย่อย ตำพอกแก้ปวดบวมและแก้ปวดศีรษะ

Tags : สมุนไพร

53

ขายกระชายดำสุดยอดสมุนไพรไทย
ขายส่งกระชายดำ ถิ่นกำเนินจะอยู่รอบๆในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รวมทั้ง สามารถพบกระชายดำ ที่มีจำนวนหลายชิ้นนั้นจะในบริเวณประเทศมาเล และก็เกาะเกะสุมาตรา เกาะบอร์เนียว อินโดวจีน แล้วก็ไทยซึ่งจะมี อยู่ครึ้มแนนมากมายแล้วก็ยังมีการกระจายชนิดของ ขายกระชายดำไปทั่วในทวีปเอเชียเขตร้อน ดังเช่นว่าจีนตอนใต้ อินเดีย และก็ประเทศพม่า
สำหรับประเทศไทยกระชายดำ ได้เป็นสมุนไพร ที่นิยมใช้กันหลายชิ้นก็เลยได้เริ่มปลูกขายกระชายดำ มากขึ้นเลื่อยๆใน จังหวัดต่างๆได้แก่ เลย ตาก จังหวัดกาญจนบุรี และจังหวัดอื่นๆของภาคเหนือ
ขายกระชายดำ[/url] นั้นมีสาระรวมทั้งสรรพคุณ เยอะแยะและก็ยังช่วยรักษาโรคต่างๆได้หลายประเภท
คุณประโยชน์แล้วก็ผลดีทั้งหมดทั้งปวงของ{การขายกระชายดำ
สมุนไพรกระชายดำ มักใช้เป็นยาอายุวัฒนะ ช่วยชะลอความแก่ลง คนรุ่นเก่ามีความคิดกันว่าเมื่อนำ กระชายดำ ไปปลุกเสกจะมีคุณทางหนังเหนียว
คนรุ่นเก่าจะใช้กระชายดำ ใช้เป็นยาบำรุงกำลัง ช่วยเพิ่มสมรรถนะทางเพศ แก้ราคะตายเส้นด้าย(เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ) โดยการใช้ เหง้าหรือท่อนหัวของ กระชายดำ ผสมกับสมุนไพรอื่นๆนำมาดอกเหล้าเพื่อใช้เป็นยาชูกำลัง
รับผลิตกระชายดำกระชายดำสามารถบำรุงธาตุภายในร่างกายได้ดิบได้ดี ช่วยกระตุ้นระบบประสาท บำรุงประสาท ทำให้ร่างกายกระชุ่มกระชวย
ช่วยแก้อาการนอนไม่หลับ ในช่วงเวลากลางคืน ทำให้นอนหลับสะบาย
ช่วยบำรุงรักษาหัวใจ ช่วยจยายหลอดเลือดหัวใจ แก้โรคหัวใจ ช่วยทำนุบำรุงเลือด (บำรุงเลือด)
ส่วนประกอบสำคัญ
 

ผงกระชายดำ
ขายกระชายดำ ขายส่งกระชายดำ จำหน่ายกระชายดำ
แคปซูลกระชายดำ รับผลิตกระชายดำ
กระชายดำ เป็นยาอายุวัฒนะยอดนิยมกว้างใหญ่
ทั้งคนซื้อแล้วก็ในแวดวงแพทย์แผนไทย ได้มีสาระดังต่อไปนี้
บำรุงหัวใจ บำรุงกำลัง ขยายเส้นโลหิตในหัวใจ แก้ปวดมวลท้อง ขับปัสวะ ลดลักษณะของการปวดเมื่อยล้า เพิ่มฮอร์โมนให้แก่ผู้ชาย
เพิ่มสมรรถนะทางเพศให้แก่ท่านชายได้เป็นอย่างดี
เหมาะสำหรับชายที่อยากได้อยากกลับมาเป็นชายหนุ่มอีกที
ขายส่งกระชายดำ มีสรรพคุณ บำรุงร่างกาย บำรุงกำลัง
แก้จุกเสียด แก้เจ็บท้อง ใช้เป็นยาอายุวัฒนะ แก้ปวดเมื่อย
ในผู้ชาย กระชายดำช่วยบำรุงฮอร์โมนเพศ เพิ่มสมรรถนะ
ทางเพศ ช่วยให้อวัยวะแข็งนานขึ้น แล้วก็ในเพศหญิง
แคปซูลกระชายดำช่วยรักษาอาการมดลูกพิการ มดลูกหย่อนยาน
ปรับสมดุลของฮอร์โมนเพศ ยิ่งกว่านั้นกระชายดำยังช่วยกระตุ้น
ระบบประสาท ช่วยทำให้นอนก้าวหน้าขึ้น แก้โรคบิด ขับเยี่ยว
และก็ช่วยรักษาอาการขัดเบา ช่วยขับพิษภายในร่างกาย รวมทั้งยังช่วย
รักษาโรคเกี่ยวกับท้อง เพราะเหตุว่ามีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียในไส้ได้
แคปซูลกระชายดำช่วยให้อวัยวะเพศชายแข็งได้ง่ายแล้วก็หลายครั้งขึ้น มีช่วงเวลาในการแข็งตัวที่นาขึ้น รวมทั้งสำหรับคนที่ไม่ได้มีปัญหาดังกล่าวก็สามารถรับประทานเพื่อช่วยเพิ่มความแข็งแรงขึ้นได้
นอกเหนือจากการที่จะแคปซูลกระชายดำบำรุงกำลังของ ผู้ชายแล้ว กระชายดำยังช่วยบำรุงรักษาโหลิตสตรี(บำรุงเลือดเพศหญิง)
ช่วยแก้อาการตกขาวของผู้หญิง
ช่วยขับเมนส์ ช่วยให้เมนส์ที่มาเปลี่ยนไปจากปกติ กลับมาธรรมดา
ช่วยแก้โรคมดลูกพิการ มดลูกย่อนยานได้ โดยการนำเหง้าหรือหัวของ สมุนไพรกระชายดำ มาตำแล้วก็สผมกับเหล้าขาว แล้วนำมาดื่ม
ช่วยขับพิษภายในร่างกาย
แก้อาการมือเท้าเย็น
แคปซูลกระชายดำช่วยรักษา อาการเหน็บชา
ช่วยรักษาอาการปวดตามข้อ
ช่วยรักษาโรคเก๊า
สมุนไพรอื่นๆ
เจียวกู่หลานสรรพคุณแพทย์แผนจีนใช้ส่วนเหนือดินหรือใบเป็นยาแก้อักเสบแก้ไอ ขับเสลดแก้หลอดลมอักเสบชนิดเรื้อรัง หมอแผนไทยใช้ส่วนที่เป็นก้านตากแห้งบดละเอียดเช่นกันแก้เมื่อยล้า แก้แผลอักเสบ ช่วยให้ไม่อ่อนเพลียง่าย แคปซูลกระชายดำเจียวกู่หลาน ในเจียวกู่หลานมีสารจีแพนโนไซด์ (Gypenoside) ที่ออกฤทธิ์คล้ายกับจินเซนโนไซด์ เจอได้ในโสม ก็เลยทำให้มีคุณประโยชน์ในตำราเรียนยาแผนโบราณ คือ ช่วยบำรุงร่างกาย ชูกำลัง ช่วยเจริญอาหาร เป็นยาอายุวัฒนะ รวมถึงใช้ขับเสลด แก้ไอ แก้อักเสบ ทุเลาอาการปวดกระดูก ส่วนเจียวกู่หลานสำหรับในการขายส่งกระชายดำหมอแผนปัจจุบันมีคุณประโยชน์ ลดไขมันแล้วก็คลอเรสเตอรอลในเลือด ลดความเสี่ยงในการกำเนิดโรคหัวใจ ปรับความสมดุลของระบบเลือด ลดระดับความดันโลหิต ควบคุมน้ำตาลในเลือด ปกป้องเบาหวาน ต้านอนุมูลอิสระ คุ้มครองความเสื่อมของเซลล์ต่างๆภายในร่างกายรับผลิตกระชายดำทั้งยังสร้างเสริมระบบภูมิคุ้มกัน มีฤทธิ์ปกป้องรักษาตับ คุ้มครองปกป้องโรคจำอะไรไม่ค่อยได้ ต้านทานเซลล์ของโรคมะเร็ง คุ้มครองการเกิดภาวการณ์ตันของเส้นเลือดในสมองได้ขายส่งกระชายดำ
คุณประโยชน์ชาเชียว

