รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

ลงประกาศฟรี => อื่น ๆ => ข้อความที่เริ่มโดย: BeerCH0212 ที่ มิถุนายน 01, 2018, 06:23:29 AM

หัวข้อ: พญายอเป็นสมุนไพรที่สามารถนำมารักษาโรคได้อย่างดีเยี่ยม
เริ่มหัวข้อโดย: BeerCH0212 ที่ มิถุนายน 01, 2018, 06:23:29 AM
ชื่อสมุนไพร  พญายอ
ชื่ออื่นๆ/ชื่อท้องถิ่น เสมหะพังพอนตัวเมีย , พญาบ้องทอง พญาข้อดำ (ภาคกลาง) , พญาบ้องคำ (จังหวัดลำปาง) , ผักมันไก่ , ผักลิ้นเขียด (เชียงใหม่) , โพะโซ่จาง (กะเหรี่ยง) , ชิงเจี้ยง หนิ่วซิ้วฮวา (จีนแมนดาริน)
ชื่อวิทยาศาสตร์  Clinacanthus nutans (Burm.f.) Lindau
ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Clinacanthus burmanni  Nees
ตระกูล  ACANTHACEAE
บ้านเกิดเมืองนอน สมุนไพรพญายอเป็นสมุนไพรเขตร้อน ได้แก่ทวีปแอฟริกา บราซิล และก็อเมริกา กึ่งกลาง ส่วนในทวีปเอเชียมีการกระจัดกระจายในประเทศอินโดนีเซีย ไทย เมียนมาร์ ลาว เขมร เป็นต้น และเป็นสมุนไพรที่มีหมอพื้นเมืองประเทศ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ไทย จีน ใช้รักษาผื่นผิวหนัง แมลงสัตว์กัดต่อย งูกัด แมงป่องต่อย มาตั้งแต่ในอดีตแล้ว ส่วนในประเทศไทยพบได้มากขึ้นตามป่าเบญจพรรณ หรือพบปลูกกันตามบ้านทั่วไป ทั่วทุกภาคของประเทศ พญายอ หรือ เสลดพังพอนตัวเมียมีชื่อพ้องกัน มันก็คือ เสลดพังพอนเพศผู้ แม้กระนั้นต่างกันตรงที่เสมหะพังพอนเพศผู้มีหนาม คุณประโยชน์อ่อนกว่าเสมหะพังพอนตัวเมียและก็เพื่อไม่ให้งงงันระหว่างสมุนไพร 2 ชนิดนี้ จึงเรียกเสลดพังพอนตัวเมียว่า "พญายอ"
ลักษณะทั่วไป
พญายอ (http://www.disthai.com/16913677/%E0%B8%9E%E0%B8%8D%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%AD-%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%A5%E0%B8%94%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%A2) จัดเป็นพรรณไม้พุ่มแกมเถาหรือไม้พุ่มรอคอยเลื้อย มักเลื้อยพาดไปตามต้นไม้อื่นๆมีความสูงได้ราว 1-3 เมตร ลำต้นมีลักษณะหมดจด ต้นอ่อนเป็นสีเขียว ใบเป็นใบคนเดียว ออกเรียงตรงกันข้ามกันเป็นคู่ๆลักษณะของใบเป็นรูปใบหอก รูปรีแคบขอบขนาน ปลายใบแล้วก็โคนใบแหลม ส่วนขอบใบเรียบ ใบมีขนาดกว้างราว 2-3 เซนติเมตร และยาวประมาณ 7-9 ซม. แผ่นใบเป็นสีเขียวเข้ม ผิวใบเรียบ ดอกเป็นช่อกระจุกที่ปลายกิ่ง แต่ละช่อมีดอกราวๆ 3-6 ดอก กลีบดอกเป็นสีแดงส้ม โคนกลีบดอกไม้เชื่อมชิดกันเป็นหลอด ยาวราว 3-4 ซม. ปลายแยกออกเป็น 2 ปากเป็นปากล่างแล้วก็ปากบน ดอกหนึ่งมี 5 กลีบ กลีบดอกเป็นทรงกระบอก ส่วนกลีบรองกลีบนั้นเป็นสีเขียว ยาวเท่าๆกัน มีขนคือต่อมเหนียวๆอยู่โดยรอบ ดอกมีเกสรเพศผู้ 2 อัน ส่วนเกสรเพศเมียสะอาดไม่มีขน มีดอกในช่วงราวๆเดือนตุลาคมถึงมกราคม ผลได้ผลแห้งและแตกได้ รูปแบบของผลเป็นรูปกลมยาวรี ยาวได้ราว 0.5 เซนติเมตร ก้านสั้น ข้างในผลมีเมล็ดโดยประมาณ 4 เมล็ด
