รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

ลงประกาศฟรี => อื่น ๆ => ข้อความที่เริ่มโดย: billcudror1122 ที่ พฤษภาคม 14, 2018, 01:56:57 AM

หัวข้อ: โรคอีสุกอีใส (Chickenpox , Varicella) - อาการ, สาเหตุ, การรักษา-เเละ สมุนไพร
เริ่มหัวข้อโดย: billcudror1122 ที่ พฤษภาคม 14, 2018, 01:56:57 AM
(https://www.img.in.th/images/adb990580c59cf833eed16163f780fc6.jpg)
โรคอีสุกอีใส (Chickenpox , Varicella)
โรคอีสุกอีใส คืออะไร อีสุกอีใส (Chickenpox/Varicella) เป็นโรคติดต่อทางผิวหนังที่ทำให้ร่างกายเกิดผื่นคัน มีตุ่มนูนขนาดเล็ก หรือตุ่มน้ำใสๆทั่วร่างกาย สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย และยังแพร่กระจายได้อย่างเร็ว เป็นโรคติดต่อที่มักพบในเด็ก โดยธรรมดาจะเจออัตราการป่วยได้สูงสุดในกลุ่มวัย 5-9 ปีรองลงมาเป็น 0-4 ปี, 10-14 ปี, 15-24 ปี และ 25-34 ปี ตามลำดับ ส่วนในอายุตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไปอาจพบได้บ้าง
                 มีรายงานจากกระทรวงสาธารณสุข พบว่าในปี พ.ศ. 2552  มีคนป่วยเป็นโรคอีสุกอีใสปริมาณ 89,246 รายทั่วทั้งประเทศแล้วก็เสียชีวิต 4 ราย และก็ในรอบ 5 ปีที่ล่วงเลยไปมีรายงานผู้ตายปีละ 1-3 ราย เมื่อพิจารณาตามกลุ่มอายุพบว่ากลุ่มวัย 5-9 ปี มีอัตราป่วยไข้สูงสุดพอๆกับ 578.95 ต่อมวลชน 100,000 คน รองลงมาเป็นกลุ่มอายุต่ำลงยิ่งกว่า 5 ปี, 10-14 ปีและก็กลุ่มอายุมากกว่า 15 ปี โดยมีอัตราป่วยไข้เท่ากับ 487.13, 338.45 และ 58.81 เป็นลำดับจากข้อมูล 10 ปีย้อนหลังพบว่าปริมาณผู้เจ็บป่วยโรคอีสุกอีใสมีแนวโน้มสูงมากขึ้น แล้วก็ในปี พ.ศ. 2557-2559 มีอัตราการป่วย 129.57 ต่อแสนราษฎร 79.82 ต่อแสนมวลชน แล้วก็ 66.57 ต่อแสนประชาชน เป็นลำดับ
ต้นเหตุของโรคอีสุกอีใส มีต้นเหตุมาจากเชื้ออีสุกอีใส ซึ่งเป็นไวรัสที่มีชื่อว่า เชื้อไวรัสวาริเซลลา (varicella virus) (VZV) หรือ  human herpes virus type 3 เป็นเชื้อตัวเดียวกับที่นำมาซึ่งการก่อให้เกิดงูสวัด ที่แพร่ระบาดได้ง่ายผ่านทางการสัมผัสกับแผลของคนเจ็บที่เป็นโรคโดยตรง หรือทางเรือลาย ไอ จาม หรือการหายใจเอาเชื้อที่ปะปนกลางอากาศเข้าไป โดยเชื้อนี้จะก่อให้กำเนิดโรคอีสุกอีใสในคนที่พึ่งติดโรคเป็นครั้งแรกแล้วก็โรคนี้เมื่อเป็นแล้ว มักมีภูมิต้านทานตลอดชีพ รวมทั้งคนเจ็บส่วนใหญ่จะไม่เป็นซ้ำอีก แต่ว่าเชื้ออาจหลบอยู่ในปมประสาท แล้วก็ได้โอกาสเป็นงูสวัดได้ในภายหลัง
