รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
การค้นหาขั้นสูง  

ข่าว:

SMF - Just Installed!

แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Messages - niiodsp0s4d5f4

หน้า: [1]
1
อื่น ๆ / ความเป็นมาของต้นราชพฤกษ์
« เมื่อ: สิงหาคม 15, 2018, 09:01:26 AM »

ราชพฤกษ์
ราชพฤกษ์ ชื่อสามัญ Golden shower, Indian laburnum, Pudding-pine tree, Purging Cassia
ราชพฤกษ์ ชื่อวิทยาศาสตร์ Cassia fistula L. จัดอยู่ในสกุลถั่ว (FABACEAE หรือ LEGUMINOSAE) และอยู่ในสกุลย่อยราชพฤกษ์ (CAESALPINIOIDEAE หรือ CAESALPINIACEAE)
สมุนไพรราชพฤกษ์ มีชื่อท้องถิ่นอื่นๆว่า กุเพยะ (กะเหรี่ยง-จังหวัดกาญจนบุรี), ปูโย ปีอยู เปอโซ แมะหล่าอยู่ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน), ลักเกลือ ลักเคย (กะเหรี่ยง), ราชพฤกษ์ ชัยพฤกษ์ (ภาคกึ่งกลาง), ราชพฤกษ์ (ภาคเหนือ), ราชพฤกษ์ (ภาคใต้), คูน (ทั่วๆไปเรียกรวมทั้งชอบเขียนผิดหรือสะกดผิดเป็น “ต้นคูณ” หรือ “คูณ“) ฯลฯ
คำว่า “ราชพฤกษ์” หมายความว่า “ต้นไม้ของพระเจ้าแผ่นดิน” ซึ่งเป็นเครื่องหมายของงานนิทรรศการพืชสวนโลกซึ่งจัดขึ้นเพื่อฉลองในวโรกาสอันเป็นมหามงคลที่พระเจ้าอยู่หัวของพวกเราทรงครอบครองสิริราชสมบัติครบรอบ 60 ปี
ต้นราชพฤกษ์ ต้นไม้ประจำชาติไทย
เมื่อปี พ.ศ.2544 คณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติได้มีข้อเสนอแนะรวมทั้งสรุปให้มีการกำหนดสัญลักษณ์ประจำชาติ 3 สิ่ง ซึ่งประกอบไปด้วย ดอกไม้ สัตว์ แล้วก็สถาปัตยกรรม ซึ่งจากการพินิจได้บทสรุปว่า ให้สัตว์ประจำชาติคือ “ช้างไทย” ส่วนในด้านสถาปัตยกรรมประจำชาติคือ “ศาลาไทย” แล้วก็ในส่วนของดอกไม้ประจำชาติก็คือ “ดอกราชพฤกษ์” โดยมีเหตุมีผลในการเลือกดังต่อไปนี้
ต้นคูน หรือ ต้นราชพฤกษ์ จัดฯลฯไม้ประจำชาติไทย (ตามประกาศของกรมป่าไม้)ต้นไม้ราชพฤกษ์ ฯลฯไม้ที่ชาวไทยทั่วๆไปรู้จักกันอย่างมากมาย ในนามของ “ต้นคูน” สามารถพบเจอได้ทั่วๆไปของทุกภาคในประเทศ
ต้นราชพฤกษ์มีส่วนเกี่ยวข้องกับจารีตคนประเทศไทยมาอย่างเป็นเวลายาวนาน เนื่องจากเป็นไม้มงคลนามและใช้ในการประกอบพิธีหลักๆต่างๆหลายพิธี อาทิเช่น พิธีลงเสาหลักเมือง ทำคทาจอมพล ใช้ทำยอดธงชัยเฉลิมพล เป็นต้น
ต้นราชพฤกษ์นั้นสามารถนำมาใช้คุณประโยชน์ได้อย่างหลากหลาย ยกตัวอย่างเช่น การใช้เป็นยาสมุนไพรหรือประยุกต์ใช้ทำเป็นเสาบ้านเสาเรือนได้ อื่นๆอีกมากมาย
ต้นราชพฤกษ์เป็นต้นไม้ที่มีอายุยืนนานและแข็งแรงทนทาน
ต้นราชพฤกษ์มีรูปทรงรวมทั้งพุ่มไม้ที่งาม มีดอกเหลืองอร่ามเต็มต้น มองดูสวยยิ่งนัก
ดอกราชพฤกษ์มีสีเหลือง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของชาติไทย เป็นเครื่องหมายที่พุทธศาสนา รวมทั้งยังเป็นสัญลักษณ์ของวันจันทร์ ซึ่งเป็นวันพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ยิ่งไปกว่านี้ตามตำราไม้มงคล 9 ชนิดยังเจาะจงไว้ว่า ต้นราชพฤกษ์เป็นเครื่องหมายที่แสดงถึงความเป็นใหญ่ ความมีอิทธิพลวาสนา มีโชคมีชัย
สมุนไพรราชพฤกษ์ กับการนำมาใช้รักษาโรคแล้วก็อาการต่างๆโดยส่วนที่ประยุกต์ใช้เป็นสรรพคุณทางยานั้น เช่น ส่วนของใบ ดอก เปลือก ฝัก แก่น กระพี้ ราก และเม็ด ซึ่งสมุนไพรราชพฤกษ์ เป็นสมุนไพรซึ่งสามารถใช้ได้ทั้งกับเด็ก สตรี รวมไปถึงคนวัยแก่ โดยปลอดภัยใดๆ
ลักษณะของต้นราชพฤกษ์
ต้นราชพฤกษ์ (ต้นคูน) เป็นพืชพื้นเมืองในแถบเอเชียใต้ ไล่ตั้งแต่ทางตอนใต้ของประเทศปากีสถานไปจนกระทั่งอินเดีย เมียนมาร์ รวมทั้งประเทศศรีลังกา โดยจัดเป็นพรรณไม้ขนาดกลาง มีลำต้นสีน้ำตาลปนเทาหมดจด มักขึ้นทั่วๆไปตามป่าผลัดใบหรือในดินที่มีการถ่ายเทน้ำดี ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการเพาะเม็ดแล้วย้ายกล้ามาปลูกลงในถุงเพาะชำ เมื่อโตพอแล้วก็ย้ายมาปลูกเอาไว้ในพื้นที่ แต่ว่าในปัจจุบันอาจจะใช้กรรมวิธีทาบกิ่งรวมทั้งแทงยอดก็ได้ แม้กระนั้นโอกาสเสร็จจะน้อยกว่ากรรมวิธีการเพาะเมล็ด
ใบราชพฤกษ์ (ใบคูน) ลักษณะของใบออกเป็นช่อ ใบสีเขียววาว ช่อหนึ่งยาวราวๆ 2.5 ซม. และก็มีใบย่อยเป็นไข่หรือรูปป้อมๆประมาณ 3-6 คู่ ใบย่อยมีความกว้างราวๆ 5-7 เซนติเมตร และยาวประมาณ 9-15 เซนติเมตร โคนใบมนรวมทั้งสอบไปทางปลายใบ เนื้อใบบางสะอาด มีเส้นกิ่งก้านสาขาใบถี่และโค้งไปตามรูปใบ
ใบราชพฤกษ์
ดอกราชพฤกษ์ (ดอกคูน) มีดอกเป็นช่อ ยาวโดยประมาณ 20-45 ซม. มีกลีบรองดอกรูปขอบขนาน มีความยาวประมาณ 1 ซม. กลีบมี 5 กลีบ หลุดหล่นได้ง่าย และกลีบดอกไม้ยาวกว่ากลีบรองดอกราว 2-3 เท่า รวมทั้งมีกลีบรูปไข่ปริมาณ 5 กลีบ บริเวณพื้นกลีบจะมองเห็นเส้นกลีบกระจ่าง ที่ดอกมีเกสรตัวผู้ขนาดแตกต่างกันจำนวน 10 ก้าน มีก้านอับเรณูโค้งงอขึ้น ดอกชอบบานในช่วงมี.ค.ถึงเดือนพฤษภาคม แต่ก็มีบางกรณีที่มีดอกนอกฤดูเช่นเดียวกัน อย่างเช่น ในช่วงธันวาคมถึงม.ค.
ดอกราชพฤกษ์ดอกคูน
ผลราชพฤกษ์ หรือ ฝักราชพฤกษ์ (ฝักคูณ) ผลมีลักษณะเป็นฝักทรงกระบอกหมดจดๆฝักยาวราวๆ 20-60 ซม. รวมทั้งวัดเส้นผ่าศูนย์กลางได้ราว 2-2.5 ซม. ฝักอ่อนจะมีสีเขียว ส่วนฝักแก่จัดจะมีสีดำ ในฝักจะมีผนังเยื่อบางๆติดกันอยู่เป็นช่องๆตามแนวขวางของฝัก รวมทั้งในช่องจะมีเมล็ดสีน้ำตาลแบนๆอยู่ มีขนาดโดยประมาณ 0.8-0.9 เซนติเมตร