  • ชาเขียว มีส่วนสำหรับเพื่อการรักษาโรคปวดศีรษะไปจนกระทั่งโรคเศร้าหมองได้เป็นอย่างดี โดยจีนได้มีการใช้ชาเขียวในการรักษาโรคต่างๆมาตรงเวลามากยิ่งกว่า 4,000 ปีมาแล้ว
  • มีส่วนช่วยแก้หวัด แก้อาการร้อนใน ช่วยสำหรับเพื่อการขับพิษ และช่วยขับเหงื่อภายในร่างกาย
  • ช่วยแก้อาการเมาสุรา อีกทั้งยังทำให้สร่างเมาได้เป็นอย่างดีรับผลิตกระชายดำ
  • มีส่วนช่วยสำหรับในการกระตุ้นให้เกิดการเจริญของกิน มีส่วนช่วยสำหรับในการเพิ่มแบคทีเรียชนิดดีในไส้ ก็เลยมีส่วนช่วยสำหรับเพื่อการล้างพิษรวมทั้งช่วยกำจัดพิษในลำไส้ได้
  • ช่วยคุ้มครองป้องกันการเกิดลิ่มเลือดในร่างกาย
  • แคปซูลกระชายดำคุ้มครองตับจากพิษต่างๆรวมทั้งโรคประเภทอื่นๆซึ่งสามารถเกิดขึ้นกับตับได้
  • มีฤทธิ์สำหรับเพื่อการต้านทานอาการอักเสบ ต่อต้านจุลชีพที่อยู่ในไส้ ต้านเชื้อแบคทีเรียและก็เชื้อไวรัส และก็ช่วยต้านทานเชื้อ Botulinus แล้วก็เชื่อ Staphylococcus
  • มีส่วนช่วยสำหรับการขับฉี่ แล้วก็ช่วยคุ้มครองนิ่วในถุงน้ำดีรวมทั้งในไต
  • ช่วยสำหรับการห้ามเลือดหรือทำให้เลือดไหลได้ช้าลง
  • มีส่วนช่วยสำหรับการปกป้องโรคข้ออักเสบรูมาติก ซึ่งเป็นโรคที่มีอาการอักเสบบวมแดง ส่งผลทำให้ปวดเมื่อตามกล้ามและข้อต่อ โดยอาการลักษณะนี้ชอบเกิดกับกลางคนขายส่งกระชายดำ
  • ใช้เป็นยาพอกเพื่อรักษาแผลอักเสบ แผลพุพอง ฝีหนอง ไฟลุก รวมทั้งช่วยทุเลาอาการผดผื่นคัน แมลงสัตว์กัดต่อย ใช้เป็นยากันยุง รวมถึงแก้ผิวร้อนแห้งได้เป็นอย่างดี
  • มีส่วนช่วยสำหรับเพื่อการทำให้เกิดการผ่อนคลายอารมณ์ ช่วยระบายความร้อนที่เกิดกับศีรษะแล้วก็เบ้าตา จึงทำให้ตาสว่าง ไม่ง่วงงุน แถมยังเป็นเหตุให้หายใจมีชีวิตชีวาได้อีกด้วยรับผลิตกระชายดำ
  • ช่วยแก้อาการท้องเสีย ท้องเดิน และก็ท้องบิดได้เป็นอย่างดี
  • มีส่วนช่วยในการแก้อาการหิวน้ำ ช่วยสำหรับในการระบายความร้อนให้ออกจากปอด แถมยังช่วยขับเสมหะได้อีกด้วย


Tags : ขายส่งกระชายดำ,รับผลิตกระชายดำ

54
อื่น ๆ / สัตววัตถุ เเมลงสาบ
« เมื่อ: มกราคม 03, 2018, 01:48:19 AM »

