รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
การค้นหาขั้นสูง  

ข่าว:

SMF - Just Installed!

แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Messages - uoid01s5x8c7

หน้า: [1]
1

สมุนไพรเหงือกปลาหมอ
ชื่อวงศ์ : ACANTHACEAE
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Acanthus ebracteatus Vahl
ชื่อพ้อง : Acanthus ilicfolius L. ; Acanthus ilicfolius L. var intergrifolia T.Anderson
ชื่อสามัญ : Sea holly
ชื่อพื้นเมืองอื่น : แก้มแพทย์, แก้มหมอเล (กระบี่) ; จะเกร็ง, นางเกร็ง, เหงือกปลาหมอ, เหงือกปลาหมอน้ำเงิน (ทั่วๆไป) ; อีเกร็ง (ภาคกึ่งกลาง)
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ไม้พุ่มขนาดเล็ก (US) สูงโดยประมาณ 30-100 เซนติเมตร ลักษณะลำต้นเป็นข้อ แข็ง และมีหนามอ่อนๆตามข้อๆละ 4 หนาม
ใบ เป็นใบลำพัง ออกตรงข้ามกันเป็นคู่ๆสีเขียวเข้ม ลักษณะใบรูปไข่หรือรูปขอบขนาน ขอบของใบเว้าหรือเรียบ และมีหนามแหลม ปลายใบแหลม มีก้านใบสั่นๆ
ดอกเหงือกปลาหมอ ออกเป็นช่อตั้งตรงที่ยอด ช่อดอกยาว กลีบรองกลีบ มี 4 กลีบ แยกจากกันสีเขียวอ่อน กลีบสีขาว สีขาวขริบฟ้า หรือสีฟ้าอมม่วง แยกเป็น 2 ทาง กลีบบนยาวเท่ากับกลีบรองกลีบดอก แม้กระนั้นกลีบข้างล่างแผ่กว้างและโค้งลง ปลายกลีบหยักเว้าเป็น 3 หยักตื้นๆ
ผล เป็นฝักสีน้ำตาล ปลายฝักป้าน มีเม็ดภายใน 4 เมล็ด
นิเวศวิทยา
เป็นไม้ที่โล่งแจ้ง มีอยู่ทั่วไปในป่าชายเลน จากที่ลุ่มริมแม่น้ำคลอง ส่วนมากถูกใจขึ้นในที่น้ำกร่อย บางคราวก็เจอในน้ำจืดบ้างเช่นเดียวกัน
การปลูกและเพาะพันธุ์
เติบโตได้ดีในดินดูเหมือนจะทุกประเภท ความชุ่มชื้นปานกลาง ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด
ผลดีทางยา
รสและคุณประโยชน์ในแบบเรียนยา
ทั้งต้น รสเค็มกร่อย แก้อาการผดผื่นคัน
ใบ รสเค็มกร่อย รักษาโรคปวดบวมและแผลอักเสบ แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ แพทย์แผนไทยตามต่างจังหวัดใช้อีกทั้ง 5 เป็นยาแก้ไข้หัว พิษฝี พิษรอยแดงก้าวหน้า แก้น้ำเหลืองเสีย ใช้ปรุงกับฟ้าทลายขโมยรมหัวริดสีดวงทวาร ตำใบผสมกับขิงคั้นเอาน้ำหยอดตาแก้อาการตาเจ็บหรือตาแดง
ผล รสเค็มกร่อย ใช้เป็นยาขับโลหิตอย่างแรง แล้วก็แก้ฝีซาง ฝีตาน
ในประเทศอินเดีย ใช้ยอดและก็ใบอ่อนตำผสมน้ำนิดหน่อยปิดแผลที่ถูกงูกัด ต้นใช้รักษาแก้โรคที่เกี่ยวกับหลอดลมและก็แก้ไอ และก็เอามาต้มเอาน้ำเป็นยารักษาธาตุทุพพลภาพ
ในประเทศประเทศสิงคโปร์ ใช้เมล็ดเป็นยาแก้ไอ โดยต้มเม็ดกับดอกมะเฟืองหรือดอกตะลิงปลิง แล้วเพิ่มเติมเปลือกอบเชย และน้ำตาลกรวด จิบแก้ไอ เมล็ดบดเป็นผงใช้พอกแก้ฝี หรือนำไปคั่วแล้วป่นละลายน้ำดื่มแก้ฝี ฝักต้มรับประทานเป็นยาขับโลหิต รวมทั้งแก้ฝี รากต้มเป็นยาดื่มแก้โรคงูสวัด
วิธีและปริมาณที่ใช้
รักษาโรคผิวหนัง แผลพุพอง น้ำเหลืองเสีย โดยใช้ทั้งยังต้นรวมทั้งใบสด 3-4 กำมือ ล้างให้สะอาด สับเป็นชิ้นนำไปต้มน้ำ แล้วก็ใช้น้ำอาบ ตอนเช้า-เย็น ตรงเวลา 1 อาทิตย์
ข้อควรจะรู้
เหงือกปลาหมอมีอยู่ด้วยกัน 2 ประเภท เป็น
เหงือกปลาหมอ Acanthus ilifolius L. หรือ Acanthus ilifolius L. var intergrifolia T.Anderson ลักษณะจะมีดอกสีฟ้าอมม่วง มีประสีเหลืองกึ่งกลางกลีบ มีใบแต่งแต้มสีเขียวอีก 2 กลีบ รองรับดอกอยู่เสมอไป
เหงือกปลาหมอ Acanthus ebracteatus Vahl ลักษณะจะมีดอกสีขาวค่อนข้างเล็ก มีใบตกแต่งรองรับช่อดอก แต่ว่าหล่นหลุดไปก่อน
คุณประโยชน์ของเหงือกปลาแพทย์
ใช้เป็นยาอายุวัฒนะ ทำให้อายุยืน ร่างกายแข็งแรง เลือดลมไหลเวียนดี เส้นเลือดไม่ตัน บำรุงผิวพรรณ ด้วยการใช้อีกทั้งต้นเหงือกปลาหมอนำมาตำผสมกับพริกไทยในอัตราส่วน 2:1 แล้วคลุกผสมกับน้ำผึ้ง ปั้นเป็นยาลูกกลอน ว่ากันว่าแม้กินต่อเนื่องกัน 1 เดือน จะมีผลให้ปัญญาดี ไม่มีโรค / 2 เดือน ผิวหนังเต่งตึง / 3 เดือน ทำให้ริดสีดวงหาย / 4 เดือน ช่วยแก้ลม 12 จำพวก หูดี / 5 เดือน หมดโรค / 6 เดือน ทำให้เดินไม่เคยรู้อ่อนแรง / 7 เดือนผิวสวย / 8 เดือน เสียงน่าฟัง / 9 เดือน หนังเหนียว (อีกทั้งต้น, ราก)
เหงือกปลาหมอมีคุณประโยชน์ช่วยบำรุงรักษาประสาท (ราก)
ช่วยรักษาอาการธาตุไม่ดีเหมือนปกติ (ทั้งต้น)
ช่วยทำให้เลือดลมเป็นปกติ (ต้น)เหงือกปลาหมอขาว
ช่วยให้เจริญอาหาร (ทั้งต้น)
ช่วยแก้โรคกษัย อาการผอมแห้งเหลืองทั้งตัว ด้วยการใช้ทั้งต้นของเหงือกปลาหมอนำมาตำเป็นผงรับประทานทุกวี่วัน (ต้น)
ช่วยแก้อาการร้อนทั้งตัว เจ็บระบบหมดทั้งตัว ตัวแห้ง เวียนหัว หน้ามืดตามัว มือตายตีนตาย ด้วยการใช้ทั้งยังต้นของเหงือกปลาหมอและก็เปลือกมะรุมอย่างละเท่ากัน ใส่หม้อต้มผสมกับเกลือบางส่วน หมาก 3 คำ เบี้ย 3 ตัว วางบนปากหม้อ แล้วก็ใช้ฟืน 30 แท่ง ต้มกับน้ำเดือดจนถึงงวดแล้วชูลง เมื่อเสร็จให้กลั้นหายใจกินขณะอุ่นๆกระทั่งหมด อาการก็จะ (ทั้งยังต้น)
ช่วยยับยั้งโรคมะเร็ง ต้านทานโรคมะเร็ง (อีกทั้งต้น)
ช่วยรักษาอาการปอดอักเสบ ด้วยการใช้เหงือกปลาหมอต้นและข้าวเย็นเหนือ อาหารมื้อเย็นใต้ในสัดส่วนที่เท่ากัน เอามาต้มกับน้ำจนกระทั่งเดือดแล้วนำมาดื่มในขณะอุ่นๆครั้งละ 1 แก้ว เช้าตรู่ กลางวัน เย็น อาการจะดียิ่งขึ้น (ทั้งต้น)
รักษาปอดบวม ข้อมูลนี้ยังไม่น่าเชื่อถือ* (ใบ)
ต้นมีรสเค็มกร่อย สรรพคุณช่วยแก้ลักษณะของการปวดหัว (ต้น)
รากช่วยแก้รวมทั้งทุเลาอาการไอ หรือจะใช้เมล็ดนำมาต้มดื่มแก้อาการไอก็ได้ด้วยเหมือนกัน (ราก, เม็ด)
ช่วยแก้โรคหืดหอบ (ราก)
ช่วยรักษาวัณโรค ด้วยการใช้ต้นเอามาตำผสมเป็นน้ำดื่ม (ต้น)
ช่วยแก้ลักษณะของการเจ็บตา ตาแดง ด้วยการใช้เหงือกปลาหมอทั้งยังต้นเอามาตำผสมกับขิง คั้นมัวแต่น้ำใช้หยอดตาแก้อาการ (ทั้งยังต้น)
ใบช่วยแก้ไข้ (ใบ)
ช่วยแก้ไข้จับสั่น ด้วยการใช้อีกทั้งต้นเหงือกปลาหมอมาตำผสมกับขิง (ทั้งยังต้น)
ช่วยแก้พิษไข้หัว ด้วยการใช้ทั้งต้นแล้วก็รากนำมาต้มอาบแก้อาการ (ทั้งต้น)
แก้อาการไอ เมล็ดใช้ผสมกับดอกมะเฟือง เปลือกอบเชย น้ำตาลกรวด เอามาต้มรวมกันแล้วเอาแต่น้ำมากินเป็นยาแก้ไอ (เม็ด)
ช่วยขับเสมหะ (ราก)
หากเป็นลมเป็นแล้ง ให้ใช้ต้นเหงือกปลาหมอ 1 ส่วน / พริกไทย 2 ส่วน ผสมรวมกัน ตำอย่างรอบคอบเป็นผงแล้วนำมาละลายน้ำร้อนดื่ม (ต้น)
ช่วยแก้โรคกระเพาะ ด้วยการใช้ต้นและก็พริกไทย (10:5 ส่วน) ตำผสมปั้นเป็นยาลูกกลอน (อีกทั้งต้น)
ช่วยขับพยาธิ (เม็ด)
ช่วยรักษาโรคริดสีดวงทวาร ด้วยการใช้ต้นเหงือกปลาหมอกับขมิ้นอ้อย เอามาตำละลายกับน้ำแล้วทาบริเวณที่เป็นริดสีดวง หรือจะใช้ปรุงกับฟ้าทะลายมิจฉาชีพ ใช้รมหัวริดสีดวงก็ได้ (ต้น, ใบ)
ช่วยขับเยี่ยว ข้อมูลนี้ยังไม่น่าเชื่อถือ* (ไม่เจาะจงส่วนที่ใช้)
ช่วยรักษามุตกิดระดูขาว ตกขาวของสตรี ด้วยการใช้ใบแล้วก็ต้นเอามาตำเป็นผุยผง ผสมกับน้ำผึ้งหรือน้ำมันมันงา ปั้นเป็นยาลูกกลอนกินแก้อาการ (ต้น, ใบ, ราก)
ช่วยแก้ระดูมาไม่เป็นปกติของสตรี ด้วยการใช้ทั้งยังต้นเอามาตำผสมกับน้ำผึ้ง น้ำมันงา (ทั้งยังต้น)
ช่วยรักษานิ่วในไต ด้วยการกางใบเอามาต้มเป็นน้ำดื่ม (ใบ)
ช่วยแก้ไตทุพพลภาพ ข้อมูลนี้ยังไม่น่าเชื่อถือ* (ไม่ระบุส่วนที่ใช้)