การขยายพันธ์ การขยายพันธุ์พญายอนั้นสามารถได้ 2 วิธีหมายถึงการปักชำแล้วก็การแยกเหง้าแขนงไปปลูก แต่จำนวนมากมักจะใช้วิธีการใช้กิ่งปักชำโดยเลือกกิ่งที่สมบูรณ์ปราศจากโรค ไม่แก่ หรือไม่อ่อนเหลือเกิน ตัดกิ่งชนิดให้มีความยาว 6-8 นิ้ว รวมทั้งมีตาบนกิ่งราวๆ 1-3 ตา ให้มีใบเหลืออยู่ที่ปลายยอด โดยประมาณ 1/3 ของกิ่ง ทาปูนแดงบริเวณรอยตัดของต้นตอ และกิ่งพันธุ์เพื่อป้องกันเชื้อรา ปักชำลงในถุงที่มีเป็นดินร่วนซุยปนทราย (จะช่วยให้อัตราการออกรากของกิ่งชำสูง และสะดวกสำหรับการย้ายต้นไปปลูก) โดยปักชำกิ่งลงในอุปกรณ์ปลูกลึกประมาณ 3 นิ้ว และก็ปักให้เอียง 45 องศา รดน้ำให้เปียกแฉะและรักษาความชุ่มชื้นให้พอเพียงต้องระวังอย่าให้กิ่งชำถูกแสงอาทิตย์มากมาย กิ่งปักชำจะออกรากภายใน 3-4 อาทิตย์ แล้วใช้ช้อนขุดหรือเสียมแซะกิ่งชำลงปลูกลงในหลุมปลูกที่จัดเตรียมไว้ 1 ต้นต่อหลุม กลบ รดน้ำภายหลังปลูกทันที
การเก็บเกี่ยว ควรจะเก็บใบขนาดกึ่งกลาง ที่ไม่แก่หรืออ่อนจนกระทั่งเหลือเกิน โดยให้ใช้ขั้นตอนการตัดต้นเหนือระดับผิวดินโดยประมาณ 10 เซนติเมตร ภายหลังเก็บเกี่ยวแล้ว ตัวการเดิมยังสามารถงอกแตกกิ่งเติบโตได้อีก รวมทั้งสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตถัดไปได้
การดูแลรักษา ในระยะ 1-2 เดือนแรก ควรรดน้ำแต่ละวัน ถ้าหากแดดจัดควรจะรดน้ำเช้าตรู่-เย็น เมื่ออายุ 2 เดือนขึ้นไปแล้วบางทีอาจให้น้ำวันเว้นวัน ในช่วงฤดูฝนถ้ามีฝนตกบางทีอาจจะไม่ต้องให้น้ำ พญายอสามารถเจริญวัยได้ดีในดินทุกประเภทที่มีการระบายน้ำก้าวหน้า แม้กระนั้นถูกใจดินร่วนปนทรายที่ระบายน้ำดีเยอะที่สุด  ถูกใจอากาศร้อนชื้น ขึ้นได้ดีทั้งๆที่มีแดด(แดดไม่จัด) และก็ที่ร่ม
ส่วนประกอบทางเคมี  รากของพญายอ มีสาร Lupeol, B-Sitosterol, Stigmasterol และมีการทดสอบพบว่าสารสกัดด้วยสารละลายบิวทานอล    (butanol) จากใบของพญายอ มีสารประกอบฟลาโวนอยด์ (flavonoid) สามารถยับยั้งอาการอักเสบได้ สารฟลาโวนอยด์มีฤทธิ์ลดการอักเสบสารกลุ่ม Monoglycosyl diglycerides เช่น    1,   2- di-O-linolenoyl-3-O-β-D-Galactopyranosyl-sn-glycerol แล้วก็สารกลุ่ม Glycoglycerolipids จากใบมีฤทธิ์ยั้งเชื้อไวรัสเริมและก็งูสวัด
