รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
การค้นหาขั้นสูง  

ข่าว:

SMF - Just Installed!

แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Messages - uooips05d4d5

หน้า: [1]
1

ขิง
ขิง ชื่อสามัญ Ginger (จิน’เจอ)
ขิง ชื่อวิทยาศาสตร์ Zingiber officinale Roscoe จัดอยู่ในสกุลขิง (ZINGIBERACEAE)
ขิง จัดเป็นสมุนไพรที่มีสาระต่อสถาพทางร่างกายในหลายๆด้าน ด้วยเหตุว่าอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ที่มีความจำเป็นเป็นอย่างมากต่อสุขภาพของเรา ดังเช่น วิตามินเอ วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 3 วิตามินซี เบต้าแคโรทีน ธาตุเหล็ก ธาตุแคลเซียม ธาตุฟอสฟอรัส แถมยังมีโปรตีน คาร์โบไฮเดรต และก็เส้นใยเยอะมากๆอีกด้วย ซึ่งประโยช์จากขิงนั้น พวกเราสามารถประยุกต์ใช้ได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นราก เหง้า ต้น ใบ ดอก แก่น รวมทั้งผลก็ได้ทั้งหมด
ประโยชน์ที่ได้รับมาจากขิง
-ขิงจัดว่าเป็นยาอายุวัฒนะชั้นเลิศ
มีสารต้านทานอนุมูลอิสระเยอะมากๆ ช่วยชะลอความแก่แล้วก็ชะลอการเกิดริ้วรอย
มีส่วนช่วยสำหรับในการป้องกัน ต้านการเกิดโรคมะเร็ง ต้านทานการเติบโตของเซลล์ของโรคมะเร็ง
ช่วยลดผลกระทบจากสารเคมีที่ใช้เพื่อการรักษามะเร็ง โดยเหตุนี้ควรกินขิงพร้อมกันไปกับการดูแลรักษามะเร็งจะเป็นประโยชน์
ขิง มีฤทธิ์อุ่น ช่วยให้ร่างกายอบอุ่น รวมทั้งช่วยในการขับเหงื่อ
ช่วยแก้อาการร้อนใน ด้วยการใช้ลำต้นใหม่ๆนำมาทุบให้แหลกราวๆ 1 กำมือ แล้วต้มกับน้ำ
ช่วยลดความอ้วน ลดระดับไขมัน คอเลสเตอรอล ด้วยการดูดซึมคอเลสเตอรอลจากไส้ แล้วปลดปล่อยให้ร่างกายกำจัดออกทางอุจจาระ
ช่วยรักษาอาการปวดศีรษะและก็ไมเกรน ด้วยการกินน้ำขิงเสมอๆ
ช่วยลดความต้องการของผู้ติดสิ่งเสพติดลงได้
แก้ตานขโมย ด้วยการใช้ขิง ใบกะเพรา พริกไทย ไพล มาบดผสมกันแล้วนำมารับประทาน
ช่วยรักษาโรคความดันโลหิต ด้วยการนำขิงสดมาฝานต้มกับน้ำกิน
ช่วยทำนุบำรุงหัวใจของคุณให้แข็งแรง
ช่วยบรรเทาลักษณะโรคประสาท ซึ่งทำให้จิตใจขุ่นหมอง (ดอก)
ช่วยฟื้นฟูร่างการสำหรับแม่หลังคลอดบุตร ด้วยการกินไก่ผัดขิง
มีส่วนช่วยให้เจริญอาหาร (ราก, เหง้า) ด้วยการใช้เหง้าสดโดยประมาณ 1 องคุลีเอามาต้มกับน้ำ ก็จะได้เป็นยาขมเจริญอาหาร
ใช้รับประทานเพื่อบำรุงเป็นยาธาตุ บำรุงธาตุไฟ (เหง้า, ดอก)
ใช้บำรุงนมของแม่ (ผล)
ช่วยให้นอนได้อย่างสบาย
การกินขิงจะช่วยให้เลือดแข็งเป็นลิ่มเลือดได้ช้าลง
ใช้แก้ไข้ (ผล) ด้วยการนำขิงสดมาคั้นเป็นน้ำให้ได้ราวครึ่งถ้วย แล้วผสมกับน้ำผึ้ง 1 ช้อนชา เอามาต้มกับน้ำ 2 ถ้วย แล้วนำมาดื่มวันละ 3 ครั้ง จะช่วยบรรเทาอาการได้
ช่วยแก้หวัด ทุเลาอาการไอ ทุเลาหวัดจับเสลด ด้วยการใช้ขิงสดฝนกับน้ำมะนาวใส่เกลือหน่อยเดียว
ไอน้ำหอมระเหยจากน้ำขิงช่วยทำลายเชื้อไวรัสหวัดในทางเดินหายใจได้
แก้ลม (ราก)
ในคนป่วยที่มีลักษณะเมายาสลบข้างหลังผ่าตัด น้ำขิงช่วยแก้เมาได้
ช่วยแก้อาการเมารถ เมาเรือได้เป็นอย่างดี ด้วยการใช้ขิงสดนำมาตำให้แหลก คั้นเอาเฉพาะน้ำ (ไม่ต้องดื่มน้ำตาม)
ช่วยแก้ปัญหาผมร่วง หัวล้าน ด้วยการนำเหง้าสดไปผิงไฟกระทั่งอุ่น แล้วนำมาตำให้แหลก นำมาพอกรอบๆที่มีผมหล่น วันละ 2 ครั้งจนกระทั่งอาการ หรืออีกแนวทางก็คือคั้นเอาเฉพาะน้ำขิงมาผสมกับน้ำมันที่สกัดจากมะกอกแล้วเอามาหมักผม นวดให้ทั่วศีรษะประมาณ 30 นาทีก็ช่วยลดปัญหาผมตกได้เช่นเดียวกัน แถมยังช่วยทำให้ผมงาม แข็งแรง มีความนุ่มลื่น ไม่ขาดง่ายอีกด้วย
-ช่วยบำรุงรักษาสายตา รักษาโรคเกี่ยวกับตา แล้วก็ใช้แก้อาการตาฝ้า (ผล, ใบ)
ช่วยรักษาอาการตาแฉะ (ดอก)
ช่วยแก้โรคกำเดา (ใบ)
ใช้แก้อาการคอแห้งผาก เจ็บคอ (ผล)
ใช้รักษาอาการปากคอเปื่อย ท้องผูก (เหง้า,ดอก)
ช่วยรักษาอาการปวดฟัน ด้วยการนำขิงแก่มาทุบให้ละเอียดคั่วกับน้ำสารส้มจนถึงไหม้เกรียม แล้วบดจนกระทั่งเป็นผุยผง จากนั้นเอามาพอกบริเวณฟันที่ปวดแก้เสลด เสมหะขาวเหลวจำนวนมากมีฟอง (ผล, ราก)ช่วยรักษาภาวการณ์น้ำลายมาก อ้วกเป็นน้ำใสช่วยลดกลิ่นปาก แก้อาการปากเหม็น ด้วยการนำขิงมาคั้นผสมน้ำอุ่นและก็เกลือเล็กน้อย เอามาอมบ้วนปาก ช่วยฆ่าเชื้อโรคในปากได้อีกด้วยช่วยบำรุงรักษาฟันและก็คุ้มครองการเกิดฟันผุ
ช่วยดับกลิ่นจั๊กกะแร้ ด้วยการใช้เหง้าขิงแก่นำมาทุบให้แหลก แล้วเอามาคั้นเอาน้ำมาทาจั๊กกะแร้เป็นประจำ จะสามารถช่วยในการกำจัดกลิ่นได้
ช่วยแก้อาการสะอึก ด้วยการใช้ขิงสดตำจนกระทั่งแหลก คั้นเอาเฉพาะน้ำผสมกับน้ำผึ้งนิดหน่อย คนจนเข้ากันแล้วนำมาดื่ม
ช่วยรักษาโรคบิด (ผล, ราก, ดอก) ด้วยการใช้ขิงสดราว 75 กรัม ผสมกับน้ำตาลแดง เอามาตำจนถูกกัน แล้วรับประทาน 3 มื้อต่อวัน
ช่วยแก้อาการอาเจียน (เหง้า, ผล) ด้วยการนำขิงสดประมาณ 5 กรัมหรือขนาดเท่านิ้วโป้งมือ เอามาทุบให้แตกแล้วต้มกับน้ำ
ช่วยลดการคลื่นไส้อาเจียนจากการแพ้ท้อง (สำหรับหญิงมีท้องไม่ควรกินบ่อยกระทั่งเกินไป)
แก้อาการท้องอืด จุกเสียด แน่นท้อง ขับลมในไส้ (ผล, ราก, ใบ) ด้วยการนำขิงแก่มาตีพอเพียงแหลก เทน้ำเดือดลงไปครึ่งแก้ว แล้วปิดฝาตั้งทิ้งเอาไว้ราว 5 นาทีแล้วนำน้ำมาดื่มระหว่างมื้อของกิน
ช่วยรักษาลักษณะของการปวดในตอนก่อนหลังระดู ด้วยการนำขิงแก่ที่แห้งแล้วโดยประมาณ 30 กรัมมาต้มกับน้ำเสมอๆ
ช่วยในการย่อยของกินได้อย่างมีคุณภาพ (ดอก)
ช่วยคุ้มครองป้องกันการเกิดแผลในกระเพาะ ลดอาการจุกเสียด (เหง้า)
ช่วยสำหรับในการขับถ่าย รวมทั้งช่วยในเรื่องของระบบลำไส้ให้ดำเนินงานได้อย่างเป็นปกติ
ช่วยฆ่าพยาธิ พยาธิกลมจุกไส้ (ใบ) ใช้น้ำขิงผสมกับน้ำผึ้งแล้วเอามาดื่ม
ช่วยแก้อาการขัดฉี่ (ดอก, ใบ)
ช่วยรักษาฉี่รดที่นอนในคนไข้ที่มีภาวะหยางพร่อง มีความเย็นภายในร่างกายเป็นเหตุ
ช่วยรักษาโรคนิ่ว (ใบ, ดอก)
ช่วยแก้อาการฟกช้ำดำเขียว (ใบ)
ขิง ช่วยรักษาลักษณะของการปวดข้อตามร่างกายด้วยการรับประทานขิงสดบ่อยๆ
มีฤทธิ์ช่วยต้านทานเชื้อแบคทีเรีย
ใช้เป็นยาแก้คัน ด้วยการนำแก่นของขิงฝนทำเป็นยา (แก่น)
แก้ไขปัญหาหนังที่มือลอกเป็นขุย ด้วยการใช้เหง้าสดมาหั่นเป็นแผ่น แล้วนำมาแช่เหล้า 1 ถ้วยชา ทิ้งไว้ 24 ชั่วโมง แล้วนำแผ่นขิงมาถูบริเวณดังที่กล่าวมาแล้ววันละ 2 ครั้ง
ช่วยรักษาแผลเริมรอบๆหลัง ด้วยการใช้เหง้า 1 หัว นำมาเผาเปลือกนอกกระทั่งเป็นถ่าน คอยปาดถ่านที่ผิวนอกออกไปเรื่อยๆแล้วนำผงที่ได้มาผสมกับน้ำดีหมูเอามาทาบริเวณที่เป็นแผลถ้าหากว่าถูกแมงมุมกัด ใช้ขิงสดฝานบางๆเอามาวางทับรอบๆที่ถูกกัดจะช่วยทุเลาอาการได้ช่วยรักษาอาการมือเท้าเย็น กลัวหนาว เย็นท้อง ฯลฯ ช่วยคุ้มครองป้องกันการแพ้อาหารทะเลจนเกิดผื่นคัน ลมพิษ หรืออาหารช็อกคุณประโยชน์ของขิง
ช่วยรักษาแผลไฟลุกน้ำร้อนลวก ด้วยการนำขิงสดมาตำให้แหลก แล้วนำกากมาพอกบริเวณแผล เพื่อป้องกันการอักเสบและก็การเกิดหนองในขิงมีสารที่สามารถใช้กันบูดกันหืนในน้ำมันได้
ในด้านการปรุงอาหารนั้น ขิงสามารถช่วยเพิ่มรสอาหารได้อย่างดีเยี่ยม และก็สามารถช่วยกำจัดกลิ่นคาวของของกินได้ดิบได้ดีอีกด้วย
ในด้านความงดงามนั้นมีผลิตภัณฑ์เครื่องแต่งหน้าที่ใช้บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของขิงอีกด้วย
ช่วยทำให้ผิวพรรณเรียบเนียนยิ่งขึ้น ด้วยการนำขิงสดมาขูดเป็นฝอยแล้วนำมานวดบริเวณต้นขา ตูด หรือรอบๆที่มีเซลลูไลต์จะช่วยลดความขรุขระของผิวได้อีกด้วย
ผลิตภัณฑ์จากขิงนั้นนำมาดัดแปลงได้หลายประเภท อย่างเช่น บัวลอยน้ำขิง ขิงแช่อิ่ม ขิงเชื่อม ขิงกระป๋อง ขิงแคปซูล น้ำขิงมะนาว เป็นต้น

