รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

ลงประกาศฟรี => อื่น ๆ => ข้อความที่เริ่มโดย: bilbill2255 ที่ พฤษภาคม 23, 2018, 11:23:11 AM

หัวข้อ: โรคต่อททอนซิล มีวิธีรักษาด้วยสมุนไพรอย่างไร เเละสมุนไพรมีสรรพคุณ-ประโยชน์อย่างไร
เริ่มหัวข้อโดย: bilbill2255 ที่ พฤษภาคม 23, 2018, 11:23:11 AM
(https://www.img.in.th/images/18ebf093f1ee5be4960161ac8ca50f42.jpg)
โรคต่อมทอนซิลอักเสบ (Tonsillitis)
โรคต่อมทอนซิลอักเสบเป็นยังไง  ต่อมทอนซิล เป็นอวัยวะที่อยู่ด้านในลำคอ ซึ่งคือต่อมคู่ซ้ายขวาใกล้กับโคนลิ้น โดยเป็นต่อมน้ำเหลืองที่ปฏิบัติภารกิจจับสิ่งปลอมปนจากของกิน , น้ำดื่มและการหายใจ ได้แก่ แบคทีเรียที่ไปสู่ร่างกายคล้ายกองทหารด่านหน้า รวมทั้งบ่อยที่ต่อมทอนซิลมักมีการอักเสบขึ้น
ต่อมทอนซิลอักเสบ หรือต่อมทอนซิลอักเสบ (Tonsillitis)เป็นโรคจากการอักเสบติดโรคของต่อมทอนซิลซึ่งเป็นโรคพบมากโรคหนึ่ง เจอได้ในทุกอายุ แต่ว่าพบได้มากกว่าในเด็ก และไม่ค่อยพบในผู้ใหญ่และคนแก่ โอกาสกำเนิดโรคเท่ากันในเพศหญิงและผู้ชาย  ต่อมทอนซิลอักเสบเจอได้ทั้งยังการอักเสบติดเชื้อทันควันซึ่งเมื่อเกิดมักมีอาการร้ายแรงกว่า แม้กระนั้นรักษาหายได้ด้านใน 1 - 2 อาทิตย์ และก็อักเสบเรื้อรังที่ชอบเป็นๆหายๆอาการแต่ละครั้งรุนแรงน้อยกว่าจำพวกทันควัน แต่ว่ามีอาการอักเสบรุนแรงซ้อนได้เป็นช่วงๆซึ่งนิยามของต่อมทอนซิลอักเสบเรื้อรังเช่น มีต่อมทอนซิลอักเสบเกิดขึ้นขั้นต่ำ 7 ครั้งใน 1 ปีที่ล่วงเลยไป หรืออย่างน้อย 5 ครั้งทุกปีติดต่อกันใน 2 ปีให้หลัง หรืออย่างน้อย 3 ครั้งทุกปีต่อเนื่องกันใน 3 ปีที่ล่วงเลยไป
ทั้งยังโรคนี้เกิดได้จากหลายสาเหตุ ได้แก่เกิดขึ้นได้เนื่องมาจากกลุ่มโรคติดเชื้อและก็กลุ่มโรคไม่ติดเชื้อ ซึ่งในบทความนี้จะขอกล่าวถึงการอักเสบจากโรคติดเชื้อเชื้อไวรัสและก็เชื้อแบคทีเรียซึ่งพบได้เป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะต่อมทอนซิลอักเสบจากเชื้อแบคทีเรียที่มีชื่อว่า “เบต้า-ฮีโมไลว่ากล่าวกสเตรปโตค็อกคัสกรุ๊ปเอ” (Group A beta-hemolytic streptococcus) หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “สเตรปโตค็อกคัส ไพโอจีเนส” (Streptococcus pyogenes) ซึ่งอาจจะเป็นผลให้คนป่วยมีภาวะแทรกซ้อนรุนแรงตามมาได้
ที่มาของโรคต่อมทอนซิลอักเสบ การติดเชื้อที่ต่อมทอนซิลจำนวนมากเป็นผลมาจากไวรัสหรือแบคทีเรียที่ผ่านเข้าทางปาก โดยต่อมทอนซิลจะช่วยป้องกันการติดเชื้อด้วยการผลิตเซลล์เม็ดเลือดขาวออกมาต่อสู้กับเชื้อโรค แล้วก็เพราะเหตุว่าเป็นภูมิต้านทานด่านแรก ต่อมทอนซิลก็เลยเป็นอวัยวะที่เสี่ยงต่อการอักเสบรวมทั้งติดเชื้อโรคมากมาย
โดยต่อมทอนซิลอักเสบส่วนมาก เป็นการติดเชื้อโรคเชื้อไวรัส ซึ่งพบได้สูงขึ้นยิ่งกว่าการต่อว่าดเชื้ออื่นๆประมาณ 70 - 80% ของต่อมทอนซิลอักเสบทั้งหมด ซึ่งเชื้อไวรัสที่ก่อโรคต่อมทอนซิลอักเสบมีหลายชนิดเป็นต้นว่า



