รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

ลงประกาศฟรี => อื่น ๆ => ข้อความที่เริ่มโดย: Tawatchai1212 ที่ พฤษภาคม 28, 2018, 03:43:48 AM

หัวข้อ: สมุนไพรหญ้าหนวดเเมว มีสรรพคุณดีอย่างไร-เเละสามารถรักษาโรคได้อย่างไร
เริ่มหัวข้อโดย: Tawatchai1212 ที่ พฤษภาคม 28, 2018, 03:43:48 AM
(https://www.img.in.th/images/776d067c8bd7fa5b1c7f12474f4eead9.jpg)
หญ้าหนวดแมว
ชื่อสมุนไพร  ต้นหญ้าหนวดแมว
ชื่ออื่นๆ/ชื่อท้องถิ่น  พยับเมฆ (จ.กรุงเทพฯ) บางรักป่า (ประจวบคีรีขันธ์), อีตู่ดง (เพชรบุรี) หญ้าหนวดเสือ
ชื่อสามัญ Kidney tea plant, Cat’s whiskers, Java tea, Hoorah grass
ชื่อวิทยาศาสตร์ Orthosiphon aristatus (Blume) Miq.
ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์  Orthosiphon grandiflorus Bold. ,Orthosiphon stamineus Benth.
ตระกูล Lamiaceae หรือ Lamiaceae
บ้านเกิด  ต้นหญ้าหนวดแมว (http://www.disthai.com/16895865/%E0%B8%AB%E0%B8%8D%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%94%E0%B9%81%E0%B8%A1%E0%B8%A7)จัดเป็นพืชป่าในเขตร้อนชื้นมีบ้านเกิดเมืองนอนแถวเอเชียใต้แถบอินเดีย , บังคลาเทศ , ศรีลังการวมทั้งทางตอนใต้ของจีนแล้วมีการกระจายประเภทไปสู่ในประเทศเขตร้อนที่ใกล้เคียง (ในเอเซียอาคเนย์) ดังเช่นว่า ประเทศพม่า ไทย ลาว เขมร มาเลเซีย ฯลฯ ในประเทศไทย มีการนำต้นหญ้าหนวดแมวมาเป็นสมุนไพรรักษาโรคนิ่วและขับฉี่มานานแล้ว กระทั่งในขณะนี้มีการทำการค้นคว้าเกี่ยวกับหญ้าหนวดแมวว่าสามารถรักษาโรครวมทั้งสภาวะต่างๆได้มากมายหลายโรคก็เลยทำให้ความนิยมชมชอบในการใช้ต้นหญ้าหนวดแมวเพิ่มมากขึ้น
ลักษณะทั่วไป   หญ้าหนวดแมวมีลักษณะ ต้น เป็นไม้พุ่มล้มลุก ขนาดเล็ก เนื้ออ่อน สูง 30-60 เซนติเมตร มีอายุนับเป็นเวลาหลายปี ลำต้นรวมทั้งกิ่งค่อนข้างจะเป็นสี่เหลี่ยมเห็นได้ชัดเจน มีสีม่วงแดง และมีขนนิดหน่อย แตกกิ่งก้านสาขามากมาย โคนต้นอ่อนโค้ง ปลายตั้งชัน ตามยอดอ่อนมีขนกระจัดกระจาย ใบเป็นลำพัง ออกตรงกันข้าม สีเขียวเข้ม รูปไข่ หรือรูปสี่เหลี่ยมผ่านหลามตัด ตามเส้นใบมักมีขน กว้าง 2-5 ซม. ยาว 5-10 เซนติเมตร ปลายใบเรียวแหลม โคนใบสอบ ขอบของใบจักเป็นฟันเลื่อยห่างๆนอกจากขอบที่โคนใบจะเรียบ มีขนตามเส้นใบอีกทั้งด้านบนและก็ด้านล่าง เนื้อใบบาง ก้านใบยาว 2-4.5 ซม. มีขน ดอก มีสีขาว หรือขาวอมม่วงอ่อน ออกเป็นช่อกระจะตั้งขึ้น ที่ปลายยอด เป็นรูปฉัตร ยาว 7-29 เซนติเมตร มีดอกย่อยประมาณ 6 ดอก ขนาดดอก 1.5 ซม. ดอกจะบานจากข้างล่างขึ้นไปข้างบน ริ้วแต่งแต้มรูปไข่ ยาว 1-2 มิลลิเมตร ไม่มีก้าน กลีบเลี้ยงเชื่อมชิดกันเป็นรูประฆัง งอบางส่วน ยาว 2.5-4.5 มิลลิเมตร เมื่อสำเร็จยาว 6.5-10 มิลลิเมตร ด้านนอกมีต่อมน้ำมันหรือเป็นปุ่มๆกลีบดอกโคนเชื่อมติดกันเป็นหลอดตรงเล็ก ยาว 10-20 มิลลิเมตร ปลายแยกเป็นปากสองปาก ปากบนใหญ่กว่า ปากบนมีหยักตื้นๆ4 หยัก โค้งไปทางข้างหลัง ปากล่างตรง โค้งเป็นรูปช้อน เกสรเพศผู้มี 4 อัน เรียงเป็น 2 คู่ คู่ล่างยาวกว่าคู่บนน้อย ก้านเกสรยาว หมดจด ไม่ติดกัน ยื่นยาวออกมานอกกลีบดอกเห็นได้ชัดเสมือนหนวดแมว อับเรณูเป็น 2 พู ข้างบนบรรจบกัน ก้านเกสรเพศเมียเรียวเล็ก ยาว 5-6 ซม. ปลายก้านเป็นรูปกระบอง ปลายสุดมี 2 พู ผลได้ผลแห้งไม่แตก รูปขอบขนานกว้าง แบน แข็ง สีน้ำตาลเข้ม ขนาดเล็ก ยาวราวๆ 1-2 มม. ผลจะเจริญรุ่งเรืองเป็น 4 ผลย่อยจากดอกหนึ่งดอก ตามผิวมีรอยย่น ออกดอกและก็ติดผลราวกันยายนถึงต.ค. ถูกใจขึ้นที่เปียกชื้น มีแดดรำไรในป่าริมลำน้ำ หรือน้ำตก
การขยายพันธุ์ หญ้าหนวดแมว เป็นไม้ล้มลุกที่เติบโตเจริญในดินชื้น คล้ายกับกระเพราแล้วก็โหระพา จึงทนต่อสภาพแห้งได้น้อย ดังนั้น การปลูกต้นหญ้านวดแมวควรต้องเลือกสถานที่ปลูกที่ค่อนข้างเปียกชื้นเสมอหรือมีระบบให้น้ำอย่างทั่วถึง แต่ในฤดูฝนสามารถเติบโตได้ทุกพื้นที่
                อีกทั้งต้นหญ้าหนวดแมวเป็นพืชถูกใจดินร่วน แล้วก็มีสารอินทรีย์สูง ด้วยเหตุดังกล่าว ดินหรือแปลงปลูกควรเติมอินทรียวัตถุ เป็นต้นว่า ปุ๋ยธรรมชาติ ปุ๋ยธรรมชาติ ก่อนกระพรวนผสมเข้าด้วยกันไปเรื่อยๆจนกว่าจะเข้ากันและก็กำจัดวัชพืชออกให้หมด
ส่วนการปลูกต้นหญ้าหนวดแมว ปลูกได้ด้วย 2 แนวทาง คือ