แมลงสาบ
แมลงสาบเป็นแมลงที่มนูษย์รู้จักกันดีมาตั้งแต่โบราณ ชื่อ “แมลงสาบ” และ “แมลงแกลบ” เป็นชื่อทั่งๆไปที่คนไทยทางภาคกึ่งกลางใช้เรียกแมลงสาบในตระกูล  Blattidaeหลายแบบ ทางถาคเหนือเรียก แมลงแสบ หรือแซบ ภาคอีสานเรียก แมงกะจั๊ว กะจั๊ว หรือ กาจั๊ว ส่วนภาคใต้เรียกแมลงแกลบว่า แมงแปะหรือ แมงแป้ แมลงในตระกูลนี้พบทั่วโลกมีราว ๒๕๐ สกุล  ราว ๕,๐๐๐ จำพวก
แมลงสาบจำพวกสำคัญ
แมลงสาบประเภทหลักๆที่พบแพร่หลายไปทั่วทั้งโลกมี ๕ ประเภท เป็นต้นว่า
๑.แมลงสาบเยอรมัน  มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Blattellagermanica(Linnaeus) มีชื่อสามัญว่า  German cockroach  หรือ water bug  หรือ croton bug  คนไทยเรามักเรียกแมลงแกลบบ้าน  เป็นจำพวกที่รู้จักกกันดีเยี่ยมที่สุดและก็ดพร่หลายชนิดกว้างขวางพยได้มากที่สุด  เป็นแมลงสาบขนาดเล็ก  ลำตัวยาว ๑.๒-๑.๖ ซม.  สีน้ตาลเหลืองชีด  มีแถบสีน้ำตาลเข้มตามแนวยาว ๒ แถบ  ทั้งสองเพศมีปีก  ตัวเมียพบบ่อยถุงไข่ที่ปลายของส่วนท้อง  ออกหากินตอนเวลากลางเป็นน  เจอในบ้านเรือน  ในที่มีของกิน เป็นต้นว่า ที่เปียกชื้นและก็อุ่น  รับประทานของที่ตายแล้ว
๒.แมลงสาบชีบโลกทิศตะวันออกมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่าBlattellaorientalis(Linnaeus)มีชื่อสามัญว่า  oriental  cockroach  หรือ  black  beetle  คนไทยเรียกแมลงสาบ  มีขนาดกลาง  ลำตัวยาวรวม ๒.๕ เซนติเมตร  ตัวเมียนั้นปีกไม่ก้าวหน้า  แม้กระนั้นตัวผู้มีปีกยาว  แม้กระนั้นปีกมัยยาวไม่พ้นส่วนท้อง  เข้ามาในหมู่บ้านทางท่อของกินท่อที่มีไว้สำหรับระบายน้ำ  มักอยู่ตามดินที่ชื้อนแฉะ  เป็นแมลงสาบที่ทำให้มีกลิ่นเหม็น  ทานอาหารทุกประเภท  พบได้ทั่วไปตสม  กองขยะหรือของเน่าเสียต่างๆ ชอบรับประทานของที่มีแป้งอยู่ด้วย
๓.แมลงสาบอเมริกา  มีชื่อวิทยาศาสตร์Periplanetaamericana(Linnaeus)มีชื่อสามัญว่า  American  cockroach  ชาวไทยแมลงสาบ  มีขนาดใหญ่ที่สุด  ลำตัวยาว ๓-๔ ซม.  สีน้ำตาลปนแดง  มีบ้านเกิดในอเมรกากึ่งกลาง  แม้กระนั้นเดี๋ยวนี้แพร่หลายไปทั่วโลก  ทั้งยัง ๒ เพศมีปีกยาวหุ้มถึงท้อง  เป็นแมลงที่ว่องไว  ถูกใจที่อุ่น  ที่เปียกแฉะ  ถูกใจอยู่ในที่มืด  ออกหากินตอนกลางคือ  กินของที่ตายแล้วและเศษอาหารทั้งหมดทุกอย่าง
๔.แมลงสาบประเทศออสเตรเลีย  มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Periplanetaaustralasiae(Fabeius) มีชื่อสามัญว่าAustralian  cockroach  คนไทยเรียกแมลงสาบ  ประเภทนี้มีสีน้ำตาลแดง  คล้ายแมลงสาบอเมริกัน  ทั้ง ๒ เพศมีปีกยาว  ชอบอาศัยอยู่นอกอาคาร  ทานอาหารทุกๆสิ่งทุกๆอย่าง  ส่วนใหญ่รับประทานซากพืชที่ตายแล้ว
๕.แทลงสาบเมืองที่มีอากาศร้อน  มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Supellasupellectilium(Serville) มีชื่อสามัญว่าtropical  cockroachหรือ  brown-banded cockroachชาวไทยมักเรียกแมลงสาบลาย  ชนิดนี้มีลัษณะคล้ายตามแมลงสาบเยอรมัน  แม้กระนั้นมีขนาดเล็กกว่า  ลำตัวยาว ๑-๑.๒ มม.  มีแถบสีเหลืองตามขวาง ๒ แถบ แถบแรกอยู่โคนปีก  อีกแถบอยู่ปีก  ส่วนใหย่ปีกมักไม่ปิดปลายส่วนท้อง  พบทั่วไป  หากินค่ำคืนถูกใจบิน  ถูกใจอยู่ในที่แห้งแล้วก็ร้อน  ถูกใจอยู่ที่สูง ได้แก่ในตู้เสื้อผ้ส  กินอาหารทุกชนิดโดยยิ่งไปกว่านั้นของเสียรวมทั้งของที่ตายแล้ว
๖.แมลงสาบสุรินัม มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Pycnocellissurinamensis(Linnaeus)มีชื่อสามัญว่าSurinamcockroach  คนประเทศไทยมักเรียก แมลงสาบหรือแกลบขี้เลื่อย  ด้วยเหตุว่าเจอตามกองขี้เลื่อย  มีขนาดลำตัวยาวราว ๑.๕ ซม.  ส่วนท้องกว้างที่สุด ๑ ซม.  ท่อนหัวและอกข้อแรกสีดำ ขอบข้างหน้าและก็ด้านข้างเกือบตลอกมีสีเหลืองแก่  ปีกสีน้ำตาล  ขาสีน้ำตาลอ่อน  เว้นเสียแต่ขาหลังสีน้ำตาลเข้มตัวเมียปีกสั้นกว่าลำตัว  เมื่อหุบปีกจีงเห็นปลายท้องโผล่ออกมา  อาศัยอยู่นอกบ้านตามกองขี้เลื่อย  กองแกลบ  และกองขยะที่เน่า  นิมจับมาเกี่ยวเบ็ดเป็นเหยื่อสำหรับตกปลา

คุณประโยชน์ทางยา
สมุนไพร หมอแผนไทยใช้ “ขี้แมลงสาบ” เข้ามาเป็นเครื่องยาในยาไทยหลายขนาน  ขี้แมลงสาบที่ใช้นั้นเป็นขี้แมลงสาบที่อาศัยอยู่ตามบ้านช่อง  นำมารวมกัน  ก่อนใช้ต้อง “ฆ่า” ซะก่อนแนวทางการทำก็คือ  ให้นำไปคั่วให้เกรียมก่อนนำมาใช้  หนังสือเรียนสรรพคุณยาโบราณว่า  ขี้แมลงสาบคั่วมีรสจืด  แก้อักเสบฟกบวม  แก้พิษร้อน  แก้กาฬโรค ในพระคู่มือมุจาปักขันทกาให้ยาแก้นิ่วขนานหนึ่งเข้า “มูลแมลงสาบ” เป็นเครื่องยาด้วย  ดังต่อไปนี้ ถ้าจะแก้ท่านให้เอาพริกไท ๑ ขิงดีปลีกระเทียม ๑ ผิวมะกรูด ๑ ไพรขมิ้นอ้อย ๑ ทองถันแดง ๑ มูลแมลงสาบ ๑ เอาสิ่ง ๑ บาท  น้ำประสารทองสเหม็นตุเท่ายาทั้งหลาย  บดทำแท่งไว้  จึงเอาสารส้มยัดเข้าในผลแตงกวา  หมกไฟแกลบห็สุกบีบเอาน้ำฝนยานี้กิน ในพระคู่มือปฐมจินดาร์ให้ยาขนานหนึ่งชิอ “ยามหาไชยมงคล”  ใช้แก้หอบ  แก้ไข้  ยาขนานนี้เข้า “มูลแมลงสาบ” เป็นเครื่องยาด้วย  ดังนี้ ยาเชี่อมหาไชยมงคลแก้หอบ  ท่านให้เอา  กฤษณาจันทน์ชะมด ๑ เปลือกสันมีดพร้านางแอ ๑ หญ้าพันงูแดง ๑ กำมถันแดง ๑ มูลแมลงสาบ ๑ ผลผักชี ๑ นอแรด ๑ งาช้างเขากวาง ๑ รวมยา ๑๐ สิ่งนี้เอาเท่าเทียมกัน  ทำเป็นจุณ  บดปั้นแท่ง  ละลายน้ำมะนาวรับประทานหอบทราง  หากจะแก้ไข้เหนือละลายน้ำใบทับทิมต้ม