สิ่งที่ทำให้เกิดต่อมทอนซิลอักเสบจากเชื้อแบคทีเรียที่พบบ่อยที่สุดมีสาเหตุจากการเชื้อสเต็ปโตคอคคัสกลุ่ม  ที่กระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดต่อมทอนซิลอักเสบแบบเป็นหนอง (exudative tonsil litis)
อาการโรคต่อมทอนซิลอักเสบ โดยธรรมดาโรคต่อมทอนซิลอักเสบมักเกิดร่วมกับการอักเสบติดเชื้อของคอเสมอ
ลักษณะโรคต่อมทอนซิลอักเสบแยกได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆคือ



                ยิ่งกว่านั้นจะเจอฝาผนังคอหอยและเพดานอ่อน  มีลักษณะแดงจัดและบวม  ต่อมทอนซิลบวมโตสีแดงจัด  รวมทั้งมีแผ่นหรือจุดหนองสีขาวๆเหลืองๆติดอยู่บนทอนซิล  นอกนั้น       ยังบางทีอาจตรวจเจอต่อมน้ำเหลืองที่ใต้ขากรรไกรบวมโตรวมทั้งเจ็บ
แนวทางการรักษาโรคต่อมทอนซิลอักเสบ
การวินิจฉัยโรคทอนซิลอักเสบ หมอจะวินิจฉัยพื้นฐานด้วยอาการแสดงรวมทั้งการตรวจคอโดยบางทีอาจใช้วิธีการต่อแต่นี้ไป



ถ้าหากว่าพบฝาผนังคอหอยและก็ต่อมทอนซิลมีลักษณะแดงเพียงแค่เล็กๆน้อยๆหรือเปล่าแจ่มชัด ก็มักมีสาเหตุจากการตำหนิดเชื้อไวรัส   ถ้าหากต่อมทอนซิลบวมโต แดงจัด และมีแผ่นหรือจุดหนองติดอยู่บนต่อมทอนซิล  ก็มักจะมีสาเหตุมาจากเชื้อแบคทีเรีย โดยเฉพาะเชื้อบีตาฮีโมโลติเตียนกสเตรปโตค็อกคัส กลุ่มเอ  ในรายที่ยังไม่แน่ใจหมออาจจะต้องทำตรวจหาเชื้อจากบริเวณคอหอยแล้วก็ทอนซิล  โดยใช้แนวทางที่เรียกว่า "rapid strep test" ซึ่งสามารถรู้ผลประโยชน์ในไม่กี่นาที ถ้าผลของการตรวจไม่ชัดเจน  ก็อาจจะต้องทำเพาะเชื้อซึ่งจะรู้ผลใน 1-2 วัน
(https://www.img.in.th/images/50568bd58ab42b1ae224e404f52bf403.jpg)
การดูแลรักษาโรคต่อมทอนซิลอักเสบ แพทย์จะให้การรักษาตามต้นเหตุที่พบ เป็น



ทั้งนี้การกินยาปฏิชีวนะจำเป็นต้องกินให้ครบตามคำแนะนำของหมอ เพื่อให้มั่นใจว่าแบคทีเรียถูกกำจัดจนกระทั่งหมด ด้วยเหตุว่าเชื้อแบคทีเรียที่กำจัดไม่หมดอาจทำให้การตำหนิดเชื้อห่วยแตกลงหรือแพร่ไปไปยังส่วนอื่นของร่างกาย นอกเหนือจากนั้นในเด็กยังเสี่ยงเกิดภาวะสอดแทรก อาทิเช่น การติดเชื้ออย่างรุนแรงที่ไต และก็ไข้รูมาติกซึ่งเป็นการติดเชื้อโรคบริเวณลิ้นหัวใจร่วมกับจับไข้ตามมาได้
นอกจากนี้ยังมีวิธีการผ่าตัดเอาต่อมทอนซิลออก (tonsillectomy) ซึ่งเป็นแนวทางรักษาต่อมทอนซิลอักเสบที่เป็นซ้ำหลายครา หรือต่อมทอนซิลอักเสบเรื้อรัง หรือต่อมทอนซิลอักเสบจากเชื้อแบคทีเรียที่ไม่สนองตอบต่อการดูแลและรักษาด้วยยาปฏิชีวนะแค่นั้น โดยพิจารณาได้จากลัษณะดังกล่าวต่อไปนี้