ผลช่วยขับเลือด หรือจะใช้เม็ดผสมกับดอกมะเฟือง เปลือกอบเชย น้ำตาลกรวด เอามาต้มรวมกันแล้วเอาแต่น้ำมากิน หรือใช้ต้น 10 ส่วนรวมทั้งพริกไทย 5 ส่วน ผสมทำเป็นยาลูกกลอนรับประทานก็ได้ (เม็ด, ผล, อีกทั้งต้น)
ช่วยฟอกเลือด ข้อมูลนี้ยังไม่น่าเชื่อถือ* (ไม่ระบุส่วนที่ใช้)
แก้พิษเลือด ข้อมูลนี้ยังไม่น่าเชื่อถือ* (เปลือกต้น)
ช่วยสมานแผล ด้วยการใช้ทั้งยังต้นนำมาตำผสมกับหัวสามสิบ ในอัตราส่วน 2:1 (ทั้งยังต้น)
ต้นเหงือกปลาหมอมีสรรพคุณช่วยรักษาแผลพุพอง (ต้น)
ใบมีรสเค็มกร่อย คุณประโยชน์ช่วยรักษาแผลอักเสบ (ใบ)
ช่วยแก้น้ำเหลืองเสีย ด้วยการใช้ต้น 3-4 ต้น เอามาหั่นเป็นชิ้น แล้วต้มน้ำอาบแก้อาการ (ต้น, ใบ, เม็ด)
สำหรับผู้ป่วยเอดส์ที่มีแผลพุพองตามผิวหนัง แม้ใช้ต้นมาต้มอาบรวมทั้งทำเป็นยารับประทานติดต่อกันประมาณ 3 เดือนจะช่วยทำให้ลักษณะของแผลพุพองบรรเทาลงอย่างแจ่มแจ้ง (ต้น)
ช่วยรักษาโรคผิวหนังหรือประป่า รักษาขี้กลากโรคเกลื้อน อีสุกอีใส (ใบ)
ช่วยรักษาโรคโรคเรื้อน คุดทะราด ด้วยการใช้ต้นเอามาตำมัวแต่น้ำกิน (ทั้งต้น)
ช่วยแก้ผดผื่นคันตามร่างกาย ใช้ล้างแผลเรื้อรัง ด้วยการใช้ต้นสดและใบสดล้างสะอาดราวๆ 3-4 กำมือ เอามาสับแล้วต้มกับน้ำอาบแก้ผื่นคันต่อเนื่องกัน 3-4 ครั้ง (ต้น, ใบ)
เหงือกปลาหมอมีสรรพคุณทางยาช่วยแก้ผื่นคัน (ต้น)
รากสดเอามาต้มมัวแต่น้ำ ใช้ดื่มเป็นยารักษาโรคงูสวัดได้ (ราก)
ช่วยรักษาฝี ฝีเรื้อรัง แผลฝีหนอง โรคฝีดาษ ตัดรากฝี แก้พิษฝีทุกประเภททั้งภายในภายนอก ด้วยการใช้ต้นแล้วก็ใบทั้งสดและก็แห้งราวๆ 1 กำมือ เอามาบดอย่างระมัดระวัง แล้วนำมาพอกบริเวณที่เป็นฝี หรือวิธีลำดับที่สองจะนำมาสับเป็นชิ้นเล็กๆใส่น้ำให้ท่วมแล้วต้มในน้ำเดือดทิ้งเอาไว้ 10 นาที แล้วนำมาดื่มก่อนที่จะรับประทานอาหารทีละครึ่งแก้ว วันละ 3 ครั้ง โดยประมาณ 2-3 อาทิตย์ หรือจะใช้เม็ดนำมาคั่วให้ไหม้เกรียมแล้วป่นให้รอบคอบ ชงกับน้ำกินเป็นยาแก้ฝีก็ได้ (ต้น, ใบ, เม็ด)
เม็ดใช้ปิดพอกฝี (เม็ด)
ผลมีรสเผ็ดร้อน คุณประโยชน์ช่วยถอนพิษ (ผล, ต้น)
ใบสดนำมาตำอย่างรอบคอบ สามารถใช้พอกรอบๆแผลที่ถูกงูกัดได้ (ใบ)
ช่วยแก้ผิวแตกทั้งตัว ด้วยการใช้ต้นของเหงือกปลาหมอ1 ส่วน / ดีปลี 1 ส่วน ใช้ผสมกันบดให้เป็นผงชงกับน้ำร้อนดื่มแก้อาการ (ทั้งต้น)
ต้น ถ้าหากนำมาใช้จะช่วยแก้โรคเหน็บชา อาการชาหมดทั้งตัวได้ (ต้น)
รากมีสรรพคุณช่วยแก้อัมพาต (ราก)
แก้ลักษณะของการเจ็บข้างหลังเจ็บเอว ด้วยการใช้ต้นกับชะเอมเทศนำมาบดเป็นผุยผง ผสมกับน้ำผึ้งปั้นเป็นยาลูกกลอนกิน (ต้น)
ใบใช้เป็นยาประคบปรับปรุงข้ออักเสบและก็แก้อาการปวดต่างๆ(ใบ)
ช่วยบำรุงรักษารากผม ด้วยการใช้น้ำคั้นจากใบเอามาทาให้ทั่วศีรษะ จะช่วยบำรุงรักษารากผมได้ (ใบ) http://www.disthai.com/

