รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
การค้นหาขั้นสูง  

ข่าว:

SMF - Just Installed!

แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Messages - Tawatchai1212

หน้า: [1] 2 3 ... 7
1
ยากษัยเส้นเป็นยาที่ผู้สูงอายุต้องมีไว้??

2

ขายกวาวเครือเเดง ธาตุเหล็ก สารอาหารที่ช่วยปรับปรุงสมองให้ลูกน้อยธาตุเหล็ก เป็นสารอาหารที่ร่างกาgmnuyj,ยปรารถนาไม่มากมาย แต่ว่ามีความสำคัญต่อการพัฒนาสมองสูง เหล็กเป็นธาตุประเภทหนึ่งซึ่งมีmuyrmh,ความสำคัญต่อการผลิตเม็ดเลือดแดงให้กับร่างกาย rnuykพวกเราจึงพบว่า จำหน่ายกวาวเครือเเดงถ้าเgmuyกิดขาดธาตุเหล็83กแล้วตัวจะdbdytซีดเซียว h,เมื่อเรากินอาหารที่มีธาตุเหล็ก ธาตุu,oyejเหล็กก็จะกระจายไปสู่ไขกระดูก รวมทั้งเม็ดเลือ873983ดแดงที่ไหลเวียนไปทั่วร่า832งกายปฏิบัติภารกิจนำออกซิเจh,นไปสู่เซลล์ต่างๆdmuj6ทั่วร่างกายนอกจากไปแล้วหลังจากนั้น ธาตุเหล็ก ยังเป็นองค์ปtymkuyl,ระกอบสำคัญของสารสื่อประสาท ช่วยในการพัฒนาสมองของเด็ก yh,mมีหน้าที่รอดูแgm,ลความชำนาญด้านการรับรู้และการเรี39ยนจำหน่ายกวาวเครือเเดงโดยy,muy,tเหตุนี้ถ้;gmfjyาลูกน้อยขาดธาตุเหล็ก ก็จะมีปัญหาหัวข้อการคo9iyวามก้าวหน้าuy.ขายกวาวเครือเเดงจากการเรียนทราบได้เหมือนu,i;.กันค่ะio/o/uเด็กอ่อนที่คลอดธรรมดาในวัยทารก-6 เดือนจะได้รับ ธาตุเหล็ก จากแ,h,ม่ตั้งแต่ตอนอยู่ใน9;0o';ท้o/p['[อง32 เก็บสะสมไว้ใ527ช้8 และส่วนใfndtดส่วนหนึ่งได้มาจากน้ำนมของคุณแม่ด้วย ซึ่งพอเพียงอยู่y;uแล้ว  ส่วนเด็กแรกเกิดที่คลอดก่อdmk87tli;นกำหนดหรือมีน้ำหนักแรกเกิดน้อย แพทย์จะแนะนำให้กินธาตุเหล็กเสริมพร้อมกันกับนมแม่เด็กddทารกหลังจาก 6 เดือน เป็นต้นไป เด็กจะเริ่มรับประทานอาหารเสริม ทำให้ทานนมแม่ในปริมาณที่ลดลง แล้วก็นมแม่เองก็เริ่มมีธาตุเหล็กrfki8tlลดน้อยลงด้วยด้วยเหมือนกัน โดยเหตุนั้นถ้าเด็กได้รับธาตุเหล็กน้อยเกินไป จะทำให้เด็กซีดเซียว เจริญเติบโตไม่สมวัย ดังนั้นขายกวาวเครือเเดงในมื้ออาหารเสริมคุณแม่น่838าจะให้ลูกได้รับธาตุเหล็กในปริมาณที่พอเพียงด้วยเช่นกันrjtr76

Tags : จำหน่ายกวาวเครือเเดง,ขายกวาวเครือเเดง

3
เรื่องกล้วยๆ

4
ยาสลายไขมันที่ขายดีที่สุดในประเทศในตอนนี้??????????????

5
ประโยชน์ดีๆของกวาวเครือขาวที่คุณยังไม่รู้ ?????

6
ประโยชน์ดีๆ สรรพคณเด่นๆ และงานวิจีย พญายอ

7

พญายอ
พญายอเป็นไม้พุ่งแกมเลื้อย เถาและก็ใบมีสีเขียวใบไม้ไม่มีหนาม ใบยาวเรียวปลายแหลม ออกตรงกันข้ามเป็นคู่ ดอกออกเป็นช่อ อยู่ที่ปลายกิ่ง แต่ละช่อมี 3-6 ดอก กลีบเป็นดอกปลายแยกสีแดงอมส้ม
พญายอขึ้นได้สวยในดินที่สมบูรณ์ แสงอาทิตย์ปานกลาง พบได้บ่อยตามป่าในประเทศไทย หรือปลูกกันตามบ้าน ปลูกโดยใช้ลำต้นปักชำ เป็นต้นไม้ที่ปลูกได้ไม่ยาก ตัดกิ่งออกมาซัก 2-3 คืบ ปักขำให้รากออกมาดีแล้วก็ย้ายไปปลูกภายในแปลง ดูแลเหมือน พืชไม้ทั่วไป
ใบ เป็นยา ให้เก็บขนาดกึ่งกลางที่สมบูรณ์ ไม่แก่หรือเปล่าอ่อนจนเกินไป ใบของพญายอสามารถลดอาการักเสบของหูก้าวหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งส่วนที่สกัดด้วยสารละลาย “บิวทานอล” วงศ์สถิต ฉั่วกุล และคณะได้ศึกษาพบว่าสารสำคัญตัวหนึ่งเป็น “เฟลโวนนอยต์” ส่วนด้านที่มีการต้านทานพิษงูยังไม่กระจ่าง แม้กระนั้นไม่มีอันตรายพอที่จะใช้
ใบพญายอรักษาอาการอักเสบเฉพาะที่ (ปวด, บวม, แดง ร้อนแม้กระนั้นไม่มีไข้) จากแมลงที่เป็นพิษกัดต่อย เช่น ตะขาบ แมงป่อง ผึ้ง ต่อ แตน รักษาโดยการเอาใบสดจากพญายอนี้มาสัก 10-15 ใบ (มากน้อยตามรอบๆที่เป็น) ล้างให้สะอาด ใส่ลงในครกตำยา ตำให้ละเอียด เพิ่มแอลกอฮอล์พอชุ่มยา ตั้งทิ้งไว้ 1 สัปดาห์ หมั่นคนยาทุกวี่วัน กรองน้ำยา ใช้น้ำ และก็กากทาบบริเวณที่เจ็บปวดบวม หรือที่ถูกแมลงสัตว์กัดต่อย
พญายอ หรือ เสมหะพังพอน เพราะเสลดพังพอนมีหมดทั้งตัวผู้ละตัวเมีย แต่ตัวผู้ไม่นิยมนำมาใช้เนื่องมาจากมีฤทธิ์อ่อน รวมทั้งเพื่อไม่ให้งงมากจึงเรียกเสลดพังพอนตัวเมียว่า "พญายอ" โดยมากนำมาทำเป็นยาสมุนไพรไทยจัดอยู่ในกลุ่มพืชถอนพิษ  “พญายอ” เป็นพืชสมุนไพรที่ใช้เป็นยาใช้ภายนอกรักษาด้านนอก มีคุณประโยชน์ทุเลาการอักเสบของผิวหนังก้าวหน้า  มีฤทธิ์ลดการอักเสบ มีฤทธิ์ต่อต้านเชื้อไวรัส
คุณลักษณะของผงพญายอในการบำรุงผิวพรรณ
- ใช้แก้สิวเม็ดผดผื่นคัน ด้วยการนำมาดองกับสุรา แล้วผสมดินสอพองใช้ทาแก้สิวและเม็ดผื่นผื่นคัน
- ใช้แก้โรคผิวหนังผื่นคัน ผสมกับสุราใช้เป็นยาแก้ผื่นคัน ไฟลามทุ่ง ลมพิษ แผลไฟเผาน้ำร้อนลวก
- ใช้รักษาแผลไฟเผาน้ำร้อนลวก พญายอมีสรรพคุณช่วยดับพิษร้อนได้ดี
- อีกตำราบอกว่านอกจากจะใช้รักษาแผลไฟเผาน้ำร้อนลวกได้แล้ว ยังช่วยรักษาแผลเปื่อยเพราะเหตุว่าถูกแมงกะพรุนไฟ แผลหมากัด และแผลที่เกิดขึ้นมาจากการเช็ดกกรดได้อีกด้วย
- ใช้รักษาแผลน้ำเหลืองเสีย เอามาพอก จะรู้สึกเย็นๆซึ่งยาจะช่วยดูดน้ำเหลืองได้ดิบได้ดี ทำให้แผลแห้งไว
- ใช้แก้ฝี ด้วยการผสมกับเกลือแล้วก็สุรา ใช้พอกรอบๆที่เป็น เปลี่ยนยาทุกตอนเช้าและเย็น
- ใช้เป็นยาขับพิษ ถอนพิษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพิษจากแมลงสัตว์กัดต่อย เช่น งู ตะขาบ แมงป่อง มด ยุง อื่นๆอีกมากมาย
- พญายอ ใช้รักษาอาการอักเสบ รักษาแผลร้อนในปาก แก้เริม (แผลผิวหนังชนิดเริม) อีสุกอีใส แก้งูสวัด ไฟลามทุ่ง และใช้เป็นยาถอนพิษต่างๆเอาน้ำมาดื่มหรือเอาน้ำมาทาแผลแล้วก็เอากากพอกบริเวณแผล
- มีฤทธิ์แก้อาการแพ้ ลดการอักเสบ สามารถลดการอักเสบเรื้อรังได้
- มีฤทธิ์ลดความเจ็บปวด ช่วยลดลักษณะของการปวด
- มีฤทธิ์ต่อต้านไวรัสได้ดิบได้ดีและไม่เป็นพิษต่อเซลล์

วิธีการพอกขัดผิวด้วยผงพญายอ

  • ชำระล้างผิวหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ล้างหน้ารวมทั้งเช็ดเครื่องแต่งหน้าให้สะอาดก่อนกรรมวิธีการขัดพอกผิว
  • ใช้ผสมกับน้ำสะอาด (หรือ ผงสมุนไพรอื่นๆน้ำผึ้ง นม หรือโยเกิร์ต เพื่อทำให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น)
  • สามารถใช้พอกหรือขัดได้ผิวหน้ารวมทั้งผิวกาย เสมอๆ สัปดาห์ละ 2 – 3 ครั้ง


     - สำหรับผิวหน้า พญายอถ้าเป็นสิวอักเสบ ห้าม ขัดโดยเด็ดขาด ให้ใช้เป็นการพอกผิวแทน เพื่อไม่ให้เชื้อสิวลุกลามไปทั่วบริเวณใบหน้า และเพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนผิวหน้ามากจนเกินความจำเป็น พอกทิ้งไว้โดยประมาณ 15 นาที
     - ถ้าใช้ขัด (สำหรับผู้ที่ไม่เป็นสิว แล้วก็ผิวกาย) ให้ขัดให้เบาไม้เบามือที่สุด โดยประมาณแค่ลูบพยายามจะไม่ให้นิ้วโดนผิวหน้าเลย ห้ามกดแรงลงบนนิ้วขณะขัด และก็ให้ขัดเพียงแค่ 5 นาทีก็เพียงพอที่สารสำคัญจะออกฤทธิ์แล้ว เมื่อครบ 5 นาทีให้พอกทิ้งเอาไว้จนแห้ง (อาจใช้ระยะเวลาพอกทิ้งเอาไว้ราวๆ 15 นาที)

  • พญายอ ภายหลังแห้งแล้ว ให้ทำการล้างด้วยน้ำธรรมดา (ไม่สมควรใช้น้ำอุ่น) ล้างแบบเบาที่สุดหรือให้เปิดฝักบัวเบาๆแล้วหลังจากนั้นก็ปล่อยให้น้ำรดผ่านผิวไปสัก 2-3 นาที แล้วก็ใช้ฝ่ามือลูบให้ค่อยที่สุด โดยใช้แนวทางล้างเดียวกับการขัดหน้าหมายถึงมานะจะไม่ให้นิ้วโดนผิวหน้าเลย
  • ล้างหน้าล้างตาเสร็จแล้ว ซึมซับหน้าให้แห้ง


Tip  เพื่อการบำรุงที่มากขึ้น เมื่อพอกหรือขัดผิวด้วยผงสมุนไพรแล้ว ให้เอาน้ำผึ้งผสมน้ำกินปกติในอัตราส่วน 1 ช้อนชาเท่ากัน ทาให้ทั่วผิวหน้า แล้วนวดวนเบาๆทั่วใบหน้าสักน้อย ทิ้งน้ำผึ้งไว้ 10 นาที ก็ล้างออก เพื่อเป็นการคืนความชุ่มชื่นให้แก่ผิว อีกทั้งช่วยทำให้ผิวหน้าเนียนนุ่มและกระจ่างขาวสวยใส ดูอ่อนกว่าวัยยิ่งขึ้น http://www.disthai.com/

