รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

ลงประกาศฟรี => อื่น ๆ => ข้อความที่เริ่มโดย: ำพ ที่ ธันวาคม 05, 2018, 04:51:12 AM

หัวข้อ: สมุนไพร เพชรสังฆาต มีประโยชน์เเละสรรพคุณ
เริ่มหัวข้อโดย: ำพ ที่ ธันวาคม 05, 2018, 04:51:12 AM
(https://static1-velaeasy.readyplanet.com/www.disthai.com/images/content/original-1542858868819.jpg)
เพชรสังฆาต
ชื่อสมุนไพร  เพชรสังฆาต
ชื่ออื่นๆ / ชื่อท้องถิ่น สันชะควด (ภาคกลาง) , สันชะคาด , ขันข้อ (ราชบุรี) , สามร้อยต่อ (ประจวบคีรีขันธ์)
ชื่อวิทยาศาสตร์  Cissus quadrangularis Linn.
วงศ์  Vitaceae
ถิ่นกำเนิด
เพชรสังฆาตเป็นพืชเขตร้อนที่มีบ้านเกิดในเขตร้อนของทวีปเอเชีย รวมทั้งแอฟริการวมทั้งมีการแพร่ขยายจำพวกไปตามประเทศเขตร้อนของทวีปดังที่ได้กล่าวมาแล้ว โดยมักพบตามบริเวณป่าหรือที่เปียกชื้นที่มีระดับความสูงไม่เกิน 600 เมตรจากระดับน้ำทะเล ส่วนในประเทศไทยพบบ่อยตั้งแต่ภาคเหนือตอนล่างลงไป และมักจะมีดอกแล้วก็ติดผลในช่วงเดือน เดือนมิถุนายน-สิงหาคม
ลักษณะทั่วไป
เพชรสังฆาตจัดเป็น ไม้เถาเลื้อย โดยมีเปลือกเถาเรียบ เถาอ่อนรูปสี่เหลี่ยมเป็นครีบ เป็นข้อๆต่อกันเห็นข้อข้อแจ้งชัด ลักษณะเป็นข้อๆตรงข้อเล็กรัดตัวลงแต่ละข้อยาวราว 6-10 ซม. บางข้ออาจมีรากออกมาด้วย มีมือเกาะออกตรงข้อต่อตรงข้ามกับใบ ตามข้อมียางขาว ใบคนเดียว เรียงสลับ ออกตามข้อต้น ข้อละ 1 ใบ กว้าง 3-8 ซม. ยาว 4-10 ซม. ใบเป็นสามเหลี่ยมหรือรูปไข่ กลมครึ้ม เล็ก ผิวเรียบ ปลายใบมน โคนใบเว้า หลังใบและท้องใบเรียบเป็นเงา ขอบใบหยักมนห่างๆหรือหยักเว้า 3-5 หยัก เนื้อใบนิ่ม ก้านใบยาว 2-3 เซนติเมตร ดอกออกเป็นช่อ ออกตามข้อต้นตรงข้ามกับใบ ดอกกลมเล็กสีแดงเขียวเป็นช่อขนาดเล็ก ยาวราว 2-4 เซนติเมตรดอกย่อยสีเขียวอ่อน มีขนาด 2.5 มิลลิเมตร กลีบดอกไม้มี 4 กลีบโคนกลีบภายนอกมีสีแดง ส่วนกลีบดอกไม้ด้านในสีเขียวอ่อน เมื่อบานเต็มที่ดอกจะงอโค้งไปทางด้านล่าง เกสรตัวผู้มี 4 อันวางตรงกับกลีบ ผลสดรูปทรงกลม ผิวเรียบเป็นมัน ชุ่มฉ่ำน้ำ ผลกลมขนาด 4-7 มม. ผลอ่อนสีเขียว พอเพียงสุกเป็นสีแดงหรือดำ เม็ดกลมสีน้ำตาลมี 1 เมล็ด
การขยายพันธุ์