ยิ่งไปกว่านี้ หมอยังบางทีอาจใช้การผ่าตัดทอนซิลในเรื่องที่ต่อมทอนซิลอักเสบกระตุ้นให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่ยากจะรักษาตามมา ดังเช่นว่า



ภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญของโรคต่อมทอนซิลอักเสบ  การบวมอักเสบของต่อมทอนซิลบ่อยหรือเรื้อรังบางทีอาจตามมาด้วยภาวะแทรกซ้อนอื่นๆดังเช่นว่า เกิดภาวะหยุดหายใจขณะที่กำลังนอนหลับ หายใจติดขัด การตำหนิดเชื้อที่แพร่ลึกลงไปสู่เนื้อเยื่อรอบๆ
ส่วนภาวะแทรกซ้อนที่จะส่งผลให้เกิดโรคต่างๆตามมา เป็นต้นว่า  ในกรุ๊ปที่เป็นผลมาจากเชื้อไวรัส ส่วนใหญ่จะไม่มีภาวะแทรกซ้อน ส่วนผู้ที่ลักษณะของโรคร่วมกับป่วยหวัด  ไข้หวัดใหญ่  ก็อาจมีภาวะแทรกซ้อน ตัวอย่างเช่น ไซนัสอักเสบ หูชั้นกลางอักเสบ หลอดลมอักเสบ  ปอดอักเสบ เป็นต้น รวมทั้งในกรุ๊ปที่เป็นผลมาจากเชื้อแบคทีเรีย อาจมีภาวะแทรกซ้อนดังนี้



สำหรับไข้รูมาติก ได้โอกาสเกิดขึ้นราวร้อยละ 0.3-3 ของคนที่มิได้รับการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะอย่างถูกต้อง แต่ทั้งนี้การป้องกันภาวะแทรกซ้อนรุนแรงดังกล่าวสามารถทำได้ง่ายๆด้วยการกินยาปฏิชีวนะให้ครบ 10 วัน (หากว่าอาการจะดีขึ้นหลังกินยาได้ 2-3 วันไปรวมทั้งตาม)
การติดต่อของโรคต่อมทอนซิลอักเสบ ต่อมทอนซิลอักเสบติดต่อได้เหมือนกับในโรคไข้หวัดทั่วไปและในโรคไข้หวัดใหญ่เป็น เชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของดรคอยู่ในน้ำลายและก็เสมหะ (รวมทั้งสารคัดเลือกหลั่งอื่นๆ) ของผู้เจ็บป่วย รวมทั้งจะติดต่อจากการสัมผัสเชื้อโรคดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้นจากผู้ป่วย จากการไอ จาม หายใจ หรือการสัมผัสสารคัดเลือกหลั่งจากจมูกและช่องปากยกตัวอย่างเช่น น้ำมูก น้ำลายคนเจ็บ รวมทั้งจากใช้ของใช้ส่วนตัวที่สัมผัสสารคัดหลั่งดังที่กล่าวผ่านมาแล้ว



ภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญของโรคต่อมทอนซิลอักเสบ  การบวมอักเสบของต่อมทอนซิลบ่อยหรือเรื้อรังบางทีอาจตามมาด้วยภาวะแทรกซ้อนอื่นๆดังเช่นว่า เกิดภาวะหยุดหายใจขณะกำลังหลับ หายใจไม่สะดวก การต่อว่าดเชื้อที่แพร่ลึกลงไปสู่เนื้อเยื่อรอบๆ
ส่วนภาวะแทรกซ้อนที่จะนำไปสู่โรคต่างๆตามมา ดังเช่นว่า  ในกลุ่มที่มีเหตุมาจากไวรัส ส่วนมากจะไม่มีภาวะแทรกซ้อน ส่วนคนที่อาการของโรคร่วมกับจับไข้หวัด  ไข้หวัดใหญ่  ก็อาจมีภาวะแทรกซ้อน ดังเช่นว่า ภูมิแพ้ หูชั้นกลางอักเสบ หลอดลมอักเสบ  ปอดอักเสบ ฯลฯ และในกลุ่มที่เกิดขึ้นได้เพราะมีสาเหตุเนื่องมาจากเชื้อแบคทีเรีย อาจมีภาวะแทรกซ้อนดังต่อไปนี้