8
อื่น ๆ / ความเป็นมาของต้นราชพฤกษ์
« เมื่อ: สิงหาคม 16, 2018, 01:48:52 AM »

ราชพฤกษ์
ที่ไปที่มาของต้นราชพฤกษ์
   จากอดีตกาลที่ผ่านมากว่า 50 ปี ทางด้านราชการมีความพยายามบ่อยครั้งในการกำหนดให้มีสัญลักษณ์ประจำชาติไทย โดยยิ่งไปกว่านั้นการกำหนด ต้นไม้ และ ดอกไม้ ประจำชาติ เริ่มต้นที่กรมป่าไม้ได้เชิญให้ประชาชนพึงพอใจต้นราชพฤกษ์หรือคูณมาตั้งแต่ตอนปี พ.ศ.2494 โดยรัฐบาลมีมติให้ถือวันที่ 24 เดือนมิถุนายน เป็นวันต้นไม้ประจำปีของชาติ (arbour day) มีการชวนให้ปลูกต้นไม้ที่มีคุณประโยชน์ประเภทต่างๆจำนวนมาก ในเวลาเดียวกันก็ได้มีการเสนอว่า ต้นราชพฤกษ์ น่าจะถือเป็นต้นไม้ประจำชาติ
ราชพฤกษ์
   จนถึงในปี พ.ศ.2506 มีการประชุมเพื่อระบุเครื่องหมายต้นไม้และก็สัตว์ประจำชาติเป็นครั้งแรก โดยกรมป่าไม้ได้เสนอให้ ต้นราชพฤกษ์ หรือ ต้นคูณ พืชที่มีความเป็นสิริมงคลที่มีประโยชน์และรู้จักกันอย่างแพร่หลายฯลฯไม้ประจำชาติ สำหรับสัตว์ประจำชาติก็คือ ช้างเผือก สัตว์ที่มีคุณค่าเกี่ยวกับจารีตประเพณีไทยและก็ประวัติศาสตร์ไทยมายาวนาน การเสนอตอนนั้นมิได้มีการประกาศอย่างเป็นทางการ โดยเหตุนี้ตลอดระยะเวลาก่อนหน้านี้ที่ผ่านมาเครื่องหมายที่บ่งบอกถึงความเป็นไทยก็เลยมีนานาประการ ตั้งแต่สถานที่สำคัญๆ สัตว์ ดอกไม้ ที่คนประเทศไทยคุ้นเคยรวมทั้งพบเจอบ่อยมาก ตัวอย่างเช่น พระปรางค์วัดย่ำรุ่งฯ เรือสุพรรณหงส์ ดอกบัว ดอกมะลิ ดอกพุทธรักษา แมวไทย เหมือนกับ ต้นราชพฤกษ์ และก็ ช้างเผือก ยังคงถูกเชิดชูให้เป็นสัญลักษณ์ประจำชาติตลอดมา
            ปี พุทธศักราช2530 มีการเกื้อหนุนให้ปลูกต้นราชพฤกษ์อีกรอบ เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เนื่องในวโรกาสทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ โดยมีการส่งเสริมให้ปลูกต้นราชพฤกษ์ทั่วประเทศปริมาณ 99,999 ต้น ทุกๆวันนี้จึงมีต้นราชพฤกษ์อยู่จำนวนมากทั่วประเทศไทย
            ผลสรุปเรื่องเครื่องหมายประจำชาติดูเหมือนจะยังไม่กระจ่าง กระทั่งตอนปี พ.ศ.2544 คณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติ ได้นำเรื่องดังกล่าวกลับมาเสนออีกรอบ และมีข้อสรุปเสนอให้มีการระบุเครื่องหมายประจำชาติ 3 สิ่งคือ ดอกไม้ สัตว์แล้วก็สถาปัตยกรรม รวมทั้งการพินิจพิเคราะห์ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมาเสนอให้ระบุดอกไม้ประจำชาติคือ ดอกราชพฤกษ์ สัตว์ประจำชาติเป็นช้างไทย และก็สถาปัตยกรรมประจำชาติเป็น ศาลาไทย
            เหตุที่เลือก ดอกราชพฤกษ์ เป็นดอกไม้ประจำชาติเพราะเหตุว่ามีความเหมาะสมในหลายๆด้าน คือ เป็นดอกไม้จากต้นไม้ที่ถูกเสนอให้ฯลฯไม้ประจำชาติเมื่อครั้งที่กรมป่าไม้เสนอไว้ ฯลฯไม้ที่แก่ยืน ทน ปลูกขึ้นได้ดีทั่วทุกภาคของประเทศ เป็นต้นไม้ประจำถิ่นที่รู้จักแพร่หลาย มีชื่อเรียกหลายชื่อไม่เหมือนกันในแต่ละภาค เป็นต้นว่า คูน คูน อ้อดิบ ราชพฤกษ์เป็นไม้มงคลใช้ประโยชน์ในพิธีสำคัญๆตัวอย่างเช่น ลงหลักเมือง ลงเสาฤกษ์ ทำคฑาจอมพลแล้วก็ยอดธงชัยเฉลิมพลของกองทหาร ในฤดูร้อนราชพฤกษ์จะมีดอกสะพรั่งอีกทั้งต้น ช่อดอกมีรูปทรงงาม สีเหลืองงามเป็นเครื่องหมายของพุทธศาสนาอันเป็นศาสนาประจำชาติ รวมทั้งเป็นสีเดียวกับวันพระราชการเกิดของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ยิ่งกว่านั้นความงามของช่อดอก และความหมายที่ดียังถูกจำลองแบบเสริมแต่งไว้บนอินทรธนูของข้าราชการอีกด้วย
ดอกราชพฤกษ์ ดอกไม้ประจำชาติไทย
ส่งดอกไม้ประจำชาติไทย คือ ดอกราชพฤกษ์ (Golden shower) หรือ ชื่อด้านวิทยาศาสตร์ของ ดอกราชพฤกษ์เป็นCassia fistula
           ดอกไม้สีเหลืองแพรวพราวที่พบได้บ่อยเห็นได้ทั่วๆไปตามข้างถนนสายต่างๆเป็นสีสันของ ดอกราชพฤกษ์ หรือ ดอกคูน ต้นไม้มงคลที่ได้รับการชื่นชมให้เป็น ดอกไม้ประจำชาติไทย อีกทั้งเชื่อว่าฯลฯไม้ที่ปลูกไว้แล้วจะเสริมให้คนในบ้านทรงเกียรติตำแหน่งชื่อ เสียงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆด้วย ยิ่งใกล้ไปสู่เวลาที่การเปิดประตูต้อนรับเพื่อนบ้านอาเซียนกันแล้ว ในวันนี้กระปุกดอทคอมก็เลยขอนำเนื้อหาเกี่ยวกับดอกไม้ประจำชาติไทยอย่าง ดอกราชพฤกษ์ มาให้ทำความรู้จักกันแรง
ประวัติดอกราชพฤกษ์
           ต้นราชพฤกษ์ หรือ ต้นคูน เป็นต้นไม้ท้องถิ่นของเอเชียใต้ ตั้งแต่ปากีสถาน อินเดีย เมียนมาร์ และก็ศรีลังกา โดยนิยมนำมาปลูกกันมากมายในเขตร้อน สามารถเติบโตได้ดีในที่โล่ง และมีชื่อเสียงในประเทศไทยมาหลายสิบปี โดยมีการเสนอให้ดอกราชพฤกษ์ เป็นดอกไม้ประจำชาติไทยตั้งแต่ปี พุทธศักราช 2506 แต่ว่าก็ยังไม่ได้ผลสรุปแจ่มกระจ่าง จนถึงมีการลงนามให้เป็นดอกไม้ประจำชาติไทย ตอนวันที่ 26 เดือนตุลาคม พ.ศ. 2544

ดอกไม้ประจำชาติไทย
           เนื่องด้วย ต้นราชพฤกษ์ ออกดอกสีเหลืองยกช่อ ดูสง่างาม ทั้งยังมีสีตรงกับ สีทุกวันพระราชการเกิดของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ จึงถูกตั้งชื่อว่าเป็น "ต้นไม้ของพระเจ้าแผ่นดิน" รวมทั้งมีการลงชื่อให้ต้นราชพฤกษ์ ยอดเยี่ยมใน 3 เครื่องหมายประจำชาติไทย โดยมี 1. ช้าง เป็นสัตว์ประจำชาติไทย 2. ศาลาไทย เป็นสถาปัตยกรรมประจำชาติไทย และ 3. ดอกราชพฤกษ์ เป็นดอกไม้ประจำชาติไทย
เหตุผลเลือกเป็นดอกไม้ประจำชาติไทย

  • เหตุเพราะเป็นต้นไม้พื้นบ้านที่รู้จักกันอย่างล้นหลาม รวมทั้งมีอยู่ทุกภาคของประเทศไทย
  • มีประวัติเกี่ยวพันกับขนบธรรมเนียมสำคัญๆในไทยแล้วก็ฯลฯพืชที่มีความมงคลที่นิยมปลูก
  • ใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย ดังเช่นว่า ใช้เป็นยารักษาโรค อีกทั้งยังคงใช้ลำต้นเป็นเสาเรือนได้ ฯลฯ
  • มีสีเหลืองงาม พุ่มไม้งามเต็มต้น เทียบเป็นสัญลักษณ์ที่พุทธศาสนา
  • แก่ยืนนาน และทน
ลักษณะทั่วไป
           ฯลฯไม้ขนาดกลาง สูงโดยประมาณ 10-20 เมตร มีดอกเป็นช่อสีเหลืองงาม แต่ละช่อยาวราว 20-40 ซม. โดยกลีบดอกไม้จะเป็นสีเหลือง 5 กลีบ มีผลยาวโดยประมาณ 30-60 เซนติเมตร มีกลิ่นแรง รวมทั้งมีเมล็ดที่เป็นพิษ
การปลูกดอกราชพฤกษ์
           นิยมปลูกด้วยเม็ด โดยจะมีการเติบโตช้าในตอน 1-3 ปีแรก แต่หลังจากนั้นจะมีการเติบโตเร็วขึ้น และก็ออกดอกตอนอายุโดยประมาณ 4-5 ปี
การรักษา
           แสง : ต้องการแสงแดดจัด หรือกลางแจ้ง รวมทั้งเติบโตเจริญในเป็นพิเศษ
           น้ำ : ถูกใจน้ำน้อย ควรจะรดน้ำ 7-10 วันต่อครั้ง สามารถทนกับสภาพภูมิอากาศร้อนเจริญ
           ดิน : สามารถเติบโตก้าวหน้าในดินร่วนซุย ดินร่วนซุยผสมทราย หรือดินเหนียว
           ปุ๋ย : นิยมให้ปุ๋ยหมัก หรือ ปุ๋ยคอก ในอัตรา 2-3 โลต่อต้น รวมทั้งควรจะให้ปุ๋ยปีละ 3-4 ครั้ง
การขยายพันธุ์
           วิธีขยายพันธุ์ต้น[url=http://www.disthai.com/16488365/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%9E%E0%B8%A4%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B9%8C]ราชพฤกษ์[/url][/url][/color]ที่นิยมเป็นการเพาะเม็ด โดยใช้เมล็ดใหม่ๆมาขลิบด้วยกรรไกรตัดเล็บ แต่จะต้องเลือกขลิบบริเวณด้านป้าน เนื่องจากด้านแหลมจะมีต้นอ่อนอยู่ แล้วต่อจากนั้นนำไปแช่น้ำสะอาดทิ้งไว้ข้ามวัน จึงค่อยเทน้ำออกให้เหลือจำนวนเพียงพอหล่อเลี้ยงเมล็ดได้ จากนั้นทิ้งไว้อีกคืนก็จะพบรากผลิออก รวมทั้งสามารถนำลงปลูกได้เลย
ความเชื่อเกี่ยวกับต้นราชพฤกษ์
           มั่นใจว่าฯลฯพืชที่มีความเป็นสิริมงคล ที่ควรจะปลูกเอาไว้ภายในทิศตะวันตกเฉียงใต้ และถ้าปลูกไว้ในบ้านจะช่วยทำให้ทรงเกียรติขั้น ศักดิ์ศรี และก็เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทางไสยเวท โดยใช้ใบทำน้ำมนต์สะเดาะเคราะห์ เนื่องด้วยเป็นพืชที่มีความเป็นสิริมงคลนาม http://www.disthai.com/

9
อื่น ๆ / ตะไคร้มีสรรพคุณ-ประโยชน์อย่างไร
« เมื่อ: สิงหาคม 09, 2018, 06:45:35 AM »