เพชรสังฆาตนิยมใช้วิธีการปักชำโดยมีวิธีการเป็น คัดเถาที่มีลักษณะเหมาะสม เป็น ควรเป็นเถาที่มีลักษณะครึ่งหนึ่งแก่กึ่งอ่อน เอามาตัดเป็นท่อนให้แต่ละท่อนมีข่อติดอยู่จำนวน2 ข้อแล้ว ทำปักชำท่อนจำพวกโดยใช้ข้อทางด้านโคนของเถาฝังลงดินแล้วกลบให้แน่น รดน้ำให้ชุ่ม และก็ควรจัดวางถุงต้นกล้าที่ปักชำเอาไว้ในที่ร่ม ในส่วนของข้อที่เหลืออยู่ด้านบนจะเป็นรอบๆที่แตกใบใหม่เพื่อเจริญเป็นเถาต่อไป
องค์ประกอบทางเคมี
เถาของเพชรสังฆาตมีส่วนประกอบทางเคมี อย่างเช่น natural plant steroids (ketosterones): onocer-7-ene-3 alpha, 21 beta-diol, delta-amyrin, delta-amyrone รวมทั้ง 3,3',4,4'- tetrahydroxybiphenyl สารกรุ๊ป stilbene: quadrangularins A, B, C, resveratrol, piceatannol, pallidol , parthenocissine A.สารในกลุ่ม flavonoids ดังเช่น diosmin, hisdromin, hesperidin. รวมไปถึง ascorbic acid (vitamin C), lupeol, carotene รวมทั้ง calcium oxalate.
ประโยชน์/คุณประโยชน์
ตามตำรายาไทย ระบุว่า เถา รสร้อนขมคัน เป็นยาแก้ริดสีดวงทวารหนัก แก้โรคลักปิดลักเปิด แก้รอบเดือนแตกต่างจากปกติ แก้กระดูกแตกหักซ้น ขับลมในลำไส้ แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ แก้ริดสีดวงทวารทั้งยังจำพวกกลีบมะไฟแล้วก็เดือยไก่
• ราก รักษาอาการกระดูกแตกหัก
• ต้น แก้หูน้ำหนวก แก้เลือดกำเดา แก้ระดูไม่ปกติ ช่วยเจริญอาหาร ช่วยขับน้ำเหลืองเสีย
• ใบ รักษากระดูกแตกหัก รักษาโรคลำไส้ (อาการอาหารไม่ย่อย) ช่วยขับน้ำเหลืองเสีย แก้ริดสีดวงทวารหนัก
นอกนั้นในงานค้นคว้าวิจัยทางการแพทย์แผนปัจจุบันยังกำหนดไว้ว่าเพชรสังฆาต มีประสิทธิภาพที่ดีในการรักษาริดสีดวงทวารหนักโดยเฉพาะอย่างยิ่งการลดอาการคัน ปวดการเกิดเลือดไหล และก็กลับกลายซ้ำ
ทั้งในขณะนี้ได้มีงานศึกษาทำการค้นคว้าและทำการวิจัยพบว่า "เพชรสังฆาต" มีวิตามินซีสูงมากซึ่งการันตีคุณประโยชน์รักษาโรคเลือดออกตามไรฟันได้เป็นอย่างดี และยังอุดมไปด้วยแคโรทีนซึ่งเป็นสารขึ้นต้นของวิตามินเอ มีฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระ ที่สำคัญมีองค์ประกอบของแคลเซียมสูงมาก และสารอที่นาโบลิก สเตียรอยด์ (Anabolic Steroids) ที่มีฤทธิ์เร่งปฏิกิริยาการสมานกระดูกที่แตกหักโดยกระตุ้นการสร้างเซลล์ออสเตโอบลาสต์ (Osteoblast) ซึ่งทำหน้าที่สร้างกระดูกรวมทั้งยังช่วยทำให้มีการสร้างสารมิวโคโพลีแซกคาไรด์ (Mucopolysaccharides) ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญในกรรมวิธีการสมานกระดูก นอกเหนือจากนี้สารคอลลาเจน (Collagen) ในเพชรสังฆาตยังเป็นสารอินทรีย์โปรตีน ที่มาจับกุมกับผลึกแคลเซียมฟอสเฟตจนกระทั่งแปลงเป็นกระดูกแข็งซึ่งสามารถรับน้ำหนักรวมทั้งมีความยืดหยุ่นในตนเองอีกด้วย
ยิ่งไปกว่านี้เพชรสังฆาตยังสามารถใช้ปลูกเพื่อเป็นไม้ประดับ เนื่องมาจากเพชรสังฆาตเป็นไม้เถาเลื้อยมีลักษณะรูปทรงเป็นสีเหลี่ยมแปลกตา มีดอกและผลเป็นช่อสีแดงสวย สามารถนำไปปลูกประดับประดาบริเวณรั้วบ้าน ซุ้มไม้หรือรอบๆโคนต้นไม้ใหญ่เพื่อให้เถาก้าวหน้าเลื้อยพันขึ้น
แบบอย่าง/ขนาดวิธีการใช้
ในอดีตการใช้เพชรสังฆาตรักษา ริดสีดวงทวารหนักจะทำ โดยนำ เถาสดใส่กล้วยหรือ มะขามแล้วกลืน (ด้วยเหตุว่าเพชรสังฆาตมีแคลเซียม ออกซาเลต (calcium oxalate) การกลืนเถาสดอาจ เกิดการเคืองทางเดินอาหารได้) ต่อมาได้มี การนำ เพชรสังฆาตมาผลิตให้อยู่ในต้นแบบแคปซูลเพื่อให้ไม่ยุ่งยากต่อการบริหารยา
โดยในรูปยาผงบรรจุแคปซูล 250 มก. ให้กินทีละ 2 แคปซูล วันละ 4 ครั้ง ก่อนอาหารและก่อนนอน เป็นเวลา 5-7 วัน
หนังสือเรียนยาประจำถิ่นนครราชสีมา ใช้ ต้น แก้ริดสีดวงทวารโดยหั่นเป็นแว่น ตำผสมเกลือนำไปตาก ปั้นเป็นลูกกลอน รับประทานทีละ 1 เม็ด 3 เวลา หรือใช้เถาสดคั้นเอาน้ำดื่ม แก้โรคลักปิดลักเปิด แก้ประจำเดือนไม่ดีเหมือนปกติ แก้กระดูกแตกหักซ้นขับลมในไส้
ตำรับยาสมุนไพรท้องถิ่นล้านนา ใช้น้ำจากต้น หยอดหู แก้น้ำหนวกไหล หยอดจมูกแก้เลือดเสียในสตรีใช้เถาตำละเอียดเป็นยาพอกบริเวณกระดูกหักช่วยลดอาการบวม อักเสบ น้ำคั้นจากเถาใช้ดื่มแก้เลือดไหลตามไรฟัน แก้เลือดรอบเดือนสตรีผิดปกติ รักษาริดสีดวงทวารที่เริ่มเป็นระยะแรก
ส่วนอินเดีย ใช้ ลำต้น เป็นยาพอกเมื่อกระดูกหัก น้ำคั้นจากต้นรับประทานแก้โรคลักปิดลักเปิด แก้อาการผิดปกติของรอบเดือน
การเรียนรู้ทางเภสัชวิทยา
ผลต่อแรงตึงตัวของเส้นเลือดดำ สารสกัดเพชรสังฆาตมีฤทธิ์กระตุ้นหลอดเลือดดำ ให้มีความตึงตัวมากขึ้น คล้ายกับส่วนประกอบของไบโอฟลาโวนอยด์ 2 ชนิด ได้แก่ ไดออสมิน 90%แล้วก็ฮิสเพอริดิน 10% ที่พบในตำรับยาแผนปัจจุบัน สำหรับใช้รักษาริดสีดวงทวาร