ฝักคูนฝักราชพฤกษ์
สรรพคุณของราชพฤกษ์
ช่วยบำรุงเลือดในร่างกาย (เปลือก)
สารสกัดจากลำต้นและก็ใบของราชพฤกษ์มีฤทธิ์ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ (ลำต้น, ใบ)
สารสกัดจากเมล็ดมีฤทธิ์ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล (เมล็ด)
ช่วยรักษาโรคเกี่ยวกับหัวใจหรือถุงน้ำดี (ราก)
ราชพฤกษ์มีคุณประโยชน์ช่วยแก้ไข้ (ราก)
ฝักราชพฤกษ์มีสรรพคุณทางยาช่วยแก้ไข้ไข้มาลาเรีย (ฝัก)
ช่วยแก้ไข้รูมาติกด้วยการใช้ใบอ่อนนำมาต้มกับน้ำ (ใบ)
ฝักอ่อนมีรสหวานอมเปรี้ยวบางส่วน มีกลิ่นเหม็นเหม็นเบื่อ เย็นจัด สรรพคุณสามารถใช้ขับเสมหะได้ (ฝักอ่อน)
ช่วยแก้อาการอยากดื่มน้ำ (ฝัก)
เปลือกเม็ดและก็เปลือกฝักมีสรรพคุณช่วยถอนพิษ ทำให้อ้วก หรือจะใช้เม็ดโดยประมาณ 5-6 เม็ด เอามาบดเป็นผงแล้วรับประทานก็ได้ (เมล็ด, ฝัก)
ต้นราชพฤกษ์ คุณประโยชน์ของกระพี้ใช้แก้ลักษณะของการปวดฟัน (กระพี้)
ในอินเดียมีการใช้ฝัก เปลือก ราก ดอก และก็ใบมาทำเป็นยา ใช้เป็นยาแก้ไข้และก็หัวใจ แก้อาการหายใจขัด ช่วยถ่ายของเสียออกมาจากร่างกาย แก้อาการซึมเศร้า หนักศีรษะ หนักตัว ทำให้ชุ่มชื่นหน้าอก (เปลือก, ราก, ดอก, ใบ, ฝัก)
คุณประโยชน์ราชพฤกษ์ช่วยแก้โรครำมะนาด (กระพี้, แก่น)
ช่วยรักษาเด็กเป็นต้นตานขโมยด้วยการใช้ฝักแห้งโดยประมาณ 30 กรัมนำมาต้มกับน้ำกิน (ฝัก)
ช่วยทุเลาอาการแน่นหน้าอก (เนื้อในฝัก)
ฝักแก่ใช้เป็นยาระบาย ช่วยในการขับถ่าย ทำให้ถ่ายได้สบาย ไม่มวนท้อง แก้อาการท้องผูก เหมาะสำหรับผู้ที่มีลักษณะท้องผูกบ่อยๆและสตรีตั้งท้อง ด้วยเหตุว่ามีสารแอนทราควิโนน (Anthraquinone glycoside) เป็นตัวช่วยระบาย สำหรับวิธีการใช้ ให้ใช้ฝักแก่ขนาดก้อนเท่านิ้วโป้ง (หนักประมาณ 4 กรัม) และน้ำอีก 1 ถ้วยแก้วใส่หม้อต้ม แล้วผสมเกลือน้อย ใช้ดื่มก่อนที่จะกินอาหารตอนเช้าหรือตอนก่อนนอนเพียงครั้งเดียว (ฝักแก่, ดอก, เนื้อในฝัก, ราก, เม็ด)
เม็ดมีรสฝาดเมา สรรพคุณช่วยแก้ท้องร่วง (เมล็ด)
ช่วยหล่อลื่นลำไส้ รักษาโรคเกี่ยวกับกระเพาะและก็แผลเรื้อรัง (ดอก)
ช่วยรักษาโรคบิด (เม็ด)
สรรพคุณของราชพฤกษ์ ฝักช่วยแก้อาการจุกเสียด (ฝัก)
ช่วยให้กำเนิดลมเบ่ง ด้วยการใช้เมล็ดฝนกับต้นหญ้าฝรั่น น้ำดอกไม้เทศ แล้วก็น้ำตาล แล้วนำมากิน (เม็ด)
ฝักและใบมีสรรพคุณช่วยขับพยาธิ ด้วยการใช้ฝักแห้งโดยประมาณ 30 กรัมเอามาต้มกับน้ำกิน (ใบ, ฝัก, เนื้อในฝัก)
ต้นคูณมีสรรพคุณช่วยขับพยาธิไส้เดือนในท้อง (แก่น)
เปลือกฝักมีรสเฝื่อนฝาดเมา ช่วยขับเกลื่อนกลาดที่ค้าง ทำให้แท้งลูก (เปลือกฝัก)
สารสกัดจากใบคูนมีฤทธิ์ช่วยต้านการเกิดพิษที่ตับ (ใบ)
คุณประโยชน์ของคูน รากใช้แก้โรคคุดทะราด (ราก)
ใบสามารถนำมาใช้สำหรับในการฆ่าเชื้อโรค เชื้อโรคบนผิวหนังที่เกิดจากเชื้อราได้ (ใบ)
ช่วยฆ่าพยาธิผิวหนัง (ใบ)
รากเอามาฝนใช้ทารักษาขี้กลากโรคเกลื้อน และก็ใบอ่อนก็ใช้แก้ขี้กลากได้เช่นกัน (ราก, ใบ)
เปลือกและก็ใบนำมาบดผสมกันใช้ทาแก้เม็ดผดผื่นตามร่างกายได้ (เปลือก, ใบ)
เปลือกมีสรรพคุณช่วยแก้ฝี แก้บวม หรือจะใช้เปลือกแล้วก็ใบนำมาบดผสมกันใช้ทารักษาฝี (เปลือก, ใบ)
คูน คุณประโยชน์ของดอกช่วยแก้บาดแผลเรื้อรัง รักษาแผลเรื้อรัง (ดอก)
เปลือกราชพฤกษ์ คุณประโยชน์ช่วยสมานรอยแผล (เปลือก)
ฝักคูณมีสรรพคุณช่วยแก้ลักษณะของการปวดข้อ (เนื้อในฝัก)
แขกใช้ใบเอามาโขลก นำมาพอกแล้วนวด ช่วยแก้โรคปวดข้อรวมทั้งอัมพาต (ใบ)
ช่วยกำจัดหนอนและก็แมลง โดยฝักแก่มีสารออกฤทธิ์ที่ส่งผลต่อระบบประสาทของแมลง เมื่อนำฝักมาบดผสมกับน้ำเสียไว้ราวๆ 2-3 วัน แล้วใช้สารละลายที่กรองได้มาฉีดพ่นจะสามารถที่จะช่วยในการจัดการกับรอยคราบแมลงแล้วก็หนอนในแปลงผักได้ (ฝักแก่)
สารสกัดจากรากราชพฤกษ์มีฤทธิ์ยั้งโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมี Acetylcholinesterase
ยิ่งกว่านั้นยังมีการนำสมุนไพรราชพฤกษ์มาแปรรูปทำเป็นสินค้าต่างๆมากมายก่ายกอง ดังเช่นว่า
น้ำมันนวดราชพฤกษ์ ที่ต้มมาจากน้ำมันจากใบคูน เป็นน้ำมันนวดสูตรร้อนหรือสูตรเย็น ที่ใช้นวดแก้อัมพฤกษ์อัมพาต รวมทั้งขจัดปัญหาเรื่องเส้น
ลูกประคบราชตารู เป็นลูกประคบสูตรโบราณ ที่ใช้ใบคูนเป็นตัวยาตั้งต้น ประกอบไปด้วย ขมิ้นอ้อย เทียนดำ กระวาน แล้วก็อบเชยเทศ โดยลูกประคบสูตรนี้จะใช้ปรุงตามอาการ โดยจะดูตามโรคและก็ความต้องการเป็นหลัก ซึ่งแต่ละคนจะได้ต่างกัน
ผงพอกคูนคาดข้อ ทำมาจากใบคูนที่เอามาบดเป็นผง ช่วยแก้อาการปวดเส้น อัมพฤกษ์อัมพาต โดยเอามาพอกรอบๆที่เป็นจะช่วยกระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดการไหลเวียนของเลือด ทุเลาลักษณะของการปวดข้อ รักษาโรคโรคเกาต์ แล้วก็ยังช่วยลดอาการอักเสบได้อีกด้วย ซึ่งสูตรนี้สามารถใช้กับผู้ป่วยที่เป็นอัมพาตใบหน้าครึ่งซีก ตาไม่หลับ มุมปากตกได้ด้วย
ชาสุวรรณาคา ทำมาจากใบคูน สรรพคุณช่วยในด้านสมอง ไขปัญหาเส้นโลหิตตีบในสมอง ช่วยให้ระบบไหลเวียนภายในร่างกายดียิ่งขึ้น ช่วยแก้อัมพฤกษ์อัมพาต โดยเป็นตัวยาที่มีไว้ชงดื่มควบคู่ไปกับการรักษาแบบอื่นๆ