สำหรับไข้รูมาติก มีโอกาสเกิดขึ้นราวๆร้อยละ 0.3-3 ของคนที่มิได้รับการดูแลและรักษาด้วยยาปฏิชีวนะอย่างแม่นยำ แม้กระนั้นทั้งนี้การป้องกันภาวะแทรกซ้อนรุนแรงดังที่กล่าวมาข้างต้นสามารถทำเป็นง่ายๆด้วยการกินยาปฏิชีวนะให้ครบ 10 วัน (ถึงแม้ว่าอาการจะดีขึ้นกว่าเดิมข้างหลังรับประทานยาได้ 2-3 วันไปและตาม)
การติดต่อของโรคต่อมทอนซิลอักเสบ (http://www.disthai.com/16880339/%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%97%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%8B%E0%B8%B4%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%9A-tonsillitis) ต่อมทอนซิลอักเสบติดต่อได้เหมือนกันกับในโรคหวัดทั่วไปและก็ในโรคไข้หวัดใหญ่คือ เชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียที่เป็นต้นเหตุของดรคอยู่ในน้ำลายรวมทั้งเสมหะ (รวมทั้งสารคัดหลั่งอื่นๆ) ของคนป่วย และก็จะติดต่อจากการสัมผัสเชื้อโรคดังที่กล่าวถึงมาแล้วจากคนไข้ จากการไอ จาม หายใจ หรือการสัมผัสสารคัดเลือกหลั่งจากจมูกและก็โพรงปากตัวอย่างเช่น น้ำมูก น้ำลายคนป่วย และจากใช้ของใช้ส่วนตัวที่สัมผัสสารคัดหลั่งดังที่กล่าวมาแล้ว
สมุนไพรที่ช่วยปกป้อง/รักษาโรคต่อมทอนซิลอักเสบ
ฟ้าทะลายขโมย ชื่อวิทยาศาสตร์ Andropraphis paniculata (Burm.f.) Wall. EX Nees ชื่อพ้อง Justicia paniculata Burm.f. ชื่อตระกูล Acanthaceae สรรพคุณ: หนังสือเรียนยาไทย: มีการใช้ส่วนเหนือดินเก็บก่อนจะมีดอก เพื่อรักษาไข้ ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ ดับพิษร้อน ยับยั้งอักเสบในอาการไอ เจ็บคอ คออักเสบ ต่อมทอนซิล หลอดลมอักเสบ ปอดอักเสบ ขับเสมหะ ลดบวม แก้ติดเชื้อ ต้นแบบและก็ขนาดวิธีใช้ยา:.ทุเลาลักษณะการเจ็บคอ                   กินทีละ 3-6 กรัม วันละ 4 ครั้ง หลังรับประทานอาหารและก่อนนอน ทุเลาอาการหวัด รับประทานครั้งละ 1.5-3 กรัม วันละ 4 ครั้ง หลังรับประทานอาหารรวมทั้งก่อนนอน  ส่วนประกอบทางเคมี: สารชนิดแลคโตน andrographolide,neoandrographolide,deoxyandrographolide, deoxy-didehydroandrographolide สารกลุ่มฟลาโวน ได้แก่ aroxylin, wagonin, andrographidine A 