Tags : สมุนไพร

55
อื่น ๆ / สัตววัตถุ หมาร่า
« เมื่อ: ธันวาคม 27, 2017, 11:12:25 AM »

หมาร่า
สุนัขร่า เป็นแมลงพวกต่อหรือแตน แม้กระนั้นทำรังรูปร่างต่างกันด้วยดินเหนียวหรือดินเหนียวปนทราย ติดอยู่กับก้านไม้หรือสิ่งของอื่นภายนอกบ้านช่อง หรือตามขื่อ ฝ้าเพดานในบ้าน ทั้งนี้แล้วแต่ประเภทของหมาร่า ซึ่งมีอยู่เยอะแยะหลายอย่าง ในตระกูล sphecidae รวมทั้งตระกูล Eumenidae หมาร่า เป็นแมลงที่มีชีวิตอย่างโดดเดี่ยว ก็เลยเรียก solitary  wasp  ไม่อยู่จับกลุ่มกันเป็นแบบสังคม ราวกับต่อหลวงหรือต่อหัวเสือ ซึ่งเป็นชนิด social  wasp
[url=http://www.disthai.com/]สมุนไพร[/i][/b][/url] สุนัขร่าเป็นมังล่า เป็นชื่อที่เรียกกันในภาคกึ่งกลาง ทางภาคตะวันออก ยกตัวอย่างเช่น เมืองจันท์ จังหวัดตราด ฉะเชิงเทรา จังหวัดชลบุรี เรียกเป็น สุนัขร่า หมาล้า หรือ สุนัขล้า ทางภาคตะวันตกตัวอย่างเช่น   จังหวัดกาญจนบุรี เรียก แมงไม้  ไม้ หรือ ไอ้ไม้ ทางภาคเหนือดังเช่น เชียงใหม่ จังหวัดลำพูน ลำปาง จังหวัดเชียงใหม่ น่าน เรียก แมงไม้ หรือ ไม้ ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เช่น จังหวัดบุรีรัมย์   จังหวัดโคราช สุรินทร์  จังหวัดศรีสะเกษ ขอนแก่น มหาสารคาม นครพนม อุดรธานี กาฬสินธุ์ เรียก ไน หรือ หมาไน ส่วนด้านใต้ ตัวอย่างเช่น จังหวัดชุมพร กระบี่ สุราษฎร์ธานี ภูเก็ต   นครศรีธรรมราช สงขลา ยะลา เรียก สุนัขบ้า หรือ สุนัขแมงบ้า

56
อื่น ๆ / สัตววัตถุ หูฉลาม
« เมื่อ: ธันวาคม 25, 2017, 08:54:33 AM »

หูฉลาม
หูฉลามเป็นของกินที่นิยมบริโภค รวมทั้งจัดเป็นอาหารของชนชั้นสูงมาแม้กระนั้นโบราณ โดยยิ่งไปกว่านั้นในหมู่ชนชาติจีน หูฉลามเป็นของมีราคาแพง แต่ว่ามีจำนวนน้อยไม่เพียงพอกับความต้องการของผู้ใช้ ส่วนมากหูฉลามได้จากครีบของปลาฉลาม ซึ่งใช้ได้เกือบทุกครีบ (เว้นเสียแต่ครีบหาง ซึ่งไม่ได้รับความนิยม เพราะออกจะแข็ง) ที่เรียก “หูฉลาม” นั้น อาจเนื่องมาจากครีบอกขนาดใหญ่อีกทั้ง ๒ ข้างของปลาฉลามมีลักษณะคล้ายใบหู นอกจากหูฉลามจะได้จากปลาฉลามแล้วยังบางทีอาจได้จากปลากระเบน โรนิน โรนัน ปลาฉนาก  เป็นต้น ปลาฉลามเป็นปลากระดูกอ่อนกรุ๊ปหนึ่ง มีรูปร่างเพรียวเหมือนกระสวย ทำให้สามารถว่ายได้เร็วมาก มีช่องเหงือกเปิดออกทางข้างๆ ข้างละ ๕-๗ ช่อง   มีปากอยู่ข้างล่าง ข้างในมีฟันคมและก็ฟันกรามที่แข็งแรงสำหรับกัดทึ้งเหยื่อ  ลำตัวมีเกล็ดละเอียดชิดกันเป็นแผ่น สากเหมือนกระดาษทราย ครีบอกแยกจากท่อนหัว โดยฐานครีบตั้งอยู่ในแนวราบ ครีบหางตั้ง มีแพนหางช่วยสำหรับในการว่าย เมื่อคนหาปลาจับปลาฉลามขึ้นมาได้   ก็จะตัดครีบโดยทันที  โดยปลาฉลาม ๑ ตัวให้ครีบทั้งหมดทั้งปวง ๘ ครีบ  เป็นครีบเดี่ยว ๔ ครีบ  ครีบคู่ ๒ คู่ ปลาฉลามที่เจอทั้งโลกมีอยู่ราว ๓๔๐ ประเภท  แต่ละจำพวกมีลักษณะเด่นนาๆประการ ที่เจอในน่านน้ำไทยมีไม่น้อยกว่า ๒๕ ชนิด แต่ที่พบได้บ่อยในอ่าวไทย อย่างเช่น ฉลามหูดำ ฉลามหนู ฉลามเสือ ฉลามหิน ฉลามหัวค้อน

ชั้นปลากระดูกแข็ง
สมุนไพร ชั้นปลากระดูกแข็ง (Class Osteicthyes) ทั่วทั้งโลกมีราว ๒๐,๐๐๐ จำพวก เป็นชั้นของปลาที่มีโครงร่างมีกระดูกแข็งเป็นส่วนมาก มีเกล็ดอันเกิดขึ้นได้เพราะมีสาเหตุเนื่องมาจากเนื้อเยื่อผิว   ผิวหนังมีต่อมมูกจำนวนมาก โพรงปากอยู่ในแนวขอบของหัว   มีครีบเดี่ยวแล้วก็ครีบคู่ ช่องเหงือกมีแผ่นกระดูกเป็นฝาปิดอยู่ เจอได้ทั้งในน้ำจืด น้ำทะเล  และน้ำกร่อย ลางประเภทมีเหงือกซับน้ำก้าวหน้า จึงอยู่บนบกได้ในระยะเวลาสั้นๆอาทิเช่น ปลาตีน ปลาหมอ แพร่พันธุ์แบบอาศัยเพศ ส่วนมากมีการถือกำเนิดด้านนอก ปลาในชั้นนี้ที่มีสาระทางยา ได้แก่ ปลาช่อน ปลาดุก ปลาสร้อย ปลาไหล