ข้อควรพิจารณา !
:การทำเป็นยาต้ม ควรจะต้มให้พอประมาณจึงจะได้ผลดี ถ้าหากต้มนานเกินไปหรือเกินกว่า 8 ชั่วโมง ยาจะไม่มีฤทธิ์ระบาย แต่ว่าจะก่อให้ท้องผูกแทน และควรเลือกใช้ฝักที่ไม่มากเกินไป รวมทั้งยาต้มที่ได้ถ้าเกิดรับประทานมากเกินความจำเป็นอาจจะเป็นผลให้คลื่นไส้ได้
ประโยช์จากราชพฤกษ์
นิยมปลูกไว้ฯลฯไม้ประดับตามสถานที่ต่างๆตัวอย่างเช่น สถานที่ราชการ รอบๆริมถนนข้างทาง และก็สถานที่อื่นๆ
ต้นราชพฤกษ์กับความเลื่อมใส ต้นราชพฤกษ์เป็นไม้มงคลนามที่คนไทยโบราณเชื่อว่า บ้านใดที่ปลูกต้นราชพฤกษ์ไว้เป็นไม้ประจำบ้านจะช่วยให้มีเกียรติรวมทั้งเกียรติ สาเหตุด้วยเหตุว่าคนให้การยอมรับว่าต้นราชพฤกษ์เป็นไม้ที่มีคุณค่าสูงรวมทั้งยังเป็นเครื่องหมายของเมืองไทยอีกด้วย แล้วก็ยังมั่นใจว่าจะมีผลให้ผู้อาศัยนั้นก้าวหน้า โดยจะนิยมนำมาปลูกต้นราชพฤกษ์ในวันเสาร์และก็ปลูกไว้ทางทิศตะวันตกเฉใต้ของบ้าน (อาจเกิดขึ้นจากทิศดังที่กล่าวถึงมาแล้วได้รับแดดจัดในช่วงเวลาบ่าย เลยปลูกไว้เพื่อช่วยลดความร้อนภายในบ้านแล้วก็ช่วยลดการใช้พลังงาน)
ต้นราชพฤกษ์เป็นพืชที่มีความเป็นสิริมงคลแล้วก็ศักดิ์สิทธิ์ ใช้ทำเป็นน้ำพุทธมนต์ในพิธีกรรมต่างๆทางศาสนา ได้แก่ พิธีวางศิลาฤกษ์ ใช้ทำเสาหลักเมือง เสาฤกษ์สำหรับเพื่อการก่อสร้างพระตำหนัก ยอดธงชัยเฉลิมพลของกองทหาร คทาจอมพล ส่วนใบของต้นราชพฤกษ์จะใช้ทำเป็นน้ำพุทธมนต์ไว้สะเดาะเคราะห์ได้ผลลัพธ์ที่ดีนัก เป็นต้น
แก่นไม้ใช้ทำเป็นเครื่องมือเครื่องใช้ ด้ามเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆหรือทำเป็นไม้ไว้ใช้สอยอื่นๆอย่างเช่น ใช้ทำเสา เสาสะพาน ทำสากตำข้าว ล้อเกวียน คันไถ ฯลฯ
เนื้อของฝักแก่สามารถนำมาใช้แทนกากน้ำตาลสำหรับการทำเป็นหัวเชื้อจุลินทรีย์และจุลินทรีย์ขยายได้
ฝักแก่สามารถนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับการหุงด้วยเตาเศรษฐกิจที่มีขนาดพอเหมาะ โดยไม่ต้องผ่า ตัด หรือเลื่อย
แหล่งอ้างอิง :
เว็บไซต์ที่ทำการโครงการรักษากรรมพันธุ์พืชสาเหตุจากความคิด สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี, เว็บกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า รวมทั้งพืชพันธุ์, เว็บไซต์ไทยโพส, สำนักงานปรับปรุงเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน), งานมหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติฯ ราชพฤกษ์ 2554, สำนักงานกองทุนเกื้อหนุนการผลิตเสริมสุขภาพ (สสส.) http://www.disthai.com/