                นอกเหนือจากนั้นพญายอ ยังมีสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพมากกว่า 20 ชนิด โดยเป็นสารเคมีจากพืชที่มีความจำเป็นต่อชีวิต ดังเช่นว่า   Stigmaster, Lupeol, B-Sitosterol Belutin, Myricyl alcohol แล้วก็สารสกัดที่ได้จากเมทานอลในประเทศไทย 6  จำพวก    C-Glycosyl flavones เช่น    Vitexin, Isovitexin, Schaftoside, Isomoll-pentin, 7-0-B-Glucopyranoside, Orientin, Isori-entin รวมทั้งสารสกัดได้จากต้นรวมทั้งใบได้สาร Gluco-sides  5   ประเภท    (1)    Cerebrosides และก็  Monoacylmonogalactosyl glycerol สาร    Triga-lactosyl รวมทั้ง    Digalactosyl diglycerides 4  สาร    8 ชนิด    สกัดได้จากส่วนเหนือดินสดด้วยคลอโรฟอร์มเป็น   Chlorophyll A,  Chlorophyll B,  รวมทั้ง    Phacoph-orbide A  และก็สารประกอบที่มีซัลเฟอร์ 4  จำพวก   Clinamide A-C, 2-Cis- entadamide A  และก็สารประกอบที่พบมาก่อน 3  ชนิด    Entadamide A, Entadamide C   และ    Trans 3  methylsulfinyl-2-propenol
ประโยชน์ / คุณประโยชน์ คุณประโยชน์ของพญายอตามตำรายาไทย
ระบุว่า ใบ – ใช้ถอนพิษไข้ ดับพิษร้อน แก้อาการผิดสำแดง แก้เจ็บคอ เจ็บปก แผลในปาก คางทูม รักษาโรคบิด ไข่ดัน รักษาแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก รักษาแผลน้ำเหลืองเสีย ผื่นคัน แก้ฝี แก้พิษงู แมลงสัตว์กัดต่อย รักษาโรคฝึกฝน ราก  - ปรุงเป็นยาขับปัสสาวะ ขับเมนส์ แก้เมื่อยบั้นท้าย บำรุงกำลัง แก้ผิดสำแดง ส่วน 5  (ทั้งยังต้น) -   ใช้ถอนพิษ โดยเฉพาะพิษแมลงสัตว์กัดต่อย ตะขาบ แมลงป่อง รักษาอาการอักเสบ งูสวัด ผื่นคัน แผลน้ำร้อนลวก  ดีซ่าน รักษาแผลสด แผลเรื้อรัง แก้ปวดบวม กลยุทธ์ขัดยอก ฟกช้ำ  ส่วนในทางการแพทย์แผนปัจจุบันยังมีการผลิตยาที่มีส่วนประกอบของพญายอหลายอย่าง ยกตัวอย่างเช่น ครีมพญายอ ใช้บรรเทาลักษณะโรคเริม รวมทั้ง งูสวัด ยาป้ายปากพญายอให้รักษาแผลในปาก (aphthaus ulcer) โลชั่นพญายอ ใช้ทุเลาอาการผื่นผื่นคัน ลมพิษ ตุ่มคัน เป็นต้น
แบบ / ขนาดวิธีใช้



o             - ใช้ใบสด 5-10 ใบ ตำขยี้ทาบริเวณที่เป็นแผลที่แพ้ จะยุบหายได้ประสิทธิภาพที่ดี



o             ใช้ใบตำต้มกับน้ำมะพร้าวหรือน้ำมันงา เอากากพอกแผลที่ถูกน้ำร้อนลวกหรือไฟเผา แผลจะแห้ง
o             นำใบมาตำอย่างรอบคอบผสมกับเหล้า ใช้พอกรอบๆที่ถูกไฟเผาหรือน้ำร้อนลวก มีสรรพคุณดับพิษร้อนได้ดิบได้ดี



o             ใช้ใบเสมหะพังพอนตัวเมียสด 10-20 ใบ (เลือกใบสีเขียวเข้มสดเป็นเงาไม่อ่อนไม่แก่จนเกินความจำเป็น)เอามาตำผสมกับเหล้าหรือน้ำมะนาว คั้นเอาน้ำกินหรือเอาน้ำทาแผลและเอากากพอกแผล