57
อื่น ๆ / สัตววัตถุ ปลาดุก
« เมื่อ: ธันวาคม 23, 2017, 07:01:55 AM »

ปลาดุก
ปลาดุกเป็นสัตว์เลือดเย็น มีกระดูกสันสันหลัง ปลาที่คนไทยเรียก ปลาดุก หรือ walking catfish นั้น อาจคือปลาน้ำปลาน้ำจืดอย่างต่ำ ๒ จำพวกในสกุล Clariidae  เป็น
๑. ปลาดุกด้าน
มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า  Clarias  batrachus  (Linnaeus)
มีชื่อสามัญว่า walking  catfish
ลางตัวที่มีสีขาวตลอด ประชาชนเรียก ดุกเผือก หรือถ้าเกิดมีสีค่อนข้างแดง  ก็เรียก ดุกแดง  แต่แม้มีจุดขาวบริเวณทั่วลำตัว  ก็เรียก ดุกเอ็น ปลาดุกด้านมีรูปร่างยาวเรียว ยาว  ๑๖-๔๐  เซนติเมตร (ในธรรมชาติบางทีอาจยาวได้ถึง ๖๑  ซม.) รอบๆด้านข้างของลำตัวมีสีเทาผสมดำหรือสีน้ำตาลคละเคล้าดำ รอบๆท้องมีสีค่อนข้างจะขาว ไม่มีเกล็ด ความยาวของลำตัวราว ๖-๗.๕ เท่าของความลึกของลำตัว แล้วก็ราว๓.๕ เท่าของความยาวท่อนหัว หัวค่อนข้างจะแหลมถ้าหากมองทางด้านข้าง กระดูกหัวมีลักษณะตะปุ่มตะป่ำ กระดูกท้ายทอยยื่นเป็นมุมค่อนข้างจะแหลม ส่วนฐานของครีบสันหลังยาวเกือบจะตลอดส่วนหลัง ครีบหลังมีก้านครีบอ่อน ๖๕-๗๗  ก้าน ไม่มีก้านครีบแข็ง ครีบตูดมีก้านครีบอ่อน  ๔๑-๕๘  ก้าน ครีบท้องกลม ครีบอกกลม มีก้านครีบแข็งข้างละ ๑ ก้าน ปลายแหลม เป็นหยักอีกทั้ง ๒ ข้าง ครีบหางแบน ปลายมน ไม่ต่อกับครีบหลังและก็ครีบก้น ตามีขนาดเล็กอยู่ด้านบนของหัว มีหนวด ๔ คู่  หนวดที่ขากรรไกรข้างล่างยาวถึงส่วนปลายก้านครีบแข็งของครีบอก หนวดขากรรไกรบนยาวถึงก้านครีบข้างหลังก้านที่  ๗-๘   หนวดที่บริเวณจมูกยาวเป็น ๑ ใน ๓ ของก้านครีบแข็งของครีบอก  รวมทั้งหนวดคางยาวถึงส่วนปลายของครีบอก ภายในส่วนหัวเหนือช่องเหงือกทั้ง ๒ ข้าง มีอวัยวะพิเศษที่ช่วยสำหรับเพื่อการหายใจ ฟันบนเพดานปากรวมทั้งฟันบนขากรรไกรบนเป็นฟันซี่เล็กๆกระดูกซี่กรองเหงือกมี  ๑๖-๑๙  อัน ปลาดุกด้านมีนิสัยดุ รวดเร็ว รังเกียจอยู่นิ่ง ลุกลี้ลุกลน ถูกใจดำว่ายดำผุดและก็ถูกใจมุดไปตามพื้นโคลนตม ถูกใจว่ายทวนน้ำออกไปจากแหล่งอาศัยในขณะฝนตกแล้วก็น้ำไหลท่วมลงสู่แหล่งน้ำแห่งใหม่ มีความทรหดอดทนต่อสิ่งแวดล้อมที่เรวร้ายได้
๒. ปลาดุกอุย
มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Clarias  microcephalus  Gunther
มีชื่อสามัญว่า  broadhead  walking  catfish
ปลาดุกอุยเป็นปลาที่ไม่มีเกล็ด ลำตัวยาวเรียว ยาว  ๑๕-๓๕  ซม.  สีค่อนข้างเหลือง  มีจุดประตามด้านข้างลำตัวราว ๙-๑๐ แถบ แต่เมื่อโตจะเลือนหายไป ฝาผนังท้องมีสีขาวถึงเหลืองเฉพาะรอบๆอกถึงครีบท้อง ส่วนหัวค่อนข้างจะทู่ ปลายกระดูกกำดันป้านและโค้งมนมากมาย   ท่อนหัวจะลื่น มีรอยบุบตรงกลางนิดหน่อย  มีหนวด  ๔  คู่  โคลนหนวดเล็ก ปากไม่ป้าน ค่อนข้างจะมนครีบอกมีครีบแข็งข้างละ ๑ ก้าง มีลักษณะแหลมคม ยื่นยาวหรือพอๆกับครีบอ่อน ครีบข้างหลังมีก้านครีบอ่อน  ๖๘-๗๒  ก้าน   ปลายครีบสีเทาปนดำและยาวตลอดถึงคอดหาง ครีบก้นมีก้านครีบอ่อน  ๔๗-๕๒  ก้าน ครีบหางกลม ไม่ใหญ่มากนัก สีเทาคละเคล้าดำ ครีบหางไม่ชิดกับฐานครีบหลังรวมทั้งครีบก้น   ปริมาณกระดูกซี่กรองเหงือกราว  ๓๒  ซี่งเมื่อดูผิวเผินทั้งยังปลาดุกด้านและปลาดุกอุยมีลำตัวสั้นป้อมกว่า ลำตัวสีดำปนเหลือง มีจุดเล็กๆสีขาวเรียงเป็นแนวตามแนวขวางลำตัวหลายแถว หรืออาจมองเห็นเป็นจุดประสีขาวตามลำตัว ปลายกระดูกกำดันโค้งมน ปลาดุกเป็นปลาที่พบได้ตามคู ลำคลอง หนอง บึงทั่วๆไป จัดเป็นปลาที่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจของไทยชนิดหนึ่ง
ประโยชน์ทางยา
สมุนไพร แพทย์แผนไทยรู้จักใช้ปลาดุกผสมเป็นเครื่องยาในตำรับยาหลายขนาน โดยเฉพาะใน พระตำราไกษย ให้ยาที่เข้า “ปลาดุกปิ้ง” อยู่ ๒ ขนาน อีกทั้ง ๒ ขนานเป็นยาแกง รับประทานเป็นยาถ่ายอย่างแรง สำหรับแก้กษัย ดังนี้ ยาแก้ไกษยปลาดุก เอาเปลือกราชพฤกษ์ ๑ กลีบตาเสือ ๑  รากโคนแตง  ๑  พาดไฉนนุ่น ๑  พริกไทยขิงแห้ง ๑  กระเทียม  ๑  ผลจันทน์ ๑  ดอกจันทน์  ๑  กระวาน  ๑  กานพลู  ๑  ข่า  ๑  กระชาย  ๑  กะทือ  ๑  ไพล  ๑  หอม  ๑  ขมิ้นอ้อย  ๑  กะปิ  ๑  ปลาดุกย่าง  ๑  ตัว ปลาแดกปลาส้อย ๕  ตัว   ยา  ๒๐  สิ่งนืทำเปนแกง แล้วเอาใบมะกาที่เพสลาดนั้นมาหั่นใส่ลงเปนผัก รับประทานให้ได้ถ้วยแกงหนึ่ง ลงจนสิ้นโทษร้าย หายดีเลิศนัก และยางแกงเปนยารุ ท่านให้เอาเปลือกทองหลางใบมนที่ ๒ เปลือกมะรุม ๑ ลูกคัดเค้า ๑ เครื่องยาทั้งนี้เอาสิ่งละ ๗ ตัว ปลาดุกย่าง ๑ ตัว เอาใบสลอดที่กินลงที่อ่อนๆนั้น ๗ ใบ หั่นเป็นผักใส่ลง ทำเปนยาเถอะ ลงเสมหะเขียวเหลืองออกมา หายแล

