รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

ลงประกาศฟรี => อื่น ๆ => ข้อความที่เริ่มโดย: ณเดช2499 ที่ พฤษภาคม 28, 2018, 09:17:21 AM

หัวข้อ: โรตกรดไหลย้อนที่เราเจอกันบ่อยๆ มีสรรพคุณเเละประโยชน์เเละวิธีรักษาดังนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ณเดช2499 ที่ พฤษภาคม 28, 2018, 09:17:21 AM
(https://www.img.in.th/images/f6fbcc492bfc875f63dffe872b932ddf.md.jpg)
โรคกรดไหลย้อน (Gastroesophageal reflux disease : GERD)
โรคกรดไหลย้อนคืออะไร 
โรคกรดไหลย้อน (http://www.disthai.com/16880091/%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%94%E0%B9%84%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A2%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%99-gastroesophageal-reflux-disease-gerd)” (Gastroesophageal reflux disease ,GERD) เป็นโรคที่เกิดจากการไหลย้อนของกรด (น้ำย่อย) ในกระเพาะกลับไปที่หลอดอาหาร ซึ่งโดยปกติร่างกายของเราจะมีการไหลย้อนของกรดในกระเพาะขึ้นไปในหลอดอาหารอยู่บ้าง โดยเฉพาะหลังรับประทานอาหารแม้กระนั้นคนที่เป็นโรคนี้จะมีจำนวนกรดที่ย้อนมากขึ้นหรือย้อนบ่อยมากกว่าผู้ที่ไม่เป็นโรค หรือหลอดอาหารมีความไวประมือดมากขึ้นแม้ว่าจะมีจำนวนกรดที่ย้อนขึ้นไปไม่เกินกว่าปกติ ทำให้มีลักษณะระคายบริเวณคอ และก็แสบอกหรือจุกเสียดรอบๆใต้ลิ้นปี่ และก็มีลักษณะท้องอืดท้องเฟ้อร่วมด้วย คล้ายๆกับลักษณะโรคกระเพาะ ทำให้คนส่วนใหญ่หลงผิดว่าเป็นโรคกระเพาะ แล้วก็ไปซื้อยาลดกรด (antacids)  ที่มีขายตามท้องตลาดมารับประทานเพื่อทุเลาอาการ ซึ่งเป็นการรักษาที่ไม่ตรงจุด จึงพบว่าในขณะนี้มีคนไข้มาพบแพทย์ด้วยโรคกรดไหลย้อนเพิ่มสูงขึ้น  รวมทั้งถ้าหากปลดปล่อยให้เกิดอาการเรื้อรังและรักษาด้วยการใช้วิธีที่ผิดจะต้อง อาจส่งผลให้เกิดการเกิดหลอดของกินอักเสบ แผลที่หลอดอาหาร หรือหลอดของกินตีบ ซึ่งบางทีอาจเพิ่มการเสี่ยงสำหรับเพื่อการกำเนิดโรคมะเร็งหลอดของกินได้
นอกเหนือจากนี้ยังสามารถแบ่งประเภทและชนิดของโรคกรดไหลย้อนได้เป็น 2 ประเภท เป็น