ฤทธิ์ต้านทานการอักเสบรุนแรง สารสกัดเมทานอลยับยั้งการบวมของใบหู รวมทั้งการบวมของอุ้งเท้าของหนูขาว ที่ถูกกระตุ้นด้วยสารเคมี
สารสกัดเฮกเซนที่ความเข้มข้นร้อยละ 1 รวมทั้งสารสกัดเอทานอลที่ความเข้มข้นจำนวนร้อยละ 5 ลดอาการบวมของใบหูหนูที่รั้งนำด้วยสารเคมี พอดีเวลา 30 นาที ตรวจพบส่วนประกอบทางเคมีของสาร lupeol ในสารสกัดเฮกเซน
ฤทธิ์แก้ปวด สารสกัดเมทานอลลดจำนวนครั้งที่หนูถีบจักรยืดบิดตัวจากลักษณะของการเจ็บปวดท้องเพราะว่าได้รับกรดอะซีติเตียนกที่ฉีดเข้าทางช่องท้อง และก็ลดระยะเวลาของการเลียเท้าหลังทั้งยัง 2ระยะ ในการทดสอบด้วยการฉีดฟอร์มาลิน แสดว่าออกฤทธิ์แก้ปวดผ่านทั้งระบบประสาทส่วนกลาง และส่วนปลาย
ฤทธิ์คุ้มครองป้องกันการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร สารสกัดเอทานอล สามารถลดการเกิดแผลในกระเพาะหนูขาวที่ถูกรั้งนำให้เป็นแผลด้วยแอสไพริน เมื่อให้สารสกัดขนาด 250, 500 รวมทั้ง 750 มก./กก. ให้หนูกินนาน 7 วัน ลดการเกิดแผลได้ 40, 71.2 แล้วก็ 72.6% ตามลำดับ เปรียบเทียบกับranitidine ขนาด 30 มิลลิกรัม/กิโลกรัม ลดการเกิดแผล 71.9% ฉะนั้นสารสกัดขนาด 500 มิลลิกรัม/กก. เป็นขนาดที่ยอดเยี่ยม เนื่องมาจากออกฤทธิ์ใกล้เคียงกับ Ranitidine รวมทั้งได้ผลไม่ต่างอะไรกับขนาด 750 มิลลิกรัม/กิโลกรัมจะลดการทำลายเยื่อในกระเพาะอาหาร แล้วก็รายงานการวิจัยอีกฉบับหนึ่งบอกว่า การเรียนประสิทธิผลและก็ผลข้างเคียงของการใช้สมุนไพรเพชรสังฆาตในคนป่วยโรคริดสีดวงทวารระยะทันควัน จำนวน 570 คน โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ กรุ๊ปที่ได้รับยาที่มีส่วนผสมของฟลาวานอยด์ (Daflon 500 มก./เม็ด) กลุ่มที่ได้รับสมุนไพรเพชรสังฆาต (500 มิลลิกรัม/เม็ด) และกลุ่มที่ได้รับยาหลอก ในตอน 4 วันแรก ให้รับประทานครั้งละ 3 เม็ด ตอนเช้าและก็เย็นหลังอาหาร แล้วก็ตอน 3 วันหน้า ได้รับครั้งละ 2 เม็ด ยามเช้าแล้วก็เย็น หลังรับประทานอาหาร คนป่วยจะได้รับการวัดอาการต่างๆเป็น เลือดไหลทางทวารหนัก เมือก อาการคัน รอยแดงหรืออักเสบรอบทวารหนัก และการสัมภาษณ์เพื่อซักถามอาการ รวมถึงมีการตรวจเลือดแล้วก็ติดตามผลกระทบของการได้รับยาหรือสมุนไพรพร้อมกันไปพร้อมด้วย