58
อื่น ๆ / สัตววัตถุ งูเหลือม
« เมื่อ: ธันวาคม 21, 2017, 08:49:07 AM »

งูเหลือม
งูเหลือมเป็นงูไม่มีพิษมีขนาดใหญ่และก็ยาวที่สุดในโลก
มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า python retculatus (schneider)
จัดอยู่ในวงศ์ Boidae
ตระกูลย่อย pythoninae
มีชื่อสามัญว่า reticulated python หรือ regal python
ชีววิทยาของงูเหลือม
งูเหลือมมีลำดับตัวยาว ครึ้ม บางทีอาจยาวได้ถึง ๑๐ เมตร ใจกลางลำตัวป่องออกมีเกล็ดปกคลุม โดยธรรมดาเกล็ดมีสีเหลืองหรือสีเหลืองผสมสีน้ำตาล มีลวดลายอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ มีเกล็ดสีดำ มีเกล็ดสีเหลืองเป็นขอบใน และก็มี เกล็ดสีน้ำตาลผสมเทาอญุ่ข้างในอีกทีหนึ่ง ขอบนอกของเกล็ดมีสีดำ มีเกล็ดสีเหลืองทองคำสดกว่าบริเวณอื่น บริเวณด้านในข้างลำตัวมีแถบเกล็ดสีดำ ด้านในมีเกล็ดสีขาวเป็นแถบ เกล็ดข้างลำตัว รอบๆที่ติด กับเกร็ด ท้อง มีสีดำสลับกับขาวไม่มีระเบียบ เกล็ดท้อง สีนวลหรือสีเหลืองอ่อน บริเวณศีรษะมีสีเหลืองคละเคล้าน้ำตาล มีเส้นสีดำเล็กๆพิงผ่านกลางหัว ซึ่งเป็นลักษณะเด่นของงูเหลือม ที่ใช้จำแนกประเภท จากงูชนิดเดียวกันชนิดอื่นๆที่คล้ายคลึงกัน ( เป็นต้นว่างูหลาม) ดวงตาสีเหลืองหรือสีเหลืองเข้ม มีแถบสีดำเล็กๆภาพถ่านจากตาถึงมุมปาก งูเหลือมบางทีอาจ
งูเหลือม
ขายได้ถึงคราวละ๑๒๔ฟอง  แม่งูรอดูแลจนถึงไข่ฟักเป็นตัว ลูกงูเหลือมที่ฟักออกมาใหม่ยาวราว  ๕๕ ซม.
งูเหลือมเจอได้ในทุกภาคของประเทศ อีกทั้งในป่าดิบแล้วก็ป่าเสีย พบบ่อยทำมาหากินบนพื้นดิน โดยการดักรอเหยื่อ เมื่อเหยื่อผ่านเข้ามาในระยะใกล้ก็จะฉกกัด และม้วนตัวรัดเหยื่อจนตาย แล้วจึงกลืนรับประทานเหยื่อที่ตายแล้ว
งูหลาม
ลวดลายแถวๆศีรษะของงูเหลือม งูหลาม แล้วก็งูหลามปากเป็ดงูหลาม(rook python)
มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่าpython molunis bivittatus schiegel  เป็นงูที่มีขนาดใหญ่เป็นชั้น ๓ ของโลก รองจากงูเหลือม และก็งูแอนะคอนด้า | anaconda ชื่อวิทยาศาสตร์ Eunectes murinus (Linnaeus) ในสกุล Boidel พบได้บ่อยในป่าโปร่ง ทุ่งหญ้า นอกจากทางภาคใต้ (มีเฉพาะชุมพร)งูนี้ มีลักษณะ อ้วน ดก ลำตัวสั้นกว่างูเหลือมมากมาย ยาวเต็มกำลังไม่เกิน ๗ เมตร มีลวดลายต่างจากงูเหลือม โดยที่ลำดับตัวมีสีเหลืองหรือสีเหลืองอมสีน้ำตาลรวมทั้ง มีแผลสีน้ำตาลเข้มขนาดใหญ่ รูปร่างเป็นเหลี่ยมไม่แน่นอน เกล็ดท้องสีขาวหรือสีนวล จุดแข็งอยู่ที่ลวดลายบริเวณศีรษะ ซึ่งมีลาย3สีน้ำตาลเข้ม เป็นรูปลูกศรอยู่กึ่งกลางหัว ด้านข้างหัวมีแถบสีน้ำตาลเข้มเช่นเดียวกัน ในตามีสีน้ำตาลเข้ม งูหลามออกไข่คราวละ ๓๐-๕๐ ฟอง แม่งู รอดูแลไข่โดยใช้ลำตัวออกรอบ ลูกงูหลามที่ฟักออกมามีความยาว ราว ๕๐- ๘๐ ซม. งูหลามอีกประเภทหนึ่งเรียบงูหลามปากเป็ด (blood python) มีชื่อทางด้านวิทยาศาสตร์ว่า python curtus schiegel เป็นงูที่มีขนาดเล็กที่สุดในวงศ์งูเหลือม พบในป่าดงดิบบริเวณริมน้ำ เนื่องจากเป็นงูที่ถูกใจน้ำว่ายได้ พบได้ทั่วไปงูชนิดนี้ในน้ำ ซุกตัวอยู่ตามโคลนหรือตามพืชน้ำเพื่อดักรอเหยื่อ เจอเฉพาะภาคใต้ของประเทศไทย ตั้งแต่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ลงไป งูนี้มีความยาวสุดกำลังที่ราว ๒.๕ -๓ เมตร รูปร่างสั้นรวมทั้งครึ้มกว่าชนิดอื่น หัวมีขนาดออกจะเล็กเมื่อเทียบกับลำตัว พื้นลำตัวสีน้ำตาลอมสีส้มจนกระทั่งสีแดงคล้ำ สีจะเข้มที่สุดทางข้างบนลำตัว ด้านข้างมีสีอ่อน กว่า ด้านบนลำตัวมีแถบสีน้ำตาลเหลืองหรือสีน้ำตาล ยาวบ้างสั้นบ้างไม่แน่นอนกระจายตามสันหลัง ข้างๆลำตัวมีเกล็ดสีขาว หรือสีนวลเรียงกันแบบซิกแซ็ก ไม่เป็นระเบียบ ข้างล่างของเส้นนี้มีเกร็ดสีดำ ส่วนหัวมีสีน้ำตาลถึงสีน้ำตาลเข้ม มีเส้นสีแก่เล็กๆลากผ่าน หัวคล้ายงูเหลือม งูหลามปากเป็ดวางไข่คราวละ ๑๐-๑๕ ฟอง ลูกหมูที่ฟักออกมาจากไข่ใหม่ๆมีความยาวราว ๓๕เซนติเมตร