ซึ่งโรคกรดไหลย้อนนี้ เป็นโรคที่เจอได้ราว 10-15% ของผู้ที่มีลักษณะอาการอาหารไม่ย่อย (Syspepsia) รวมทั้งพบได้มากในสตรีและก็ในเพศชาย โดยพบได้ใกล้เคียงกัน เป็นโรคที่พบได้ในทุกช่วงอายุ ตั้งแต่ทารกไปจนถึงผู้สูงอายุ แต่พบอัตรากำเนิดสูงมากขึ้นในอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป รวมทั้งเจอได้สูงสุดในช่วงอายุ 60 - 70 ปีขึ้นไป มีกล่าวว่าประเทศแถมตะวันตกเจอโรคนี้ได้โดยประมาณ 10 - 20% ของประชาชนอย่างยิ่งจริงๆ
สิ่งที่ทำให้เกิดโรคกรดไหลย้อน
โรคกรดไหลย้อนมีสาเหตุที่เกี่ยวข้องกับความไม่ดีเหมือนปกติ ของแนวทางการทำหน้าที่ของกล้ามหูรูดที่อยู่ตรงด้านล่างของหลอดของกิน (lower esophageal sphincter, LES) ในคนธรรมดาขณะกลืนอาหารหูรูดนี้จะคลายตัวเพื่อเปิดช่องให้อาหารไหลผ่านเข้าสู่กระเพาะอาหาร เมื่ออาหารผ่านลงกระเพาะอาหารจนถึงหมดแล้วหูรูดนี้จะหดรัดเพื่อขัดขวางไม่ให้น้ำย่อย (ซึ่งเป็นกรดเกลือ) ที่อยู่ในกระเพาะไหลย้อนขึ้นไปที่หลอดอาหาร
แต่ว่าคนที่เป็นโรคกรดไหลย้อน พบว่ากล้ามหูรูดตรงด้านล่างของหลอด อาหารนี้หย่อนสมรรถนะ ทำให้มีน้ำย่อยไหลย้อนขึ้นไปที่หลอดของกินมากยิ่งกว่าธรรมดา (คนทั่วๆไปหลังกินข้าวอาจมีน้ำย่อยไหลย้อนได้ 1-4 ครั้ง ซึ่งไม่ก่อให้เกิดอาการ) ทำให้เกิดอาการแตกต่างจากปกติ รวมทั้งการอักเสบของเยื่อบุหลอด อาหารได้
ส่วนมูลเหตุที่ทำให้หูรูดดังที่กล่าวถึงมาแล้วดำเนินการไม่ปกติยังไม่เคยทราบกระจ่าง แต่ว่าเชื่อว่าอาจเกิดขึ้นจากความเสื่อมถอยตามอายุ (เจอในคนแก่กว่า 40 ปี) หรือหูรูดยังเจริญรุ่งเรืองไม่สุดกำลัง (พบในเด็กแบเบาะ) หรือมีความผิดธรรมดาที่เป็นมาโดยกำเนิด
นอกเหนือจากนี้พฤติกรรมในชีวิตประจำวัน หรือโรคบางประเภทมีส่วนกระตุ้นลักษณะการทำงานของหลอดของกินให้กำเนิดความเปลี่ยนไปจากปกติได้ หรือทำให้กระเพาะอาหารหลั่งกรดในจำนวนมากขึ้น ดังเช่นว่า เข้านอนหลังรับประทานอาหารโดยทันที ทานอาหารปริมาณมากภายในมื้อเดียว อยู่ในตอนท้อง พฤติกรรมต่างๆเหมือนอย่างที่ได้กล่าวมาเหล่านี้ล้วนนำมาซึ่งการก่อให้เกิดสภาวะกรดไหลย้อนได้ง่ายมากยิ่งขึ้นเช่นกัน
ลักษณะของโรคกรดไหลย้อน  ลักษณะของผู้ป่วยนั้นขึ้นอยู่กับอวัยวะที่ถูกระคายเคืองโดยกรด ดังเช่น

วิธีการรักษาโรคกรดไหลย้อน
แพทย์วินิจฉัยโรคกรดไหลย้อนได้จาก ความเป็นมาอาการ การตรวจลำคอ การตรวจร่างกาย การตรวจภาพปอดด้วยเอกซเรย์แยกจากโรคปอดต่างๆการส่องกล้องตรวจกล่องเสียง หลอดของกิน กระเพาะ รวมทั้งลำไส้ รวมทั้งอาจตัดชิ้นเนื้อในรอบๆที่เปลี่ยนไปจากปกติเพื่อการตรวจทางพยาธิวิทยา เพื่อแยกจากโรคมะเร็งหลอดของกิน รวมทั้งอาจมีการตรวจแนวทางเฉพาะอื่นๆเพิ่ม ได้แก่ ตรวจวัดภาวการณ์ความเป็นกรดของหลอดอาหารในขณะส่องกล้อง ทั้งนี้สังกัดดุลยพินิจของแพทย์ ดังเช่น การเอกซเรย์กลืนสารทึบแสงสว่าง, การตรวจทางเวชศาสตร์นิวเคลียร์, การตรวจการบีบตัวของหลอดของกิน เป็นต้น
แม้กระนั้นโดยส่วนมากแล้ว หมอชอบวินิจฉัยโรคกรดไหลย้อนจากอาการแสดงก็เพียงพอต่อการตัดสินโรคแล้ว ซึ่งอาการแสดงที่พบได้มาก ยกตัวอย่างเช่น อาการแสบลิ้นปี่ จุกแน่นยอดอก รวมทั้งเรอเปรี้ยวข้างหลังกินอาหารที่เป็นตัวกระตุ้น หรือมีความประพฤติปฏิบัติที่เป็นเหตุกำเริบ แม้กระนั้นในรายที่ไม่ชัดแจ้งบางทีอาจต้องกระทำตรวจพิเศษ (ซึ่งเจอได้นานๆครั้ง)
กรรมวิธีการรักษาโรคกรดไหลย้อน