ผลการศึกษาวิจัยพบว่า ผู้ป่วยในทุกกรุ๊ปส่วนมากอาการเลือดไหลฉับพลันจะหยุดในวันที่ 2 ของการให้ยา และก็มีลักษณะดียิ่งขึ้นหลังการให้ยาครบ 7 วัน ประสิทธิผลของการรักษาในผู้เจ็บป่วยทุกกลุ่มไม่ได้แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ และไม่ส่งผลข้างเคียงเกิดขึ้น สรุปได้ว่าเพชรสังฆาตได้ผลในการรักษาริดสีดวงทวารในระยะกระทันหันไม่ได้ต่างอะไรจากยาที่มีส่วนผสมของฟลาวานอยด์และก็ยาหลอก แปลว่าเพชรสังฆาตไม่มีผลช่วยในการรักษาริดสีดวงทวารในระยะทันควัน
การเล่าเรียนทางพิษวิทยา
ความเป็นพิษกระทันหัน เมื่อทดสอบความเป็นพิษโดยให้หนูขาวกิน ขนาด 0.5 – 5.0 ก./กก
ไม่เจอพิษใดๆก็ตาม
ความเป็นพิษครึ่งเรื้อรัง (3 เดือน) ในหนูขาวจำพวกวิสตาร์ 5 กรุ๊ปๆละ 12 ตัว/เพศ กลุ่มควบคุมได้รับน้ำทางปาก 10 มล./น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม/วัน ระหว่างที่หนูอีก 4 กรุ๊ปได้รับผงยาเพชรสังฆาตแห้งทางปากในขนาด 0.03,0.3 รวมทั้ง 3.0 กรัม/น้ำหนักตัว 1 กก/วัน หรือเทียบเท่า 1,10 และก็ 100 เท่าของขนาดที่ใช้ในคน/วัน ตามลำดับ โดยกรุ๊ปสุดท้ายเป็นกลุ่มสังเกตอาการหลังการหยุดยา ผลการค้นคว้าพบว่าการเติบโตของกรุ๊ปสุดท้ายเป็นกรุ๊ปดูอาการข้างหลังการหยุดยา ผลการค้นคว้าพบว่าการเติบโตของกรุ๊ปได้รับผงยาและก็กลุ่มควบคุมไม่มีความแตกต่างกัน ไม่นำมาซึ่งการก่อให้เกิดความเคลื่อนไหวของค่าทางเลือดวิทยาและค่าทางซีรั่มวิชาชีวเคมี หรือจุลพยาธิสภาพของอวัยวะภายในที่มีความเชื่อมโยงกับขนาดของผงยา และไม่พบความไม่ดีเหมือนปกติใดๆก็ตามซึ่งสามารถสรุปได้ว่าเพราะว่าความเป็นพิษของผงยาเพชรสังฆาต
ข้อเสนอ/สิ่งที่จำเป็นต้องระมัดระวัง

การรับประทานเพชรสังฆาตสด อาจก่อให้กำเนิดอาการระคายคอ ระคายเยื้อบุในปากเพราะเหตุว่าเถาสดมีผลึกแคลเซียมออกซาแลตอยู่มาก
2. ห้ามกินติดต่อกันนานเกิน 2 สัปดาห์เพราะว่าอาจจะก่อให้เกิดนิ่วในทางเดินปัสสาวะ ผู้เจ็บป่วยโรคไตห้ามรับประทาน
3. การใช้สมุนไพรเพชรสังฆาตควรจะขอความเห็นหมอหรือผู้ชำนาญในการใช้เสมอ เพราะเหตุว่าอาจจะทำให้เกิดผลใกล้กันที่ไม่พึงปรารถนาได้ ดังเช่นว่า ตาเหลือง ตัวเหลือง เยี่ยวน้อย แน่นท้อง เป็นต้น
เอกสารอ้างอิง