ตะไคร้
ตะไคร้ ชื่อสามัญ Lemongrass
ตะไคร้ ชื่อวิทยาศาสตร์ Cymbopogon citratus (DC.) Stapf จัดอยู่ในวงศ์ต้นหญ้า (POACEAE หรือ GRAMINEAE)
ตะไคร้จัดเป็นไม้ล้มลุกเครือญาติหญ้า ใบมีลักษณะเรียวยาว ปลายใบมีขนหนาม เป็นสมุนไพรไทยชนิดหนึ่งที่นิยมนำมาทำกับข้าว โดยตะไคร้แบ่งได้เป็น 6 ชนิด เช่น ตะไคร้หอม ตะไคร้กอ ตะไคร้ต้น ตะไคร้น้ำ ตะไคร้หางนาค รวมทั้งตะไคร้หางราชสีห์ ซึ่งเป็นสมุนไพรไทยที่นิยมนำมาปลูกทั่วๆไปในบ้านพวกเรา โดยมีถื่นกำเนิดในประเทศอินเดีย อินโดนีเซีย ประเทศพม่า ศรีลังกา และก็ไทย
ตะไคร้ เป็นอีกทั้งยารักษาโรคและยังมีวิตามินแล้วก็แร่ธาตุที่มีสาระต่อสุขภาพอีกด้วย ได้แก่ วิตามินเอ ธาตุแคลเซียม ธาตุฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก ฯลฯ
คุณประโยชน์ของตะไคร้
มีส่วนช่วยสำหรับในการขับเหงื่อ
เป็นยาบำรุงธาตุไฟให้รุ่งโรจน์ (ต้นตะไคร้)
มีสรรพคุณเป็นยาบำรุงธาตุ ช่วยสำหรับในการเจริญอาหาร
ช่วยแก้อาการเบื่อข้าว (ต้น)
สารสกัดจากตะไคร้มีส่วนช่วยสำหรับการคุ้มครองโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่
แก้รวมทั้งบรรเทาอาการหวัด อาการไอ
ช่วยรักษาอาการไข้ (ใบสด)
ใช้เป็นยาแก้ไข้เหนือ (ราก)
น้ำมันหอมระเหยของใบตะไคร้สามารถบรรเทาลักษณะของการปวดได้
ช่วยแก้อาการปวดศีรษะ
ช่วยรักษาโรคความดันโลหิตสูง (ใบสด)
ใช้เป็นยาแก้อาเจียนหากเอาไปใช้ร่วมกับสมุนไพรประเภทอื่นๆ(หัวตะไคร้)
ช่่วยแก้อาการกษัยเส้นแล้วก็แก้ลมใบ (หัวตะไคร้)
รักษาโรคโรคหอบหืดด้วยการใช้ต้นตะไคร้
ช่วยแก้อาการเสียดแน่นแสบรอบๆทรวงอก (ราก)
ใช้เป็นยาแก้ลักษณะของการปวดท้องและอาการท้องเสีย (ราก)
ช่วยแก้และก็ทุเลาลักษณะของการปวดท้อง
ช่วยรักษาอาการท้องอืดท้องอืดท้องเฟ้อ (หัวตะไคร้)
ช่วยสำหรับการขับน้ำดีมาช่วยในการย่อยอาหาร
น้ำมันหอมระเหยจากตะไคร้มีส่วนช่วยลดการบีบตัวของลำไส้ได้
มีฤทธิ์ช่วยสำหรับการขับปัสสาวะ
ช่วยแก้อาการเยี่ยวพิการและรักษาโรคนิ่ว (หัวตะไคร้)
ช่วยแก้อาการขัดเบา (หัวตะไคร้)
ใช้เป็นยาแก้ขับลม (ต้น)
ช่วยรักษาอหิวาต์
ช่วยแก้ลมอัมพาต (หัวตะไคร้)
ใช้เป็นยารักษาโรคเกลื้อน (หัวตะไคร้)
น้ำมันหอมระเหยจากตะไคร้ สามารถช่วยต้านเชื้อราบนผิวหนังได้อย่างดีเยี่ยม
ช่วยแก้โรคหนองใน ถ้าหากนำไปผสมกับสมุนไพรจำพวกอื่นๆ

คุณประโยชน์ต่างๆที่ได้รับจากตะไคร้
นำมาใช้ทำเป็นน้ำตะไคร้หอม น้ำตะไคร้ใบเตย ช่วยดับร้อนแก้หิวได้เป็นอย่างดี
ช่วยในการบำรุงแล้วก็รักษาสายตา
มีส่วนช่วยในการบำรุงกระดูกแล้วก็ฟันให้แข็งแรง
มีส่วนช่วยในการบำรุงสมองและเพิ่มสมาธิ
สามารถประยุกต์ใช้ทำเป็นยานวดได้
ช่วยแก้ปัญหาผมแตกปลาย (ต้น)
มีฤทธิ์เป็นยาช่วยสำหรับเพื่อการนอน
การปลูกตะไคร้ร่วมกับผักประเภทอื่นๆจะช่วยปกป้องแมลงได้อย่างดีเยี่ยม
นำมาใช้เป็นส่วนประกอบของสารยับยั้งกลิ่นต่างๆ
ต้นตะไคร้ช่วยดับกลิ่นคาวหรือเหม็นคาวของปลาได้เป็นอย่างดี
กลิ่นหอมยวนใจของตะไคร้สามารถช่วยไล่ยุงและกำจัดยุงได้เป็นอย่างดี
เป็นส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ชนิดยากันยุงชนิดต่างๆดังเช่น ยากันยุงตะไคร้หอม
สามารถนำไปดัดแปลงเป็นผลิตภัณฑ์ได้หลายแบบ ดังเช่นว่า เครื่องปรุงอบแห้ง ตะไคร้แห้งสำหรับชงดื่ม นำมาสกัดเป็นน้ำมันหอมระเหย เป็นต้น
มักนิยมนำมาใช้ในการเตรียมอาหารหลากหลายประเภท ดังเช่นว่า ต้มยำ และก็อาหารไทยอื่นๆเพื่อเพิ่มรส
วิธีทําน้ําตะไคร้หอม
คุณประโยชน์ตะไคร้จัดเตรียมวัตถุดิบดังนี้ ตะไคร้ 1 ต้น / น้ำเชื่อม 15 กรัม / น้ำดื่ม 240 กรัม
ล้างตะไคร้ให้สะอาด แล้วเอามาหั่นเป็นท่อน ทุบให้แตก
ใส่ลงหม้อต้มกับน้ำให้เดือด กระทั่งน้ำตะไคร้ออกมาปนกับน้ำจนถึงเป็นสีเขียว
คอยสักครู่แล้วยกลง จากนั้นกรองเอาตะไคร้ออกแล้วเพิ่มเติมน้ำเชื่อมให้ได้รสตามพึงพอใจ
เสร็จแล้วกระบวนการทำน้ำตะไคร้
แนวทางทําน้ําตะไคร้ใบเตย
น้ำตะไคร้ การทําน้ําตะไคร้ใบเตยนั้นสิ่งแรกให้เตรียมวัตถุดิบดังนี้ ตะไคร้ 2 ต้น / ใบเตย 3 ใบ / น้ำ 1-2 ลิตร / น้ำตาลแดง 2 ช้อนชา (จะใส่หรือไม่ก็ได้)
นำตะไคร้มาตีให้แหลกพอประมาณ แล้วก็ใช้ใบเตยมัดตะไคร้ไว้ให้เป็นก้อน
ใส่ตะไคร้และใบเตยลงไปในหม้อแล้วเพิ่มน้ำ 1 ถึง 2 ลิตร แล้วต้มให้เดือดสักราวๆ 5 นาที เป็นอันเสร็จสำหรับวิธีการทําน้ํา ตะไคร้
โดยตะไคร้รวมทั้งใบเตยชุดเดียวกัน สามารถเติมน้ำต้มใหม่ได้ 2-3 รอบ แต่รสบางทีอาจจืดชืดลงไปบ้าง เอามาดื่มแทนน้ำช่วยเพิ่มความมีชีวิตชีวา แถมช่วยบำรุงสุขภาพอีกด้วย
ค่าทางโภชนาการของตะไคร้
การเล่าเรียนของตะไคร้ขนาด 100 กรัม พบว่าให้พลังงาน 143 กิโลแคลอรี่ มีสารอาหารสำคัญมี โปรตีน 1.2 กรัม ไขมัน 2.1 กรัม คาร์โบไฮเดรต 29.7 กรัม เส้นใย 4.2 กรัม แคลเซียม 35 มิลลิกรัม ธาตุฟอสฟอรัส 30 มก. เหล็ก 2.6 มิลลิกรัม วิตามินเอ 43 ไมโครกรัม ไทอามีน 0.05 มิลลิกรัม ไรโบฟลาวิน 0.02 มิลลิกรัม ไนอาซิน 2.2 มก. วิตามินซี 1 มิลลิกรัม และ เถ้า 1.4 กรัม
โทษของตะไคร้
พิษของน้ำมันตะไคร้ ปริมาณน้ำมันตะไคร้ ที่ทำให้หนูขาวตายที่ครึ่งหนึ่งของจำนวนหนูขาวทั้งหมด ด้วยการให้ทางปาก  ที่ความเข้มข้น 5,000 มิลลิกรัม/กิโล และการให้น้ำมันหอมระเหยทางกระเพาของกินแก่กระต่ายที่ทำให้กระต่ายตายที่ครึ่งเดียว พบว่า มีปริมาณความเข้มข้นเดียวกันกับการให้แก่หนูขาว พิษเฉียบพลันของน้ำมันหอมระเหยจากตะไคร้ที่ความเข้มข้น 1,500 ppm ในระยะเวลา 60 วัน กลับได้มาพบว่า หนูขาวที่ได้รับน้ำมันหอมระเหยของตะไคร้มีการเติบโตเร็วกว่ากลุ่มที่ไม้ได้รับ และค่าทางเคมีของเลือดไม่มีความเคลื่อนไหวแต่อย่างใด

Tags : ประโยชน์ตะไคร้

10

บุก
บุก มีคุณประโยชน์ ช่วยลดระดับน้ำตาลในเส้นโลหิต รักษาโรคโรคเบาหวาน เป็นยาแก้ไข้จับสั่น ช่วยแก้ไอ ละลายเสลด แก้โรคท้องมาน ใช้สำหรับสตรีเมนส์มาไม่ดีเหมือนปรกติ ใช้แก้พิษงู ใช้เป็นยาแก้แผลไฟไหม้รวมทั้งน้ำร้อนลวก แก้ฝีหนองบวมอักเสบ  ใช้เป็นยาแก้ปวด แก้ฟกช้ำ ช่วยแก้ริดสีดวงทวาร ช่วยขับเมนส์ของสตรี ใช้เป็นยาพอกฝี
บุก มีชื่อสามัญว่า Konjac อ่านออกเสียงว่า คอน-จัค มีชื่อด้านวิทยาศาสตร์ว่า Amorphophallus konjac K.Koch ชื่อเรียกอื่นๆของบุก เป็นต้นว่า บุกลุกงคก เบีย เบือ มันซูรัน หัวบุก บุกคางคก บุกหนาม บุกหลวง แพทย์ ยวี จวี๋ ยั่ว หมอยื่อ ฯลฯ
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของต้นบุก
ต้นบุก นับว่าเป็น ไม้ล้มลุกชนิกหนึ่ง เป็นไม้เนื้ออ่อน ลักษณะของลำต้นอวบรวมทั้งมีสีเขียวเข้ม ใบบุกเป็นใบคนเดียว ซึ่งใบของบุกจะแตกใบที่ยอดรวมทั้งใบแผ่ขึ้นราวกับร่มกาง ดอกของบุกจะมีสีเหลือง จะบานในตอนค่ำ มีกลิ่นฉุน ลักษณะเสมือนดอกหน้าวัว
ลำต้นแทงขึ้นมาจากหัวใต้ดิน มีความสูงของต้นราวๆ 50-150 เซนติเมตร หัวที่อยู่ใต้ดินนั้นมีขนาดใหญ่ ลักษณะของหัวเป็นรูปค่อนข้างจะกลมแบนน้อย หรือกลมแป้น มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางราว 25 ซม. ผิวเป็นสีน้ำตาลเข้มหรือสีดำ ลำต้นและแขนงมีลักษณะกลมใหญ่ เปลือกลำต้นเป็นสีเขียวมีลายแต้มสีขาวปะปนอยู่
ใบบุก ใบเป็นใบประกอบแบบขน มีใบย่อยเรียงสลับ ลักษณะของใบเป็นรูปไข่กลมรี ปลายใบแหลม ส่วนขอบของใบเรียบ ใบมีขนาดยาวประมาณ 15-20 เซนติเมตร
ดอกบุก มีดอกเป็นดอกลำพัง ลักษณะของดอกเป็นรูปทรงทรงกระบอกกลมแบน มีกลิ่นเหม็น สีม่วงแดงอมเขียว มีกาบใบยาวประมาณ 30 เซนติเมตร สีม่วงอมเหลือง โผล่ขึ้นพ้นจากกลีบเลี้ยงที่มีสีม่วง
ผลบุก ลักษณะของผลเป็นรูปกลมแบน เมื่อสุกจะเป็นสีส้ม
สรรพคุณของบุก
สำหรับสรรพคุณของบุก เรานิยมใช่ประโยน์ทางยาของบุก จาก หัว รากและก็เนื้อของลำต้น รายละเอียด ดังต่อไปนี้
หัวบุก มีคุณประโยชน์ช่วยลดระดับน้ำตาลในเส้นเลือด รักษาโรคโรคเบาหวาน เป็นยาแก้ไข้จับสั่น ช่วยแก้ไอ ละลายเสมหะ แก้โรคท้องมาน ใช้สำหรับสตรีรอบเดือนมาไม่ดีเหมือนปรกติ ใช้แก้พิษงู ใช้เป็นยาแก้แผลไฟไหม้แล้วก็น้ำร้อนลวก แก้ฝีหนองบวมอักเสบ  ใช้เป็นยาพารา แก้ฟกช้ำ
รากของบุก ช่วยแก้ริดสีดวงทวาร ช่วยขับรอบเดือนของสตรี ใช้เป็นยาพอกฝี