ผลดีทางยา
[url=http://www.disthai.com/]สมุนไพร[/url] หมอแผนไทยใช้ดีงูงูเหลือมกระดูกงูงูเหลือมและก็น้ำมันงูเหลือมเป็นเครื่องยาในตำรับยาหลายขนาน ดีงูเหลือมเป็นเครื่องยาอย่างหนึ่งที่ใช้มากในยาไทยใช้ทั้งแทรก เป็นกระสายยาและเป็นเครื่องยา ได้จากถุงน้ำดีของงูเหลือมนำมาผึ่งจนแห้งสนิท หนังสือเรียนสรรพคุณยาโบราณว่า ช่วยให้ตัวยา แล่น เร็ว ดับพิษ ตานซางในเด็ก ใช้ฝนกับยาหยอดตา แก้ตาเฉอะแฉะตามัวตาพร่าตาแดงรวมทั้งแก้ปวดตาได้ คัมภีร์ฉันทศาสตร์อันเป็นตำราเรียนหมอที่เรียบเรียงและก็แต่งลางส่วน โดยพระยาวิชยาธิบดี (กล่อม) เจ้าผู้ครองนครเมืองจันท์ช่วงนี้พูดถึงไข้ป่วง๘ ประการรวมทั้งยาบำบัด มีเรื่องมีราวที่เกี่ยวกับการใช้ดีงูงูเหลือมเป็นกระสายยาดังต่อไปนี้ จะอภิปรายในเรื่องรส เปรี้ยวปรากฏเคยใส่ใจ ส้มมะขามเปียกฝักส้มป่อย เปรี้ยวอร่อยน้ำส้มซ่า ขมธรรมดาบอระเพ็ด กระดอม ขมเป็นจอม ดีงูเหลือม เผ็ดพอเอื้อม ขิง ดีปลี ภิมเสนมีให้ใส่แซก อนึ่งเค็มแปลกนอกเหนือจาก เกลือ ทราบไว้เผื่อแก้ไม่หยุดมุตร์มนุษย์เปลือกลำภูเขา สองสิ่งรู้เหอะเค็มกร่อยอ่านเสมอๆให้คิดออก จะได้ใช้แซก จูงยาในหนังสือเรียนป่วง เป็ด ประการตามตำราโบราณซึ่งท่านแต่ก่อนกล่าวเอย ภาพหนังสือปฐมจินดาร์ อันเป็นตำราแม่บทของหมอแผนไทยที่ว่าด้วยแม่และก็เด็กให้ยาหลายขนานที่ใช้ดีงูงูเหลือม มีอยู่ขนานหนึ่งที่ใช้ดีงูเหลือมเป็นเครื่องยาด้วยดังนี้ ยาทาหละ ขนานนี้ท่านให้เอาชาดหรคุณ ๑พิมเสน ๑ใบนมจิตร์ ๑ใบมะระใบแมลงสาบดีงูเหลือม รวมยา๖ สิ่งนี้เอาส่วนเท่ากันตามเป็นผงทำแท่งไว้เอาเกลือรำหัดทาหละแลยอดทราง ที่ขึ้นลิ้นนั้นหายดีนักกประจำเดือนกงูงูเหลือมตำราเรียนคุณประโยชน์ ยาโบราณว่ากระดูกงูงูเหลือมมีรสเย็น เมาเบื่อมีสรรพคุณดับพิษรอยแดง แก้เมื่อยแก้ร้อนใน เร่าร้อนใจใช้เป็นเครื่องยาในไทยหลายขนาน ยกตัวอย่างเช่นยาขนานหนึ่งในพระตำราไกษย มีบันทึกไว้ว่า ยาแก้ลมไกษย เอาหินปูน 1 กระดูกงูงูเหลือม 1 หอยกาบเผา 1 ละลายเหล้ากิน ถ้าเกิดมิฟังยานี้ แล้ว ก็เป็นบาปของผู้นั้นตายแลอย่าสงสัยเลย
๓. น้ำมันงูเหลือมเตรียมไว้โดยการเอาไปเปลวมัน ในตัวงูเหลือมใส่ขวดผึ่งแดดจัดจัด กระทั่งเปลวมันละลายใส่เกลือไว้ตูดขวดนิดหน่อยเพื่อการเหม็นเน่าแพทย์แผนไทยว่าน้ำมันงูเหลือมมีรสร้อน ใช้ทายาแก้กลยุทธ์ ปวดเมื่อยแรงรอบฉายคาดหัวนวดเพื่อให้เอ็นอ่อนรวมทั้งหย่อนยานได้ ในคัมภีร์ชวดารให้ยา 2 ๒ขนานที่เข้า “น้ำมันงูเหลือม” เป็นเครื่องยาด้วย ขนานหนึ่งมีบันทึกไว้ดังต่อไปนี้ ลมชนิดหนึ่งเข้าในไส้ใหญ่ไส้น้อย ผูกให้ช่างมือชักเท้าแขนงอจะเปิบเข้าก็มิได้ จะจับสิ่งอันใดก็ไม่ได้สมมติเรียกว่าลงตะคิว เอาน้ำมันหมู ๑ บาทหัวดองดึง ๑บาท พริกไท ๒๐ บาทใส่หม้อฝังไว้ใต้ดิน ๓ วันแล้วเอาขึ้นหุงให้อาจจะแต่น้ำมัน จึงเอาการะบูร ๑ พิมเสน ๑ กระวาน ๑  กานพลู ๑น้ำมันงูเหลือม ๑ ใส่ลงทา ตากแดด สำหรับรมเท้าตาย หายแล นอกเหนือจากนั้นหนังงูเหลือมที่ฟอกก็ดีใช้ทำรองเท้าเข็มขัดกระเป๋าเนื้องูเหลือมกินได้คนจีนชอบรับประทานแต่ว่าหาเลี้ยงชีพยากและก็แพงแพง

Tags : สมุนไพร

59
อื่น ๆ / สัตวว์ตถุ เต่าในประเทศไทย
« เมื่อ: ธันวาคม 16, 2017, 09:53:46 AM »