Tags : สมุนไพรเหงือกปลาหมอ

2

รากสามสิบ
รากสามสิบ คุณประโยชน์ ว่านสามสิบ หนังสือเรียนยาประจำถิ่น ใช้ ต้นหรือราก ต้มน้ำกิน แก้แท้งลูก และก็โรคคอพอก ราก มีรสเฝื่อนเย็น กินเป็นยาแก้พิษร้อนในอยากดื่มน้ำ แก้ปวดเมื่อย ครั่นเนื้อครั่นตัว ฝนทาแก้พิษแมลงป่องกัดต่อย แก้ปวดฝี ทำให้เย็น ทำลายพิษฝี พิษปวดแสบปวดร้อน ช่วยบำรุงทารกในท้อง บำรุงตับ ปอด ชูกำลัง ผสมกับเหง้าขิงป่า รวมทั้งต้นจันทน์แดงผสมสุราโรงใช้เป็นยาแก้วิงเวียน อีกทั้งต้นหรือราก ต้มน้ำดื่ม แก้ตกเลือด รวมทั้งโรคคอพอก ผล มีรสเย็น ปรุงเป็นยาแก้พิษไข้เซื่องซึม แก้พิษไข้กลับ ไข้ซ้ำ มักใช้ร่วมกับผลราชดัด เพื่อดับพิษไข้จากบิดเรื้อรัง
รากสามสิบ เกื้อหนุนความรัก และ กระชับความข้องเกี่ยวให้ชีวิตคู่ คลายกล้ามของมดลูก บำรุงหัวใจ ,แก้การอักเสบ ,บำรุงเลือด แก้ปวดรอบเดือน รอบเดือนมาเปลี่ยนไปจากปกติ ลดสภาวะมีบุตรยาก เสริมฮอร์โมนผู้หญิง กระชับช่องคลอด ช่วยให้มดลูกเข้าอู่เร็ว บำรุงผิวพรรณ ลดสิวฝ้า ชลอความแก่ แก้อาการวัยทอง
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Asparagus racemosus Willd.
สกุล : Asparagaceae
ชื่ออื่น : สาวร้อยผัว รากศตวารี จ๋วงเครือ (เหนือ) ผักชีช้าง (หนองคาย) ผักหนาม (นครราชสีมา) สามร้อยราก (จังหวัดกาญจนบุรี) สามสิบ ชีช้าง จั่นดิน ม้าสามต๋อน
ลักษณะทางวิชาพฤกษศาสตร์
ไม้เลื้อย เนื้อแข็ง ลำต้นสีเขียว มีหนามแหลม มักเลื้อยพันตันไม้อื่น เลื้อยยาว 1.5-4 เมตร เถากลมเรียบ เถาอ่อนเป็นเหลี่ยม ตามข้อเถามีหนามแหลม มีเหง้าและก็รากใต้ดินออกเป็นกลุ่มคล้ายกระสวยออกเป็นพวงคล้ายรากกระชาย อวบน้ำ เป็นเส้นกลมยาว โตกว่าเถามากมาย ลำต้นมีหนาม เถาเล็กเรียว กลม สีเขียว ใบเดี่ยว แข็ง ออกรอบข้อ เป็นฝอยเล็กๆเหมือนหางกระรอก สีเขียวดก หรือเป็นกลุ่ม 3-4 ใบ เรียงแบบสลับ ใบรูปเข็ม กว้าง 0.5-1 มิลลิเมตร ยาว 3-6 เซนติเมตร แผ่นใบมักโค้ง สันเป็นสามเหลี่ยม มี 3 สัน ปลายใบแหลม เป็นรูปเคียว โคนใบแหลม มีหนามที่ซอกกลุ่มใบ ก้านใบยาว 13-20 เซนติเมตร ช่อดอก ออกที่ปลายกิ่งหรือซอกใบ แบบช่อกระจะ ยาว 2-4 เซนติเมตร ดอกย่อย สีขาว ขนาดเล็ก มีกลิ่นหอม มี 12-17 ดอก ก้านดอกย่อย ยาวประมาณ 2 มิลลิเมตร กลีบรวม มี 6 กลีบ เชื่อมกันเป็นหลอดรูปดอกเข็ม ปลายแยกเป็นแฉก ส่วนหลอดยาว 2-3 มิลลิเมตร ส่วนแฉกรูปช้อน ยาว 3-4 มม. กลีบบางและย่น เกสรเพศผู้ เชื่อมและอยู่ตรงข้ามกลีบรวม ขนาดเล็กมี 6 อัน ก้านชูอับเรณูสีขาว อับเรณูสีน้ำตาลเข้ม รังไข่รูปไข่กลับ ยาวราว 1 มิลลิเมตร อยู่เหนือวงกลีบ มี 3 ช่อง แต่ละช่องมีออวุล 2 เมล็ด หรือมากยิ่งกว่า ก้านเกสรเพศเมียสั้น ยอดเกสรเพศเมียแยกเป็นสามแฉกขนาดเล็ก ผลสด ค่อนข้างกลม หรือเป็น 3 พู ผิวเรียบวาว ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 4-6 มิลลิเมตร ผลอ่อนสีเขียวเมื่อสุกสีแดงหรือม่วงแดง เม็ดสีดำ มี 2-6 เม็ด มีดอกตอนเดือนเมษายนถึงมิถุนายน พบตามป่าโปร่ง หรือเขาหินปูน
สาวร้อยสามีหรือรากสามสิบ เป็นสมุนไพรไทยมีรสหวานเย็น ที่แอบแฝงไปด้วยสรรพคุณขนานเอก บำรุงเครื่องเพศในสตรี และยังเสริมความสามารถทางเพศให้แก่ผู้ชาย
นิยมนำส่วนของใบอ่อน ยอดอ่อน ผลอ่อน ซึ่งมีกลิ่นหอมเหมือนผักชีลาว มารับประทานเป็นผัก แล้วก็นำส่วนของรากที่มีลักษณะเหมือนกระชาย แต่ว่ามีขนาดใหญ่และยาวกว่าทั้งยังมีกลิ่นหอมยวนใจ มาใช้ดองยาสมุนไพร บำรุงกำลังในสตรีด้วยคุณประโยชน์ที่สอดคล้องกับชื่อที่เรียกชื่อกันว่า สาวร้อยสามี ที่สื่อความหมายได้ว่า ไม่ว่าสาวใด อายุเท่าไร อยู่ในวัยมีประจำเดือนหรือหมดเมนส์ก็ตาม แม้ได้ทานหัวพืชประเภทนี้เสมอๆ จะช่วยทำให้มองเป็นสาวกว่าวัย มีพลังทางเพศ รวมทั้งยังช่วยเพิ่มขนาดของอก ด้วยวิธีการนำรากสดมาต้มกินหรือถ้าไม่อย่างนั้นก็อาจจะนำรากไปตากแห้ง แล้วเอามาบดเป็นผงปั้นเป็นลูกกลอนผสมกับน้ำผึ้งกินก็ได้เหมือนกันตามตำราอายุรเวท มีการใช้[url=http://www.disthai.com/16660416/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%9A-%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%A2%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B9%8C%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%93-%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B8%A2]รากสามสิบ[/url]เป็นสมุนไพรหลักสำหรับบำรุงในเพศหญิง ช่วยให้สตรีกลับมาเป็นสาวได้อีกครั้ง
ในอินเดียก็เรียกสมุนไพรจำพวกนี้คล้ายกับเมืองไทย โดยในภาษาสันสกฤต เรียกว่า ศตาวรี (Shtavari) แสดงว่า ต้นไม้ที่มีรากหนึ่งร้อยราก หรือบางตำราพูดว่าหมายความว่า สตรีที่มีร้อยผัว “Satavari” (this is an India word meaning’a woman who has a hundred husbands) รากสามสิบเป็นสมุนไพรที่ถูกพูดถึงในคัมภีร์ พระเวท ซึ่งเป็นคำภีร์ที่มีมาก่อนอายุยงรเวทด้วย ก็เลยคงจะถือได้ว่าเป็นสมุนไพรที่มีการใช้มานานหลายพันปีแล้ว และในอินเดียใช้ รากสามสิบ ทำเป็นขนมเหมือนกันกับเมืองไทย
ในตำราเรียนอายุรเวทใช้รากสามสิบเป็นสมุนไพรหลักสำหรับบำรุงในสตรี สำหรับในการทำให้ผู้หญิงกลับมาเป็นสาว (Female rejuvention) นอกเหนือจากนี้ยังช่วยแก้ไขปัญหาอื่นๆของหญิงอาทิเช่น สภาวะเมนส์ผิดปกติ ปวดระดู ภาวะมีบุตรยาก ตกขาว ภาวะอารมณ์ทางเพศเสื่อมโทรม ภาวะหมดปะจำเดือน(menopause) รวมทั้งใช้บำรุงนมบำรุงท้อง คุ้มครองการแท้ง (habitual abortion) และอาการที่ไม่พึงประสงค์อื่นๆของผู้หญิง
สมุนไพรชนิดนี้จะสะดุดตาต่อสตรีเพศแล้ว ในอินเดียยังคงใช้ในการเพิ่มพลังทางเพศให้กับผู้ชายอีกด้วย ซึ่งก็อาจคล้ายกับทางภาคเหนือของไทยที่ใช้สาวร้อยผัว หรือที่เรียกในภาคเหนือว่า “ม้าสามต๋อน” เป็นยาดองเพื่อเพิ่มพลังทางเพศชาย รวมทั้งยังใช้เพื่อสรรพคุณทางยาอื่นๆอีกมาก อาทิเช่น ยาแก้ไอ ยารักษาโรคกระเพาะ ยาแก้บิด แก้ไข้ แก้อักเสบ ซึ่งจัดได้ว่าสมุนไพรชนิดนี้เป็นสมุนไพร ที่ใช้สูงที่สุดในประเทศอินเดียชนิดหนึ่ง ปัจจุบันนี้มีสารสกัดด้วยน้ำ ของรากสามสิบ จากอินเดียไปที่สหรัฐอเมริกา ในลักษณะเป็น dietary supplement หรือพวกอาหารเสริมซึ่งสามารถขายได้ ทั่วไปไม่ต้องมีใบสั่งแพทย์