ข้อควรระวังในการบริโภคบุก
สำหรับสิ่งที่ไม่อนุญาตสำหรับในการรับประทานบุก คือ หัวบุกจะมีรสเผ็ด เป็นยาร้อน มีพิษ ออกฤทธิ์ต่อม้าม ตับ รวมทั้งระบบทางเดินอาหาร ด้วยเหตุผลดังกล่าว ในกลุ่มคนที่ ม้าม ตับ และก็ระบบทางเดินอาหาร ไม่ดี ควรจะหลีกเลี่ยงรับประทาน และไม่กินมากเกินไป ซึงสิ่งที่จำเป็นต้องระมัดระวังสำหรับเพื่อการบริโภคบุก มีรายละเอียดดังต่อไปนี้
ในเนื้อหัวบุกป่าจะมีผลึกของแคลเซียมออกซาเลท (Calcium oxalate) เยอะๆ ที่กระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดอาการคัน ส่วนเหง้าและก็ก้านใบถ้าเกิดปรุงไม่ดีแล้วรับประทานเข้าไปจะก่อให้ลิ้นพองรวมทั้งคันปากได้
ก่อนเอามากินจะต้องกำจัดพิษออกก่อน และไม่รับประทานกากยาหรือยาสด
แนวทางการกำจัดพิษจากหัวบุก ให้นำหัวบุกมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆตำพอแหลก คั้นเอาน้ำออกพักไว้ นำกากที่ได้ไปต้มน้ำ แล้วคั้นมัวแต่น้ำ นำไปผสมกับน้ำที่คั้นทีแรก แล้วก็ค่อยนำไปต้มกับน้ำปูนใสเพื่อพิษหมดไป เมื่อเดือดก็พักไว้ให้เย็น จะจับกุมกันเป็นก้อน ก็เลยสามารถใช้ก้อนดังกล่าวในการประกอบอาหารหรือนำไปตากแห้งเพื่อใช้เป็นยาได้ถ้าอาการเป็นพิษจากการกินบุก ให้กินน้ำส้มสายชูหรือชาแก่ แล้วตามด้วยไข่ขาวสด แล้วให้รีบไปพบแพทย์
เนื่องด้วยวุ้นบุกสามารถขยายตัวได้มาก จึงไม่ควรบริโภควุ้นบกภายหลังการกิน แม้กระนั้นให้รับประทานก่อนอาหารไม่น้อยกว่าครึ่งชั่วโมงถึงหนึ่งชั่วโมง ส่วนการบริโภคของกินที่ผลิตขึ้นจากวุ้น อาทิเช่น วุ้นก้อนรวมทั้งเส้นวุ้น สามารถบริโภคพร้อมของกินหรือหลังรับประทานอาหารได้ เพราะเหตุว่าวุ้นดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้นได้ผ่านกรรมวิธีแล้วก็ได้ขยายตัวมาก่อนแล้ว และการการที่จะขยายตัวหรือขยายตัวได้อีกนั้นก็เลยเป็นได้ยาก ส่วนในเรื่องของค่าทางโภชนาการนั้นพบว่าวุ้นบุกไม่ให้พลังงานแก่ร่างกาย เนื่องด้วยไม่มีการสลายตัวเป็นน้ำตาลในร่างกาย และไม่มีวิตามินและธาตุ หรือสารอาหารอะไรก็แล้วแต่ที่มีคุณประโยชน์ต่อสภาพทางด้านร่างกายเลยกลูโคแมนแนนส่งผลทำให้การดูดซึมของวิตามินที่ละลายในไขมันลดน้อยลง ซึ่งจะไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพโดยรวมได้ แต่จะไม่เป็นผลต่อการดูดซึมของวิตามินที่ละลายในน้ำ
การกินผงวุ้นบุกในจำนวนมาก อาจจะก่อให้มีอาการท้องเดินหรือท้องเฟ้อ มีลักษณะหิวน้ำมากยิ่งกว่าเดิม บางคนอาจมีอาการอ่อนเพลียเนื่องจากระดับน้ำตาลในเลือดต่ำลงได้http://www.disthai.com/

11

บุก สมุนไพรไทย เพื่อหลีกไกล เรื่องอ้วนๆ
บุก มาแล้ว ! บุกมาแล้ว !  รีบหนีเร็ว  เอ๊ะยังไงนี่ พวกเรากำลังดูหนังสงครามอยู่เหรอ เปล่าครับผม บุกในที่นี้ไม่ได้ถึงศัตรูบุก แต่หมายความว่าหัวบุก สมุนไพรไทยบ้านพวกเรา ต่างหาก และก็ที่ต้องหนี ไม่ใช่คนใดตรงไหน แต่เป็นโรคฮอตฮิตในปัจจุบันอย่างโรคอ้วน โรคเบาหวาน ต่างหากที่จำต้องหนีไป
บุก ส่วนที่เห็นเป็น หัวบุก ทีแรกเรื่องของบุกในเมืองไทย มันก็ไม่ได้แพร่หลายหรือเป็นยอดนิยมราวกับตอนนี้เพราะเหตุว่าจริงๆตอนแรกมันก็เป็นพืชพื้นบ้านอยู่ดี  คนในเขตแดนก็นำบุกมาทำกับข้าว เหมือนเผือก เสมือนมันทั่วๆไปเพียงพอเริ่มมีคนมาวิจัย   คุณประโยชน์ต่างๆของมัน เลยแปลงเป็นพืชสมุนไพรไทยที่ได้รับความนิยม มีการดัดแปลงเป็นแบบอย่างต่างๆตั้งแต่สารสกัด บุกผง วุ้นบุก แล้วก็อื่นๆอีกมากมาย วันนี้เองก็น่าจะไม่ช้าเหลือเกินที่จะนำทุกคนมารู้จะ พืชสมุนไพรไทย ที่เรียกว่าบุกกันแบบลึกซึ้งมารู้จะบุกกัน
ชื่อไทย   บุก
ชื่อสามัญ  Konjac ,  devil’s tongue  (ลิ้นผี  น่าสยองนะครับชื่อนี้ คาดว่ามาจากรูปแบบของดอกบุก )   , shade palm, umbrella arum
ชื่อวิทยาศาสตร์      Amorphophallus rivieri Durieu cv. Konjac
ชื่อวงศ์    ARACEAE
ชื่อตามเขตแดน  :  บุกลุกงคก (จังหวัดชลบุรี) เบีย เบือ (แม่ฮ่องสอน) มันซูรัน (ภาคดลาง)  หัวบุก (จังหวัดปัตตานี) บุกคางคก  (ภาคกึ่งกลาง, เหนือ) บุกหนาม บุกหลวง (แม่ฮ่องสอน)  กระบุก (อิสาน)
เราพบบุกถึงที่เหมาะไหน
บุกเป็นพืชป่าล้มลุกที่เจอทั่วไปทุกภาคของประเทศ โดยขึ้นอยู่ตาม ชายป่า รวมทั้งบางคราวก็พบตามพื้นที่ ปลูกข้าว อาทิเช่นที่จังหวัดปทุมธานี และนนทบุรี เป็นต้น บุกขึ้นได้ในภาวะดินทุกชนิด แต่ว่าจะเจริญวัยเจริญให้หัวขนาด ใหญ่ได้ในดินที่ร่วนซุย น้ำไม่ขังรวมทั้งดินที่มีฮิวมัส หรืออินทรียวัตถุสูง
รูปแบบของต้นบุก
ลักษณะของต้น บุก แสดงให้เห็นองค์ประกอบเป็นใบบุก แล้วก็หัวบุกลำต้นใต้ดิน  บุกมีลำต้นใต้ดินหรือที่เราเรียกแบบง่ายๆก็คือ หัวบุก  ลักษณะเดียวกันกับเรียกหัวเผือก หัวมัน ขนาดอยู่ที่ราวๆ 25 ซม. (บางพันธ์บางทีอาจเล็กมากยิ่งกว่านี้ )ทรงกลมแป้นลักษณะทรงเดียวกับลูกฟักทอง แม้กระนั้นบางสายพันธ์มีลักษณะพิเศษแตกต่างออกไป  ซึ่งส่วนนี้เอง เป็นใช้ที่สะสมของกินของบุก
 ใบบุก  ลักษณะเหมือนใบมะละกอ มีสีเขียวเข้ม บางชนิดมีก้านใย เป็นลวดลายบางจำพวกมีหนามอ่อนๆ หรือบางครั้งบางคราวบุกบางประเภทก็มีใบมีจุดแบบไข่ปลาสีขาวด้านบน  จะมีความคิดเห็นว่าใบบุกมีใบลักษณะที่มากมายมาก  แม้กระนั้นที่เด่นๆดูง่ายว่าเป็บุกเป็น จะมีก้านตรงจากกึ่งกลางของหัว เมื่อโผล่จากดินแล้วแผ่กางออก 3 ทาง มีรูปทรงแผ่กว้างแบบร่ม แม้กระนั้นบาง ประเภทจะแปลกตรงที่กลับขึ้นด้านบนเหมือนหงายร่ม ด้วยเหตุนี้ลักษณะของใบบุก มีหลายแบบขึ้นอยู่กับจำพวกของบุก
ดอกของบุกลักษณะดอกดอกเหมือนต้นหน้าวัว แต่ละประเภทมีขนาด สี และรูป ทรงแตกต่างกัน บางชนิดมีดอกใหญ่มาก โดยยิ่งไปกว่านั้นบุกคางคก ดอกบุกมีกลิ่น เหม็นราวกับเนื้อสัตว์เน่า บุกจำพวกอื่นๆมีดอกเล็กก้านดอกจะโผล่ขึ้นตรง จากกึ่งกลางหัวบุก เหมือนกันกับก้านใบ บุกมักจะมีดอกในช่วงปลายหน้าแล้ง แต่บุกสามารถมีดอกได้ในช่วง เวลาต่างๆกัน ช่วงเวลาสำหรับเพื่อการแก่สุดกำลัง ของดอกที่จะติดผลก็ไม่เหมือนกัน
 ผลบุก (อย่างวยงงกับหัวบุกนะ ) ภายหลังดอก สืบพันธุ์ก็จะเป็นผล ผลอ่อนของบุก มีสีขาวอมเหลือง พอเพียงอายุ ได้ 1-2 เดือน จะส่งผลสีเขียวเข้ม มีจุดดำที่ปลายเหมือนผลกล้วย ผล ของบุกส่วนใหญ่จะมีลักษณะคล้ายกัน แต่เมล็ดด้านในต่างกัน พบว่าส่วนใหญ่มีเม็ดเป็นรูปทรงอูมยาว  บุกบางประเภทก็มีเมล็ดในกลม   ผลแก่ของบุกจะมีสีแดงหรือแดงส้ม