แนวทางการทำน้ำขิง
วิธีทำน้ำขิงวิธีทำน้ำขิงขั้นตอนแรกให้เตรียมส่วนผสมดังนี้ ขิงแก่ 1 กิโล / น้ำตาลทรายแดง 1 ถ้วยตวง / น้ำสะอาด 3 ลิตร
นำขิงที่ได้ไปล้างให้สะอาด เอามาทุบให้แตก แล้วเอามาใส่เอาไว้ภายในหม้อต้ม เพิ่มน้ำที่สะอาดลงไป ยกขึ้นตั้งไฟ
เมื่อต้มกระทั่งน้ำเดือดและก็หลังจากนั้นจึงค่อยเบาไฟลง เคี่ยวราวๆ 20 นาทีจนน้ำขิงละลายออกมากระทั่งหมด (น้ำจะเป็นสีเหลืองอ่อนๆ) แล้วชูลงจากเตา
เสร็จแล้วให้ตักน้ำขิงใส่แก้ว เติมน้ำตาลลงไป 1-2 ช้อนชา (ตามสิ่งที่มีความต้องการ) แล้วคนให้เข้ากัน
เรียบร้อยรวมทั้งสามารถนำมากินได้ โดยนำมาดื่มแบบร้อนๆได้เลย
หรือจะดื่มแบบเย็นๆด้วยการใส่น้ำแข็งลงไปก็ได้เหมือนกัน แต่ว่าควรจะเพิ่มเติมน้ำตาลมากยิ่งกว่า 2-3 เท่า (จะช่วยไม่ให้รสจืดมากเกินไป ด้วยเหตุว่ามีน้ำแข็งผสมอยู่นั่นเอง)
น้ำขิงที่คั้นมานั้นไม่ควรใช้จำนวนที่เข้มข้นจนกระทั่งเหลือเกิน เพราะว่าจะทำให้เป็นอันตรายต่อสภาพทางด้านร่างกายได้ เนื่องจากจะไปยับยั้งการบีบตัวของลำไส้ กระทั่งทำให้ลำไส้หยุดการบีบตัว ฉะนั้นควรคั้นในปริมาณน้อยๆหรือดื่มจนชินก่อน
พวกเรามักจะรู้จักคุ้นเคยกับขิงว่าเป็นของกินที่นิยมประยุกต์ใช้สำหรับในการทำครัวและก็ทำเครื่องดื่ม ซึ่งในความเป็นจริงแล้วขิงจัดเป็นสมุนไพรไทยที่ช่วยการเยียวยารักษาโรคต่างๆได้สารพัด นับได้ว่าเป็นตัวช่วยในการรักษาโรคได้อย่างยิ่งจริงๆ แม้กระนั้นดังนี้เราก็ไม่ควรจะหวังพึ่งสรรพคุณของขิงเพียงอย่างเดียวสำหรับในการบำบัดรักษาโรค น่าจะทำอย่างอื่นหรือดูแลรักษาสุขภาพร่างกายของเราร่วมด้วยจะได้ผลลัพธ์ที่ดีนักแล
พวกเรามักนิยมใช้ขิงแก่ เนื่องจากว่ายิ่งแก่จะยิ่งให้ความเผ็ดร้อน ก็เลยมีคุณประโยชน์ทางยาที่มากกว่าขิงอ่อน แล้วก็ยังมีใยอาหารเยอะขึ้นเรื่อยๆตามไปด้วย แต่ด้วยเหตุว่าขิงมีรสเผ็ด มีคุณสมบัติอุ่น จึงไม่เหมาะสมกับผู้ที่มีความร้อนภายในร่างกายอยู่แล้ว ดังเช่นว่าผู้ที่เหงื่อออกมาก เหงื่อออกยามค่ำคืน ตาแดง หรือมีไฟในตัวมากกว่าปกติ แต่ว่าถ้าจะกินควรระมัดระวังเป็นพิเศษ http://www.disthai.com/