ต้นหญ้านวดแมว เป็นพืชที่ต้องการความชุ่มชื้นสูง ถ้าหากขาดน้ำนาน ลำต้นจะเหี่ยวเฉา และตายได้รวดเร็ว ดังนั้น กล้าหญ้าหนวดแมวหรือต้นที่ปลูกลงในแปลงแล้ว ควรมีการให้น้ำอย่างน้อย 2 วัน/ครั้ง
การเก็บเกี่ยว ต้นหญ้าหนวดแมว แก่เก็บเกี่ยวราว 120-140 วัน ข้างหลังปลูก บางทีอาจเก็บเกี่ยวด้วยการถอนอีกทั้งต้นหรือทยอยเด็ดเก็บกิ่งมาใช้ประโยชน์ก็ได้
ส่วนประกอบทางเคมี
ต้นหญ้าหนวดแมวมีองค์ประกอบทางด้านพฤกษเคมีที่โดดเด่นคือ สารกลุ่ม phenolic compoundsอย่างเช่น rosmarinic acid, 3’-hydroxy-5, 6,    7, 4’-tetramethoxyflavone, sinensetin รวมทั้งeupatorin รวมถึง pentacyclic triterpenoid ที่สำคัญเป็น betulinic acid2 นอกนั้นยังเจอ glucoside orthosiphonin, myoinositol, essential oil, saponin, alkaloid, phytosterol, tannin พบสารกรุ๊ปฟลาโอ้อวดน ตัวอย่างเช่น sinensetin, 3’-hydroxy-5,6,7,4’-tetramethoxy flavones Potassium Salf ในใบ และHederagenin, Beta-Sitosterol, Ursolic acid ในต้นอีกด้วย
ซึ่งสารในต้นหญ้าหนวดแมวกลุ่มนี้มีรายงานฤทธิ์ทางสรีรวิทยาและก็เภสัชวิทยามากมายก่ายกอง ยกตัวอย่างเช่น การขับฉี่ ลดระดับกรดยูริค (hypouricemic activity) ปกป้อง ตับ ไต แล้วก็กระเพาะอาหาร ลดระดับความดันโลหิต ต้านทานสารอนุมูลอิสระหรือปฏิกิริยาออกซิเดชัน ต้านทานการอักเสบ เบาหวาน และจุลชีพ ลดไขมัน (antihyper-lipidemic activity) ลดความต้องการทานอาหาร (anorexic  activity)  รวมทั้งปรับสมดุลภูมิคุ้มกันของร่างกาย (immunomodulation)
 