2

กระเทียม
สรรพคุณกระเทียม
ปรับความดันเลือดให้อยู่ในระดับปกติ
ลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด
ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด จึงเหมาะสมกับผู้ป่วยเบาหวาน
บำรุงเลือด คุ้มครองปกป้องอาการโลหิตจาง
เพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย
ป้องกันโรคหัวใจ
ลดท้องผูก ทำให้ระบบขับถ่ายปฏิบัติงานได้ดิบได้ดีขึ้น
ช่วยขับลม แก้อาการจุดเสียดแน่นท้อง
ป้องกันไข้หวัด ยั้งการเติบโตของเชื้อไวรัส แบคทีเรีย เชื้อรา
มีสารต้านอนุมูลอิสระ บำรุงผิวพรรณ แล้วก็ลดการเสี่ยงสำหรับเพื่อการเป็นโรคโรคมะเร็ง
chopped-garlicsiStock
กระเทียม กับ 10 คุณประโยชน์ดีๆที่เราต้องการให้คุณทานแต่ละวัน
แนวทางทานกระเทียมให้ได้ประโยชน์
สารอัลลิซินในกระเทียมที่มีคุณประโยชน์ต่อสภาพทางด้านร่างกายของเรา ต้องผ่านการหั่น สับ ตี หรือบด จะต้องหั่น สับ ทุบ หรือบดกระเทียมก่อนเอามาปรุงอาหาร 5-10 นาที โดยสารอัลลิซินนี้จะไม่สลายหายไปเมื่อถูกความร้อน ด้วยเหตุดังกล่าวจะทานสด หรือจะปรุงอาหารในน้ำมันก็ช่างเถิด
จำนวนกระเทียมที่ควรจะทานต่อวัน
ในวัยผู้ใหญ่สามารถทานกระเทียมได้ราว4 กรัมต่อวัน แต่ว่าไม่สมควรทานมากเกินกว่านี้ต่อเนื่องกันเกิน 10 วัน เพราะจะเพิ่มความเสี่ยงสภาวะเลือดแข็งตัวช้า  หรือเลือดไหลไม่หยุดเมื่อกำเนิดรอยแผล
แนวทางเลือกซื้อกระเทียมมาประกอบอาหาร
ควรจะเลือกกระเทียมที่ศีรษะแน่นๆไม่ฝ่อ เปลือกบาง เนื้อสีเหลืองอ่อน สด ไม่เน่า ไม่มีราขึ้น แล้วก็แม้อยากได้รสชาติของกระเทียมแบบแรงๆควรจะเลือกกระเทียมหัวเล็กๆ
ว่าแล้วอาหารมื้อถัดไปก็บอกให้แม่ครัวพ่อครัวใส่กระเทียมลงไปในอาหารให้ด้วยนะคะ แม้กระนั้นระวังสักนิด ถ้าทานกระเทียมมากมายๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งกระเทียมสด อาจมีอาการเจ็บคอคราวหลัง และอย่าลืมรอบคอบกลิ่นปากกันด้วยค่ะ สักครู่จะกล่าวหาไม่เตือนนะ
ลักษณะทั่วไปของกระเทียม
กระเทียมเป็นพืชล้มลุกจำพวกรับประทานหัว ลำต้นสูง 1-2 ฟุต มีหัวลักษณะกลมแป้นขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1-2 นิ้ว ภายนอกของหัวกระเทียมมีเปลือกบางๆห่อหุ้มอยู่หลายชั้น ด้านในหัวประกอบแกนแข็งกึ่งกลาง ภายนอกเป็นกลีบเล็กๆปริมาณ 10-20 กลีบ เนื้อกระเทียมในกลีบมีสีเหลืองอ่อนและก็ใส  มีน้ำเป็นส่วนประกอบสูง มีกลิ่นฉุนจัด
ลำต้นรวมทั้งหัวกระเทียมสด
แหล่งเพาะปลูก
กระเทียมสามารถปลูกได้ทั่วๆไปในทุกภาคของประเทศไทย แม้กระนั้นนิยมปลูกกันมากมายทางภาคเหนือและภาคอีสาน เพราะว่ามีสภาพดินรวมทั้งสภาพการณ์อากาศที่เหมาะมากกว่าภาคอื่นๆทำให้กระเทียมเติบโตเจริญ ได้ผลผลิตสูงและมีรสชาติที่ดีมากยิ่งกว่า