             ควรอุตสาหะลดน้ำหนัก
             พยายามเลี่ยงความตึงเครียด
             หลีกเลี่ยงการใส่เสื้อผ้าที่คับหรือรัดแน่นเกินไป
             ถ้าหากมีลักษณะอาการท้องผูก ควรจะรักษา รวมทั้งหลบหลีกการเบ่ง
             ควรออกกำลังกายสม่ำเสมอ
             ภายหลังรับประทานอาหารทันที พากเพียรหลบหลีกการนอนราบ
             หลีกเลี่ยงการทานอาหารมื้อมืดค่ำ
             รับประทานอาหารปริมาณพอดีในแต่ละมื้อ
             หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มบางจำพวก ตัวอย่างเช่น กาแฟ น้ำอัดลม
             ถ้าหากจะนอนหลังรับประทานอาหาร ควรจะรอราว 3 ชั่วโมง



             ปัจจุบันยาที่ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด หมายถึงยาลดกรดในกลุ่มยับยั้งโปรตอนปั๊ม (Proton pump inhibitors) อย่างเช่น โอเมพราโซล (omeprazole)ขนาด 20 มิลลิกรัม วันละ 1-2 ครั้ง ซึ่งมีคุณภาพสูงมากมายในการคุ้มครองลักษณะโรคกรดไหลย้อน โดยให้กินยาติดต่อกันตรงเวลา 6 - 8อาทิตย์ หรืออาจต้องใช้ยาเป็นระยะเวลาที่ยาวนานหลายเดือนขึ้นอยู่กับผู้เจ็บป่วยแต่ละราย อย่างเช่นกรณีที่เป็นมากหรือมีอาการมานาน ซึ่งอาจจะเป็นไปได้ว่าจะมีการปรับการกินยาเป็นระยะๆตามอาการที่มี  หรือกินอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน
             บางครั้งบางคราวอาจใช้ยาเพิ่มการเคลื่อนไหวของทางเดินอาหารร่วมด้วย เช่น เมโทโคลพราไมด์ (metoclo-pramide) ขนาด 10 มิลลิกรัม 1 เม็ด วันละ 3-4 ครั้ง ซึ่งยานี้ควรกินก่อนที่จะรับประทานอาหารโดยประมาณ 30 นาที



             คนไข้ที่มีลักษณะรุนแรง ซึ่งให้การรักษาโดยการใช้ยาอย่างมากแล้วไม่ดีขึ้น
             ผู้เจ็บป่วยที่ไม่สามารถที่จะกินยาที่ใช้สำหรับการรักษาภาวการณ์นี้ได้
             คนเจ็บที่ดียิ่งขึ้นภายหลังการใช้ยา แต่ไม่ต้องการที่จะรับประทานยาต่อ
             คนเจ็บที่กลับกลายซ้ำบ่อยครั้งหลังหยุดยา
ทั้งนี้ผู้ป่วยที่จำเป็นต้องได้รับการผ่าตัดมีเพียงแค่ปริมาณร้อยละ 10 เพียงแค่นั้น การดูแลรักษาโดยการผ่าตัดมีหลายวิธี อย่างเช่น endoscopic fundoplication, radiofrequency therapy, injection / implantation therapy ฯลฯ
(https://www.img.in.th/images/93ef36996517bdac08f7cec2b0fafc41.jpg)
ปัจจัยเสี่ยงที่ก่อให้เกิดโรคกรดไหลย้อน



การติดต่อของโรคกรดไหลย้อน โรคกรดไหลย้อนมีเหตุมาจากความผิดแปลกของกล้ามเนื้อหูรูดส่วนล่างของหลอดของกิน ทำให้มีกรด (น้ำย่อย) จากกระเพาะไหลถอยกลับขึ้นไปที่หลอดอาหารรวมทั้งมีการอักเสบและอาการต่างๆตามมา ซึ่งโรคกรดไหลย้อนนี้มิได้เป็นโรคติดต่อ เพราะเหตุว่าไม่มีการติดต่อจากคนสู่คน หรือจากสัตว์สู่คนอะไร
การปฏิบัติตนเมื่อป่วยด้วยโรคกรดไหลย้อน