o             ใช้ใบเสมหะพังพอน 1,000 กรัม หมักใน alcohol 70 % 1,000 ซีซี. หมักไว้ 7 วัน นำมากรองแล้วเอาไประเหยให้เหลือ 500 ซีซี. เพิ่ม glycerine pure ลงไปเท่ากับจำนวนที่ระเหยไป (500 ซีซี.) นำน้ำยาเสลดพังพอนกรีเซอรีนที่ได้ทาแผลเริม งูสวัด แผลร้อนในปาก ถอนพิษต่างๆ



ส่วนการใช้พญายอรักษาอาการเพราะว่าแมลงกัดต่อย และเริมตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุขนั้น  ให้ใช้ใบขยี้ทาบริเวณที่ถูกแมลง สัตว์ กัดต่อย หรือเป็นเริมและก็สำหรับครีม ที่มีสารสกัดพญายอ (http://www.disthai.com/16913677/%E0%B8%9E%E0%B8%8D%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%AD-%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%A5%E0%B8%94%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%A2)ปริมาณร้อยละ 4 – 5   และสารละลาย (สำหรับป้ายปาก) ที่มีสารสกัดพญายอในกลีเซอรีนจำนวนร้อยละ 2.5 – 4                  รวมทั้งโลชัน ที่มีสารสกัดพญายอปริมาณร้อยละ 1.25  ให้ใช้  ทาบริเวณที่มีลักษณะ วันละ 5 ครั้ง
การศึกษาเล่าเรียนทางเภสัชวิทยา
ฤทธิ์ลดการอักเสบ  สารสกัดเอ็นบิวทานอลจากใบให้ทางปากหนูขาว จะลดการอักเสบของอุ้งเท้าหนูที่ถูกเหนี่ยวนำโดย carrageenan และลดการอักเสบของถุงลมหนูขาวที่รั้งนำให้กำเนิดโดยฉีดลมและก็น้ำมันละหุ่ง (1-3) แม้กระนั้นถ้าหากใช้แนวทางทาสารสกัดที่ผิวหนังจะไม่สามารถที่จะลดน้ำหนองของถุงลมหนูได้ สารสกัดเอ็นบิวทานอล ขนาด 270 มก./กิโลกรัม จะลดอาการบวมของอุ้งเท้าหนูได้เท่ากับแอสไพรินขนาด 100 มิลลิกรัม/กิโลกรัม (2) เมื่อใช้ 5% ของพญายอในรูป cold cream สารสกัดเอทานอล 95% และสารสกัดเอทานอลในน้ำ ทาเฉพาะที่ให้หนูขาว  สามารถลดหนองแล้วก็การเกิด granuloma ได้ 50.98%, 50.10% และก็ 48.30% เป็นลำดับ สารสกัดเอทานอลจากใบ ขนาด 20 มคก./มิลลิลิตร ส่งผลต่อ cytokines  ที่เกิดในแนวทางการอักเสบหมายถึงยับยั้ง  interleukin-1-b แม้กระนั้นไม่สามารถยั้ง interleukin-6 รวมทั้ง  tumor necrosing factor-a
ฤทธิ์รักษาโรคงูสวัด  นำสารสกัดจากใบพญายอความเข้มข้นต่างๆมาตรวจ DNA hybridization แล้วก็ plaque reduction assay พบว่า ขนาด 1:2,000 รวมทั้ง 1:1,200 เป็นลำดับ จะยั้งเชื้อไวรัส Varicella zoster ก่อนไปสู่เซลล์ได้ 50% ขนาด 1:6,000 และ 1:4,800 เป็นลำดับ จะฆ่าเชื้อไวรัส  Varicella zoster  ในเซลล์  ขนาดมากกว่า 1:18,000 รวมทั้ง 1:9,600 เป็นลำดับ สามารถทำลายเชื้อไวรัส Varicella zoster โดยตรงได้ 50% จะเห็นว่าเมื่อเชื้อเข้าสู่เซลล์แล้วฤทธิ์ในการยั้งไวรัสต่ำลง