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
กระเทียมเป็นไม้ล้มลุกและก็ใหญ่ยาว สูง 30-60 ซม. มีกลิ่นฉุน มีหัวใต้ดิน2 ลักษณะกลมแป้น เส้นผ่าศูนย์กลาง 2-4 ซม. มีแผ่นเยื่อสีขาวหรือสีม่วงอมชมพูห่อหุ้มอยู่ 3-4 ชั้น ซึ่งลอกออกได้ แต่ละหัวมี 6-10 กลีบ กลีบมีเหตุที่เกิดจากตาซอกใบของใบอ่อน ลำต้นลดรูปลงไปๆมาๆก ใบโดดเดี่ยว (Simple leaf) ขึ้นมาจากดิน เรียงซ้อนสลับ แบนเป็นแถบแคบ กว้าง 0.5-2.5 ซม. ยาว 30-60 เซนติเมตร ปลายแหลมแบบ Acute ขอบเรียบและก็พับทบเป็นสันตลอดความยาวของใบ โคนแผ่เป็นแผ่นและก็เชื่อมติดกันเป็นวงห่อรอบใบที่อ่อนกว่าและก้านช่อดอกนำไปสู่เป็นลำต้นเทียม ปลายใบสีเขียวและสีจะเบาๆจางลงจนกว่าถึงโคนใบ ส่วนที่หุ้มห่อหัวอยู่มีสีขาวหรือขาวอมเขียว ช่อดอกแบบช่อซี่ร่ม (Umbel) ประกอบด้วยตะเกียงรูปไข่เล็กๆหลายชิ้นอยู่ปะปนกับดอกขนาดเล็กซึ่งมีปริมาณน้อย มีใบตกแต่งใหญ่ 1 ใบ ยาว 7.5-10 เซนติเมตร ลักษณะบาง ใส แห้ง เป็นจะงอยแหลมหุ้มช่อดอกในเวลาที่ยังตูมอยู่ แต่ว่าเมื่อช่อดอกบานใบประดับจะเปิดอ้าออกรวมทั้งห้อยลงรองรับช่อดอกไว้ ก้านช่อดอกเป็นก้านกระโดด เรียบ รูปทรงกระบอกตัน ยาว 40-60 ซม. ดอกบริบูรณ์เพศ กลีบรวม 6 กลีบ แยกจากกันหรือชิดกันที่โคน รูปใบหอกปลายแหลม ยาวราวๆ 4 มม. สีขาวหรือขาวอมชมพู เกสรเพศผู้ 6 อัน ติดที่โคนกลีบรวม อับเรณูและก้านเกสรเพศเมียยื่นขึ้นมาสูงขึ้นมากยิ่งกว่าส่วนอื่นๆของดอก รังไข่ 3 ช่อง แต่ละช่องมีออวุล 1-2 เม็ด ผลเล็กเป็นกระเปาะสั้นๆรูปไข่หรือค่อนข้างกลม มี 3 พู เม็ดเล็ก สีดำ
ในประเทศไทยปลูกมากทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือรวมทั้งภาคเหนือ แต่กระเทียมที่เป็นที่รู้จักว่าเป็นกระเทียมคุณภาพดี กลิ่นแรง ตัวอย่างเช่นกระเทียมจากจังหวัดศรีสะผม
วิธีเลือกซื้อกระเทียม
วิธีการสำหรับเลือกซื้อกระเทียมนั้น มีหลักไต่ตรองณกล้วยๆเป็น เลือกกระเทียมที่ศีรษะแน่น กลีบแน่น เปลือกบาง มีเนื้อสีเหลืองอ่อน สด แน่น ไม่ฝ่อและไม่มีเชื้อรา ที่สำคัญถ้าจำต้องทำอาหารที่อยากกลิ่นฉุนๆจำเป็นต้องเลือกกระเทียมหัวเล็กเพียงแค่นั้น
กระเทียมสดคุณภาพดี
จะเห็นว่ากระเทียมมีประโยชน์รวมทั้งสรรพคุณมากมายก่ายกอง ถึงกระเทียมจะมีกลิ่นฉุน แม้กระนั้นก้ไม่ยากเกินไปที่จะรับประทานครับ ด้วยเหตุนี้อย่าลืมเพิ่ข้อควรตรึกตรองสำหรับเพื่อการรับประทานกระเทียมโดยยิ่งไปกว่านั้นบุคคลในกรุ๊ปต่อไปนี้
คนที่กำลังตั้งท้องหรือผู้ที่อยู่ในช่วงให้นมบุตร การกินกระเทียมในตอนการมีท้องออกจะไม่มีอันตรายหากรับประทานเป็นของกินหรือในจำนวนที่เหมาะสม แต่อาจไม่ปลอดภัยถ้าเกิดกินกระเทียมเป็นยารักษาโรค ทั้งยังไม่มีช้อมูลที่น่าไว้ใจพอเพียงเกี่ยวกับความปลอดภัยของการทากระเทียมที่รอบๆผิวหนังในช่วงการตั้งครรภ์หรือให้นมลูก
เด็ก การกินกระเทียมในจำนวนที่สมควรแล้วก็ในระยะสั้นๆอาจปลอดภัยสำหรับเด็ก แม้กระนั้นการใช้กระเทียมทาบริเวณผิวหนังอาจจะก่อให้เกิดอาการแสบร้อนและก็เคือง
ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะอาหารหรือการย่อยอาหาร อาจทำให้เกิดการระคายเคืองที่ทางเดินอาหารได้
คนที่มีความดันโลหิตต่ำ การกินกระเทียมอาจก่อให้ระดับความดันเลือดลดลดน้อยลงมากกว่าปกติ
ผู้ที่คิดแผนเข้ารับการผ่าตัด ควรหยุดรับประทานกระเทียมก่อนจะมีการผ่าตัดอย่างน้อย 2 อาทิตย์เพราะว่าอาจก่อให้เลือดออกมากรวมทั้งส่งผลต่อความดันเลือดในระหว่างการผ่าตัด และก็คนที่มีภาวะเลือดออกไม่ปกติไม่ควรรับประทานกระเทียม โดยเฉพาะกระเทียมสด เพราะเหตุว่าอาจเพิ่มการเสี่ยงให้เลือดออกได้ง่ายขึ้น
คนที่อยู่ในระหว่างการกินยารักษาโรค อาทิเช่น ไอโซไนอะสิด ด้วยเหตุว่ากระเทียมบางทีอาจลดการดูดซึมของยาในร่างกายรวมทั้งมีผลต่อประสิทธิภาพแนวทางการทำงานของยา รวมทั้งไม่ควรรับประทานกระเทียมในระหว่างใช้ยาดังนี้
ยารักษาการติดเชื้อโรคไวรัสที่เป็นสาเหตุของโรคภูมิคุ้มกับบกพร่องหรือโรคเอดส์
ยาคุม
ยาต่อต้านการแข็งตัวของเลือด
ยาต้านทานเกล็ดเลือดกระเทียมลงในเมนูอาหารของท่านครับ สรรพคุณและคุณประโยชน์ต่างๆที่ได้รับจากกระเทียมนั้นร้ายมากจริงๆ http://www.disthai.com/