การปกป้องตนเองจากโรคกรดไหลย้อน การคุ้มครองโรคกรดไหลย้อนนั้นตัวเราเองเป็นส่วนสำคัญที่จะสามารถคุ้มครองป้องกันการเกิดโรคได้ โดยการปรับเปลี่ยนความประพฤติการดำเนินชีวิตของพวกเรา ดังเช่น



             ชา กาแฟ และน้ำอัดลมทุกชนิด
             อาหารทอด อาหารไขมันสูง
             ของกินรสจัด รสเผ็ด
             ผลไม้รสเปรี้ยว ส้ม มะนาว มะเขือเทศ
             หอมหัวใหญ่ สะระแหน่ เปปเปอร์มิ้นต์
             ช็อกโกแลต

สมุนไพรที่ช่วยคุ้มครองปกป้อง / รักษาโรคกรดไหลย้อน
ยอ  ชื่อวิทยาศาสตร์ Morinda citrifolia สกุล Rubiaceae มีรายงานการวิจัยในหนู พบว่า “ยอ” ซึ่งมีสารสำคัญเป็นสโคโปเลว่ากล่าวน (scopoletin) เป็นองค์ประกอบอยู่ด้วยนั้น สามารถลดการอักเสบของหลอดของกินจากการไหลย้อนของกรดได้ประสิทธิภาพที่ดี เท่ากับยามาตรฐานที่ใช้สำหรับในการรักษากรดไหลย้อน คือ รานิติดีน (ranitidine) รวมทั้งแลนโสพราโซล (lansoprazole) เพราะว่ามีฤทธิ์ต่อต้านการอักเสบ ต้านการหลั่งของกรด ต่อต้านการเกิดแผล และก็ทำให้การบีบตัวของระบบทางเดินอาหาร โดยมีผลต่อระบบประสาทที่เกี่ยวเนื่องโดยตรง รวมทั้งยังมีรายงานว่าสามารถเพิ่มการดูดซึมของรานิติดีน “ยอ” ก็เลยเหมาะสมสำหรับเพื่อการเป็นสมุนไพรสำหรับรักษาอาการกรดไหลย้อนเป็นอย่างยิ่ง จากการค้นคว้าข้างต้น และก็การที่ “ยอ” มีรสร้อน ช่วยย่อยอาหาร ทำให้อาหารไม่ตกค้าง ไม่เกิดลมในกระเพาะ ลดการเกิดแรงดันที่ทำให้กรดไหลย้อน “ยอ” ยังช่วยให้กระเพาะบีบเคลื่อนก้าวหน้าขึ้น ทำให้ของกินเขยื้อนจากกระเพาะไปสู่ลำไส้เล็กได้ดีขึ้น
ดังนี้สมุนไพรที่บางทีอาจใช้ด้วยกัน คือ ขมิ้นชัน เหตุเพราะขมิ้นชันมีคุณประโยชน์ในการรักษาอาการท้องอืด รวมทั้งช่วยขับน้ำดีเพื่อย่อยไขมัน ทำให้ของกินไม่หลงเหลือในกระเพาะ และลำไส้เล็กนานเหลือเกิน อีกทั้งช่วยรักษาแผลในกระเพาะได้อีกด้วย มีผู้แนะนำให้รับประทานขมิ้นชันก่อนกินอาหาร 1-2 ชั่วโมง ตอนเช้า ช่วงกลางวัน เย็น รวมทั้งก่อนนอน ขนาดกินเป็น ทีละ 1 ช้อนชาสำหรับแบบผง หรือ 3 เม็ดๆละ 500 มิลลิกรัม
ขมิ้น ชื่อวิทยาศาสตร์     Curcuma longa L. วงศ์     Zingiberaceae ชื่อพ้อง  C. domestica Valeton  ชื่ออื่นๆ   ขมิ้นแกง ขมิ้นหยอกเย้า ขมิ้นหัว ขมิ้นชัน ขี้มิ้น หมิ้น ตายอ สะยอ Turmeric สารออกฤทธิ์                curcumin, ar-turmerone curcumin จากขมิ้นลดการอักเสบจากบาดแผลเจริญ การทดลองในหลอดทดสอบ โดยใช้สารสกัดขมิ้น 160 มิลลิกรัม/กก. กรอกเข้าทางกระเพาะอาหาร (intragastric) ของหนูขาว ยั้งการอักเสบคิดเป็น 29.5% curcumin มีฤทธิ์ต้านทานการอักเสบที่เกิดขึ้นมาจากการเหนี่ยวนำด้วยคาราจีแนน