2

เหงือกปลาหมอ
บ้านเกิดเมืองนอนเหงือกปลาหมอ
เหงือกปลาหมอนับว่าเป็นสมุนไพรพื้นถิ่นของไทยพวกเราเพราะมีประวัติสำหรับในการประยุกต์ใช้เป็นยาสมุนไพรมาตั้งแต่โบราณแล้ว ซึ่งเหงือกปลาหมอนี้เป็นพรรณไม้ที่มักขึ้นกลางแจ้งและชอบพบบ่อยในบริเวณป่าชายเลน หรือตามพื้นที่ชายน้ำริมฝั่งคลอง เจริญวัยก้าวหน้าในที่ร่มและมีความชุ่มชื้นสูง หรือในแถบที่ดินเค็มและไม่ถูกใจที่ดอน แถบภาคอีสารก็มีรายงายว่าปลูกได้ด้วยเหมือนกัน เหงือกปลาแพทย์ เจออยู่ 2 ประเภทเป็นชนิดดอกสีขาว Acanthus ebracteatus Vahl มักพบในภาคกึ่งกลางรวมทั้งภาคทิศตะวันออก ประเภทดอกสีม่วง  Acanthus ilicifolius L. เจอทางภาคใต้ ทั้งเหงือกปลาหมอยังเป็นจำพวกไม่ขึ้นชื่อลือชาของจังหวัดสมุทรปราการอีกด้วย
ลักษณะทั่วไป
ต้นเหงือกปลาหมอ เป็นไม้พุ่มขนาดกลาง มีความสูงราว 1-2 เมตร ลำต้นแข็ง มีหนามอยู่ตามข้อของลำต้น ข้อละ 4 หนาม ลำต้นกลม กลวง ตั้งตรง มีสีขาวอมเขียว ลำต้นมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1.5 เซนติเมตร
ใบเหงือกปลาหมอ ใบเป็นใบคนเดียว รูปแบบของใบมีหนามคมอยู่ขอบขอบใบแล้วก็ปลายใบ ขอบใบเว้าเป็นระยะๆผิวใบเรียบเป็นมันลื่น แผ่นใบสีเขียว เส้นใบสีขาว มีเหลือบสีขาวเป็นแถวก้างปลา เนื้อเรือใบแข็งและก็เหนียว ใบกว้างราวๆ 4-7 เซนติเมตร และยาวราวๆ 10-20 เซนติเมตร ใบจะออกเป็นคู่ตรงข้ามกัน ก้านใบสั้น
ดอกเหงือกปลาหมอ มีดอกเป็นช่อตั้งตามปลายยอด ยาวราว 4-6 นิ้ว ทั้งนี้สีของดอกขึ้นกับประเภทของต้นเหงือกปลาหมอเป็น ดอกมีทั้งชนิดดอกสีม่วง หรือสีฟ้า และก็จำพวกดอกสีขาว แม้กระนั้นลักษณะอื่นๆเหมือกันคือ  ที่ดอกมีกลีบรองดอกมี 4 กลีบ กลีบแยกจากกัน ส่วนกลีบดอกไม้เป็นท่อปลายบานโต ยาวโดยประมาณ 2-4 ซม. รอบๆกลางดอกจะมีเกสรตัวผู้และเกสรตัวเมียอยู่
ผลเหงือกปลาหมอ ลักษณะของผลเป็นฝักสีน้ำตาล รูปแบบของฝักเป็นทรงกระบอกกลมรี รูปไข่ ยาวราวๆ 2-3 เซนติเมตร เปลือกฝักมีสีน้ำตาล ปลายฝักป้าน ภายในฝักมีเม็ด 4 เมล็ด
เหงือกปลาหมอ
รักษาโรคผิวหนัง ผื่นคัน กลากโรคเกลื้อน
ชื่ออื่น : แก้มแพทย์ แก้มแพทย์เล จะเกร็ง นางเกร็ง อีเกร็ง เหงือกปลาหมอน้ำเงิน
ในแบบเรียนยาไทยกล่าวว่า เหงือกปลาหมอสามารถแก้โรคผิวหนังได้ทุกประเภท
ในเมื่อเหงือกปลาหมอมีคุณประโยชน์เด่นแก้น้ำเหลืองเสียได้ โรคผิวหนังต่างๆแม้แต่ โรคอีสุกอีใส ที่เกิดจากเชื้อไวรัสก็จะลดลงลง
ในกรณีโรคผิวหนังพุพองจากเชื้อไวรัสโรคภูมิคุมกันบกพร่อง แม้ว่าจะร้ายแรงกว่าโรคผิวหนังทั่วๆไป แต่เมื่อใช้เหงือกปลาหมอเป็นยากินและก็ต้มน้ำอาบต่อเนื่องกันเป็นเวลานานกว่า 3 ข้างขึ้นไป แผลพุพอง ก็จะเบาลงลงอย่างเห็นได้ชัด สำหรับผู้เจ็บป่วยโรคผิวหนังด้วย
แนวทางปรุงยารวมทั้งวิธีใช้ยาก็มีหลายวิธี เป็น
แนวทางต้มยารับประทานแล้วก็อาบ
เอาเหงือกปลาหมอสดหรือแห้งสับเป็นท่อนเล็กๆใส่เต็มขันขนาด 1 ลิตร ใส่น้ำ 4 ขัน ต้มยาให้เดือดนาน 10 นาที ตักน้ำยาขึ้นมา 1 แก้ว แบ่งไว้สำหรับดื่มกินขณะอุ่นๆครั้งละครึ่งแก้ว วันละ 2 ครั้ง ยามเช้า-เย็น ก่อนที่จะรับประทานอาหาร
ส่วนน้ำยาที่แบ่งไว้อาบนั้น ต้องใช้อาบขณะน้ำยายังอุ่นอยู่ ก่อนอาบน้ำจะต้องชำระล้างร่างกายด้วยสบู่ให้สะอาดซะก่อน เมื่ออาบน้ำยาแล้ว ไม่ต้องอาบน้ำธรรมดาตามอีก อาบน้ำยาวันละ 2 ครั้ง ยามเช้า-เย็นทีละ 3-4 ขัน แม้กระนั้นถ้ามีเหงือกปลาหมอเยอะมากๆ บางครั้งอาจจะต้มยาเพื่อเป็นการแช่ตลอดตัวในอ่างก็ยิ่งดี
วิธีการทำเป็นยาลูกกลอน
นำเหงือกปลาหมอทั้ง 5 ทีตากแห้งมาบดเป็นผงละเอียด 2 ส่วน ผสมน้ำผึ้งแท้ 1 ส่วน ปั้นเป็นเม็ดลูกกลอนขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1 ซม. คนแก่กินครั้งละ 2 เม็ด เด็กบางทีก็อาจจะรับประทานครั้งละ 1 เม็ดหรือครึ่งเม็ดตามขนาดอายุแล้วก็น้ำหนัก กินวันละ 2 ครั้ง ก่อนอาหาร ยามเช้า-เย็น รับประทานไปเรื่อยจวบจนกระทั่งจะหาย แม้กระนั้นถ้าหากเป็นโรคผิวหนังจากภูมิต้านทานขาดตกบกพร่องก็ต้องรับประทานตลอดไป