3

ตะไคร้บ้าน
ตะไคร้ สรรพคุณ
"ตะไคร้" (Lemongrass) เป็นสมุนไพรก้นครัวที่พวกเรารู้จักรวมทั้งรู้จักกันมานาน เนื่องจากในของกินไทยหลายอย่างมักใส่ตะไคร้ลงไปเป็นเลิศในเครื่องปรุงด้วยเสมอ อาทิเช่น ต้มยำ ต้มข่าไก่ ยำ น้ำพริกต่างๆช่วยเพิ่มรสแล้วก็ค่าให้กับอาหาร ส่งกลิ่นหอมเชื้อเชิญรับประทาน จนเปลี่ยนเป็นสิ่งที่จะจำเป็นเลยในอาหารพวกนี้ นอกจากนี้ยังมีกลิ่นหอมส่วนตัวจากน้ำมันหอมระเหย ทำให้ตะไคร้ถูกเอาไปใช้เป็นกลิ่นในผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพจำนวนมาก ทั้งน้ำมันหอยระเหย น้ำมันทาตัว ยาจุดกันยุง สบู่ต่างๆ
ตะไคร้ จัดเป็นไม้ล้มลุกที่จัดอยู่ในวงศ์ต้นหญ้า มีหลายประเภท เว้นเสียแต่นำไปเข้าครัวแล้วรวมทั้งทำเป็นยาสมุนไพรแล้ว ตะไคร้บางจำพวกยังช่วยไล่ยุงมดแมลงได้อีกด้วย ก็เลยจัดเป็นพืชผักสวนครัวที่อยู่คู่กับคนไทยมาช้านาน หลายบ้านก็เลยนิยมปลูกไว้ภายในบ้าน จะใช้เมื่อใดก็ตัดมาใช้ได้ทันที
ตะไคร้จัดเป็นสมุนไพรที่หลบคุณค่าไว้มากมายก่ายกอง เพราะเป็นอีกทั้งอาหารแล้วก็ยารักษาโรค มีวิตามินและก็แร่ธาตุที่มีคุณประโยชน์ต่อร่างกาย วิตามินเอ วิตามินบี วิตามินซี แคลเซียม แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม เหล็ก สังกะสี ทองแดง แมงกานีส และโฟเลต ประสิทธิภาพคับแก้วขนาดนี้ไม่ชอบตะไคร้ลองเปลี่ยนแปลงความคิดกันใหม่ หันมาถูกใจตะไคร้ให้มากขึ้น จะได้ประโยชน์มากมายแน่นอน
ตะไคร้หอมไล่ยุงได้ใช่หรือ?
ในตะไคร้หอม มีน้ำมันหอยละเหยอยู่ซึ่งมีฤทธิ์ในการป้องกันแมลงได้ โดยครีมที่มีส่วนผสมจากน้ำมันหอมละเหยในตะไคร้สามารถคุ้มครองป้องกันยุงลาย ยุงก้นปล่อง รวมทั้งยุงอารมณ์เสียกัดได้ นอกจากนี้ยังฤทธิ์สำหรับเพื่อการกำจัดลูกน้ำยุงได้อีกด้วย
เว้นแต่ยุงแล้ว สารสกัดจากตะไคร้หอมยังช่วยคุ้มครองปกป้องแมลงประเภทอื่น ได้แก่ แม้ผสมสารสกัดตะไคร้กับสะเดาจะมีผลช่วยลดเพลี้ยอ่อนรวมทั้งหนอนเจาะฝักซึ่งเป็นศัตรูของถั่วฝักยาว ส่วนยาสระผมที่มีส่วนผสมจากตะไคร้หอม สามารถฆ่าเห็บหมัดในสัตว์เลี้ยงได้
ลักษณะ
ลำต้นรูปทรงกระบอก แข็ง สะอาด ตามข้อมักมีไขปกคุลม เหง้า มีข้อแล้วก็บ้องสั้นมาก กาบใบสีขาวนวล หรือสีขาวปนม่วง รสปร่า  มีกลิ่นหอมสดชื่นเฉพาะ
สรรพคุณ
– ต้น : ใช้เป็นยารักษาโรคหือหอบ แก้ปวดท้อง ขับฉี่ และก็แก้อหิวาตกโรค นอกจากนี้ยังคงใช้ร่วมกับสมุนไพรอื่น รักษาโรคได้ ยกตัวอย่างเช่น บำรุงธาตุ เจริญอาหาร รวมทั้งขับเหงื่อ
– ใบ : ช่วยลดความดันเลือดสูง แก้ไข้
– ราก : ใช้เป็นยาปรับปรุง เจ็บท้อง ท้องร่วง
– ต้น : ใช้เป็นยาขับลม ยาแก้ไม่อยากอาหาร แก้โรคฟุตบาทเยี่ยว นิ่ว เป็นยาบำรุงธาตุไฟให้รุ่งเรือง ยิ่งกว่านั้นยังคงใช้กำจัดกลิ่นคาวได้ด้วย
– น้ำมัน : มีฤทธิ์ต้นเชื้อรา และมีกลิ่นไล่สุนัขและก็แมว
ตำราเรียนยาไทย : ต้น รสหอมปร่า ขับลม ลดอาการท้องอืดท้องอืดแน่นจุกเสียด แก้อาการเกร็ง ขับเหงื่อ แก้โรคทางเดินฉี่ แก้อาการขัดเบา แก้นิ่ว แก้ฉี่เป็นเลือด ทำให้เจริญอาหาร ลดความดันโลหิต เหง้า แก้ไม่อยากกินอาหาร บำรุงไฟธาตุ แก้กระษัย ขับลมในไส้ แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ แก้เยี่ยวขัด แก้ปัสสาวะพิการ แก้นิ่ว เป็นยารักษาเกลื้อน แก้ไข้หวัด ขับเมนส์ ขับระดูขาว ใช้ด้านนอกทาแก้อาการปวดบวมตามข้อ
ตะไคร้หอม
ตะไคร้ คุณประโยชน์
ลักษณะ
ลำต้นเป็นข้อๆใบรูปขอบขนานปลายแหลม ใบยาวกว่าตะไคร้บ้าน ลักษณะของใบกว้าง 5-20 มิลลิเมตร ยาวประมาณ 50-100 ซม. แผ่นใบแคบ ยาว รวมทั้งนุ่มกว่าตะไคร้บ้าน มีสีเขียว ผิวเนียน และก็มีกลิ่นหอมหวนเบื่อ ก้านใบเป็นกาบซ้อนกันแน่นสีเขียวปนม่วงแดง รากฝอยแตกออกจากโคน ต้นแล้วก็ใบมีกลิ่นฉุนจนกระทั่งรับประทานเป็นอาหารมิได้ ต้น มีรสปร่า ร้อนขม