บุกกับการนำมาเข้าครัว
เป็นพืชของกินพื้นเมืองซึ่งคนไทยนำเอาก้านใบมาแกงส้ม ลวกจิ้มน้ำพริก     ส่วนหัวบุกมีการนำไปดัดแปลงปรับปรุงแก้ไขตามแต่ละภูมิภาค ตัวอย่างเช่นทางภาคอีสาน มีการทำของหวานที่เรียกว่าขนมบุก แกงบรรพชามันบุก แกงอีสาน (แกงลาว)   ภาคตะวันออกจะมีการฝาน หัวบุกเป็นแผ่น บางบาง แล้วนำมานึ่งรับประทานกับข้าว ทางภาคเหนือโดยเฉพาะชาวเขา มักเอามา ปิ้งรับประทาน ภาคกึ่งกลางมักนำหัวบุกที่ฝานเป็นชิ้นบางๆมาแช่น้ำปูน แช่น้ำก่อนล้างหลายๆครั้งและหลังจากนั้นก็ค่อยนำไปทำเป็นขนมหวาน
*บุกมีหลายแบบหลายพันธุ์ บางทีอาจขมและเป็นพิษ ทุกประเภทมีผลึกแคลเซียมออกซาเลต (calcium oxalate) ทั้งที่ก้านใบรวมทั้งหัว ซึ่งอาจส่งผลให้คัน ก่อนนำมาประกอบอาหารจะต้องต้มซะก่อน ไม่อย่างนั้นรับประทานเข้าไปทำให้คันปากและลิ้นพอง
ของกินที่ดัดแปลงมาจากบุก
เดี๋ยวนี้มีการนำบุกมาดัดแปลง ในรูปแบบของเส้นบุก ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ดัดแปลงจากท่อนหัวบุก มีแบบเส้นใส สามารถเอามาปรุงเป็นอาหารจานอร่อยได้ ผมว่าใครกันแน่เคยไปรับประทานเนื้อย่างอาจจะเคยเจอบ้าง นอกจากเส้นบุกแล้วมีการนำมาผสมเครื่องดื่มต่างๆเอาแบบได้รับความนิยมๆอดีต คือ เจเล่ ผสมผงบุก หากจำไม่ผิดอันนี้เขามาทำเป็นรายแรก (ผู้ครอบครองบริษัทผ่านมาอ่านขอค่าโฆษณาด้วยครับ)
คุณประโยชน์ของบุก
จากการศึกษาเล่าเรียนพบว่า  แป้งบุกเป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน พวกกลูวัวแมนแนน (glucomannan) เป็นสารโมเลกุลใหญ่ (polysaccharides)ที่ประกอบด้วยน้ำตาล 2 ประเภทเป็นดี-เดกซ์โทรส (D-glucose) รวมทั้ง (D-mannose) เป็นสารที่มีคุณประโยชน์ต่อสุขภาพในรูปของใยอาหาร (dietary fiber)  ซึ่งดูดน้ำได้มาก แม้กระนั้นร่างกายเสื่อมสภาพได้ยาก ซับได้ช้า ก็เลยให้พลังงานและก็สารอาหารน้อย เหลือกากมาก ทำให้ระบบขับถ่ายปฏิบัติงานดี ผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักนิยมทานอาหารจากแป้งบุก ดังเช่นว่า วุ้นเส้นบุก เส้นหมี่แป้งหัวบุก ด้วยเหตุว่ากินอิ่มได้ ระบายท้อง แต่ว่าไม่ทำให้อ้วน
ยิ่งไปกว่านี้เองเจ้า สารกลูวัวแมนแนนนี้ สามารถลดปริมาณน้ำตาลในเลือดได้ ก็เพราะว่าความเหนี่ยว ซึ่งยับยั้งการดูดซึมของกลูโคลสจากทางเดินอาหาร ยิ่งเหนียวหนืดมาก็ยิ่งส่งผลลดการดูดซึมกลูโคลส ฉะนั้น กลูโคแมนแนนช่วยลดน้ำตาลได้ดีมากมาย ตอนนี้ก็เลยใช้แป้งเป็นวุ้นเป็นอาหารสำหรับคนเจ็บเป็นโรคโรคเบาหวาน และสำหรับผู้เจ็บป่วยเป็นโรคมีไขมันในเลือดสูง
นี่แหละครับผมคือผลดีจากบุก ทดลองหามาทานกันครับ มีสาระขนาดนี้ สมัยปัจจุบันไม่หายากแล้วเดินไปห้าง ก็ได้บุกเส้นแล้ว แนะนำมามายำแบบยำวุ้นเส้นครับผม รับประกันอร่อยแท้ๆ http://www.disthai.com/

Tags : สมุรไพรบุก

12

บุก (Amorphophallus spp.) มีชื่อสามัญว่า Konjac (คอนจัค)12 ในไทยจะใช้บุกที่มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Amorphophallus paeoniifolius (Dennst.) Nicolson หรือที่เราเรียกว่า “บุกคางคก” ซึ่งเป็นพืชวงศ์เดียวกันกับบุกจำพวกที่มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Amorphophallus konjac K.Koch แต่ว่าต่างจำพวกกัน ซึ่งมีคุณลักษณะและคุณประโยชน์ทางยาที่ใกล้เคียงกัน และก็สามารถนำมาใช้แทนกันได้
บุก
บุก ชื่อสามัญ Devil’s tongue, Shade palm, Umbrella arum
บุก ชื่อวิทยาศาสตร์ Amorphophallus konjac K.Koch (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Amorphophallus rivieri Durand ex Carrière) จัดอยู่ในสกุลบอน (ARACEAE)
สมุนไพรบุก มีชื่อเรียกอื่นว่า หมอ ยวี จวี๋ ยั่ว (จีนแต้จิ๋ว), แพทย์ยื่อ (ภาษาจีนกลาง) ฯลฯ
ต้นบุก จัดเป็นพรรณไม้ล้มลุกที่มีอายุหลาย ลำต้นแทงขึ้นมาจากหัวใต้ดิน มีความสูงของต้นราว 50-150 ซม. หัวที่อยู่ใต้ดินนั้นมีขนาดใหญ่ รูปแบบของหัวเป็นรูปค่อนข้างจะกลมแบนน้อย หรือกลมแป้น มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางโดยประมาณ 25 ซม. ผิวเป็นสีน้ำตาลเข้มหรือสีดำ ลำต้นรวมทั้งแขนงมีลักษณะกลมใหญ่ เปลือกลำต้นเป็นสีเขียวมีลายทาสีขาวปะปนอยู่
หัวบุก
ใบบุก ใบเป็นใบประกอบแบบขน มีใบย่อยเรียงสลับ รูปแบบของใบเป็นรูปไข่กลมรี ปลายใบแหลม ส่วนขอบใบเรียบ ใบมีขนาดยาวราวๆ 15-20 เซนติเมตร
ใบบุก
ดอกบุก ออกดอกเป็นดอกลำพัง ลักษณะของดอกเป็นทรงทรงกระบอกกลมแบน มีกลิ่นเหม็น สีม่วงแดงอมเขียว มีกาบใบยาวโดยประมาณ 30 ซม. สีม่วงอมเหลือง โผล่ขึ้นพ้นจากกลีบเลี้ยงที่มีสีม่วง
ผลบุก ลักษณะของผลเป็นรูปกลมแบน เมื่อสุกจะเป็นสีส้ม
ดอกและก็ผลบุก
บุกคางคก
บุกคางคก ชื่อสามัญ Stanley’s water-tub, Elephant yam
บุกคางคก ชื่อวิทยาศาสตร์ Amorphophallus paeoniifolius (Dennst.) Nicolson (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Amorphophallus campanulatus Decne.) จัดอยู่ในตระกูลบอน (ARACEAE)
สมุนไพรบุกคางคก มีชื่อแคว้นอื่นๆว่า บุกหลวง บุกหนาม เบีย เบือ (แม่ฮ่องสอน), บักกะเดื่อ (สกลนคร), กระบุก (บุรีรัมย์), บุกคางคก บุกปะทุงคก (ชลบุรี), หัวบุก (จังหวัดปัตตานี), มันซูรัน (ภาคกึ่งกลาง), บุก (ทั่วๆไป), กระแท่ง บุกคอย หัววุ้น (ไทย), บุกอีรอกเขา ฯลฯ
ต้นบุกคางคก จัดเป็นพรรณไม้ล้มลุกจำพวกกะแท่งหรือเท้าคุณยายม่อมหัว แก่ได้นานนับเป็นเวลาหลายปี มีความสูงของต้นโดยประมาณ 5 ฟุต มีลักษณะของลำต้นอ้วนแล้วก็อวบน้ำไม่มีแก่น ผิวขรุขระ ลำต้นกลมและมีลายเขียวๆแดงๆลักษณะก็จะคล้ายกับคนเป็นโรคผิวหนัง ต้นบุกนั้นเพาะพันธุ์ด้วยแนวทางแยกหน่อ พรรณไม้จำพวกนี้จะเจริญงอกงามในช่วงฤดูฝน รวมทั้งจะโรยราไปในช่วงต้นหน้าหนาว ในประเทศไทยมักพบขึ้นเองตามป่าราบริมฝั่งแล้วก็ที่อำเภอศรีราชา ส่วนในต่างชาติบุกคางคกนั้นเป็นพืชประจำถิ่นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เจอได้ตั้งแต่ศรีลังกาไปจนกระทั่งอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์
ต้นบุกคางคก
หัวบุกคางคก คือส่วนของหัวที่อยู่ใต้ดิน มีลักษณะออกจะกลมและมีขนาดใหญ่สีน้ำตาล ผิวตะปุ่มตะป่ำ เส้นผ่าศูนย์กลางของหัวบุกนั้นจะมีขนาดตั้งแต่ 15 ซม.ขึ้นไป เนื้อในหัวเป็นสีเหลืองอมชมพู สีชมพูสด สีขาวขุ่น สีครีม สีเหลืองอ่อน สีเหลืองอมขาวละเอียดและก็เป็นมูกลื่น มียาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหัวสด หากสัมผัสเข้าจะก่อให้เกิดอาการคันได้ ก่อนนำมาปรุงเป็นอาหารนั้นจึงจะต้องทำให้เป็นเมือกโดยการต้มในน้ำเดือดเสียก่อน โดยน้ำหนักของหัวนั้นมีตั้งแต่ 1 กรัม ไปจนถึง 35 กิโล
บุกคางคก
ใบบุกคางคก ใบเป็นใบโดดเดี่ยว ออกที่ปลายยอดของต้น ใบแผ่ขยายออกเหมือนกางร่มแล้วหยักเว้าเข้าพบเส้นกึ่งกลางใบ ส่วนขอบของใบจะเว้าลึก ก้านใบกลม อวบน้ำและยาวได้ราวๆ 150-180 ซม.
ใบบุกคางคก
ดอกบุกคางคก มีดอกเป็นช่อ ดอกแทงขึ้นมาจากพื้นดินบริเวณของโคนต้น เป็นแท่งมีลายสีเขียวหรือสีแดงแกมสีน้ำตาล (ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์) ดอกออกเป็นช่อ แทงขึ้นมาจากหัวที่อยู่ใต้ดิน ก้านช่อดอกสั้น มีใบแต่งแต้มเป็นรูปหุ้มช่อดอก ขอบหยักเป็นคลื่นรวมทั้งบานออก ปลายช่อดอกเป็นรูปกรวยคว่ำขนาดใหญ่ ยับเป็นร่องลึก สีแดงอมน้ำตาลหรือสีม่วงเข้ม ดอกเพศผู้อยู่ตอนบน ส่วนดอกเพศเมียอยู่ตอนล่าง ดอกมีกลิ่นเหม็นคล้ายซากสัตว์เน่า
ดอกบุกคางเรือนจำ
ผลบุกคางคก ผลได้ผลสด เนื้อนุ่ม ลักษณะของผลเป็นรูปทรงรียาว ขนาดยาวราว 1.2 เซนติเมตร ผลมีมากมายติดกันเป็นช่อๆ(สิบถึงร้อยร้อยผลต่อหนึ่งช่อดอก)ผลอ่อนเป็นสีเขียว เมื่อสุกแล้วจะเปลี่ยนสีเหลือง สีส้ม จนกระทั่งสีแดง ข้างในผลมีเม็ดราว 1-3 เม็ด โดยมีสันขั้วเม็ดของแม้กระนั้นเม็ดแยกออกจากกัน เม็ดมีลักษณะกลมรีหรือเป็นรูปไข่
สรรพคุณของบุก
หัวบุกมีรสเผ็ด เป็นยาร้อน มีพิษ ออกฤทธิ์ต่อม้าม ตับ และระบบทางเดินอาหาร มีสรรพคุณช่วยลดระดับน้ำตาลในเส้นโลหิต (หัว)
ใช้เป็นของกินสำหรับคนไข้โรคเบาหวานและผู้ป่วยโรคไขมันในเลือดสูง ด้วยการแยกแป้งจากส่วนที่เป็นเนื้อทราย แล้วชงกับน้ำ โดยให้ใช้แป้ง 1 ช้อนชา ต่อน้ำ 1 แก้ว เอามาชงกับน้ำดื่มก่อนที่จะกินอาหารครึ่งชั่วโมงวันละ 2-3 มื้อ
หัวใช้เป็นยารักษาโรคมะเร็ง (หัว)
ใช้เป็นยาแก้ไข้จับสั่น (หัว)
ช่วยแก้อาการไอ (หัว)
หัวใช้เป็นยากัดเสลด ละลายเสมหะ ช่วยกระจายเสลดที่อุดตันบริเวณหลอดลม (หัว)
หัวบุกมีรสเบื่อคัน ใช้เป็นยากัดเสมหะเถาดาน รวมทั้งเลือดจับกันเป็นก้อน (หัว)
หัวนำมาต้มกับน้ำดื่มเป็นยาแก้โรคท้องมาน (หัว)
ช่วยแก้ริดสีดวงทวาร (ราก)
ช่วยแก้เมนส์ไม่มาของสตรี (หัว)6 ช่วยขับระดูของสตรี (ราก)
หัวนำมาต้มกับน้ำดื่มเป็นยาแก้โรคตับ (หัว)
ใช้แก้พิษงู (หัว)
ใช้เป็นยาแก้แผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก (หัว)
หัวใช้หุงเป็นน้ำมัน ใช้ใส่บาดแผล กัดฝ้ารวมทั้งกัดหนองก้าวหน้า (หัว)1,2,3,4 บางข้อมูลบอกว่ารากใช้เป็นยาพอกฝีได้ (ราก)
ใช้แก้ฝีหนองบวมอักเสบ (หัว)6
หัวใช้เป็นยาพาราบวม แก้ฟกช้ำ (หัว)
บุก เป็นสมุนไพรที่มีคุณประโยชน์ยิ่งกว่าไวอากร้า หรือเป็นยาเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ โดยคุณนิล ปักษา (บ้านหนองพลวง ตำบลโคกกลาง อำเภอลำปลายกาญจน์ จังหวัดจังหวัดบุรีรัมย์) ชี้แนะให้ลองพิสูจน์ ด้วยการเอาไม้พาดปากหม้อแล้วนำสมุนไพรบุกคางคก เอาพวงเม็ดนำมาปิ้งไฟให้หอมก่อน แล้วใช้ผูกกับไม้แขวนจุ่มลงไปในหม้อต้มใส่น้ำเพียงพอท่วมเมล็ดบุก ต้มกระทั่งเม็ดบุกร่วงลงหม้อ ตัวยาก็จะไหลลงมาด้วย เมื่อเดือดแล้วหลังจากนั้นก็ให้เพิ่มน้ำตาลทรายแดงพอควรลงไปต้มให้เพียงพอหวาน หลังจากนั้นลองชิมดู ถ้าเกิดยังมีลักษณะคันคออยู่ก็ให้เติมน้ำตาลเพิ่มแล้วพอหลังจากนั้นก็ค่อยชิมใหม่ ถ้าหากไม่มีอาการคันคอก็แสลงว่าใช้ได้ แล้วก็ให้นำสมุนไพรโด่ไม่รู้เรื่องล้มใส่เข้าไปด้วยราวๆ 1 กำมือ แล้วต้มให้เดือด ปล่อยให้เย็นและเก็บไว้ภายในตู้เย็น ใช้ดื่ม 1 เป็ก ราว 30 นาที จะปวดท้องเยี่ยวโดยธรรมชาติ หลังจากอาวุธนั้นจะพร้อมสู้ทันที (ผล)
หมายเหตุ : สำหรับวิธีการใช้ให้แยกแป้งจากส่วนที่เป็นเนื้อทราย แล้วเอามาชงกับน้ำดื่ม ส่วนขนาดที่ใช้นั้นให้ใช้แป้ง 1 ช้อนชา ต่อน้ำ 1 แก้ว ชงกับน้ำกินก่อนที่จะรับประทานอาหารครึ่งชั่วโมงวันละ 2-3 มื้อ2 ส่วนการใช้ตาม 6 ให้ใช้ครั้งละ 10-15 กรัม (เข้าใจว่าคือส่วนของหัว) นำมาต้มกับน้ำนาน 2 ชั่วโมง ก็เลยสามารถเอามารับประทานได้ ถ้าเกิดเป็นยาสดให้ใช้ตำพอกหรือนำมาฝนกับน้ำส้มสายชู หรือต้มเอาน้ำใช้ชำระล้างบริเวณที่เป็นแผล
ในเนื้อหัวบุกป่าจะมีผลึกของแคลเซียมออกซาเลท (Calcium oxalate) เป็นจำนวนมาก ที่นำไปสู่อาการคัน ส่วนเหง้ารวมทั้งก้านใบถ้าเกิดปรุงไม่ดีแล้วกินเข้าไปจะก่อให้ลิ้นพองแล้วก็คันปากได้8ก่อนเอามารับประทานจะต้องกำจัดพิษออกก่อน และไม่รับประทานกากยาหรือยาสด6
ขั้นตอนการกำจัดพิษจากหัวบุก ให้นำหัวบุกมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆตำพอแหลก คั้นเอาน้ำออกพักไว้ นำกากที่ได้ไปต้มน้ำ แล้วคั้นเอาแต่น้ำ นำไปผสมกับน้ำที่คั้นทีแรก แล้วหลังจากนั้นก็ค่อยนำไปต้มกับน้ำปูนใสเพื่อพิษหมดไป เมื่อเดือดก็พักไว้ให้เย็น จะจับกุมตัวกันเป็นก้อน ก็เลยสามารถใช้ก้อนดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้นในการปรุงอาหารหรือนำไปตากแห้งเพื่อใช้เป็นยาได้6ถ้าหากอาการเป็นพิษจากการกินบุก ให้รับประทานน้ำส้มสายชูหรือชาแก่ แล้วตามด้วยไข่ขาวสด แล้วให้รีบไปพบหมอ
เพราะวุ้นบุกสามารถขยายตัวได้มาก (ไม่ต่ำยิ่งกว่า 20 เท่าของเนื้อวุ้นแห้ง) ก็เลยไม่สมควรบริโภควุ้นบกคราวหลังการรับประทาน แม้กระนั้นให้รับประทานก่อนรับประทานอาหารไม่น้อยกว่าครึ่งชั่วโมงถึงหนึ่งชั่วโมง ส่วนการบริโภคอาหารที่ผลิตขึ้นจากวุ้น ยกตัวอย่างเช่น วุ้นก้อนและเส้นวุ้น สามารถบริโภคพร้อมของกินหรือหลังรับประทานอาหารได้ เนื่องจากว่าวุ้นดังที่กล่าวถึงมาแล้วได้ผ่านวิธีแล้วก็ได้ขยายตัวมาก่อนแล้ว และก็การการที่จะขยายตัวหรือพองตัวได้อีกนั้นจึงเป็นไปได้ยาก ส่วนในเรื่องของค่าทางโภชนาการนั้นพบว่าวุ้นบุกไม่ให้พลังงานแก่ร่างกาย เหตุเพราะไม่มีการเสื่อมสภาพเป็นน้ำตาลภายในร่างกาย และไม่มีวิตามินแล้วก็ธาตุ หรือสารอาหารใดๆที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายเลยกลูวัวแมนแนนมีผลทำให้การดูดซึมของวิตามินที่ละลายในไขมันน้อยลง (เช่น วิตามินเอ วิตามินดี วิตามินอี และวิตามินเค) ซึ่งจะไม่ทำให้เกิดผลเสียและไม่ดีต่อสุขภาพโดยรวมได้ แต่จะไม่เป็นผลต่อการดูดซึมของวิตามินที่ละลายในน้ำ (เช่น วิตามินบีรวม วิตามินซี)
การกินผงวุ้นบุกในปริมาณมาก อาจส่งผลให้มีลักษณะอาการท้องร่วงหรือท้องเฟ้อ มีลักษณะอาการหิวน้ำมากยิ่งกว่าเดิม บางคนอาจมีอาการอ่อนเพลียเพราะว่าระดับน้ำตาลในเลือดต่ำลงได้

ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของบุก
สารที่เจอ อย่างเช่น สาร Glucomannan, Konjacmannan, D-mannose, Takadiastase, แป้ง, โปรตีนบุก, วิตามินบี, วิตามินซี และก็ยังเจอสารที่เป็นพิษหมายถึงConiine, Cyanophoric glycoside ก้านบุกพบสาร Uniine รวมทั้งวิตามินบีที่ก้านช่อดอก6 แล้วก็หัวบุกยังมีโปรตีนอยู่ปริมาณร้อยละ 5-6 รวมทั้งมีคาร์โบไฮเดรตอยู่สูงปริมาณร้อยละ 672หัวบุกมีสารสำคัญหมายถึงกลูวัวแมนแนน (Glucomannan) เป็นสารชนิดคาร์โบไฮเดรต ซึ่งมีกลูโคส แมนโนส และก็ฟรุคโตส สารกลูโคแมนแนนสามารถช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ เนื่องด้วยมีความเหนียว ช่วยยั้งการดูดซึมของกลูโคสจากทางเดินอาหาร ยิ่งหนืดมากก็ยิ่งมีผลการดูดซึมเดกซ์โทรส ด้วยเหตุนี้ กลูวัวแมนแนน ซึ่งเหนียวกว่า gua gum ก็เลยสามารถลดน้ำตาลได้ดียิ่งไปกว่า จึงใช้แป้งเป็นวุ้นเป็นของกินสำหรับผู้เจ็บป่วยเบาหวานแล้วก็สำหรับผู้ที่เป็นโรคไขมันในเลือดสูงสารกลูโคแมนแนน (Glucomannan) จะมีจำนวนแตกต่างกันออกไปตามชนิดของบุก5
แป้งจากหัวบุกนั้นประกอบไปด้วยกลูโคนแมนแนนประมาณ 90% และก็สิ่งแปลกปลอมอื่นๆเป็นต้นว่า alkaloid, starch, สารประกอบไนโตเจนต่างๆsulfates, chloride, และก็พิษอื่น โมเลกุลของกลูโคแมนแนนนั้นหลักๆแล้วจะประกอบไปด้วยน้ำตาลสองประเภท คือ เดกซ์โทรส 2 ส่วน และแมนโนส 3 ส่วน โดยประมาณ เชื่อมต่อกันระหว่างคาร์บอนตำแหน่งที่ 1 ของน้ำตาลชนิดลำดับที่สอง กับคาร์บอนตำแหน่งที่ 4 ของน้ำตาลจำพวกแรกแบบ ?-1, 4-glucosidic linkage ซึ่งต่างจากแป้งที่เจอในพืชทั่วๆไป ก็เลยผิดย่อยโดยกรดแล้วก็น้ำย่อยในกระเพาะ เพื่อให้น้ำตาลที่ให้พลังงานได้8 นอกเหนือจากกลูวัวแมนแนนจะพบได้ในบุกแล้ว ยังเจอได้ในว่านหางจระเข้อีกด้วย9
กลูโคแมนแนน (Glucomannan) สามารถดูดน้ำรวมทั้งขยายตัวได้มากถึง 200 เท่า ของจำนวนเดิม เมื่อพวกเรารับประทานกลูโคแมนแนนก่อนอาหารครึ่งชั่วโมงถึงหนึ่งชั่วโมงครั้งละ 1 กรัม กลูวัวแมนแนนจะดูดน้ำที่มีมากมายในกระเพาะของพวกเรา แล้วเกิดการขยายตัวจนกระทั่งทำให้เรารู้สึกอิ่มของกินได้เร็วและก็อิ่มได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งจุดนี้เองที่ทำให้เรากินได้ลดน้อยลงกว่าปกติด้วย ทั้งกลูวัวแมนแนนจากบุกก็มีพลังงานต่ำมากมาย กลูวัวแมนแนนก็เลยช่วยสำหรับเพื่อการควบคุมน้ำหนักและเป็นอาหารของคนที่อยากได้ลดน้ำหนักได้อย่างดีเยี่ยม8
เมื่อนำสารที่สกัดได้จากบุกที่มีการกำจัดพิษแล้ว ให้หนูใหญ่รับประทานทีละ 15 กรัม ต่อ 1 กิโลกรัม ติดต่อกันเป็นระยะเวลา 2-3 สัปดาห์ พบว่าระดับของคอเลสเตอรอลในเลือดของหนูน้อยลงคิดเป็น 44% และก็ Triglyceride ลดลงคิดเป็น 9.5%6
สาร Glucomannan มีฤทธิ์ซับน้ำในกระเพาะและลำไส้ก้าวหน้ามากมาย และก็ยังสามารถไปกระตุ้นน้ำย่อยในไส้ให้มากขึ้น ทำให้มีการขับของที่ค้างในลำไส้ได้เร็วขึ้น6สารสกัดแอลกอฮอล์จากหัวบุก สามารถยั้งการก้าวหน้าของเชื้อวัณโรคในหลอดแก้วได้5
เมื่อนำสารที่สกัดได้จากบุกที่มีการกำจัดพิษแล้ว ให้หนูใหญ่ที่มีอาการบวมที่ขารับประทานครั้งละ 15 กรัม ต่อ 1 กก. พบว่าอาการบวมที่ขาของหนูลดลง6
คุณประโยช์จากบุกชาวไทยพวกเรานิ http://www.disthai.com/