คุณประโยชน์สมุนไพรรากสามสิบ (รากศตวารี)
ช่วยสร้างสมดุล แก่ระบบฮอร์โมนผู้หญิง
แก้ปวดระดู
แก้ระดูมาแตกต่างจากปกติ
แก้อาการตกขาว
ขจัดปัญหาช่องคลอดอักเสบ ช่วยกำจัดกลิ่นในช่องคลอด
ช่วยให้ช่องคลอดกระชับ
ไขปัญหาการมีบุตรยาก ป้องกันการแท้งบุตร
บำรุงน้ำนม
ช่วยให้มดลูกเข้าอู่เร็ว
ช่วยระบาย ขับเยี่ยว
ลดกลิ่นเต่า กลิ่นปาก
ช่วยเพิ่มขนาดหน้าอก และสะโพก
กระชับสัดส่วน
ช่วยลดไขมันส่วนเกิน
ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด
บำรุงเลือด แล้วก็บำรุงหัวใจ
บำรุงฮอร์โมนเพศ
บำรุงผิวพรรณ
ลดสิว ลดฝ้า ช่วยผิวขาวใส
แก้อาการวัยทอง ชะลอความแก่
ใช้รักษาโรคตับ ปอดพิการ
ชูกำลัง แก้กษัย
ข้อควรพิจารณาสำหรับเพื่อการใช้รากสามสิบ
รายงานการวิจัยทางด้านวิทยาศาสตร์พบว่ารากสามสิบมีฤทธิ์เสมือนฮอร์โมนเอสโตรเจน โดยเหตุนั้นจึงห้ามนำมาใช้ในสตรีที่มีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรคโรคมะเร็ง ตัวอย่างเช่น ผู้ป่วยโรค uterine fribrosis หรือ fibrocystic breast
ผลจากการศึกษาค้นคว้าและทำการวิจัยสมุนไพรรากสามสิบ
การเรียนในหนูแรทของสารสกัดรากด้วยเอทานอลต้นรากสามสิบ แบ่งเป็น 2 ตอน คือ ตอนรุนแรง แล้วก็ตอนยาวต่อเนื่อง
โดยการเรียนรู้ในระยะเฉียบพลันป้อนสารสกัดเอทานอลต้นรากสามสิบขนาด 1.25 กรัม/กิโลกรัม ให้กับหนูแรทที่ไม่เป็นโรคเบาหวาน และหนูแรทที่เป็นเบาหวานประเภทที่ 1 และก็ ประเภทที่ 2 พบว่าไม่มีผลลดระดับน้ำตาลในเลือด แต่ว่าช่วยให้ทนต่อการเพิ่มขึ้นของเดกซ์โทรส (glucose tolerance) ในนาทีที่ 30 ดียิ่งขึ้น และการเรียนรู้ตอนยาวตลอดโดยป้อนสารสกัดเอทานอลรากสามสิบขนาด 1.25 กรัม/กิโลกรัมวันละ 2 ครั้ง นาน 28 วัน ให้กับหนูที่เป็นเบาหวานจำพวกที่ 2 ในตอนที่หนูเบาหวานกลุ่มควบคุมได้รับน้ำในขนาดที่เสมอกัน พบว่าสามารถลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ และเพิ่มระดับของอินซูลิน 30% เมื่อเทียบกับกลุ่มเบาหวานควบคุม นอกนั้นยังเพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระ เพิ่มระดับอินซูลินในตับอ่อน และเพิ่มกลัยโคเจนที่ตับเมื่อเปรียบเทียบกับกรุ๊ปโรคเบาหวานควบคุม จากการศึกษาในคราวนี้สรุปได้ว่าฤทธิ์ลดระดับน้ำตาลในเลือดของสารสกัดรากสามสิบน่าจะเป็นผลมาจากการหยุดยั้งการย่อยแล้วก็การดูดซึมสารคาร์โบไฮเดรต แล้วก็การเพิ่มการหลั่งอินซูลิน ซึ่งต้นรากสามสิบคงจะเป็นประโยชน์สำหรับในการนำมารักษาคนป่วยเบาหวานได้
ที่มา : หน่วยบริการฐานข้อมูลสมุนไพร ที่ทำการข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล http://www.disthai.com/