สรรพคุณ
– อีกทั้งต้น : ใช้เป็นยาแก้ปากแตกระแหง แก้ริดสีดวงในปาก ขับลมในไส้ แก้แน่น ขับโลหิตรอบเดือน มีฤทธิ์ทำให้กล้ามเนื้อเรียบบีบตัว ไม่เหมาะสมกับสตรีตั้งท้อง ด้วยเหตุว่าถ้าทานเข้าไป อาจส่งผลให้แท้งได้
– ใบ : ใช้เป็นยาคุมกำเนิด ชำระล้างไส้ ไม่ให้กำเนิดซาง
– ราก : แก้ลมจิตรวาด หัวใจ วุ่นวายใจ ฟุ้งซ่าน
– ต้น : แก้ลมพานไส้ แก้ธาตุ แก้เลือดลมแตกต่างจากปกติ
– น้ำมัน : ใช้ทาป้องกันยุง มีฤทธิ์ไล่แมลง แล้วก็ใช้รักษาโรคตัวเห็บหมา
หนังสือเรียนยาไทย : ใช้ เหง้า เป็นยาบีบมดลูก ทำให้แท้งบุตรได้ คนตั้งท้องห้ามกิน ยิ่งไปกว่านี้ยังคงใช้ขับรอบเดือน ขับเยี่ยว ขับระดูขาว ขับลมในไส้ แก้แน่น แก้แผลในปาก แก้ตานซางในลิ้นและก็ปาก บำรุงไฟธาตุ แก้ไข้ แก้อาเจียน แก้ริดสีดวงตา แก้ธาตุ แก้เลือดลมแตกต่างจากปกติ
เหง้า ใบ รวมทั้งกาบ เอามากลั่นได้น้ำมันหอมระเหย ใช้เป็นเครื่องหอม เป็นต้นว่า สบู่ หรือพ่นทาผิวหนังกันยุง แมลง ต้น มีรสปร่า ร้อนขม แก้ริดสีดวงในปาก
ประโยชน์ของน้ำมันหอมระเหยของตะไคร้
– น้ำมันหอมระเหยจากตะไคร้บ้าน ช่วยกระตุ้นให้ตื่นตัว กระปรี้กระเปร่า ทำให้แคล่วคล่องว่องไว ผ่อนคลาย แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ ช่วยย่อยของกิน ช่วยเจริญอาหาร ทุเลาลักษณะของการปวดโรคข้ออักเสบ ปวดกล้ามเนื้อ
-น้ำมันหอมระเหยที่กลั่นจากใบตะไคร้ ช่วยบรรเทาอาการปวดข้อ ช่วยต้านเชื้อราบนผิวหนังได้เป็นอย่างดี และช่วยลดการบีบตัวของไส้ได้
ข้อควรปฏิบัติตาม
[url=http://www.disthai.com/16913433/%E0%B8%95%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B9%89]ตะไคร้[/url]มีฤทธิ์ที่จะช่วยขับโลหิต ทำให้มดลูกบีบตัว ห้ามใช้กับหญิงตั้งครรภ์เพราะอาจจะก่อให้แท้งได้