การทดลองเปรียบระหว่าง phenylbutazone กับ sodium curcuminate 30 มก./กก. พบว่าได้ผลดี แต่ถ้าเกิดสูงขึ้นเป็น 60 มิลลิกรัม/กิโลกรัม ฤทธิ์ต่อต้านการอักเสบจะลดลง และก็ sodium curcuminate ยังสามารถยับยั้งการบีบตัวของไส้หนูในหลอดทดลองที่รั้งนำจากนิโคติน อะซีตำหนิลโคลีน 5-hydroxy-tryptamine ฮีสตามีนรวมทั้งแบเรียมคลอไรด์ นอกเหนือจากนี้ sodium curcuminate ยังลดจังหวะการบีบรัดตัวของลำไส้เล็กของกระต่าย โดยไปลดระยะห่างของจังหวะการบีบรัดตัวของไส้
ขมิ้น (http://www.disthai.com/16488284/%E0%B8%82%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B8%99)สามารถต้านทานการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร โดยกระตุ้นการหลั่งมิวซินมาเคลือบแล้วก็ยับยั้งการหลั่งน้ำย่อยต่างๆสารสำคัญสำหรับการออกฤทธิ์คือ curcumin ในขนาด 50 มก./กิโลกรัม สามารถกระตุ้นการหลั่งมิวสินออกมาเคลือบกระเพาะ แต่ว่าถ้าหากใช้ในขนาดสูงอาจจะเป็นผลให้เกิดแผลในกระเพาะอาหารได้
มีการทดลองในกระต่ายเปรียบเทียบกับกลุ่มที่มีการหลั่งกรดมากมาย พบว่าผงขมิ้นไม่เปลี่ยนแปลงปริมาณน้ำย่อยรวมทั้งกรดในกระเพาะอาหาร แม้กระนั้นเพิ่มส่วนประกอบของไม่วซิน
ย่านาง หรือใบย่านาง มีชื่อทางด้านวิทยาศาสตร์ว่า Tiliacora triandra (Colebr.) Diels มีชื่อภาษาอังกฤษว่า Bamboo grass อยู่ในวงศ์ Menispermaceae ใบของย่านาง คือเป็นส่วนที่มีสาระแล้วก็ถูกนำมาใช้สำหรับเพื่อการรักษาโรคมากที่สุด เพราะเหตุว่าเป็นพืชที่มีฤทธิ์เย็น แล้วก็มีสารต้านอนุมูลอิสระในปริมาณสูง นอกเหนือจากนี้ถูกจัดไว้ในตำราสมุนไพรว่าเป็นยาอายุวัฒนะอีกด้วย ซึ่งประโยชน์ต่างๆที่ได้รับจากใบย่านางในการรักษาโรคมีดังนี้
ระบบทางเดินอาหาร -ช่วยรักษาโรคกระเพาะอาหาร ไส้อักเสบ   -ช่วยลดอาการหดเกร็งตามลำไส้          -ช่วยรักษาอาการกรดไหลย้อน
รักษารวมทั้งป้องกันโรคภัยต่างๆ-ช่วยรักษาโรคความดันเลือดสูง  -ช่วยคุ้มครองแล้วก็บำบัดการเกิดโรคหัวใจ  -ช่วยคุ้มครองป้องกันรวมทั้งลดอัตราการเกิดโรคมะเร็งได้  -ช่วยรักษาลักษณะของโรคโรคเบาหวาน โดยไปลดระดับน้ำตาลในเลือดให้ต่ำลง
ระบบผิวหนัง  -ช่วยสำหรับในการรักษาโรคเริม งูสวัด   -ช่วยแก้พิษจากแมลงสัตว์กัดต่อย
ระบบสืบพันธุ์และก็ฟุตบาทเยี่ยว  -ช่วยรักษาโรคนิ่วในไต นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ นิ่วในถุงน้ำดี   -ช่วยรักษาอาการปัสสาวะแสบขัด ออกร้อนในทางเท้าปัสสาวะ
ขึ้นฉ่าย (Apium graveolens L.) ช่วยบำรุงระบบการทำงานด้านการย่อยอาหารภายในร่างกายและช่วยลดลักษณะของโรคที่เกี่ยวกับกระเพาะอาหาร ซึ่งรวมทั้งโรคกรดไหลย้อน
เอกสารอ้างอิง