3

ทับทิม
การกินเพื่อสุขภาพ
ทับทิม ยอดเยี่ยมราชินีที่ผลไม้ มีประโยชน์ทั้งต้น
การกินเพื่อสุขภาพ
ทับทิม ยอดเยี่ยมราชินีแห่งผลไม้ มีประโยชน์ทั้งต้น
อัปเดตปัจจุบันช่วงวันที่ พ.ค. 3, 2018 ราวเวลาการอ่าน: 2 นาที
แชร์เนื้อหานี้
ทับทิมเป็นผลไม่ที่นิยมรับประทานกันมากมาย แล้วก็ลือชื่อในเรื่องของคุณประโยชน์ที่มากมาย จนได้รับสมญาว่า ราชินีแห่งผลไม้ พูดกันว่าทับทิมนั้นเป็นผลไม้ที่ถูกประยุกต์ใช้ในแวดวงแพทย์มาแล้วนับพันปี ในขณะนี้ทับทิมถือเป็นผลไม้ที่นิยมปลูก และก็กินกันทั่วโลก สามารถหารับประทานได้ง่ายในประเทศไทย พินิจได้จากร้านค้าขายน้ำทับทิม หรือผลทับทิมสด ที่แทบมีอยู่ตามถนนหรือทุกตลาดในประเทศไทย
คุณประโยชน์ของทับทิมมีล้นหลาม ทั้งในเรื่องของสารอาหาร และก็การคุ้มครองโรค
วิตามินซีสูงมาก
ทับทิมนับว่าเป็นผลไม่ที่มีวิตามินซีสูงมาก ในน้ำทับทิมเพียงแต่ 1 แก้ว มีวิตามินซีถึงร้อยละ 40 ของปริมาณที่เราอยากได้ในหนึ่งวัน (สำหรับผู้ใหญ่) ด้วยปริมาณวิตามินซีที่สูงในระดับนี้จึงมีสรรพคุณสำหรับการลดการเสี่ยงในการเป็นโรคหวัด หรือแพ้อากาศได้อย่างดี
ช่วยบำรุงผิวพรรณ
การรับประทานทับทิมสด หรือน้ำทับทิมนั้น จะช่วยทำให้ผิวพรรณของเรามองผ่องใส เนื่องด้วยทับทิมได้ผลสำเร็จถึงที่กะไว้มีคุณประโยชน์สำหรับในการต้านทานอนุมูลอิสระ ช่วยสำหรับในการชะลอวัย ลดการเกิดริ้วรอยในผิวของพวกเรา แล้วก็ด้วยจำนวนวิตามินซีที่สูงจึงช่วยในเรื่องทำให้ผิวกระจ่างขาวใส นอกเหนือจากนั้นเรายังสามารถใช้น้ำทับทิมราวๆ 1 ช้อนชา ทาบริเวณใบหน้า ทิ้งเอาไว้ 10 นาทีแล้วล้างออก จะช่วยในการบำรุงผิวหน้าให้มองเต่งตึงเพิ่มมากขึ้นได้อีกด้วย ประโยชน์ในข้อนี้ของทับทิมสามารถรับรองได้จากการที่ในตอนนี้ มีเครื่องแต่งหน้าหรือครีมหลากหลายประเภทได้นำทับทิมไปเป็นส่วนประกอบ
เส้นโลหิตและก็หัวใจดีขึ้น
ในทางการแพทย์มีการวิจัยแล้วพบว่าทับทิม มีสรรพคุณช่วยในการทำให้การไหลเวียนของเลือดดียิ่งขึ้น ลดภาวการณ์ขาดเลือดในคนเจ็บโรคหัวใจ นอกนั้นยังพบว่าคนที่มีความดันเลือดสูง เมื่อกินน้ำทับทิมวันละ 50cc จะช่วยลดความดันโลหิตได้ปริมาณร้อยละ 5 ช่วยลดสภาพการณ์การแข็งตัวของไขมันในเส้นเลือดได้อีกด้วย
ลดความเสี่ยงสำหรับเพื่อการกำเนิดมะเร็ง
เนื่องจากว่าเป็นผลไม้ที่มีค่าการต่อต้านอนุมูลอิสระที่สูง ก็เลยช่วยลดความเสี่ยงสำหรับการกำเนิดโรคมะเร็งได้อย่างดีเยี่ยม มีงานค้นคว้าพบว่า การรับประทานทับทิมช่วยลดช่องทางการเกิดโรคมะเร็ง ช่วยยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์ของโรคมะเร็งถึง 13ช นิด รวมทั้งยังสามารถช่วยทำลายเซลล์มะเร็งในหลอดของกิน และก็ไส้ได้อีกด้วย
ผลดีอื่นๆของทับทิม
นอกจากสรรพคุณหลักที่กล่าวไปในข้างต้นแล้ว ทับทิมยังมีสรรพคุณอื่นอีกเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็น ช่วยทุเลาอาการแพ้ท้องในหญิงมีท้อง ช่วยทำให้ปรับสมดุลในวัยหมดระดู ลดการเสี่ยงในการเป็นโรคสูญเสียความจำในคนชรา คุ้มครองปกป้องโรคเลือดออกตามไรฟัน เสริมสุขภาพกระดูกลดการเสี่ยงสำหรับการเป็นโรคกระดูกพรุน ป้องกันการเสื่อมสรรถภาพทางเพศ ลดการตกขาว พูดได้ว่ามีสรรพคุณมากจริง
 เว้นเสียแต่ส่วนที่พวกเรานิยมกินกันอย่างเม็ดแล้ว ส่วนประกอบอื่นของทับทิมก็มีสาระไม่แพ้กัน ทั้งที่ยังไม่ตายยารวมทั้งสมุนไพร
ใบ: สามารถทำน้ำยาบ้วนปากหรือล้างตาได้ ยาพอกที่ทำจากใบสามารถช่วยบรรเทาอาการผมหล่นได้อย่างดี
เปลือก: ลดการเกิดริ้วรอยในผิวของพวกเราใช้รักษา แผลหิด กากโรคเกลื้อน มีสรรพคุณเกี่ยวกับการดูแลและรักษาโรคในทางเดินอาหาร ตัวอย่างเช่นรักษาอาการท้องร่วงได้
เปลือกของลำต้น และราก: สามารถเอามาทำเป็นยาถ่ายพยาธิได้อีกด้วย โดยเอามาผสมกับกานพลู และบางทีอาจใส่ดีเกลือต้มกับน้ำโดยประมาณสามถ้วย มีคุณประโยชน์สำหรับการถ่ายพยาธิ
ดอก: มีคุณประโยชน์สำหรับเพื่อการสมานแผล และทุเลาอาการอักเสบของหูชั้นใน
ทับทิมนับว่าเป็นผลไม้ที่มีคุณประโยชน์ในทุกส่วนของต้น ไม่ใช่ก็แค่เม็ด หรือน้ำทับทิม ก็เลยไม่แปลกใจเลยที่ทับทิมจะได้รับนามสมมุติว่า "ราชชินีที่ผลไม้"
โรครวมทั้งอาการอื่นๆยกตัวอย่างเช่น โรคเส้นโลหิตหัวใจ การหย่อนยานสมรรถภาพทางเพศ เจ็บกล้ามเนื้อข้างหลังการออกกำลังกาย กรุ๊ปอาการอ้วนอ้วน โรคมะเร็งต่อมลูกหมาก เยื่อบุช่องปากอักเสบ ผิวไหม้จากแสงแดด การติดเชื้อทริวัวโมแนส (Trichomoniasis) ท้องเสีย โรคบิด เจ็บคอ โรคริดสีดวงทวาร อาการวัยทอง แล้วก็อื่นๆยังจำเป็นจะต้องทำการศึกษาวิจัยเพิ่มเติมเพื่อหาหลักฐานเกี่ยวกับคุณภาพแล้วก็ความปลอดภัยของทับทิมสำหรับในการรักษาโรค
ความปลอดภัยสำหรับในการรับประทานทับทิมหรือสินค้าจากทับทิม
โดยธรรมดาการรับประทานน้ำทับทิมค่อนข้างมีความปลอดภัย แม้กระนั้นในบางรายที่มีลักษณะอาการแพ้ผลสดของทับทิมบางทีอาจเกิดผลข้างเคียงจากการกินน้ำทับทิมได้
รากทับทิมมีสารที่เป็นพิษต่อสภาพทางด้านร่างกาย การกินรากแล้วก็ลำต้นของทับทิมในจำนวนมากบางทีอาจไม่ปลอดภัย
สารสกัดจากทับทิมค่อนข้างจะปลอดภัยสำหรับการรับประทานหรือนำมาใช้กับผิวหนัง แต่ว่าอาจทำให้เกิดอาการแพ้นิดหน่อยในบางราย ดังเช่นว่า อาการคัน บวม น้ำมูกไหล หรือหายใจไม่สะดวก
การกินน้ำทับทิมค่อนข้างจะมีความปลอดภัยสำหรับหญิงมีครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมลูก แม้กระนั้นยังไม่มีรายงานยืนยันความปลอดภัยสำหรับในการกินหรือใช้ทับทิมในต้นแบบอื่น ตัวอย่างเช่น สารสกัดจากทับทิม จำเป็นต้องขอคำแนะนำหมอก่อนการกินทุกคราว
น้ำทับทิมอาจส่งผลให้ความดันโลหิตลดต่ำลงนิดหน่อย ซึ่งอาจส่งผลให้คนเจ็บที่มีภาวการณ์ความดันต่ำอาการกำเริบ

ผู้ที่มีลักษณะแพ้จากพิษพืชอาจมีการเสี่ยงที่จะกำเนิดอาการแพ้จากการรับประทานทับทิม
ผู้เจ็บป่วยที่จำต้องเข้ารับการผ่าตัดควรหยุดรับประทานทับทิมอย่างน้อย 2 สัปดาห์ เพราะทับทิมทำให้ความดันเลือดต่ำลง ก็เลยอาจกระทบต่อความดันโลหิตในขณะผ่าตัดหรือมีผลต่อเนื่องไปยังหลังการผ่าตัด
การกินทับทิมควบคู่กับยาบางชนิดอาจจะส่งผลให้เกิดปฏิกิริยาระหว่างยา ยกตัวอย่างเช่น ยาที่เกี่ยวพันกับรูปแบบการทำงานของตับโดยโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมีตับ Cytochrome ชนิด P450 2D6 หรือชนิด P450 3A4 ยาลดความดันโลหิตหรือเอซีอี อินฮิบิเตอร์ ยารักษาโรคความดันเลือดสูง ยาโรสุวาสแตว่ากล่าวน ผู้ที่กินยาบ่อยๆหรือมีโรคประจำตัวควรปรึกษาแพทย์ก่อนการรับประทานเพื่อความปลอดภัย http://www.disthai.com/