          คนป่วยโรคงูสวัด ปริมาณ 51 ราย  ได้รับการดูแลและรักษาด้วยยาจากสารสกัดใบพญายอเปรียบเทียบกับยาหลอกแบ่งเป็น 2 กรุ๊ป ตามจำพวกของยา และให้ยาเรียงสลับแบบสุ่ม คนเจ็บทุกรายมาพบแพทย์ข้างใน 48 ชั่วโมงภายหลังจากมีอาการ  โดยให้ทายาวันละ 5 ครั้ง เป็นเวลา 7-14 วัน จนกว่าแผลจะหาย พบว่าคนป่วยสุดที่รักษาด้วยสารสกัดใบพญายอแผลจะตกสะเก็ดภายใน 3 วัน และหายด้านใน 7-10 วัน มีมากไม่น้อยเลยทีเดียวกว่ากรุ๊ปสุดที่รักษาด้วยยาหลอกอย่างเป็นจริงเป็นจังทางสถิติ หรูหราความเจ็บปวดลดน้อยลงเร็วกว่า และไม่พบผลข้างเคียงใดๆ
ฤทธิ์ต่อต้านเริม  สารสกัดน้ำจากใบ มีฤทธิ์ต้านเชื้อไวรัส Herpes simplex type 1 และก็ type 2 โดยตรงก่อนที่จะไวรัสจะเข้าสู่เซลล์ รวมทั้งสารสกัดจากใบความเข้มข้นตั้งแต่ 1:1,200 นาน 30 นาที สามารถออกฤทธิ์ทำลายเชื้อ HSV 2 โดยตรงก่อนเพาะเลี้ยงลงเซลล์ สารสกัดเมทานอลและก็สารสกัดน้ำจากใบไม่สามารถที่จะยับยั้งเชื้อไวรัส HSV-2 แล้วก็ HSV-1, HSV-2 ในเซลล์ ตามลำดับ
คนเจ็บโรคเริมที่อวัยวะสืบพันธุ์ทั้งชายแล้วก็หญิงจำนวน 27 คน ได้รับการรักษาด้วยครีมจากสารสกัดเอทานอลจากใบพญายอ 5% (dilution 1:4,800) เปรียบเทียบกับการดูแลและรักษาด้วยยา acyclovir cream จำนวน 26 คน และยาหลอก 24 คน  โดยทาแผลวันละ 4 ครั้ง ต่อเนื่องกัน 6 วัน พบว่า คนเจ็บที่ได้รับการรักษาด้วยครีมพญายอ และ acyclovir cream แผลเป็นสะเก็ดในวันที่ 3 แล้วก็หายด้านในวันที่ 7 ไม่เหมือนกับแผลของผู้ป่วยที่ใช้ยาหลอก จะเป็นสะเก็ดในวันที่ 4–7 และหายในวันที่ 7-14 หรือเป็นเวลานานกว่านั้น ครีมพญายอไม่นำมาซึ่งการก่อให้เกิดอาการอักเสบ เคือง ตอนที่ acyclovir cream ทำให้แสบ
ผู้ป่วยโรคเริมที่อวัยวะสืบพันธุ์ชนิดเป็นซ้ำ ปริมาณ 56 ราย ได้รับการดูแลรักษาด้วยยาจากสารสกัดใบพญายอ เปรียบการดูแลรักษากับยา acyclovir cream ปริมาณ 54 คน และยาหลอก 53 คน ทาตุ่มหรือแผลวันละ 4 ครั้ง เป็นเวลา 6 วัน พบว่ากลุ่มหวานใจษาด้วยยาจากสารสกัดพญายอแผลจะตกสะเก็ดข้างใน 3 วัน รวมทั้งหายภายใน 7 วัน ไม่มีอาการแสบแผล  และไม่มีไม่เหมือนกันจากการดูแลและรักษาด้วย acyclovir cream แต่ว่ายา acyclovir cream จะทำให้แสบแผล (13)
ฤทธิ์แก้ปวด  เมื่อให้ส่วนสกัดเอ็นบิวทานอลจากใบ ขนาด 30, 90, 270, 540, 810 และก็ 2,430 มก./กก.  แก่หนูถีบจักรทางปาก จะลดการบิดตัวของหนูที่ถูกเหนี่ยวนำโดยกรดอะซีตำหนิค แล้วก็เพิ่มการซึมผ่านของฝาผนังเส้นเลือด เป็นสัดส่วนกับขนาดของส่วนสกัด ส่วนสกัดเอ็นบิวทานอลขนาด 90 มิลลิกรัม/กก. จะมีความแรงพอกับเฟนนิวบิวทาโซนขนาด 100 มิลลิกรัม/กก. สำหรับในการลดการบิดตัว แต่จะมีความแรงน้อยกว่าสำหรับเพื่อการลดการซึมผ่านผนังเส้นเลือด เมื่อให้สารสกัดนี้โดยการฉีดเข้าท้อง ไม่ทำให้เห็นว่ามีฤทธิ์ระงับปวดเมื่อใช้วิธี hot water bath  และให้ส่วนสกัดคลอโรฟอร์มจากใบขนาดดังที่กล่าวมาแล้วทางปากหนูถีบจักร  ไม่มีผลลดการบิดตัวของหนูเหมือนกัน