 (http://www.disthai.com/images/editor/Untitled-7.jpg)
 องค์ประกอบทางเคมีของสารพฤกษเคมีในต้นหญ้าหนวดแมว (a)    rosmarinic acid, (b)  3’-hydroxy-5,6,7,4’-tetramethoxyflavone, (c) eupatorin, (d) sinensetin, (e) betulinic acid
                 (http://www.disthai.com/images/editor/Untitled-7.1_.jpg)
     Tannin ที่มา: Wikipedia                      Myo-inositol   ที่มา: Google
สรรพคุณ  ต้นหญ้าหนวดแมวเป็นสมุนไพรที่คนประเทศไทยได้ประยุกต์ใช้รักษาโรคมานานแล้ว โดยมีสรรพคุณตามตำราไทยเป็นใบมีรสจืด ใช้เป็นยาชงแทนใบชา กินขับเยี่ยว ขับนิ่ว แก้โรคไต แล้วก็กระเพาะปัสสาวะอักเสบ แก้ปวดเมื่อย และไขข้ออักเสบ แก้คลื่นเหียนอาเจียน แก้ถุงน้ำดีอักเสบ บรรเทาอาการไอ แก้โรคหนองใน ราก ขับเยี่ยว ขับนิ่ว ต้น แก้โรคไต ขับฉี่ รักษาโรคกระษัย รักษาโรคปวดตามสันหลัง แล้วก็บั้นท้าย รักษาโรคนิ่ว แก้โรคหนองใน รักษาโรคเยื่อจมูกอักเสบ ล้างสารพิษในไต
ส่วนในทางการแพทย์แผนปัจจุบันนั้น ส่งผลการวิจัยบอกว่า หญ้าหนวดแมวมีคุณประโยชน์

ต้นแบบ/ขนาดวิธีการใช้ ตามตำรายาไทยกำหนดได้ว่า



การศึกษาเล่าเรียนทางพิษวิทยา การเรียนรู้ทางเภสัชวิทยาของต้นหญ้าหนวดแมวส่วนใหญ่จะมีด้านฤทธิ์การขับฉี่รวมทั้งฤทธิ์ในการรักษานิ่ว อย่างเช่น

(https://www.img.in.th/images/929b3448ba6c12a8deb344ad552169b2.md.jpg)
นอกจากนั้นยังมีการศึกษาวิจัยในต่างชาติของฤทธิ์สำหรับในการบำบัดและรักษาอาการของโรคต่างๆดังต่อไปนี้