Tags : สมุนไพรทับทิม

4

เห็ดหลินจือ
เรื่องเล่าประสบการณ์ตรงจากที่ลงภาคสนาม
ยายคนหนึ่ง อายุโดยประมาณ 67 ปี ทำอาชีพขายเห็ดในตลาด ลักษณะของการป่วยเป็นโรค ดังนี้
1.เห็ดหลินจือ สามารถรักษาโรคเบาหวาน เป็นทุนเดิม เป็นโรคนี้มาราวๆ 1x ปี
2.โรคความดันเลือด เป็นมาพร้อมๆกับโรคเบาหวาน จำต้องรับประทานยาแผนปัจจุบันตลอด มีอาการมึนงง
3.โรคไขมัน มาพร้อมๆกับเบาหวาน ต้องรับประทานยาแผนปัจจุบันตลอด
4.โรคไตเสื่อม หลังจากเป็นโรคเบาหวานมาประมาณ 10 ปี แพทย์ตรวจเจอว่า ไตเสื่อม ระยะ 2 มีอาการขาบวม เหนื่อยเดิน
5.โรคกระเพาะปัสสาวะ อักเสบ มาตอนเป็น ไตเสื่อม ส่งผลให้เกิดอาการปัสสาวะขับ ฉี่ไม่สุด เจ็บแปล็บๆ
6.โรคเก๊า มาตรวจพบคราวหลัง ว่าค่ายูริก เริ่มมากเพิ่มขึ้น
======================
ความประพฤติของคนป่วยและก็ประวัติความเป็นมาก่อนกินเห็ดหลินจือสกัดเข้มข้น
1.ช่วงเจ็บไข้ตอนเริ่ม จะมีลักษณะน้ำตาลในเลือดสูง เกือบจะ 200 มิลลิกรัม แม้กระนั้นพอเพียงผ่านมาเกือบจะ 10 ปี มีความคิดว่าดูแลตัวเองได้ดี ผลที่ได้กลับเป็นอย่างงี้ เดี๋ยวน้ำตาลสูง เดี๋ยวน้ำตาลต่ำ กระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดอาการมึนหัวได้ทั้งวัน หน้าที่การงานไม่ต้องทำแล้ว นอนดีมากกว่า
2.พอมีน้ำตาลในเลือดสูง ความดันจะตามมาเลย กระตุ้นให้เกิดอาการโลกหมุน ลายตา ต้องนอนอีกดังที่เคย
3.พอเพียงตอนหลังเริ่มรับประทานของมันลดลง สามารถที่จะคุมไขมันได้ แม้กระนั้นพอนานวันเข้า ไขมันคุมได้ แต่ว่าเจอไตรกีซาลายสูงซะงั้น
4.ภายหลังจากเจ็บมา 1x ปี ร่างกายก็ไม่ค่อยได้พัก นำไปสู่ตอนอาการน็อคน้ำตาล ไป 2 คราว ในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา ต้องเข้า โรงพยาบาล เพื่อเดกซ์โทรส ทำให้น้ำตาลในเลือดสูงขึ้น
5.พอผ่านมาอีก 6 เดือน หมอตรวจพบเป็นไตเสื่อมขั้นที่ 2 แถมมีโรคกระเพาะฉี่อักเสบ เพราะว่ามีไข่ขาวรั่วมาทางปัสสาวะเยอะแยะ ทำให้เรี่ยวแรงสำหรับในการเดินไม่มี (แทบเดินไม่ไหว ก้าวขาไม่ออก) แถมพบโรคเก๊าต์ สอบถามหาอีก
6.ระยะหลังจากที่รู้ว่าเป็นหลายโรค ชีวิต มันช่างมืดมนอย่างยิ่ง ทำให้ไม่อยากกินอาหาร กินไม่ได้ นอนไม่หลับ ถึงหลับก็ไม่สนิท ขาบวม ใจสั่น โกรธง่าย
7.เพียงพอถึงเวลานี้ ยายคนนี้ พฤติกรรมเปลี่ยนไป จากที่เคยต้องออกไปเปิดร้านขายเห็ดในตลาดวันแล้ววันเล่า ไม่เคยหยุด กลับทำให้เขาไม่ได้อยากขายสินค้า ขอหยุดนอนอยู่ในบ้าน กระทำตนราวกับไร้ค่า ต้องให้ลูกๆมาคอยดู ทำให้เป็นภาระหน้าที่ของลูก
======================
ปัญหา สำหรับลูกที่ดูแล และก็จุดเปลี่ยนแปลงแนวความคิด
1.ลูกคนนั้น มีความคิด ทำอย่างไงก้อได้ ให้แม่หายจากโรคทั้งหมดทั้งปวงนี้
2.ทำอย่างยังไงก็ได้ให้ท่านแม่กลับมาดำเนินงานได้อย่างเดิม
3.ทำอย่างไงก็ได้ให้คุณแม่กินข้าวได้ราวกับอดีตเป็นเบาหวาน
4.ทำอย่างยังไงก็ได้ให้ท่านแม่นอนหลับได้ดิบได้ดี
=======================
สุดท้ายลูกคนนั้นได้มาคุยกับผม ผมเลยเสนอแนะเห็ดหลินจือแดงสกัดเข้ม และลูกคนนั้นได้เอาไปให้คุณแม่ทาน
เริ่มต้นที่แม่ไม่เชื่อว่าเห็ดหลินจือแดงสกัดเข้มข้น จะช่วยให้ชีวิตเขาดียิ่งขึ้นได้ เพราะแม่ทานสมุนไพร อาหารเสริมมาเยอะแล้ว
=======================

เริ่มกับการทานเห็ดหลินจือแดงสกัดเข้มข้น (คำตอบบางทีอาจนานับประการในแต่ละบุคคล)
1.ผมชี้แนะให้ทาน 24 ชั่วโมง 2 เวลาหมายถึงยามเช้า-เย็น ในกรณีของม่าม้าคนนี้ มีโรคประจำตัวเยอะแยะ จะให้ทานอย่างนี้ ภายหลังจากรับประทานอาหารแล้ว ให้ทานยาแผนปัจจุบัน รวมทั้งรอคอย 30 นาที ค่อยทานเห็ดหลินจือสกัดเข้มข้น
2.พอเพียงภายหลังจากทานได้ขั้นแรก อาการมึนๆงงเต็กๆเริ่มดียิ่งขึ้น นอนหลับก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น ปกติจะดูจนกระทั่งเที่ยงคืนแล้วพอหลังจากนั้นก็ค่อยหลับ แล้วตื่น 6-7 นาฬิกายามเช้า มาจัดร้านขายของ แปลงเป็น นอนตั้งแต่ 2 ทุ่ม ตื่น 6 นาฬิกาเช้า
3.หลังจากนอนหลับเจริญ  ทำให้อาการขาบวมดีขึ้น ปัสสาวะดีขึ้นมาก ไม่ขัดรวมทั้งปัสสาวะได้สุด ค่าน้ำตาล ไม่สวิงต่ำ-สูง รวมทั้งผลไตด้วย
4.ผู้เจ็บป่วยเริ่มทานข้าวได้ธรรมดา (ม่าม้าไม่เชื่อว่าเห็ดหลินจือช่วยได้จริงไหม เลยทดลองด้วย รับประทานทุเรียน2เม็ด แล้ววันพรุ่งไปตรวจเลือด ผลเลือดที่ออกมาคุณแม่ตระหนกตกใจ ว่าเพราะอะไรน้ำตาลธรรมดา ^_^)
5.พอเพียงร่างกายได้ นอนได้เต็มที่ หน้าใส(มีคนทักว่าไปทำอะไรมา) แข็งแรงสามารถยกของหนักๆได้ ซึ่งถ้าหากเป็นแต่ก่อน เพียงแค่เดินยังต้องหาที่นั่งพักเลย
สรรพคุณเห็ดหลินจือที่มีงานค้นคว้าวิจัยยืนยัน....มีอะไรบ้าง
มีความเชื่อมานานแล้วว่าเห็ดหลินจือแดงสามารถทำให้หัวใจแข็งแรง เลือดลมดี ผิวพรรณแจ่มใส ช่วยทำให้แก่ช้าลง ความจำดียิ่งขึ้น รวมทั้งช่วยอายุยืนนาน
ส่วนคุณประโยชน์ในทางการดูแลและรักษาโรคถูกกล่าวไว้อย่างล้นหลามเช่นกัน อาทิเช่น แก้โรคตับแข็ง รักษามะเร็ง รักษาโรคความดัน แล้วก็ภูมิแพ้เป็นต้น
แต่ทีเด็ดเป็น......
มีงานศึกษาเรียนรู้วิจัยเกี่ยวกับเห็ดหลินจือรักษาโรคจากคณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งสำหรับเพื่อการทดสอบเรียนรู้ทางคลีนิคแล้วก็รับรองว่าเห็ดหลินจือมีสรรพคุณดังนี้จริง ไม่ใช่แค่ความเลื่อมใสอีกต่อไป อันอาทิเช่น
-กระตุ้นภูมิต้านทาน
-ต่อต้านเนื้องอกรวมทั้งมะเร็ง
-รักษาโรคทางเดินฉี่
-รักษาโรคหัวใจ
-ช่วยให้การนอน
-ลดไขมันในเลือด
-ต้านอนุมูลอิสระ
-ต้านทานการอักเสบ

5

บุก
บุก มีสรรพคุณ ช่วยลดระดับน้ำตาลในเส้นเลือด รักษาโรคเบาหวาน เป็นยาแก้ไข้จับสั่น ช่วยแก้ไอ ละลายเสมหะ แก้โรคท้องมาน ใช้สำหรับสตรีเมนส์มาไม่ดีเหมือนปรกติ ใช้แก้พิษงู ใช้เป็นยาแก้แผลไฟเผาและก็น้ำร้อนลวก แก้ฝีหนองบวมอักเสบ  ใช้เป็นยาพารา แก้บวมช้ำ ช่วยแก้ริดสีดวงทวาร ช่วยขับเมนส์ของสตรี ใช้เป็นยาพอกฝี
บุก มีชื่อสามัญว่า Konjac อ่านออกเสียงว่า คอน-จัค มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Amorphophallus konjac K.Koch ชื่อเรียกอื่นๆของบุก เป็นต้นว่า บุกปะทุงคก เบีย เบือ มันซูรัน หัวบุก บุกคางคก บุกหนาม บุกหลวง หมอ ยวี จวี๋ ยั่ว แพทย์ยื่อ เป็นต้น
ลักษณะทางวิชาพฤกษศาสตร์ของต้นบุก
ต้นบุก นับว่าเป็น ไม้ล้มลุกชนิกหนึ่ง เป็นไม้เนื้ออ่อน ลักษณะของลำต้นอวบรวมทั้งมีสีเขียวเข้ม ใบบุกเป็นใบเดี่ยว ซึ่งใบของบุกจะแตกใบที่ยอดแล้วก็ใบแผ่ขึ้นราวกับร่มกาง ดอกของบุกจะมีสีเหลือง จะบานในช่วงค่ำ มีกลิ่นฉุน ลักษณะราวกับดอกหน้าโค
ลำต้นแทงขึ้นมาจากหัวใต้ดิน มีความสูงของต้นโดยประมาณ 50-150 เซนติเมตร หัวที่อยู่ใต้ดินนั้นมีขนาดใหญ่ ลักษณะของหัวเป็นรูปค่อนข้างจะกลมแบนน้อย หรือกลมแป้น มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 25 เซนติเมตร ผิวเป็นสีน้ำตาลเข้มหรือสีดำ ลำต้นรวมทั้งกิ่งก้านมีลักษณะกลมใหญ่ เปลือกลำต้นเป็นสีเขียวมีลายทาสีขาวปะปนอยู่
ใบบุก ใบเป็นใบประกอบแบบขนนก มีใบย่อยเรียงสลับ ลักษณะของใบเป็นรูปไข่กลมรี ปลายใบแหลม ส่วนขอบของใบเรียบ ใบมีปริมาณยาวราวๆ 15-20 เซนติเมตร
ดอกบุก ออกดอกเป็นดอกคนเดียว ลักษณะของดอกเป็นรูปทรงทรงกระบอกกลมแบน มีกลิ่นเหม็น สีม่วงแดงอมเขียว มีกาบใบยาวประมาณ 30 เซนติเมตร สีม่วงอมเหลือง โผล่ขึ้นพ้นจากกลีบเลี้ยงที่มีสีม่วง
ผลบุก รูปแบบของผลเป็นรูปกลมแบน เมื่อสุกจะเป็นสีส้ม
คุณประโยชน์ของบุก
สำหรับคุณประโยชน์ของบุก เรานิยมใช่ประโยน์ทางยาของบุก จาก หัว รากแล้วก็เนื้อของลำต้น รายละเอียด ดังต่อไปนี้
หัวบุก มีคุณประโยชน์ช่วยลดระดับน้ำตาลในเส้นเลือด รักษาโรคเบาหวาน เป็นยาแก้ไข้จับสั่น ช่วยแก้ไอ ละลายเสลด แก้โรคท้องมาน ใช้สำหรับสตรีรอบเดือนมาไม่ปรกติ ใช้แก้พิษงู ใช้เป็นยาแก้แผลไฟเผาและน้ำร้อนลวก แก้ฝีหนองบวมอักเสบ  ใช้เป็นยาพารา แก้ฟกช้ำดำเขียว
รากของบุก ช่วยแก้ริดสีดวงทวาร ช่วยขับประจำเดือนของสตรี ใช้เป็นยาพอกฝี