13

น้ำมันเหลือง คืออะไร?
น้ำมันเหลือง ยาแผนโบราณจากพืชสมุนไพรประสิทธิภาพเยี่ยม ทำมาจากพืชสมุนไพรชนิดต่างๆกัน สรรพคุณที่ใช้ดม ทา นวด เพื่อบรรเทาอาการต่างๆคุณประโยชน์นี้ไม่เป็นรองยาแผนปัจจุบันเลยทีเดียว
บริการนวดน้ำมันเหลืองและก็จำนวนมากสร้างความแข็งแรง ระบบภูมิต้านทานรวมทั้งช่วยสำหรับในการย่อยอาหารดียิ่งขึ้น.
ศิลปะที่งดงามของการนวดได้ทวีความรุนแรงมากขึ้นด้วยการนวดน้ำมันบางมากมาย. น้ำมันนวดแต่ละคนมีคุณสมบัติรักษาโรคต่างๆที่มีเพื่อให้บริการด้านต่างๆสำหรับเพื่อการรักษาร่างกายและจิตใจของคุณอีกด้วย. เลือกน้ำมันที่ดีที่สุดสำหรับสิ่งที่จำเป็นเฉพาะบุคคลของคุณแล้วก็บรรเทาร่างกายของคุณด้วยการนวดผ่อนคลายและฟื้นฟูอย่างสม่ำเสมอ, เพื่อรักษาความสมดุลทางจิตใจวิญญาณของคุณและก็สุขภาพร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรงที่สุดของร่างกายของคุณ.
คุณประโยชน์ซึ่งมาจากการนวดน้ำมัน
นวดจริงซึ่งก็คือการกระตุ้นเยื่อของร่างกายด้วยมือ, เพื่อช่วยเหลือสุขภาพและฟื้นฟูให้ร่างกายทั้งปวง. น้ำมันนวดถูกวางแบบมาเพื่อมือเลื่อนได้ง่ายขึ้นในระหว่างนวด และก็ในเวลาเดียวกันเครื่องหอมอโรมาให้รู้สึกดีและผ่อนคลายมากที่สุดสำหรับทั้งร่างกายและจิตใจ. อ่านต่อไปเพื่อหารายละเอียดอื่นๆเกี่ยวกับประโยช์จากการนวดน้ำมันเหลืองแล้วก็ผ่อนคลายร่างกายของคุณที่มีประสบการณ์นวดมีชีวิตชีวา.
การใช้นำมันนวดตามจุดต่างๆ
การนวด[url=https://www.charmingfresh.com/product/49/%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%94%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%9E%E0%B8%A3https://www.chiangdaonaturefood.com/product/45/%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%94%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%9E%E0%B8%A3]น้ำมันเหลือง[/url]เป็นแนวทางในการดูแลภาวะผิวรวมทั้งสุขภาพที่ขอเสนอแนะเป็นการนวด ที่สกัดจากสมุนไพรและก็พืชต่างๆที่อุดมไปด้วยคุณประโยชน์ที่ดีต่อสุขภาพ โดนการนำสารสกัดกลิ่นแล้วก็เนื้อน้ำมันเหล่านั้นมานวดตามจุดต่างๆของร่างกายด้วยกลิ่นหอม และก็สัมผัสของของน้ำมันที่เต็มไปด้วยธรรมชาติจะเข้าไปช่วยกระตุ้นระบบต่างๆของร่างกาย ลดความเครียด ทำให้พวกเราผ่อนคลาย น้ำมันเหลือง รวมถึงช่วยในเรื่องของความชุ่มชื้นและก็ผิวพรรณให้ดูดีขึ้นด้วย วันนี้พวกเราจะพาไปดูคุณประโยชน์ต่างๆที่ได้รับจากการนวดน้ำมันว่ามีคุณประโยชน์ในด้านใดบ้าง
          ผลิตภัณฑ์ตัวนี้ ผลิตจากสมุนไพรแท้ 100% ไม่มีส่วนผสมจากสเตอรอยด์หรือสารเคมีอันตรายใด  ซึ่งก็มีข้อที่ไม่อนุญาตจำกัดอยู่ด้วยเหมือนกันสำหรับการใช้ ซึ่งในกรณีที่มีการแพ้สาร Notoginsenoside, Flavonoid, การบูร
มาดูคุณประโยชน์ซึ่งมาจากน้ำมันนวดกันค่ะ

  • ปวดต้นคอ บ่า ไหล่ จากการนั่งทํางานนานๆทํางานหน้าคอมฯ Office syndrome ฯลฯ
  • คนทํางานที่จำเป็นต้องใช้กล้ามเนื้อ ตัวอย่างเช่น ชูของหนัก
  • นักกีฬา หรือผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากการออกกําลังกาย
  • นักเดินทาง นักท่องเที่ยว
  • ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับ กระดูก ข้อต่อ เส้นเอ็น กล้าม อย่างเช่น ข้อเข่าอักเสบ, เอ็นอักเสบ, กระดูกทับ เส้นประสาท เป็นต้น


        น้ำมันเหลือง ซึ่งเรามาดูผลข้างเคียงจากการทานยาคลายกล้ามเนื้อกันนะคะ เพราะเหตุใดถึงจำเป็นต้องเลือก น้ำมันนวดเนื่องจากว่า ยาคลายกล้ามเนื้อปกติที่เราทาน ทำให้กล้ามเนื้อรู้สึกหายเป็นปกติจริง เราจะมีความรู้สึกว่ามันหายเป็นปกติ และออกกำลังกายได้ปกติไม่เจ็บ แม้กระนั้นอันที่จริงแล้วกล้ามเนื้อยังอักเสบอยู่ ถ้าหากพวกเรายังคงใช้งานกล้ามดังเดิมจะมีผลให้กล้ามเนื้ออักเสบเยอะขึ้น การที่รับประทานยาแล้วออกกำลังกายส่วนนั้นต่อเป็นเวลานานๆเข้า ก็บางทีอาจจะอัดเสบเรื้อรังได้ อันนี้เป็นข้อผลกระทบในทางร้ายทางอ้อมมาจากการทานยาคลายกล้ามเนื้อน้ำมันเหลือง ซึ่งคนโดยมากและจากนั้นก็จะใช้กล้ามหรือดำเนินการธรรมดาทุกอย่างเพราะเราไม่ทราบสึกปวดหรือเจ็บแล้ว ซึ่งมันเป็นอะไรที่ไม่ถูกเนื่องจากการทานยาคลายกล้ามเนื้อยาเมื่อพวกเราทาน
นํ้ามันนวด ตัวนี้เหมาะกับใครบ้าง?

  • ผู้ได้รับบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา
  • คนที่ปวดเมื่อยจากการทำงานหนัก
  • ปวดมือและก็คอจากการเล่นมือถือ
  • ปวดหลังจาก Office syndrome
  • ปวดข้อจากโรคเกาท์
  • ผู้ที่ปวดเข่าจากโรคข้อต่ออักเสบ
  • ผู้ที่ปวดขาจากการเดิน Shopping
  • เจ็บจากการเล่นกีฬา
  • ตีดอท จนกระทั่งปวดมือ
  • ปวดคอจากการเล่นมือถือ
  • เมื่อยเนื้อเมื่อยตัวจากการทำงานหนัก
  • ช๊อปจัดหนัก จนถึงปวดขา


          สำหรับคนไหนที่  มีติดบ้านกันไว้ก็ดีนะคะ เนื้อหานี้เป็นเพียงรีวิวการใช้สินค้า ซึ่งเป็นความความเห็นส่วนตัวแค่นั้นนะคะมิได้ขายคอแต่อย่างใด พวกเราใช้แล้วเห็นผลจริงจึงมาบอกต่อซึ่ง เนื้อหานี้พวกเราได้หาข้อมูลเพิ่มเติมจากเว็บต่างๆนะคะ น้ำมันเหลืองเพื่อมาประกอบสำหรับในการรีวิว ซึ่งถ้าเกิดมีจุดบกพร่องประการใด สามารถวิจารณ์และก็แนะนำกันเข้ามาได้ และสามารถติดตามบทความรีวิว ของพวกเราได้เรื่อยๆเลย และก็เราจะมีผลิตภัณฑ์ดีๆตัวไหนมาเสนอแนะอีกห้ามพลาดเป็นอันขาดนะคะ เจอกันในบทความหน้า
การเลือกน้ำมันนวด
การเลือกน้ำมันเหลืองนวดขึ้นอยู่กับการใช้งาน และก็สรรพคุณต่างๆของน้ำมันนวดแต่ละชนิด โดยส่วนใหญ่น้ำมันเบื้องต้นที่นิยมเอามาผสมทำน้ำมันนวด อย่างเช่น น้ำมันที่ผลิตขึ้นมาจากเมล็ดทานตะวัน เป็นต้น ซึ่งมีวิตามินอี สูงขึ้นมากยิ่งกว่าน้ำมันที่ทำขึ้นมาจากถั่วเหลือง รวมทั้งน้ำมันเมล็ดข้าวโพดถึง 3 เท่า วิตามินอี ปฏิบัติภารกิจเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ดักจับ และก็ทำลายของเสียที่รังแกเซลล์ต่างๆของร่างกาย ช่วยทำให้ผิวพรรณเต่งตึง ลกไขมันในเส้นเลือด ปกป้องการเกิดมะเร็ง น้ำมันเหลือง ยิ่งไปกว่านี้น้ำมันเม็ดดอกทานตะวันยังมีกรดไขมันไม่อิ่ม กรดไลโนเลอิกสูง ซึ่งเป็นกรดไขมันที่จำเป็นจะต้องต่อสภาพทางด้านร่างกาย อีกทั้งยังช่วยทำให้ผิวพรรณนุ่มสดชื่น

Tags : น้ำมันเหลือง

14

น้ำมันเหลือง
ประโยชน์จากการนวดน้ำมันเหลือง
น้ำมันเหลิองเป็นการกระตุ้นเยื่อของร่างกายด้วยมือ, เพื่อผลักดันสุขภาพและฟื้นฟูให้ร่างกายทั้งสิ้น. น้ำมันนวดถูกดีไซน์มาเพื่อมือเลื่อนได้ง่ายยิ่งกว่าเดิมในระหว่างนวด แล้วก็ในขณะเดียวกันเครื่องหอมอโรมาให้มีความผ่อนคลายเยอะที่สุดสำหรับทั้งร่างกายและจิตใจ. อ่านถัดไปเพื่อหาน้ำมันเหลืองข้อมูลเพิ่มเติมนอกเหนือจากนี้เกี่ยวกับคุณค่าจากการนวดน้ำมันรวมทั้งทุเลาร่างกายของคุณที่มีประสบการณ์นวดแจ่มใส.
เมื่อมาถึงการนวดน้ำมัน, มีหลายร้อยปิดตัวเลือกที่ไม่เหมือนกันให้เลือก. คุณได้อย่างอิสระสามารถเลือกจากเยอะมากๆน้ำหอมรวมถึงสีที่แตกต่างกันเพื่อบริการ. น้ำมันนวดทุเลา, น้ำมันร้อน, น้ำมันเหลืองกระตุ้นความรู้สึก, น้ำมันหอม
น้ำมันเหลืองจะสามารถพบได้ในตลาดท้องน้ำมันนวดเพื่อคุณสามารถเลือกที่เหมาะสมที่สุดสำหรับความอยากและความมุ่งมาดปรารถนาของคุณ.
สัมผัสของคนเราสามารถมีการรักษาและพลังความร่าเริงสำหรับผิวรวมทั้งนวดน้ำมันออกจากผิวนุ่มแล้วก็เรียบ. เว้นแต่ความรู้สึกสบาย thei พวกเขาถ่ายทอด, น้ำมันนวดนอกจากนั้นยังมีทางที่น่าประหลาดที่ช่วยทำนุบำรุงผิวของคุณแล้วหลังจากนั้นก็กำจัดจุดแห้งบนผิวของคุณ. ถึงแม้, ข้างหลังการนวด, จะชี้นำให้ใช้เวลาอาบน้ำที่บรรเทาเพื่อล้างน้ำมันออกมาจากร่างกายของคุณ. น้ำ จะยังช่วยผิวรูขุมขนจะเปิดก็เลยช่วยเหลือการดูดซึมของน้ำมันนวดไปสู่ผิวของคุณ. ทดลองมองกันคุณประโยชน์ต่อร่างกายที่สำคัญของการนวดน้ำมันบรรเทา.
ลักษณะของการปวดหายได้อย่างไร เมื่อใช้น้ำมันนวด
ซึ่ง การใช้น้ำมันตัวนี้นะคะ พวกเราเพียงแค่ทาลงไปในส่วนที่พวกเราปวดนะคะ หรือมีการอักเสบของกล้าม เท่านี้จ้ะตัวยาจะซึมเข้าไปทำให้ลักษณะของการปวดปวดเมื่อยน้อยลง อีกอย่างที่สำคัญนะคะ
นํ้ามันเหลือง ตัวนี้เหมาะกับคนไหนกันบ้าง?