จากการเรียนรู้สมรรถนะของสารสกัดจากฟ้าทะลายมิจฉาชีพในผู้ป่วยระบบทางเดินหายใจส่วนบนไม่ร้ายแรง  223 คน แบ่งเป็นกรุ๊ปที่กินสารสกัดจากฟ้าทะลายโจร 200 มิลลิกรัมต่อวัน รวมทั้งอีกกลุ่มรับประทานยาหลอกเป็นระยะเวลา 5 วัน ซึ่งจะวัดผลด้วยการวัดอาการจากเพศผู้เจ็บป่วยเองในด้านต่างๆอาทิเช่น อาการไอ เสลด มีน้ำมูก ปวดหัว จับไข้ เจ็บคอ อาการอ่อนล้าง่าย และปัญหาในการนอน ผลพบว่า อีกทั้ง 2 กลุ่มมีลักษณะดีตั้งแต่เริ่มกระทั่งจบการทดลอง แต่กรุ๊ปที่กินสารสกัดจากฟ้าทะลายมิจฉาชีพได้ผลได้อย่างชัดเจนในช่วงวันที่ 3-5 มากยิ่งกว่ากลุ่มที่รับประทานยาหลอก แม้กระนั้น ยังพบผลกระทบนิดหน่อยในอีกทั้ง 2 กลุ่ม จากการทดลองจึงเชื่อว่าฟ้าทะลายขโมยบางทีอาจช่วยรักษาหรือบรรเทาอาการติดโรคในทางเดินหายใจตอนต้น
โตงเตง ชื่อวิทยาศาสตร์ :   Physalis angulata  L. ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ : Physalis minima ชื่อสามัญ :   Hogweed, Ground Cherry ชื่อวงศ์ :   SOLANACEAE คุณประโยชน์โทงเทง : แบบเรียนยาไทย ผลรสเปรี้ยวเย็น แก้ต่อมน้ำลายอักเสบ ต่อมทอนซิลอักเสบ แก้ฝีในคอ แก้อักเสบในคอ แก้ร้อนในอยากกินน้ำ ตำพอกแก้ปวดบวม
ส่วนคุณประโยชน์ที่สำคัญของโทงเทงที่ ใช้รักษาอาการต่อมทอนซิลอักเสบ โดยแพทย์พื้นบ้านนั้นจะใช้ทั้งต้นตำให้แหลกละลายกับเหล้า เอาสำลีชุบเอาน้ำยาใช้อมไว้ข้างแก้ม กลืนน้ำผ่านคอครั้งละนิด แก้ต่อมทอนซิลอักเสบ หรือที่เรียกว่าต่อมน้ำลายอักเสบ แก้ฝีในคอ ใช้แก้อาการอักเสบในลำคอได้ดิบได้ดี หรือผู้ที่แพ้แอลกอฮอล์ก็ใช้ละลายกับน้ำส้มสายชูแทน ใช้ข้างในแก้ร้อนในหิวน้ำ ใช้ภายนอกแก้ฟกบวมอักเสบทำให้เย็น แล้วก็อีกหนังสือเรียนยาหนึ่งบอกว่าแก้ต่อมทอนซิลอักเสบ ให้ใช้ต้นนี้ใหม่ๆ(หรืออย่างแห้งก็ใช้ได้) 3 หัว แผ่น ฝักชุบน้ำตาล 2 แผ่น ใส่น้ำ 1 ถ้วย ต้มให้เหลือครึ่งถ้วย รับประทานครั้งเดียวหมด เด็กก็กินต่ำลงตามส่วน จากการดูแลรักษาผู้เจ็บป่วยร้อยกว่าราย บางคนกิน 4-10 ครั้งก็หาย บางคนรับประทานต่อเนื่องกันถึง 2 เดือนจึงหาย
ปลาไหลเผือก (http://www.disthai.com/16661536/%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B9%84%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B9%80%E0%B8%9C%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%81) ชื่อวิทยาศาสตร์ :  EURYCOMA LONGIFOLIA Jack. สกุล : SIMAROUBACEAE คุณประโยชน์ทางยา : ราก ต้านโรคมะเร็ง รักษาโรคอัมพาต ช่วยถ่ายน้ำเหลือง ขับพยาธิ แก้ท้องผูก แก้ต่อมทอนซิลอักเสบ แก้ลักษณะการเจ็บคอ วิธีการใช้ตามตำราไทย : ต่อต้านโรคมะเร็ง ช่วยขับถ่ายน้ำเหลือง ขับพยาธิ แก้อาการท้องผูก แก้ต่อมทอนซิลอักเสบ แก้ลักษณะการเจ็บคอ นำรากแห้งโดยประมาณ 8-15 กรัม นำมาต้มเอาน้ำดื่มก่อนที่จะรับประทานอาหารทุกตอนเช้าและก็เย็น (2 เวลา)
เอกสารอ้างอิง