ข้อควรพิจารณาในการบริโภคบุก
สำหรับสิ่งที่ห้ามในการรับประทานบุกเป็นหัวบุกจะมีรสเผ็ด เป็นยาร้อน มีพิษ ออกฤทธิ์ต่อม้าม ตับ และก็ระบบทางเดินอาหาร ด้วยเหตุนั้น ในฝูงคนที่ ม้าม ตับ และก็ระบบทางเดินอาหาร ไม่ดี ควรจะหลีกเลี่ยงกิน และไม่รับประทานมากเกินความจำเป็น ซึงข้อพึงระวังสำหรับเพื่อการบริโภคบุก มีเนื้อหาดังนี้
ในเนื้อหัวบุกป่าจะมีผลึกของแคลเซียมออกซาเลท (Calcium oxalate) จำนวนไม่ใช่น้อย ที่ส่งผลให้เกิดอาการคัน ส่วนเหง้ารวมทั้งก้านใบถ้าเกิดปรุงไม่ดีแล้วกินเข้าไปจะก่อให้ลิ้นพองและคันปากได้
ก่อนเอามากินต้องกำจัดพิษออกก่อน และไม่รับประทานกากยาหรือยาสด
ขั้นตอนการกำจัดพิษจากหัวบุก ให้นำหัวบุกมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆตำพอแหลก คั้นเอาน้ำออกพักไว้ นำกากที่ได้ไปต้มน้ำ แล้วคั้นเอาแต่น้ำ นำไปผสมกับน้ำที่คั้นหนแรก แล้วนำไปต้มกับน้ำปูนใสเพื่อให้พิษหมดไป เมื่อเดือดก็พักไว้ให้เย็น จะจับตัวกันเป็นก้อน ก็เลยสามารถใช้ก้อนดังที่ได้กล่าวมาแล้วสำหรับการทำกับข้าวหรือนำไปตากแห้งเพื่อใช้เป็นยาได้ถ้าเกิดอาการเป็นพิษจากการรับประทานบุก ให้กินน้ำส้มสายชูหรือชาแก่ แล้วตามด้วยไข่ขาวสด แล้วให้รีบไปพบแพทย์
เนื่องจากวุ้นบุกสามารถขยายตัวได้มาก ก็เลยไม่ควรบริโภควุ้นบกตอนหลังการกิน แต่ให้รับประทานก่อนอาหารไม่น้อยกว่าครึ่งชั่วโมงถึงหนึ่งชั่วโมง ส่วนการบริโภคของกินที่สร้างขึ้นมาจากวุ้น เช่น วุ้นก้อนแล้วก็เส้นวุ้น สามารถบริโภคพร้อมของกินหรือหลังอาหารได้ เนื่องจากวุ้นดังกล่าวมาแล้วข้างต้นได้ผ่านขั้นตอนการและได้ขยายตัวมาก่อนแล้ว แล้วก็การการที่จะขยายตัวหรือพองตัวได้อีกนั้นก็เลยเป็นไปได้ยาก ส่วนในเรื่องของค่าทางโภชนาการนั้นพบว่าวุ้นบุกไม่ให้พลังงานแก่ร่างกาย เนื่องด้วยไม่มีการสลายตัวเป็นน้ำตาลภายในร่างกาย และไม่มีวิตามินและแร่ธาตุ หรือสารอาหารอะไรก็แล้วแต่ที่มีคุณประโยชน์ต่อสภาพร่างกายเลยกลูโคแมนแนนมีผลทำให้การดูดซึมของวิตามินที่ละลายในไขมันต่ำลง ซึ่งจะไม่ทำให้เกิดโทษและส่งผลเสียรวมทั้งไม่ดีต่อสุขภาพโดยรวมได้ แม้กระนั้นจะไม่มีผลต่อการดูดซึมของวิตามินที่ละลายในน้ำ
การกินผงวุ้นบุกในปริมาณมาก อาจทำให้มีลักษณะท้องเสียหรืออาการท้องอืด มีลักษณะหิวน้ำมากกว่าเดิม บางคนอาจมีอาการเหน็ดเหนื่อยเนื่องจากว่าระดับน้ำตาลในเลือดน้อยลงได้http://www.disthai.com/