แนวทางการทำเป็นแคปซูล
นำผงเหงือกปลาหมอที่ผ่านการร่อนเป็นผงละเอียดเหมือนแป้งใส่แคปซูลขนาด 250 มก. คนแก่รับประทานครั้งละ 2 แคปซูลวันละ 2-3 เวลาก่อนที่จะกินอาหาร เด็กลดน้อยลงตามส่วน
 เหงือกปลาหมอมีสรรพคุณมาก ได้แก่
-ราก มีสรรพคุณสำหรับการแก้โรคหืด อัมพาต แก้ไอ แล้วก็ใช้ขับเสมหะ
-ต้น มีคุณประโยชน์รักษาโรคหลายอย่าง โดยใช้ต้นตำผสมน้ำดื่มรักษาวัณโรค อาการผอมเกร็ง ถ้าเกิดใช้ทาก็ช่วยแก้โรคเหน็บชาได้
-ลำต้น ไปผสมกับสมุนไพรอื่นๆก็จะได้คุณประโยชน์ทางยาไม่เหมือนกันออกไปอีก
-ทั้งยังต้นรวมรากต้มอาบแก้พิษไข้หัวลม แก้โรคผิวหนังทุกชนิด
-ต้นสดตำพอกปิดหัวฝีแผลเรื้อรังทำลายพิษ ต้มกินแก้พิษไข้ทรพิษ ฝีทั้งผอง ผลกินเป็นยาขับโลหิตเมนส์ นอกเหนือจากนี้ ถ้าหากตาเจ็บ ตาแดง เอา
"เหงือกปลาหมอ" ทั้งยังต้นตำกับขิงคั้นเอาน้ำหยอดตาหาย เป็นเหน็บชา ชาตลอดตัว
- อีกทั้งต้นตำทาบริเวณที่เป็นจะดียิ่งขึ้น
- ตำเอาน้ำกินกากพอก งูกัด
- ต้นกับขมิ้นอ้อยตำทาป็นฝีฟกบวม เป็นริดสีดวงทวาร
- ต้นตำกับขิงรับประทาน โรคเรื้อน คุดทะราด ไม่สบายจับสั่น
- ทั้งต้นตำใบส้มป่อยต้มดื่ม เจ็บข้างหลัง เจ็บเอว
- "เหงือกปลาหมอ" กับชะเอมเทศตำผงละลายน้ำผึ้งปั้นเป็นก้อนกิน ริดสีดวงแห้ง
ในท้อง ซูบผอมเหลืองทั้งตัว รับประทานทุกเมื่อเชื่อวัน
- "เหงือกปลาหมอ" กับเปลือกมะรุมเสมอกันใส่หม้อ เกลือนิดเดียว หมาก 3 คำ เบี้ย 3 ตัว วางบนปากหม้อ ใช้ฟืน 30 แท่ง ต้มกับน้ำจนกระทั่งเดือดให้งวดก็เลยชูลง อั้นลมหายใจกินขณะอุ่นกระทั่งหมด เป็นริดสีดวง มือตายตีนตาย ร้อนทั้งตัว มึนหัว ตามัว เจ็บระบมหมดทั้งตัว ตัวแห้ง จะหายได้
- "เหงือกปลาหมอ" ทั้ง 5 รวมราก กับ อาหารมื้อเย็นเหนือ อาหารเย็นใต้ ปริมาณเสมอกัน กะตามอยาก ต้มกับน้ำกระทั่งเดือดดื่มขณะอุ่นทีละ 1 แก้ว 3 เวลา รุ่งเช้า ช่วงเวลากลางวัน เย็น ต้มดื่มปอดเริ่มมีปัญหาเป็นฝ้าจะอาการดียิ่งขึ้น ไปให้แพทย์เอกซเรย์ปอดไม่เป็นฝ้าอีกหยุดต้มกินได้เลย แล้วก็ต้องระมัดระวังอย่าให้เป็นอีก
ยาอายุวรรฒนะ
- "เหงือกปลาหมอ" 2 ส่วน พริกไทย 1 ส่วน ทำเป็นผงละลายน้ำผึ้งปั้นกินทุกวี่ทุกวัน
กินได้ 1 เดือน ไม่มีโรค ปัญญาดี
กินได้ 2 เดือน ผิวหนังเต่งตึง
กินได้ 3 เดือน โรคริดสีดวงทุกชนิดหาย
กินได้ 4 เดือน แก้ลม 12 ชนิด หูไว
กินได้ 5 เดือน หมดโรค
กินได้ 6 เดือน เดินไม่รู้จักเหนื่อย
กินได้ 7 เดือน ผิวงาม
กินได้ 8 เดือน เสียงไพเราะเพราะพริ้ง
กินได้ 9 เดือน หนังเหนียว
-"เหงือกปลาหมอ" 1 ส่วน ดีปลี 1 ส่วน ทำผงชงรับประทานกับน้ำร้อนถ้าเกิดผิวแตกทั้งตัวหายได้ ทั้งหมดที่บอกเป็นตำราเรียนยาโบราณ ไม่เชื่อก็ไม่ควรดูถูกเหยียดหยาม รู้ไว้เป็นวิชา http://www.disthai.com/