Tags : ประโยชน์ตะไคร้

4

ทับทิม
ทับทิม ชื่อสามัญ Pomegranate
ทับทิม ชื่อวิทยาศาสตร์ Punica granatum L. จัดอยู่ในวงศ์ตะแบก (LYTHRACEAE)
ทับทิม เป็นผลไม้ที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศอิหร่านทางตอนใต้ของอัฟกานิสถาน ผลไม้ชนิดนี้จะชอบอากาศหนาวเป็นพิเศษ ยิ่งหนาวมากเท่าไหร่ เนื้อทับทิมนั้นจะมีสีแดงเข้มมากขึ้นเท่านั้น และยังเป็นผลไม้มงคลของคนจีนอีกด้วย ด้วยความที่ทับทิมมีเมล็ดมากจึงสื่อความหมายถึงการมีลูกชายมาก ๆ ด้วยนั่นเอง โดยกิ่งใบของทับทิมก็นำมาใช้ในพิธีการต่าง ๆ ที่มีน้ำมนต์ในการประกอบพิธีหรือนำมาใช้พรมน้ำมนต์เพราะเชื่อว่ามีไว้ติดตัวจะช่วยในเรื่องการคุ้มครองจากภัยอันตรายต่าง ๆ ได้ด้วย
ทับทิมยังถือว่าเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพ โดยประโยชน์ของทับทิมและสรรพคุณของทับทิมนั้นมีมากมาย ด้วยทับทิมนั้นเป็นผลไม้ที่มีรสหวานออกเปรี้ยว น้ำทับทิมจึงมีวิตามินซีสูงและยังประกอบด้วยเกลือแร่ต่าง ๆ ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย จึงช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระได้เป็นอย่างดี และนอกจากนี้ยังมีสรรพคุณเป็นยารักษาโรคได้อีกด้วย อย่างเช่น บรรเทาอาการของโรคหัวใจ รักษาความดันโลหิตสูง ช่วยลดสภาวะการแข็งตัวขอเลือด รักษาโรคท้องเดิน โรคบิด เป็นต้น
ประโยชน์ของทับทิม
ช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดใส
ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระในร่างกายและช่วยในการชะลอวัย
น้ำทับทิมมีคุณสมบัติช่วยให้ผิวหน้าเต่งตึง ด้วยการนำน้ำทับทิมประมาณ 1 ช้อนชามาทาทิ้งไว้บนใบหน้าประมาณ 10 นาทีแล้วล้างออก
น้ำทับทิมช่วยเพิ่มความสดชื่น แก้กระหาย คลายร้อนได้เป็นอย่างดี
ช่วยระงับกลิ่นปากได้อีกด้วย
ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง บรรเทาอาการหวัด
ช่วยปกป้องผิวของคุณจากแสงแดด
ทับทับมีวิตามินซีสูงมาก และยังมีวิตามินเอ วิตามินอี และกรดโฟลิกอีกด้วย
ใบทับทิมใช้ในการประกอบพิธีต่าง ๆ ที่ใช้น้ำมนต์ในการประกอบพิธี
ช่วยบรรเทาอาการแพ้ท้องในหญิงตั้งครรภ์
ช่วยในการปรับฮอร์โมนวัยหมดประจำเดือน
ช่วยป้องกันโรคความจำเสื่อมในผู้สูงอายุ
ช่วยในการบำบัดอาการของโรคเบาหวาน
ช่วยบำรุงสายตา แก้อาการตาอักเสบ
น้ำต้มเปลือกทับทิมช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอได้
ช่วยบรรเทาอาการของโรคหัวใจ ด้วยการช่วยเสริมสุขภาพหัวใจให้ดียิ่งขึ้น
ช่วยป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน
ช่วยบำรุงสุขภาพฟันให้แข็งแรง
ช่วยส่งเสริมสุขภาพกระดูกให้แข็งแรง ป้องกันการเกิดโรคกระดูกพรุน
ช่วยลดความดันโลหิตสูง
ช่วยส่งเสริมการทำงานของหลอดเลือด
ช่วยในการฟอกไตและท่อปัสสาวะ
ช่วยลดสภาวะการแข็งตัวของเลือดจากไขมันในเลือดสูง
มีฤทธิ์ในการต่อต้านเชื้อแบคทีเรียต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี
ช่วยแก้อาการระดูขาว ตกเลือด
ช่วยบำรุงสุขภาพตับให้แข็งแรง
มีส่วนช่วยบำรุงและต่อต้านอาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศได้ด้วย
เปลือกทับทิมสามารถรักษาโรคท้องเดินและโรคบิดได้ เพราะมีสารในกลุ่มแทนนินอยู่ในปริมาณมาก
เปลือกทับทิมมีสรรพคุณช่วยลดการอักเสบ
เปลือกผลช่วยรักษาแผลหิด กลากเกลื้อน
เปลือกของทับทิมช่วยต้านการหดเกร็งของกล้ามเนื้อ
ยาต้มจากเปลือกผลช่วยรักษาอาการอุจจาระร่วงได้ โดยช่วยลดจำนวนครั้งในการขับถ่ายและทำให้ระยะเวลาเริ่มถ่ายครั้งแรกนานขึ้น

เปลือกต้นและเปลือกรากของทับทิมสามารถใช้เป็นยาขับพยาธิตัวตืดและพยาธิตัวกลมได้เป็นอย่างดี ด้วยการนำเปลือกของรากและต้นที่ยังสด ๆ ประมาณครึ่งกำมือ เติมกานพลูลงไปเล็กน้อยเพื่อแต่งรส นำมาต้มกับน้ำ 3 ถ้วยแก้ว เคี่ยวจนเหลือถ้วยครึ่ง แล้วนำมารับประทานครั้งละ 2 ช้อนโต๊ะ หลังจากนั้น 2 ชั่วโมงจึงรับประทานยาถ่าย เช่น ดีเกลืออีก 2 ช้อนโต๊ะตามไปอีกครั้งหนึ่ง
ดอกทับทิมใช้ห้ามเลือดได้ ด้วยการนำดอกแห้งมาบดให้ละเอียดแล้วนำมาทาหรือโรยใส่บริเวณบาดแผล
ดอกทับทิมช่วยแก้อาการหูชั้นในอักเสบ
ใบของทับทิมสามารถนำมาอมกลั้วคอหรือทำเป็นยาล้างตาก็ได้
ทับทิมช่วยลดปัญหาผมร่วง ด้วยการนำยาพอกที่ได้จากใบ แล้วนำมาพอกหนังศีรษะ
ชาวอินเดียนำน้ำคั้นจากผลทับทิมและดอกของทับทิมมาปรุงเป็นยาธาตุ สมานลำไส้ บำรุงหัวใจ
ทับทิมช่วยต่อต้านการเกิดโรคมะเร็งได้มากกว่า 13 ชนิด โดยช่วยให้เซลล์มะเร็งไม่เพิ่มจำนวนขึ้น เช่น มะเร็งผิวหนัง มะเร็งตับ มะเร็งลำไส้ เป็นต้น
ช่วยในการทำลายเซลล์มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งลำไส้ใหญ่
คุณค่าทางโภชนาการของเนื้อ ทับทิม ต่อ 100 กรัม
พลังงาน 83 กิโลแคลอรี
คาร์โบไฮเดรต 18.7 กรัม
ประโยชน์ของทับทิมน้ำตาล 13.67 กรัม
เส้นใย 4 กรัม
ไขมัน 1.17 กรัม
โปรตีน 1.67 กรัม
วิตามินบี 1 0.067 มิลลิกรัม 6%
วิตามินบี 2 0.053 มิลลิกรัม 4%
วิตามินบี 3 0.293 มิลลิกรัม 2%
วิตามินบี 5 0.377 มิลลิกรัม 8%
วิตามินบี 6 0.075 มิลลิกรัม 6%
วิตามินบี 9 38 ไมโครกรัม 10%
โคลีน 7.6 มิลลิกรัม 2%
วิตามินซี 10.2 มิลลิกรัม 12%
วิตามินอี 0.6 มิลลิกรัม 4%
วิตามินเค 16.4 ไมโครกรัม 4%
ธาตุแคลเซียม 10 มิลลิกรัม 1%
ธาตุเหล็ก 0.3 มิลลิกรัม 2%
ธาตุแมกนีเซียม 12 มิลลิกรัม 3%
ธาตุแมงกานีส 0.119 มิลลิกรัม 6%
ธาตุฟอสฟอรัส 36 มิลลิกรัม 5%
ธาตุโพแทสเซียม 236 มิลลิกรัม 5%
ธาตุโซเดียม 3 มิลลิกรัม 0%
ธาตุสังกะสี 0.35 มิลลิกรัม 4%
% ร้อยละของปริมาณแนะนำที่ร่างกายต้องการในแต่ละวันสำหรับผู้ใหญ่ http://www.disthai.com/

หน้า: [1]