เต่าในประเทศไทย
เต่าที่เจอในประเทศไทย (ไม่รวมตะพาบ) มีอย่างน้อย ๒๒ ประเภท จัดอยู่ใน ๕ ตระกูล เป็น
๑.ตระกูลเต่าทะเล(Cheloniidea) เจอ ๔ จำพวกคือ เต่าตนุ(เต่าแสงตะวัน) เต่าหญ้า เต่ากระ และเต่าหัวโต เป็นเต่ากระดองแข็ง มีแผ่นเกล็ดปกคลุม อาจเรียงต่อกัน(เป็นต้นว่า เต่าตนุ) หรือซ้อนกันเล็กน้อย (ยกตัวอย่างเช่น เต่ากระ) ขาหน้าแผ่เป็นครีบสำหรับว่ายน้ำ ขาหลังเป็นครีบกว้างสำหรับใช้เป็นหางเสือ
สมุนไพร
๒.สกุลเต่าเฟื่อง(dermochelyidae) เจอเพียงแค่ประเภทเดียว คือ เต่าเฟือง (มักเรียกกันผิดเป็น “เต่ามะเฟือง”) เป็นเต่ากระดองอ่อน มีสันยาวเรียกตัวบนภายหลังจากคอลงไปถึงตูด ๕ สัน ข้างตัวอีกข้างละสัน รวมเป็น ๗ สัน ใต้ท้องมีอีก ๕ สัน สันที่ใต้ท้องจะเลือนหายไปเมื่อแก่ขึ้น ส่วนสันบนข้างหลังหายไปบ้างเมื่อเทียบกับอายุยังน้อย บนหัวตัวอ่อนมีเกล็ด แต่จะหายไปเมื่อโตขึ้น มีหนังหุ้มแทน ขาหน้าแผ่เป็นครีบสำหรับว่ายน้ำ ยาวกว่าขาของเต่าสมุทรอื่นๆขาหลังเป็นครีบกว้างๆสำหรับใช้เป็นหางเสือ แล้วก็ใช้ขุดหลุมเมื่อจะตกไข่
๓.วงศ์เต่าน้ำจืด(Emydidae) เจอขั้นต่ำ ๑๓ ประเภท เป็นต้นว่า เต่ากระอาน เต่าลายตีนเป็ด เต่าหับ เต่าแดง (เต่าใบไม้) เต่าหวาย เต่าบัว เต่าจักร เต่านา เต่าจัน เต่าปากเหลือง เต่าดำ เต่าทับทิม รวมทั้งเต่าแก้มแดง เต่าในวงศ์นี้สามารถหดหัวเข้าไปไว้ภายในกระดองได้หมด ขาแบน นิ้วแล้วก็เล็บยาวกว่าเต่าบก ระหว่างนิ้วมีแผ่นพังผืดกางไม่มากมายก็น้อย บนหัวปกคลุมด้วยหนัง ไม่เป็นเกล็ดราวกับหัวเต่าบก แต่รอบๆท้ายทอยนั้น ข้างหลังบางทีอาจลายทำให้ดูเหมือนเกล็ด

๔.สกุลเต่าปูลู(Platysternidae) พบในประเทศไทยเพียงแค่ประเภทเดียว คือเต่าปูลู มีลักษณะสำคัญเป็นกระดองบนกับกระดองข้างล่างเป็นคนละชั้น ยึดติดกันด้วยพังผืด กระดองทั้งสองแบนเข้าหากันมากมาย โดยยิ่งไปกว่านั้นที่หน้าอก หัวโต หดหัวเข้าไปในกระดองไม่ได้ หัวปกคลุมด้วยแผ่นซึ่งไม่แบ่งได้เป็นชิ้นเกล็ดราวกับเต่าอื่น ระหว่างนิ้วมีพังผืดบ้าง แม้กระนั้นไม่เต็มนิ้ว นิ้วมีเล็บแหลมทุกนิ้ว เว้นนิ้วก้อย หางยาวมาก มีเกล็ดรูปสี่เหลี่ยมปกคลุมบนหาง
๕.ตระกูลเต่าบก(Testudinidae) พบ ๓ ประเภทหมายถึงเต่าหก เต่าเดือย และ เต่าเหลือง เต่าในตระกูลนี้แตกต่างจากเต่าน้ำในสกุลอื่นๆตรงที่ขาทั้งยัง ๔ กลม ไม่มีพังผืดยึดระหว่างนิ้ว ด้วยเหตุว่าไม่จำเป็นที่จะต้องใช้ขาว่ายน้ำ มีเกล็ดบนหัวและก็ที่ขา

Tags : สมุนไพร

60
อื่น ๆ / สัตววัตถุ เต่าบก
« เมื่อ: ธันวาคม 15, 2017, 11:55:59 AM »

ตระกูลเต่าบก
เต่าเดือยmanouria impressa(Gunther), ๓๐ เซนติเมตร
เต่าขนาดกึ่งกลาง มีเดือยแหลมที่ต้นขาข้างหลังข้างละ ๑ อัน กระดองหลังสีเหลืองปนสีน้ำตาล มีลายดำ พบตามภูเขาสูงจากระดับ ๖๐๐ เมตรขึ้นไป ทางภาคเหนือ ภาคตะวันตกเฉียงเหนือและก็ ภาคอีสาน
เต่าเหลืองIndotestudo elongata(Blyth), ๓๖ เซนติเมตร
เต่าขนาดกึ่งกลาง กระดองยาวนูนสูง สีเหลือง มีลายดำ ไม่มีเดือยเสมือนเต่าบกประเภทอื่น อยู่ในที่แล้งได้ เจอตามป่าเบญจพรรณ ป่าเต็งรัง แล้วก็ป่าดงดิบแล้งทั่วประเทศ
[url=http://www.disthai.com/]สมุนไพร[/u][/b][/url] เต่าหกManouria emys(Schlegel & Muller), ๕๐ ซม.
เต่าบกที่ใหญ่ที่สุดของไทย เมื่อโตเต็มที่กระดองยาวได้ถึง ๖๐ เซนติเมตร ต้นขาหลังทั้ง ๒ ข้างมีเดือยหลายเดือย กระดองสีน้ำตาลเข้มหรือดำ  เจอในป่าดงดิบที่สูงทางภาคเหนือ ภาคตะวันตก และภาคใต้มี ๒ จำพวกย่อยหมายถึงเต่าหกเหลือง manouria emys emys (Schlegel & Muller) แล้วก็เต่าหกดำ manouria emys phayrei(Blyth)

ประโยชน์ทางยา
เต่าที่แพทย์แผนไทยประยุกต์ใช้ประโยชน์ทางยาเป็นเต่าน้ำจืดรวมทั้งเต่าบก แต่ว่าที่ใช้กันมากคือเต่าที่นา Malayemyssubtrijuga(Gray) อันเป็นเต่าน้ำจืดที่หาได้ง่ายยิ่งกว่าเต่าประเภทอื่นๆแล้วก็เป็นที่รู้จักกันดีทั่วไป

หน้า: 1 2 3 [4] 5 6 7