Tags : สมุนไพรเหงือกปลาหมอ

3

รากสามสิบ
รากสามสิบ คุณประโยชน์สมุนไพรไทยเพื่อสุขภาพที่คนต้องการมีลูกห้ามพลาด
          รากสามสิบ สรรพคุณเด่นๆของสมุนไพรตัวนี้ขึ้นชื่อเรื่องเป็นยาบำรุงสำหรับสตรี ซึ่งหลายๆคนอาจเคยเห็นสมุนไพรรากสามสิบแบบแคปซูลกันมาบ้าง แล้วทราบไหมคะว่า คุณประโยชน์ซึ่งมาจากรากสามสิบ สมุนไพรตัวเด็ดนี้มิได้มีดีแค่ช่วยคนอยากมีลูกเพียงแค่นั้น
รากสามสิบ สมุนไพรนี้มีที่มา
          รากสามสิบโดยความเป็นจริงแล้วถูกเรียกหลายชื่อมากมายๆอาทิเช่น สาวร้อยผัว จ๋วงเครือ (ภาคเหนือ) ผักชีช้าง ผักหนาม (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) สามร้อยราก สามสิบ ชีช้าง จั่นดิน หรือม้าสามต๋อน มีชื่อสามัญว่า Shatavari
          ส่วนลักษณะต้นรากสามสิบเป็นไม้เลื้อยเนื้อแข็ง มีหนามแหลม มีเหง้าแล้วก็รากใต้ดินคล้ายรากของต้นกระชาย ดอกมีขนาดเล็ก สีขาว แยกเป็นช่อ มีกลิ่นหอมยวนใจ เป็นต้นที่ส่งผลสดลักษณะกลม ผิวเรียบมัน และมีเมล็ดสีดำ
รากสามสิบ สมุนไพรบำรุงสตรี
คุณประโยชน์รากสามสิบ
          รากสามสิบถูกเปรียบเทียบให้เป็นพลังที่การฟื้นฟูความสาว (Female Rejuvenation) เป็นยาโบราณที่หมอแผนโบราณและก็หมอสมุนไพรใช้เป็นยาบำรุงสำหรับสตรีมาตั้งแต่อดีตกาล ซึ่งก็นับเป็นที่มาของชื่อสาวร้อยสามี ชื่อเล่นอีกชื่อของรากสามสิบนั่นเอง โดยคนสมัยเก่ามักจะนำรากมาต้มกินหรือปั้นเป็นลูกกลอนรับประทานกับน้ำผึ้ง ซึ่งบอกต่อๆกันว่า จะช่วยบำรุงสตรีให้ไมว่าจะอายุเยอะแค่ไหนก็มีลูกได้ง่าย
          นอกจากนั้นสมุนไพรรากสามสิบยังผ่านการศึกษาค้นคว้าวิจัยคุณประโยชน์มามาก โดยพบว่า รากสามสิบมีสรรพคุณทางเภสัชวิทยาตามนี้ติดตัวอยู่ด้วย
          - ฤทธิ์ต้านทานเชื้อแบคทีเรียแล้วก็เชื้อรา
          - คลายกล้ามเนื้อมดลูก
          - บำรุงหัวใจ
          - ลดการอักเสบ
          - แก้ปวด
          - ยั้งโรคเบาหวาน
          - ปราบเซลล์ของโรคมะเร็ง
          - กระตุ้นภูมิคุ้มกัน
รากสามสิบ
          - ต่อต้านภาวการณ์เม็ดเลือดขาวต่ำ
          - ลดระดับไขมันเลือด
          - คุ้มครองกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
          - ลดอาการหัวใจโตที่เกิดจากความดันโลหิตสูง
          - มีฤทธิ์ใกล้เคียงฮอร์โมนเอสโตรเจน (ฮอร์โมนผู้หญิง)
          - ช่วยสร้างสมดุลฮอร์โมนผู้หญิง
          - ขับน้ำนม
          - ช่วยทำให้การตกไข่บริบูรณ์
          - ช่วยทำนุบำรุงกำลังท่านชาย
          - เสริมความแข็งแรงของน้ำเชื้อน้ำเชื้อ
          - ยั้งการเกิดแผลในกระเพาะ
          - ลดอาการกรดเกินในกระเพาะ
          - ยั้งพิษต่อตับ
          - แก้ริดสีดวงทวาร
          - ขับลม
          - ขับฉี่
          - ขับเสมหะ
          - บำรุงทารกในท้อง
          - แก้แท้งลูก
          - รักษาโรคคอพอก
          - แก้ปวดเมื่อย ครั่นเนื้อครั่นตัว
          - ฝนรากทาเป็นยาแก้พิษแมลงสัตว์กัดต่อยได้
          - กระตุ้นประสาท บำรุงกำลัง
รากสามสิบ สมุนไพรบำรุงสตรี
          และก็ด้วยคุณประโยชน์ของรากสามสิบที่มีฤทธิ์ใกล้เคียงกับฮอร์โมนเอสโตรเจน คณะวิทยาศาสตร์การแพทย์ มหาวิทยาลัยจังหวัดพะเยาจีงได้ศึกษาวิจัยเรื่อง ผลของสารสกัดรากสามสิบต่อการปกป้องการสลายเนื้อกระดูกรวมทั้งอวัยวะสืบพันธุ์ ในหนูแรทที่ถูกตัดรังไข่ ด้วยเหตุว่ามองเห็นว่า โรคกระดูกพรุนซึ่งชอบเกิดกับเพศหญิงมากยิ่งกว่าผู้ชายนั้น มีต้นสายปลายเหตุหลักจากการน้อยลงของฮอร์โมนเอสโตรเจนคราวหลังหมดเมนส์ โดยเห็นผลการทดลองมาว่า หนูที่ได้รับสารสกัดสมุนไพรรากสามสิบหลังจากถูกตัดรังไข่ มีน้ำหนักมวลกระดูกที่มากกว่ากรุ๊ปหนูถูกตัดรังไข่แต่มิได้รับสารสกัดสมุนไพรรากสามสิบ
          นอกจากนั้นสารสกัดรากสามสิบยังไม่ทำให้เกิดความเคลื่อนไหวในเยื่อบุโพรงมดลูก ดังนั้นจึงสรุปได้ว่า สารสกัดรากสามสิบอาจมีสมรรถนะสำหรับในการคุ้มครองปกป้องการสลายของเนื้อกระดูกในหนูทดลองได้ โดยไม่ทำให้เกิดผลกระทบใดๆต่ออวัยวะสืบพันธุ์ แต่ทว่ายังคงจำเป็นต้องทดลองเพิ่มอีกเพื่อศึกษาเรียนรู้ว่า สารสกัดรากสามสิบจะส่งผลเสียอะไรก็แล้วแต่กับอวัยวะอื่นหรือไม่
รากสามสิบ สมุนไพรบำรุงสตรี       

หารากสามสิบได้จากที่ไหน
          หากแม้ต้นรากสามสิบจะยังมีให้เห็นอยู่ในประเทศไทย แต่ก็ไม่จำเป็นต้องไปขุดหารากสามสิบมาต้มกินให้อิดโรย เนื่องจากเดี๋ยวนี้มีสารสกัดรากสามสิบในรูปแคปซูลมาให้เลือกซื้อมากมายก่ายกอง แต่ว่าทั้งนี้ควรตรวจสอบให้แน่ว่าแคปซูลรากสามสิบมีเครื่องหมายการค้าแล้วก็ได้รับการรับรองจากองค์การของกินรวมทั้งยาหรือไม่
          แต่ว่าหากคนใดสามารถหาต้นรากสามสิบสดๆได้ จะเอามาต้มยารับประทานเองเราก็มีสูตรยาสมุนไพรรากสามสิบมาให้ด้วยค่ะ
น้ำรากสามสิบ (สูตรดั้งเดิม)
     ส่วนผสม

  • สมุนไพรรากสามสิบ ใช้ส่วนราก 2.5 กิโลกรัม
  • น้ำ 10 ลิตร


     วิธีทำ

  • นำรากสามสิบมาล้างให้สะอาด
  • ปอกรวมทั้งดึงไส้ออก
  • หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ
  • ล้างให้สะอาดอีกที
  • ต้มน้ำให้เดือด
  • ใส่รากสามสิบ ลงในหม้อต้ม
  • เคี่ยวประมาณ 3 ชั่วโมง
  • ชิมรส และก็สามารถเพิ่มเติมน้ำตาลกรวดหรือใบเตยเพิ่มความหอมลงไปได้
รากสามสิบแช่อิ่ม
     ส่วนผสม