6

ขิง
ข้อดีของสรรพคุณขิง
25 สรรพคุณดีๆของ’’คุณประโยชน์สำหรับเพื่อการรักษาโรค
1.ขิงสดช่วยลดความเจ็บปวดตามข้อ ลดอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ
2.ขิงมีคุณประโยชน์ช่วยรักษาแผล ฆ่าเชื้อโรคในแผลได้
3.ขิงช่วยให้สบายท้อง ขับลม แก้ท้องผูก
4.ขิงเป็นสมุนไพรที่ช่วยทำลายเชื้อแบคทีเรียในร่างกาย ช่วยขับเสลด ทำให้หายใจสบาย
5.ขิงช่วยแก้อาการหน้ามืด หน้ามืด อ้วก เมารถ เมาเรือ
6.ขิงช่วยสลายไขมัน และก็เป็นยาระบายอ่อนๆจึงแป็นสาเหตุที่ทำให้ขิงช่วยลดหุ่น ลดไขมัน ลดคอเลสเตอรอลได้
7.ขิงช่วยทำนุบำรุงหัวใจ เหมาะกับผู้ป่วยโรคหัวใจ
8.ขิงช่วยแก้โรคผื่นคัน แก้แพ้เกสรดอกไม้ และก็อาหารทะเลได้
9.คุณประโยช์จากเนื้อขิงสดๆทำมาทาแก้ผื่นคัน แก้แมลงกัดต่อยได้
10.ขิงช่วยทำนุบำรุงสายตา คุ้มครองปกป้องโรคตาแดง อาการน้ำในตามาก ตาฝ้าฟาง
11.ขิงเป็นสมุนไพรขจัดกลิ่น ช่วยลดกลิ่นตัว
12.ขิงมีสรรพคุณแก้ฟันเหลือง ฟันพุ โดยนำขิงสดมาตำให้แหลก คั้นเอาน้ำผสมกับเกลือ น้ำอุ่น คนให้เข้ากัน นำมาอม กลัวปากบ่อยๆ แล้วลองสังเกตว่าอาการปวดจะค่อยๆลดน้อยลง
13.มีคุณประโยชน์ลดกลิ่นปากได้ โดยนำขิงสดมาตำให้แหลก คั้นเอาน้ำผสมกับเกลือ น้ำอุ่น คนจะกว่าจะเข้ากัน นำมาอม กลั้วปากบ่อยๆ ช่วย จัดการกับแบคทีเรียในปาก ลดปัญหากลิ่นปากได้อย่างดี
14.ขิงช่วยทุเลาลักษณะของการปวดไมเกรนได้ โดยให้ดื่มน้ำขิงบ่อยๆ แล้วลองสังเกตว่าลักษณะของการปวดจะค่อยๆต่ำลง
15.ขิงทุเลาโรคประสาทอาการของโรคประสาท การกินน้ำขิงจะช่วยลดความมัวมันของหัวใจ
16.ขิงช่วยการไหลเวียนของน้ำนมมารดาให้ดียิ่งขึ้น ควรจะเป็นเครื่องดื่มสมุนไพรสำหรับผู้หญิงให้นมลูกเป็นอย่างดี
17.ขิงช่วยบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติดได้ โดยสรรพคุณของขิงมีส่วนช่วยลดความอยากเสพยาเสพติด
18.คุณประโยชน์ที่ได้รับมาจากขิงช่วยต้านโรคมะเร็ง จากการศึกษาทำการค้นคว้าและทำการวิจัยพบว่าสาระสำคัญในขิงช่วยต้านทานการเติบโตของเซลล์ของโรคมะเร็งได้เป็นอย่างดี
19.ขิงช่วยควมคุมความดันโลหิตได้ สำหรับคนที่มีปัญหาความดันสูง และก็ ความดันต่อ ควรจะฝานขิงสดมาต้มกับน้า ดื่มเป็นประจำ จะช่วยควบคุมความดันให้ปกติ
20.คุณประโยชน์ของขิงช่วยผ่อมคลาย ช่วยให้นอนสบาย จึงเหมาะสมเป็นของกินสำหรับคนที่มีปัญหานอนไม่หลับ
21.ขิงช่วยบำรุงผิวพรรณ โดยช่วยให้ผิวเรียบเนียนเพิ่มขึ้น กำจัดเซลลูไลท์
22.ใบเละดอกของขิงช่วยแก้อาการขัดเยี่ยว ปกป้องโรคนิ่วได้
23.ขิงช่วยรักษาอาการมือ เท้าเย็นได้ เพราะเหตุว่าขิงมีฤทธิ์ร้อน ก็เลยช่วยทำให้สมดุลภายในร่างกายได้
24.เหง้าขิงช่วยปกป้องการเกิดแผลในกระเพราะว่าของกินได้
25.ขิงช่วยแก้อึกได้โดยตำขิงสดให้แหลกคั้นเอาน้ำแล้วผสมกับน้ำผึ้ง น้ำอุ่น คนให้เข้ากันดื่มแก้สะอึกได้
การดัดแปลงทางสถานพยาบาล
1.บรรรเทาอาการเจียนรุนแรงใช้ขิงสดพอกที่จุดฝังเข็มไก่กวน(เหนือข้อมือใน 2 ชุ่น)ทิ้งเอาไว้โดยประมาณครึ่งชั่วโมงถึง  ชั่วโมงอาการจะดีขึ้น
2.ทุเลาอาการแผลในกระเพาะและก็ลำไส้เล็กส่วนต้น ต้มขิงสดที่ตำให้ละเอียดกับน้ำ 300 มิลลิลิตร นาน 30 นาที รับประทานวันละ 3 เวลา ตรงเวลา 2 วัน ในผู้ป่วยที่เป็นโรคกระเพาะ รวมทั้งลำไส้เล็กส่วนต้น พบว่าลักษณะของการปวดกระด้วยเหตุว่าลดน้อยลงหรือหายไป ความรู้สึกแสบท้องเวลาหิว มากมายท้องผูก หรืออึสีดำ (แสดงว่ามีเลือดออก)ธรรมดา ความต้องการอาหารดียิ่งขึ้น (พบว่าผู้ป่วยพวกนั้นจำนวนมากกลับกลายซ้ำได้อีก ซึ้งอาจจำต้องรักษาต่อเนื่อง หรือควบคุมเหตุอื่นๆร่วมด้วยก็เลยจะรักษาหายสนิทได้)
3.รักษาโรคบิด ใช้ขิงสด 75 กรัม น้ำตาลทรายแดงตำเข้าด้วยกัน แบ่งรับประทานเป็น 3 มื้อต่อตำหรับ
4.ปกป้องรักษาอาการเมารถ เมารือ
-ใช้ขิงสดเป็นแผ่นปิดที่จุดไน่กวน(เหนือข้อมือภายใน 2 ชุ่น(ใช้เหริยญ สตางค์ขนาดพอดีปิดทับแล้วใช้ปลาสเตอร์หรือยางยืดรัดไว้
-ใช้ขิงสด 25 กรัม ตำละเอียด คั้นเอาเฉพาะน้ำมันดื่ม (ไม่ต้องกินน้ำตาม)
5.รักษาปัสสาวะรดที่พักผ่อนในผู้ป่วยที่มีภาวการณ์หยางพร่อง มีความเย็นภายในร่างกายเป็นเหตุ
ให้ใช้ขิง 30 กรัม(ตำ)ยาบริวารนพงไพรฟู่จื่อ 6 กรัม ปู่กู่จื้อ 12 กรัม บดคลุกให้เข้ากันขัดในแอ่งสะดือ ใช้ผ้าก๊อซสะอาดปิดทับแล้วใช้ปลาสเตอร์ปิดให้แน่น
6.รักษาคอไส้อุดกันจากพยาธิตัวกลม
ใช้ ขิง [/b]สด 120 กรัม ตำละเอียด คั้นเอาน้ำขิงผสมกับน้ำผึ้ง 120 กรัม รับประทานครั้งเดียว หรือเบาๆรับประทานหมดด้านในครึ่งชั่วโมง การทดลองในคนป่วย 64 คน พบว่าสามารถลดอุดกันของลำใส้ร้ยละ 96.8 ฤทธิ์ในการขับพยาธิปริมาณร้อยละ 61.3
7.เป็นหวัดตัวร้อนจับไข้เนื่องไข้เนื่อง จากกระทบความเย็น ได้แก่ โดนฝน โดนลม ทำให้หนาว จับไข้ต่ำ ให้หั่นขิงฝอย 30 กรัม

ชงกับน้ำตาลทรายแดง หรืออาจใส่หัวหอมตี 3-4 (ช่วยกระจัดกระจายลม)ดื่มขณะร้อนๆแล้วห่มผ้าให้เหงือออก
8.ฟื้นฟูร่างกายวันหลังคลอดลูก นิยมให้หญิงข้างหลังคลอดบุตร นิยมให้หญิงข้างหลังคลอดกินไก่ผัดขิง โดยเฉพาะไก่ดำเพศผู้จะยิ่งมีหยางมากกว่าไก่ตัวเมีย
ร่างกายของหญิงหลังคลอดจะเสียอีกทั้งพลังหยางและเลือด มีน้ำภายในร่างกายตกค้างอยู่มากมายการกินไก่ผัดขิงจะเสริมเลือดหยางช่วยให้การย่อยดูดซับอาหารดีขึ้น มีการขับระบายของเสียน้ำตกค้าง น้ำคาวปลาก้าวหน้าขึ้นทำให้ร่างกายกลับสู่สภาวะปกติเร็วขึ้น
ข้อควรตรึกตรองสำหรับในการทานขิง
-อาจจะก่อให้เกิดภาวะแทรซ้อนสำหรับในการมีท้องได้
มีบางการเรียนรู้พบว่าขิงมีความเชื่อมโยงกับภาวะแทรกซ้อนสำหรับเพื่อการท้อง แล้วก็การแท้ง แม้กระนั้นในการตั้งครรภ์รายอื่นๆนั้นๆไม่เจอการรับประทานขิงจะทำให้กำเนิดอาการพวกนั้นขึ้น แถมยังช่วยลดอาการคลื่นไส้จากการแพ้ท้องได้อีกด้วย โดยเหตุนั้นคุณควรจะไปขอความเห็นหมอก่อ่นจะที่ใช้ขิงสำหรับการรักษาอาการแพ้ท้องด้วยตัวเอง
-กระตุ้นให้เกิดแผลร้อนในภายในปากได้
ขิงเป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์ร้อน หากหารกินเข้าไปในปริมาณที่มากก็จะสามารถเยื่อบุด้านในโพรงปากเกิดการอักเสบจนกระทั่งเป็นอาการร้อนในได้ โดยเหตุนั้นไม่สมควรกินขุงมากจนกระทั่งเกินไป
-ยับยั้งการแข็งตัวของเลือด
การเรียนหนึ่งในหนึ่งในประเทศออสเตรเลียพบว่า ขิงนั้นมีสรรพคุณสำหรับการต่อต้านการแข็งตัวของเลือดมากกว่ายาแอสไพริน สถานบันสุขภาพของออสเลียได้ออกคำตักเตือนเตือนให้งดการกินขิงตอนที่ใช้ยาละลายลิ่มเลือดเพราะเหตุว่าจะก่อให้กำเนิดความเสี่ยงสำหรับการกำเนิดอาการห้อเลือดหรืออาการเลือดหรืออาการเลือดออกได้ ด้วยเหตุผลดังกล่าวหากว่าคุณมีอากเลือดออกเลือดออกแตกต่างจากปกติหรือหรือกำลังใข้ยาละลายลิ่มเลือด ควรจะหลีก แกงเลียงการรับประทานขิง
เมื่อรู้อย่างงี้แล้ว หวังหลายๆคนที่กำลังคิดจะใช้ขิงช่วยบรรเทาอาการโรคต่างๆก็คงต้องระมัดระวังตัวมากยิ่งขึ้น
เนื่องจากว่าบางครั้งถ้าเกิดราใช้ ขิงสำหรับเพื่อการรักษาโรคหนึ่งแต่ก็อาจช่วยกระตุ้นให้อีกโรคนั้นอาการกำเริบได้ ด้วยเหตุนั้นควรจะรับประทานขิงอย่างระแวดระวัง แต่ว่าหากว่ายังไม่มั่นใจล่ะก็ ควรขอคำแนะนำจากแพทย์ก่อนเสมอ

Tags : สมุนไพรขิง

หน้า: [1]