  • น้ำมันเหลืองคนได้รับบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา
  • คนที่เมื่อยเนื้อเมื่อยตัวจากการทำงานหนัก
  • คนที่ปวดมือแล้วก็คอจากการเล่นโทรศัพท์เคลื่อนที่
  • ปวดหลังจาก Office syndrome
  • คนที่ปวดข้อจากโรคเกาท์
  • ผู้ที่ปวดเข่าจากโรคข้อต่ออักเสบ
  • ผู้ที่ปวดขาจากการเดิน Shopping
  • บาดเจ็บจากการเล่นกีฬา
  • ตีดอท จนถึงปวดมือ
  • ปวดคอจากการเล่นโทรศัพท์เคลื่อนที่


นวดน้ำมันเหลืองที่เลิศของคุณบรรเทาร่างกายแล้วก็ส่งเสริมการนอนที่ดีกว่าสำหรับวัน.
หลายๆคนเจ็บปวดรวดร้าวแสนสาหัสจากความไม่ปกติของการนอนหลับต่างๆได้มองเห็นการปรับปรุงแก้ไขในนิสัยการนอนของพวกเขาข้างหลังการรักษาด้วยการนวดน้ำมันเหลืองผ่อนคลาย. น้ำมันนวดกระตุ้นจิตใจและจิตวิญญาณ การบำบัด, น้ำมันเหลืองด้วยเหตุนี้คนส่วนมากมีประสบการณ์การนอนหลับลึกรวมทั้งพักผ่อนเพิ่มมากขึ้น.

Tags : น้ำมันเหลือง

15
อื่น ๆ / การใช้น้ำมันนวดอย่างไรให้ตรงจุด
« เมื่อ: กรกฎาคม 19, 2018, 03:51:23 AM »

การใช้น้ำมันนวดให้ถูกจุด
นวดศีรษะ


ลดอาการปวดหัวไมเกรน


          น้ำมันนวดสามารถใช้สำหรับผู้ที่เคยทรมาทรกรรมจากลักษณะของการปวดหัวไมเกรนอยู่บ่อย แพทย์ก็ได้เสนอแนะให้ลองไปนวดบรรเทาสุขภาพดูบ้าง เนื่องจากว่าจากผลวิจัยของมหาวิทยาลัยโอ๊คแลนด์ ประเทศนิวซีแลนด์ พบว่า คนที่มีลักษณะอาการปวดหัวไมเกรนที่ได้รับบริการนวดตัวต่อเนื่องกัน 2-3 อาทิตย์ จะสามารถทุเลาอาการใกล้กันของโรคไมเกรน รวมทั้งนอนหลับได้อย่างสนิทขึ้นด้วยค่ะ


บรรเทาอาการกล้ามเนื้ออักเสบจากการบริหารร่างกาย


          ในขณะที่ออกกำลังกายอย่างมาก ร่างกายจะได้รับผลกระทบเป็นอาการปวดเมื่อย หรือกล้ามอักเสบเป็นของแถม ซึ่งการเล่าเรียนของ Buck Institute for Research on Aging and McMaster University in Ontario, Canada ก็ได้เปิดเผยวิธีบรรเทาอาการว่า ให้ทดลองไปเอนกายรับบริการนวดตัวดูบ้าง เนื่องจากว่าการนวดจะช่วยคลายกล้ามที่ตึงเครียดจากการออกกำลังกายได้ดิบได้ดีพอๆกับการกินยาคลายกล้ามเนื้ออย่างไรยังงั้นเลยล่ะ


ดูเด็กขึ้น


          ต่อแต่นี้ไปไม่ต้องตรากตรำแอ๊บแบ๊วดึงวัยอีกต่อไป เพราะเหตุว่าเพียงแค่ไปสปาให้เขานวดๆบีบๆร่างกายอยู่เป็นประจำก็สามารถทำให้เราดูเด็กขึ้นได้แล้ว โดยผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังก็ได้ชี้แจงเพิ่มว่า การขัดหน้าหรือนวดหน้า รวมไปถึงนวดตัว เป็นการกระตุ้นให้เลือดภายในร่างกายไหลเวียนดีขึ้น ซึ่งก็ทำให้สุขภาพผิวดีขึ้นด้วย ทั้งการนวดยังช่วยกระตุ้นหลักการทำงานของต่อมท่อน้ำเหลือง ให้กำจัดพิษที่อยู่ใต้ผิวหนังให้หมดไป ทำให้สารอาหารและวิตามินต่างๆซึมไปสู่เซลล์ผิวก้าวหน้าขึ้น ช่วยให้ผิวดูกระปรี้กระเปร่าเต่งตึงได้อีกที รวมไปถึงกำจัดริ้วรอยเหี่ยวย่นรอบๆผิวหน้าได้อีกด้วยนะ


ปกป้องอาการ PMS


          สาวๆทุกคนอาจรู้ว่าอาการ PMS ก่อนมีรอบเดือนนั้นสร้างความทรมานให้กับเราได้มากมายขนาดไหน แต่วันนี้เราไม่จำเป็นต้องกลุ้มใจกับอาการกลุ่มนี้อีกต่อไป ด้วยเหตุว่าผลการศึกษาวิจัยของ Touch Research Institute and University of Miami Medical School พบว่า การนวดตัวสามารถคุ้มครองอาการข้างๆทุกชนิดเวลาที่ผู้หญิงมีเมนส์ได้อยู่มือ ไม่ว่าจะเป็นลักษณะของการปวดน้ำมันนวดหลัง เจ็บท้อง ตัวบวม น้ำหนักขึ้น หรืออาการอารมณ์เสียฉุนเฉียว แม้กระนั้นแนวทางนวดบางทีก็อาจจะได้ผลลัพธ์ที่ดีกับผู้หญิงที่มีอายุตั้งแต่ 19-45 ปี แค่นั้นนะคะ


ลดอาการใกล้กันของโรคมะเร็ง


          ผลวิจัยจากมหาวิทยาลัยบอสตันเผยว่า ผู้ป่วยโรคมะเร็งระยะแพร่ขยายที่ได้รับการนวดตัว จะสามารถนอนหลับก้าวหน้าขึ้น บรรเทาลักษณะของการเจ็บปวด รวมทั้งมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นด้วย ซึ่งสอดคล้องกับผลงานวิจัยของ Memorial Sloan-Kettering Cancer Center in New York City ในปี 2004 ที่เผยว่า คนไข้โรคมะเร็งระยะแพร่ จะทรมาทรกรรมจากลักษณะของการเจ็บปวดลดลง คลื่นไส้น้อยครั้ง หรือเปล่าอาเจียนเลย รู้สึกสดชื่นขึ้น ความดันดียิ่งกว่าเดิม รวมทั้งเครียดจากลักษณะการป่วยลดน้อยลง ภายหลังได้รับการบำบัดด้วยแนวทางนวด


บรรเทาอาการปวดเรื้อรัง


          ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญทางกายภาพบรรเทาได้บอกถึงประสบการณ์ของตนให้ฟังว่า ผู้ที่มีลักษณะอาการปวดเรื้อรัง ตัวอย่างเช่น ปวดตามข้อ โรคข้ออักเสบ แล้วก็อาการปวดเมื่อยล้าเรื้อรังอื่นๆจะคลายอาการเจ็บปวดพวกนี้ลงไปได้มาก ภายหลังได้รับบริการนวดอย่างแม่นยำต่อเนื่องกันเพียงแค่ 2-3 ครั้งเท่านั้นเอง ด้วยเหตุว่าการนวดได้อย่างถูกจุด จะช่วยทุเลาอาการเกร็งของกล้ามในส่วนนั้นๆได้อย่างรวดเร็ว ก็เลยสามารถบรรเทาลักษณะของการเจ็บปวดของกล้ามบริเวณนั้นได้อย่างทันใจนั่นเองจ้ะ
การเลือกน้ำมันนวด
การเลือกน้ำมันนวดขึ้นอยู่กับการใช้งาน และสรรพคุณต่างๆของน้ำมันนวดแต่ละจำพวก โดยส่วนใหญ่น้ำมันรากฐานที่นิยมนำมาผสมทำน้ำมัน  ฯลฯ ซึ่งมีวิตามินอี สูงขึ้นยิ่งกว่าน้ำมันถั่วเหลือง และก็น้ำมันเมล็ดข้าวโพดถึง 3 เท่า วิตามินอี ทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ดักจับ และทำลายของเสียที่รังแกเซลล์ต่างๆของร่างกาย ช่วยให้ผิวพรรณเต่งตึง ลกไขมันในเส้นโลหิต คุ้มครองการเกิดมะเร็ง นอกจากนี้น้ำมันเม็ดดอกทานตะวันยังมีกรดไขมันไม่อิ่ม กรดไลโนเลอิกสูง ซึ่งเป็นกรดไขมันที่จำเป็นต่อสุขภาพ ทั้งยังยังช่วยให้ผิวพรรณนุ่มสดชื่น
โดยทั้งนี้น้ำมันแต่ละประเภทจะมีคุณลักษณะ แล้วก็คุณค่าที่ต่างๆนาๆ ขึ้นอยู่กับการเลือกใช้ให้สมควรตามการใช้งาน
น้ำมันนวด ที่ยอดเยี่ยมของคุณบรรเทาร่างกายรวมทั้งเกื้อหนุนการนอนหลับที่ดียิ่งกว่าสำหรับวัน.
ผู้คนจำนวนมากเจ็บปวดรวดร้าวทุกข์ทรมานสาหัสจากความเปลี่ยนไปจากปกติของการนอนต่างๆได้มองเห็นการปรับแต่งในนิสัยการนอนของพวกเขาหลังการดูแลและรักษาด้วยการนวดผ่อนคลาย. น้ำมันนวดกระตุ้นจิตใจและจิตวิญญาณ การบำบัด, ด้วยเหตุนั้นคนเป็นจำนวนมากมายมีประสบการณ์การนอนหลับลึกและก็พักผ่อนมากยิ่งขึ้น.
ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่น
นวดน้ำมันเพิ่มขึ้นและรักษาความยืดหยุ่นของข้อต่อของคุณ. นวดตัวที่มีประสิทธิภาพรูปแบบการทำงานของกล้ามเนื้อทั้งหมดทั้งปวง, เนื้อเยื่อแล้วก็ข้อต่อจึงปรับปรุงการแสดงกีฬารวมทั้งการให้ความสะดวกสำหรับเพื่อการเคลื่อนร่างกายของคุณง่ายดายมากยิ่งขึ้น. เว้นแต่สิ่งเหล่านี้เกิดประโยชน์ต่อร่างกาย, นวดยังช่วยคุ้มครองปกป้องการบาดเจ็บแล้วก็เพิ่มความเร็วสำหรับเพื่อการหาย. นวดแผนโบราณยังเป็นวิธีที่ดีสำหรับเพื่อการบรรเทาความเคร่งเครียดของกล้ามเนื้อรวมทั้งทะนุบำรุงร่างกายของคุณ พอดี และมีความยืดหยุ่นเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน.น้ำมันนวด
กำจัดสารพิษ
สิ่งที่ได้เปรียบที่สำคัญอีกประการหนึ่งของการนวดน้ำมันซึ่งมันช่วยให้ร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพกำจัดพิษจากสิ่งมีชีวิตโดยเหตุนั้นการผลักดันและสนับสนุนร่างกายที่แข็งแรงขึ้น.
ช่วยเพิ่มระบบภูมิคุ้มกัน
บริการนวดน้ำมันรวมทั้งโดยมากสร้างความแข็งแกร่ง ระบบภูมิคุ้มกันแล้วก็ช่วยสำหรับการย่อยของกินดีขึ้น.
ศิลปะที่สวยงามของการนวดได้ทวีความร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆด้วยการนวดน้ำมันบางมาก. น้ำมันนวดแต่ละคนมีคุณลักษณะรักษาโรคต่างๆที่มีเพื่อให้บริการด้านต่างๆสำหรับในการรักษาร่างกายและจิตใจของคุณอีกด้วย. เลือกน้ำมันที่เหมาะสมที่สุดสำหรับสิ่งที่ต้องการส่วนบุคคลของคุณและบรรเทาร่างกายของคุณด้วยการนวดบรรเทาแล้วก็ฟื้นฟูอย่างสม่ำเสมอ, เพื่อรักษาความสมดุลด้านจิตวิญญาณของคุณแล้วก็สุขภาพที่ดีที่สุดของร่างกายของคุณ.น้ำมันนวด
โรคนี้จะไม่สามารถหายไปได้เอง!
น้ำมันนวด โรคต่างๆเกี่ยวกับข้อจะไม่อาจจะหายขาดได้เอง ถึงแม้อาการที่แสดงออกมาจะร้ายแรงลดน้อยลงก็ตาม แล้วก็ท้ายที่สุดก็จะแปลงเป็นโรคเรื้อรังและก็นำไปสู่ความยากลำบากสำหรับในการดำรงชีพเพิ่มมากขึ้น

Tags : น้ำมันนวดสมุนไพร

หน้า: [1] 2 3 ... 7