  • สมุนไพรรากสามสิบ ใช้ส่วนราก 2.5 กก.
  • น้ำตาล 1.5 กิโลกรัม
  • น้ำ 5 ลิตร
    แนวทางการทำ

  • นำรากสามสิบมาล้างให้สะอาด
  • ปอกเปลือกแล้วก็ดึงไส้ออก
  • หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ
  • ล้างให้สะอาดอีกครั้ง
  • ต้มน้ำให้เดือด
  • เพิ่มเติมน้ำตาลทราย ลงในหม้อต้ม
  • เคี่ยวจนกระทั่งน้ำตาลทรายละลายหมด
  • ใส่รากสามสิบ
  • เคี่ยวต่อจนเป็นสีเหลืองทองคำ
รากสามสิบ
สิ่งที่จำเป็นต้องระมัดระวังสำหรับเพื่อการใช้สมุนไพรรากสามสิบ
          เนื่องมาจากสมุนไพรรากสามสิบออกฤทธิ์เหมือนฮอร์โมนเอสโตรเจน โดยเหตุนี้ก็เลยจัดเป็นยาสมุนไพรที่ไม่ปลอดภัยนักต่อเพศหญิงที่มีการเสี่ยงโรคมะเร็งอยู่แล้ว ได้แก่ คนที่มีอาการป่วยเป็นโรคเนื้องอกในมดลูก (Uterine Fribrosis) หรือมีก้อนเนื้อในเต้านม (Fibrocystic Breast) เป็นต้น ด้วยเหตุดังกล่าวไม่ว่าจะใช้สมุนไพรอะไรก็ควรจะขอคำแนะนำหมอก่อนที่จะเหมาะสมที่สุดนะคะ       
          มองเห็นสรรพคุณรากสามสิบกันไปแล้วคนจำนวนไม่น้อยเริ่มพอใจอยากหารากสามสิบมาบำรุงสุขภาพกันบ้าง แต่ว่าก็อย่าลืมที่เตือนไว้นะคะ ก่อนซื้อแคปซูลรากสามสิบมากิน ควรจะตรวจสอบที่มารวมทั้งตรา แล้วก็การรับรองจากหน่วยงานที่น่าเชื่อถือด้วย http://www.disthai.com/

4
อื่น ๆ / ตะไคร้มีสรรพคุณ-ประโยชน์อย่างไร
« เมื่อ: สิงหาคม 10, 2018, 09:59:36 AM »

ตะไคร้
ตะไคร้ ชื่อสามัญ Lemongrass
ตะไคร้ ชื่อวิทยาศาสตร์ Cymbopogon citratus (DC.) Stapf จัดอยู่ในวงศ์หญ้า (POACEAE หรือ GRAMINEAE)
ตะไคร้จัดเป็นพืชล้มลุกตระกูลหญ้า ใบมีลักษณะเรียวยาว ปลายใบมีขนหนาม เป็นสมุนไพรไทยที่นิยมเอามาเตรียมอาหาร โดยตะไคร้แบ่งได้ 6 จำพวก อาทิเช่น ตะไคร้หอม ตะไคร้กอ ตะไคร้ต้น ตะไคร้น้ำ ตะไคร้หางนาค แล้วก็ตะไคร้หางสิงห์ ซึ่งเป็นสมุนไพรไทยที่นิยมปลูกทั่วไปในบ้านพวกเรา โดยมีถื่นกำเนิดในประเทศประเทศอินเดีย อินโดนีเซีย เมียนมาร์ ศรีลังกา และก็ไทย
ตะไคร้ เป็นยารักษาโรคและก็ยังมีวิตามินและธาตุที่มีสาระต่อสภาพร่างกายอีกด้วย ดังเช่น วิตามินเอ ธาตุแคลเซียม ธาตุฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก ฯลฯ
คุณประโยชน์ของตะไคร้
มีส่วนช่วยสำหรับการขับเหงื่อ
เป็นยาบำรุงธาตุไฟให้รุ่งโรจน์ (ต้นตะไคร้)
มีคุณประโยชน์เป็นยาบำรุงธาตุ ช่วยสำหรับในการเจริญอาหาร
ช่วยแก้อาการไม่อยากอาหาร (ต้น)
สารสกัดจากตะไคร้มีส่วนช่วยสำหรับการป้องกันโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่
แก้และก็บรรเทาอาการหวัด อาการไอ
ช่วยรักษาอาการไข้ (ใบสด)
ใช้เป็นยาแก้ไข้เหนือ (ราก)
น้ำมันหอมระเหยของใบตะไคร้สามารถทุเลาอาการปวดได้
ช่วยแก้อาการปวดหัว
ช่วยรักษาโรคความดันเลือดสูง (ใบสด)
ใช้เป็นยาแก้อาเจียนถ้าเอาไปใช้ร่วมกับสมุนไพรจำพวกอื่นๆ(หัวตะไคร้)
ช่่วยแก้อาการกษัยเส้นและแก้ลมใบ (หัวตะไคร้)
รักษาโรคอาการหอบหืดด้วยการใช้ต้นตะไคร้
ช่วยแก้อาการเสียดแน่นแสบบริเวณอก (ราก)
ใช้เป็นยาแก้ลักษณะของการปวดท้องและอาการท้องเดิน (ราก)
ช่วยแก้แล้วก็บรรเทาลักษณะของการปวดท้อง
ช่วยรักษาอาการท้องอืดท้องอืดท้องเฟ้อ (หัวตะไคร้)
ช่วยสำหรับเพื่อการขับน้ำดีมาช่วยในการย่อยของกิน
น้ำมันหอมระเหยจากตะไคร้มีส่วนช่วยลดการบีบตัวของลำไส้ได้
มีฤทธิ์ช่วยสำหรับเพื่อการขับฉี่
ช่วยแก้อาการฉี่พิการและก็รักษาโรคนิ่ว (หัวตะไคร้)
ช่วยแก้อาการขัดเบา (หัวตะไคร้)
ใช้เป็นยาแก้ขับลม (ต้น)
ช่วยรักษาอหิวาตกโรค
ช่วยแก้ลมอัมพาต (หัวตะไคร้)
ใช้เป็นยารักษาโรคเกลื้อน (หัวตะไคร้)
น้ำมันหอมระเหยจากตะไคร้ สามารถช่วยต้านเชื้อราบนผิวหนังได้เป็นอย่างดี
ช่วยแก้โรคหนองใน หากนำไปผสมกับสมุนไพรชนิดอื่นๆ