นอกจากนั้น พญายอมีสารออกฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระ (antioxidant) ในหลอดทดสอบรวมทั้งมีฤทธิ์ต้านแบคทีเรีย สารสกัดจากใบด้วยเอทธิลอะสิเตทเข้มข้น 1.39-6.31 มิลลิกรัม/มล. สามารถยั้ง Bacillus cereus รวมทั้ง candida albican สาร    Flavonoids รวมทั้ง    Phenolic compounds ในสมุนไพรทุกประเภท ยั้งแบคทีเรียได้ไพเราะเพราะพริ้งมี Carbonyl group รวมทั้ง    พญายอยังมีฤทธิ์ต่อต้านพิษงู: มีการเรียนพบว่าสารสกัดพญายอมีฤทธิ์คุ้มครองทําลายเซลล์เนื้อเยื่อแผล แม้กระนั้นไม่มีฤทธิ์ยับยั้งพิษต่อระบบประสาทของงูเห่า ที่มีต่อNeuromuscular transmission
การเล่าเรียนทางพิษวิทยา หลักฐานความเป็นพิษและก็การทดสอบความเป็นพิษ
          การทดสอบความเป็นพิษพบว่า สารสกัดเอ็นบิวทานอลมีค่า LD50 13.4 กรัม/กก. 48 ชม. หลังให้ทางปาก และก็มีค่า 3.4 ก./กก. เมื่อฉีดเข้าช่องท้อง การให้สารสกัดทุกวันเป็นเวลา 6 สัปดาห์ ไม่เป็นผลต่อการเติบโตของหนูขาว แต่เจอน้ำหนักไธมัสลดลงในช่วงเวลาที่น้ำหนักตับเพิ่มขึ้น ไม่เจอความผิดปกติต่ออวัยวะอื่นๆและไม่มีลักษณะอาการไม่พึงประสงค์อื่นๆส่วนสารสกัดด้วยเอทานอลขนาด 1.3 กรัม/กิโลกรัม (หรือเทียบเท่าใบแห้ง 5.44 กรัม/กก.) เมื่อป้อนเข้าทางปากหรือฉีดเข้าช่องท้องหนูเม้าส์ ไม่ก่อให้เกิดอาการพิษใดๆก็ตามและก็เมื่อป้อนหนูแรทด้วยสารสกัดเอ็นบิวทานอลจากใบขนาด 270 มก./กิโลกรัม และก็ 540 มิลลิกรัม/โล ทุกวี่วัน นาน 6 อาทิตย์ พบว่าไม่มีผลต่อการเติบโต แต่ว่าน้ำหนักต่อมธัยมัเสียใจลง เวลาที่น้ำหนักตับเพิ่มขึ้น ไม่เจอความเปลี่ยนไปจากปกติต่ออวัยวะอื่น และไม่เจออาการไม่ปรารถนาอะไรก็ตาม
ข้อเสนอแนะ / ข้อควรคำนึง พญายอก็อย่างกับสมุนไพรจำพวกอื่นๆคือ ควรที่จะใช้ในจำนวนที่พอดิบพอดีไม่สมควรใช้มากเกินความจำเป็นหรือนานกระทั่งเกินไปเพราะว่าบางทีอาจเกิดผลกระทบต่อสุขภาพได้ รวมทั้งหากแม้ในอดีตจะมีการใช้ใบสดนำมาตำแล้วพอกรอบๆที่เป็นแผล และได้ผลการดูแลรักษาที่ดี แม้กระนั้นในปัจจุบันแนวทางลักษณะนี้ไม่เป็นที่ชื่นชอบแล้ว เพราะจะทำความสะอาดแผลได้ยาก รวมทั้งอาจจะก่อให้แผลติดเชื้อโรคและก็เป็นหนองกระทั่งขยายไปยังรอบๆอื่นได้
เอกสารอ้างอิง




Tags : พญายอ