เมื่อทำการสกัดแยกสาร sinensetin ออกมาทดลองฤทธิ์การขัดขวางเอนไซม์ a-glucosidase รวมทั้งa-amylase ก็พบว่าสมรรถนะของสารบริสุทธิ์sinensetin ในการยับยั้งเอนไซม์ a-glucosidase สูงยิ่งกว่าสารสกัดต้นหญ้าหนวดแมว (ethanolic extract) ถึง 7 เท่า ด้วยค่า IC50 พอๆกับ 0.66 และ 4.63 มก.ต่อมิลลิลิตร เป็นลำดับ ในขณะที่สมรรถนะของsinensetin สำหรับเพื่อการยับยั้งเอนไซม์ a-amylase สูงขึ้นยิ่งกว่าสารสกัดหญ้าหนวดแมวถึง 32.5 เท่า ด้วยค่า IC50 พอๆกับ 1.13 แล้วก็ 36.7 มก.ต่อมิลลิลิตรตามลำดับ จึงคาดการณ์ว่าสาร sinensetin บางทีอาจเป็นสารสำคัญในการออกฤทธิ์ของต้นหญ้าหนวดแมวในการต้านทานเบาหวานประเภทที่ไม่ขึ้นกับอินซูลิน (non-insulin-dependent diabetes) ได้



การเรียนรู้ทางพิษวิทยา เมื่อฉีดสารสกัดด้วยน้ำร้อนจากใบรวมทั้งลำต้นเข้าช่องท้องหนูแรทเพศผู้และก็เพศเมีย หนูเม้าส์เพศผู้และเพศเมีย พบความเป็นพิษปานกลาง   เมื่อป้อนสารสกัดเดียวดันนี้ให้กับหนูแรททั้งสองเพศทุกวันต่อเนื่องกัน 30 วัน ไม่เจอการเปลี่ยนแปลงของน้ำหนักตัว ค่าการตรวจทางชีวเคมีในเลือด รวมทั้งพยาธิภาวะของอวัยวะสำคัญเมื่อดูด้วยตาเปล่า  และเมื่อเรียนรู้ความเป็นพิษในระยะยาวนาน 6 เดือน โดยการป้อนหนูแรทด้วยยาชงด้วยน้ำร้อน ซึ่งมีความแรงเสมอกันกับ 11.25, 112.5 รวมทั้ง 225 เท่าของขนาดที่ใช้ในคนป่วยโรคนิ่วในท่อไต ไม่เจอความแตกต่างของการเจริญเติบโต  การกินของกิน ลักษณะด้านนอกหรือความประพฤติปฏิบัติที่แตกต่างจากปกติ และค่าการตรวจทางวิชาชีวเคมีในเลือดเมื่อเปรียบเทียบกับกรุ๊ปควบคุม นอกจากปริมาณเกร็ดเลือดจะมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อใช้ยาในขนาด 18 กรัม/กิโล/วัน พบว่าระดับโซเดียมในเลือดในกลุ่มทดลองทุกกลุ่ม โปแตสเซียมในหนูเพศภรรยา และก็คอเลสเตอรอลในหนูเพศผู้ จะหรูหราต่ำกว่ากรุ๊ปควบคุม   นอกนั้น เมื่อป้อนหนูแรทด้วยสารสกัดจากหญ้าหนวดแมว ติดต่อกันนาน 6 เดือน เปรียบเทียบกลุ่มควบคุม พบว่า หนูทุกกรุ๊ปมีการเจริญเติบโตและก็ทานอาหารได้ใกล้เคียงกัน ไม่พบความไม่ปกติในระบบโลหิตวิทยารวมทั้งความแปลกของอวัยวะภายใน ส่วนการตรวจผลทางชีวเคมีพบว่าหนูที่ได้รับสารสกัดทุกขนาดมีระดับโซเดียมน้อยกว่ากลุ่มควบคุม แต่ว่าระดับโปแตสเซียมมีลักษณะท่าทางสูงมากขึ้น ในหนูเพศผู้ที่ได้รับสารสกัด 0.96 กรัม/กก./วัน จะมีน้ำหนักโดยเฉลี่ยของตับและม้ามมากยิ่งกว่ากรุ๊ปควบคุม อย่างไรก็ดีการตรวจทางจุลพยาธิภาวะไม่พบความแปลกที่เซลล์ตับและก็อวัยวะอื่นๆยกเว้นการโป่งพองของกรวยไตในหนูขาวที่ได้รับสารสกัด 4.8 กรัม/กก./วัน ที่มีปริมาณเพิ่มมากกว่ากรุ๊ปควบคุม  กล่าวโดยสรุปสารสกัดหญ้าหนวดแมวเป็นพิษน้อย  แม้กระนั้นจำเป็นต้องรอติดตามวัดระดับโซเดียมแล้วก็โปแตสเซียมถ้าใช้ติดต่อกันนาน
คำแนะนำ/สิ่งที่จำเป็นต้องระมัดระวัง

เอกสารอ้างอิ