คุณประโยช์จากตะไคร้
ประยุกต์ใช้ทำเป็นน้ำตะไคร้หอม น้ำตะไคร้ใบเตย ช่วยดับร้อนแก้กระหายได้เป็นอย่างดี
ช่วยสำหรับเพื่อการบำรุงแล้วก็รักษาสายตา
มีส่วนช่วยสำหรับการบำรุงกระดูกรวมทั้งฟันให้แข็งแรง
มีส่วนช่วยในการบำรุงสมองรวมทั้งเพิ่มสมาธิ
สามารถประยุกต์ใช้ทำเป็นยานวดได้
ช่วยแก้ปัญหาผมแตกปลาย (ต้น)
มีฤทธิ์เป็นยาช่วยสำหรับในการนอน
การปลูกตะไคร้ร่วมกับผักชนิดอื่นๆจะช่วยปกป้องแมลงได้เป็นอย่างดี
ประยุกต์ใช้เป็นองค์ประกอบของสารยับยั้งกลิ่นต่างๆ
ต้นตะไคร้ช่วยขจัดกลิ่นคาวหรือกลิ่นคาวของปลาได้เป็นอย่างดี
กลิ่นหอมยวนใจของตะไคร้สามารถช่วยไล่ยุงและกำจัดยุงได้เป็นอย่างดี
เป็นส่วนประกอบของสินค้าประเภทยากันยุงชนิดต่างๆตัวอย่างเช่น ยากันยุงตะไคร้หอม
สามารถนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ได้หลายชนิด เช่น เครื่องปรุงอบแห้ง ตะไคร้แห้งสำหรับชงดื่ม เอามาสกัดเป็นน้ำมันหอมระเหย ฯลฯ
มักนิยมนำมาใช้สำหรับการเข้าครัวหลายแบบ เช่น ต้มยำ รวมทั้งของกินไทยอื่นๆเพื่อเพิ่มรส
วิธีทําน้ําตะไคร้หอม
คุณประโยชน์ตะไคร้จัดเตรียมวัตถุดิบดังนี้ ตะไคร้ 1 ต้น / น้ำเชื่อม 15 กรัม / น้ำเปล่า 240 กรัม
ล้างตะไคร้ให้สะอาด แล้วนำมาหั่นเป็นท่อน ตีให้แตก
ใส่ลงหม้อต้มกับน้ำให้เดือด จนตราบเท่าน้ำตะไคร้ออกมาคละเคล้ากับน้ำกระทั่งเป็นสีเขียว
รอสักประเดี๋ยวแล้วชูลง ต่อไปกรองเอาตะไคร้ออกแล้วเพิ่มเติมน้ำเชื่อมให้ได้รสตามพึงพอใจ
เสร็จแล้ววิธีการทำน้ำตะไคร้
วิธีทําน้ําตะไคร้ใบเตย
น้ำตะไคร้ การทําน้ําตะไคร้ใบเตยนั้นสิ่งแรกให้เตรียมวัตถุดิบดังต่อไปนี้ ตะไคร้ 2 ต้น / ใบเตย 3 ใบ / น้ำ 1-2 ลิตร / น้ำตาลแดง 2 ช้อนชา (จะใส่หรือไม่ก็ได้)
นำตะไคร้มาทุบให้แหลกพอสมควร แล้วใช้ใบเตยผูกตะไคร้ไว้ให้เป็นก้อน
ใส่ตะไคร้รวมทั้งใบเตยลงไปในหม้อแล้วเติมน้ำ 1 ถึง 2 ลิตร แล้วต้มให้เดือดสักประมาณ 5 นาที เพียงเท่านี้ก็เรียบร้อยสำหรับวิธีการทําน้ํา ตะไคร้
โดยตะไคร้รวมทั้งใบเตยชุดเดียวกัน สามารถเติมน้ำสุกใหม่ได้ 2-3 รอบ แม้กระนั้นรสอาจจืดชืดลงไปบ้าง เอามาดื่มแทนน้ำช่วยเพิ่มความสดชื่น แถมช่วยทำนุบำรุงสุขภาพอีกด้วย
คุณประโยชน์ทางโภชนาการของตะไคร้
การศึกษาเล่าเรียนของตะไคร้ขนาด 100 กรัม พบว่าให้พลังงาน 143 กิโลแคลอรี่ มีสารอาหารสำคัญมี โปรตีน 1.2 กรัม ไขมัน 2.1 กรัม คาร์โบไฮเดรต 29.7 กรัม เส้นใย 4.2 กรัม แคลเซียม 35 มก. ธาตุฟอสฟอรัส 30 มก. เหล็ก 2.6 มก. วิตามินเอ 43 ไมโครกรัม ไทอามีน 0.05 มก. ไรโบฟลาวิน 0.02 มก. ไนอาซิน 2.2 มก. วิตามินซี 1 มิลลิกรัม แล้วก็ ขี้เถ้า 1.4 กรัม
โทษของตะไคร้
พิษของน้ำมันตะไคร้ จำนวนน้ำมันตะไคร้ ที่ทำให้หนูขาวตายที่ครึ่งเดียวของจำนวนหนูขาวทั้งหมด ด้วยการให้ทางปาก  ที่ความเข้มข้น 5,000 มิลลิกรัม/กิโล และก็การให้น้ำมันหอมระเหยทางกระเพาอาหารแก่กระต่ายที่ทำให้กระต่ายตายที่ครึ่งเดียว พบว่า มีจำนวนความเข้มข้นเดียวกันกับการให้แก่หนูขาว พิษฉับพลันของน้ำมันหอมระเหยจากตะไคร้ที่ความเข้มข้น 1,500 ppm ในช่วงเวลา 60 วัน กลับต้องมาพบว่า หนูขาวที่ได้รับน้ำมันหอมระเหยของตะไคร้มีการเติบโตเร็วกว่ากลุ่มที่ไม้ได้รับ รวมทั้งค่าทางเคมีของเลือดไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร

5

ขิง
หากว่าขิงจะเป็นสมุนไพรซึ่งสามารถใช้ทำกับข้าวและมีสรรพคุณสำหรับเพื่อการรักษาโรค หากว่าขิงจะมีกลิ่นแรงและมีรสชาติเผ็ดร้อน เลยทำให้ไม่ถูกปากผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อยนั้น แต่ว่าขิงก็เป็นสมุนไพรที่สามารถใช้ประกอบอาหารและมีคุณประโยชน์รักษาโรค พวกเรามาดูกันดีกว่าว่าสมุนไพรดีๆอย่างขิงนั้นมีประโยชน์รวมทั้งโทษอะไรที่เราคาดไม่ถึงบ้าง
คุณประโยชน์ที่ได้รับมาจากขิง
+ ลดอาการท้องอืดถ้าหากคุณรู้สึกท้องขึ้นหรืออาหารไม่ย่อยให้จิบชาน้ำขิงหรือกินขิงสดจะมีผลให้คุณเข้าใจกันดีขึ้น หรือหากว่าคุณกำเนิดอาการท้องอืดที่เกิดขึ้นจากด้านการกินถั่วละก็ คราวหน้าลองฝานถั่วบางๆลงไปในของกินที่มีถั่ว โน่นก็จะช่วยลดอาหารท้องเฟ้อได้เช่นกันจ้ะ เพราะว่าขิงนั้นเป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์ร้อน สามารถช่วยขับลม และก็กระตุ้นรูปแบบการทำงานของไส้ทำให้ อาการท้องอืดทุเลาลงได้
+ ช่วยบรรเทาอาการไมเกรน
จากการศึกษาเล่าเรียน
พบว่า การรับประทานขิงในขณะที่อาการไมเกรนใกล้กำเริบเสิบสานนั้น จะช่วยทำให้ความเจ็บปวดจากอาการไมเกรนลดลงได้ ด้วยเหตุว่าขิงจะไปช่วยสกัดการฮอร์โมนที่เกี่ยวกับการอักเสบ นอกจากนั้นยังมีการศึกษาอื่น บอกให้เห็นอีกว่าขิงสามารถช่วยรักษาอาการไขข้ออักเสบ โดยพบว่าผู้ที่มีอาการของโรคข้อเข่าเสื่อมหรือโรครูมาตอยด์มีลักษณะน้อยลงเมื่อบริโภคขิงผงบ่อยๆทุกๆวัน
ประโยชน์ต่างๆที่ได้รับจากขิง แล้วก็โทษที่คุณอาจนึกไม่ถึง
+ ช่วยป้องกันโรคมะเร็ง
 ขิงมีคุณลักษณะสำหรับเพื่อการช่วยต่อสู้กับโรคมะเร็ง โดยมีการเรียนพบว่าขิงช่วยทำให้เซลล์ของมะเร็งด้านในรังไข่ตาย เพราะเหตุว่าในขิงมีสารเคมีธรรมชาติที่ไปช่วยกระตุ้นเอนไซม์กลูตาไธโน-เอส-ทรานสเฟอรเรส ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ก็เลยช่วยคุ้มครองปกป้องมะเร็งได้ ยิ่งกว่านั้นยังเจออีกว่าสินค้าอาหารเสริมที่มีขิงเป็นองค์ประกอบยังช่วยลดอาการอักเสบในลำไส้ใหญ่ได้อีกด้วย
+ ช่วยบรรเทาอาการอาเจียน
 ขิงสามารถบรรเทาอาการคลื่นไส้ได้ โดยชาวเอเชียนั้นมักจะใช้ขิงสำหรับการช่วยบรรเทาอาการเมารถ หรือเมาเรือ นอกเหนือจากนี้ยังมีหลายการเรียนรู้พบว่าขิงสามารถช่วยป้องกันและบรรเทาอาการอาเจียนหลังจากการผ่าตัดและยังช่วยทุเลาอาการคลื่นไส้รวมทั้งอ้วกในผู้เจ็บป่วยโรคมะเร็งที่เข้ารับเคมีบรรเทาได้อีกด้วย
+ ช่วยลดน้ำตาลในเลือด
 มีการศึกษาเล่าเรียนใหม่พบว่า ขิงผงนั้นสามารถช่วยลดน้ำตาลในเลือดได้ โดยเฉพาะกับผู้ป่วยโรคเบาหวานจำพวกที่ 2 แม้กระนั้นก็ควรที่จะขอความเห็นแพทย์ก่อนรับประทานขิงร่วมกับยา เพราะว่าขิงอาจทำปฏิกิริยากับยาที่ใช้รักษาได้ รวมทั้งควรติดตามผลระดับน้ำตาลอย่างใกล้ชิด เพราะถ้าเกิดรับประทานขิงมากจนเกินไปก็อาจก่อให้ระดับอินซูลินลดน้อยลงมากจนเกินไปจนถึงอยู่ในพิกัดอันตรายได้
คุณประโยช์จากขิง รวมทั้งโทษที่คุณอาจคิดไม่ถึง
ขิงดอง คุณประโยชน์ดีก็มีนะ ทราบยัง?
 เราบางครั้งอาจจะเคยรับรู้กันมาว่าการรับประทานของดองไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพ แม้กระนั้นจำต้องขอเว้นเสียแต่ไว้สำหรับขิงดองจ้ะ ด้วยเหตุว่าจริงๆแล้วแม้ขิงดองจะเป็นอาหารที่ผ่านการหมักดองด้วยน้ำส้มสายชู แต่เรื่องสรรพคุณ แล้วก็ประโยชน์เพื่อสุขภาพ ขิงดองก็มีดีไม่ด้อยไปกว่าขิงใหม่ๆเลยล่ะค่ะ ซึ่งประโยชน์ของขิงดองมีดังนี้
* ช่วยแก้อาการเมาเรือ เมารถ รวมทั้งอาการแพ้ท้อง

เนื่องจากขิงดองเป็นของกินที่มีกลิ่นแรงอีกทั้งยังมีรสชาติเผ็ดอมเปรี้ยว เลยทำให้กลายเป็นอาหารที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีลักษณะเมาเรือ เมารถ และสตรีที่กำลังมีครรภ์ ซึ่งมักจะมีลักษณะแพ้ท้อง เอาไว้รับประทานตอนที่รู้สึกคลื่นไส้ เพราะว่าจะช่วยทุเลาอาการได้ค่ะ ไม่ต้องพึ่งยาแก้เมา หรือยาแก้แพ้ท้อง ทดลองใช้ขิงดองมองนี่ล่ะค่ะ เด็ด !
* ช่วยล้างปากเวลารับประทานอาหาร
 สำหรับคนจำนวนไม่น้อยที่สงสัยว่าเพราะอะไรเวลาไปทานอาหารญี่ปุ่นแล้วบนจานของกินญี่ปุ่นจะมีขิงดอง คำตอบก็คือขิงดองพวกนั้นมีไว้กินล้างปากค่ะ โดยส่วนใหญ่สำหรับเพื่อการกินอาหารญี่ปุ่น จะกินขิงดองตามเข้าไปภายหลังจากกินอาหารจานนั้นหมดแล้ว เพื่อไม่ให้รสของกินจานเดิมติดอยู่ในปากกระทั่งทำให้มีความรู้สึกมันรวมทั้งกินจานต่อไปไม่ไหว ทั้งยังเป็นเหตุให้ลิ้มรสของกินจานถัดไปได้อย่างมากอีกด้วย
* โซเดียมต่ำ
 หากแม้ขิงดองจะมีรสจัด แต่ว่าน่าประหลาดที่ขิงดองเป็นของกินที่มีโซเดียมต่ำมากเมื่อเทียบกับอาหารหมักดองประเภทอื่นๆเมื่อเอามากินแล้วก็ทำให้ไม่จำเป็นที่จะต้องมาวิตกกังวลหรือกลุ้มใจกับจำนวนโซเดียม ลดความเสี่ยงที่จะกำเนิดความดันโลหิตสูงลงไปได้อีกมากมายเลย
ประโยชน์ต่างๆที่ได้รับจากขิง แล้วก็โทษที่คุณอาจคิดไม่ถึง
ข้อพึงระวังสำหรับในการทานขิง
- อาจส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อนสำหรับเพื่อการมีครรภ์ได้
 มีบางการเล่าเรียนพบว่าขิงมีความเชื่อมโยงกับภาวะแทรกซ้อนในการมีครรภ์รวมทั้งการแท้ง แต่สำหรับเพื่อการตั้งครรภ์รายอื่นๆนั้นไม่พบว่าการกินขิงจะก่อให้กำเนิดอาการเหล่านั้นขึ้น แถมยังช่วยลดอาการอ้วกจากการแพ้ท้องได้อีกด้วย ด้วยเหตุผลดังกล่าวคุณควรไปหารือแพทย์ก่อนที่จะที่ใช้ขิงสำหรับการรักษาอาการแพ้ท้องด้วยตนเองจ้ะ
- ทำให้มีการเกิดแผลร้อนในด้านในปากได้
 ขิงเป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์ร้อน หากรับประทานเข้าไปในจำนวนที่มากก็จะสามารถเยื่อบุภายในช่องปากมีการอักเสบกระทั่งเป็นอาการร้อนในได้ ด้วยเหตุนั้นไม่ควรกินขิงมากจนเกินความจำเป็นจ้ะ
- ยับยั้งการแข็งตัวของเลือด
 การเรียนรู้หนึ่งในประเทศออสเตรเลียพบว่า ขิงนั้นมีสรรพคุณในการต่อต้านการแข็งตัวของเลือดมากยิ่งกว่ายาแอสไพริน สถาบันสุขภาพของประเทศออสเตรเลียได้ออกคำตักเตือนให้งดการกินขิงในตอนที่ใช้ยาละายลิ่มเลือดเหตุเพราะจะก่อให้กำเนิดการเสี่ยงสำหรับการกำเนิดอาการช้ำเลือดหรืออาการเลือดออกได้ ด้วยเหตุนี้ถ้าหากคุณมีลักษณะอาการเลือดออกผิดปกติหรือกำลังใช้ยาละลายลิ่มเลือด ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานขิงจ้ะฃ http://www.disthai.com/

หน้า: [1]