ลักษณะโรคอีสุกอีใส เด็กจะมีไข้ต่ำๆเหน็ดเหนื่อยแล้วก็ไม่อยากกินอาหารเล็กน้อย ในคนแก่มักเป็นไข้สูง แล้วก็ปวดเมื่อยตามตัวเหมือนไข้หวัดใหญ่เอามาก่อน ผู้ป่วยจะมีผื่นขึ้น ซึ่งจะขึ้นพร้อมเพียงกันกับวันที่เริ่มจับไข้ หรือ ๑ ครั้งหน้าจากมีไข้ เริ่มแรกจะขึ้นเป็นผื่นแดงราบก่อน ต่อมาจะเปลี่ยนเป็นตุ่มนูน มีน้ำใสๆอยู่ข้างใน และก็มีลักษณะอาการคัน ถัดมาจะกลายเป็นหนอง จากนั้น ๒-๔ วัน ก็จะเป็นสะเก็ด ผื่นและก็ตุ่มจะขึ้นตามไรผมก่อน แล้วลามไปตามหน้า ลำตัว แล้วก็แผ่นข้างหลัง จะทยอยขึ้นเต็มกำลัง ข้างใน ๔ วัน บางรายมีตุ่มขึ้นในช่องปาก ทำให้ปากยุ่ย ลิ้นเปื่อย เจ็บคอ บางรายบางทีอาจไม่มีไข้ มีเพียงแค่ผื่นและตุ่มขึ้น ทำให้รู้ผิดว่าเป็นเริมได้ เนื่องจากว่าผื่นตุ่มของโรคนี้จะค่อยๆออกระลอก (ชุด) ขึ้นไม่พร้อมกันทั่วร่างกาย โดยเหตุนั้นจะพบว่าบางที่ขึ้นเป็นผื่นแดงราบ บางที่เป็นตุ่มใส บางที่เป็นตุ่มกลัดหนอง แล้วก็บางที่เริ่มตกสะเก็ด ด้วยลักษณะนี้ ชาวบ้านก็เลยเรียกว่า อีสุกอีใส (มีอีกทั้งตุ่มสุกตุ่มใส) แต่ว่าคนเจ็บบางรายบางทีอาจเป็นเวลายาวนานกว่านั้นเป็น 2-3 อาทิตย์ โดยไม่เป็นแผลเป็น (นอกเหนือจากการที่จะมีการติดเชื้อโรคแบคทีเรียเข้าแทรก จนถึงแปลงเป็นตุ่มหนองและเปลี่ยนเป็นแผลเป็น)
                ด้วยเหตุว่าโรคอีสุกอีใสยังอาจจะส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อนขึ้นได้อีกเป็นต้นว่า การตำหนิดเชื้อแบคทีเรียที่ผิวหนัง หรือติดโรคแบคทีเรียในกระแสโลหิต ปอดอักเสบ รวมทั้งภาวะแทรกซ้อนทางสมอง
คนเจ็บที่มีความเสี่ยงที่จะมีลักษณะอาการรุนแรง อย่างเช่น หญิงมีท้อง ทารกแรกเกิด ผู้มีภูมิต้านทานต่ำ เช่น คนป่วยเอดส์ ผู้เจ็บป่วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว คนเจ็บเปลี่ยนถ่ายไขกระดูก ผู้ปลูกถ่ายอวัยวะ แล้วก็คนรับประทานยากด ภูมิต้านทานต่างๆ
หญิงตั้งท้องที่เป็นโรคนี้ในช่วง 20 สัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์อาจท่าให้เด็กในครรภ์ทุพพลภาพแต่ว่า เกิดได้แต่ว่าเจอนานๆครั้ง(น้อยกว่าจำนวนร้อยละ 2) หากเป็นช่วงๆที่ครรภ์คุณแม่อาจมีอาการรุนแรง และมีภาวะแทรกซ้อน เป็นต้นว่า ปอดอักเสบ ร่วมด้วย และก็แม้มารดาเป็นโรคในช่วงใกล้คลอด (5 วันก่อนคลอดจนกระทั่ง 2 วันหลังคลอด) ทารกแรกเกิดบางทีอาจรับเชื้ออีสุกอีใสรวมทั้งมีอาการรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้
เมื่อผู้เจ็บป่วยหายจากโรคอีสุกอีใสแล้ว เชื้อไวรัสจะไปหลบอยู่ที่ปมประสาท แล้วก็ท่าให้กำเนิดโรค งูสวัดได้เมื่อภูมิต้านทานของร่างกายน้อยลง
กรรมวิธีรักษาโรคอีสุกอีใส แพทย์จะวินิจฉัยโรคอีสุกอีใสจากการดูรูปแบบของผื่น ตุ่มน้ำ หรือตุ่มพองบนผิวหนังเป็นหลัก ร่วมกับการตรวจร่างกายทั่วๆไปและก็อาการที่เกิดขึ้นอยู่กับคนไข้ เช่น จับไข้ขึ้น เบื่ออาหาร ปวดศีรษะ แม้กระนั้นในบางกรณีที่บอกมิได้เด่นชัดว่าเป็นโรคอีสุกอีใสหรือเปล่ารวมทั้งในคนไข้ที่เกิดผลกระทบเข้าแทรก หรือในกรณีจำเป็นจำต้องวิเคราะห์ให้กระจ่างแจ้ง หมอจะกระทำทดลองน้ำเหลืองเพื่อหาระดับสารภูมิต้านทานต่อไวรัสอีสุกอีใส หรือตรวจหาเชื้อจากตุ่มน้ำ ด้วยเหตุว่าโรคอีสุกอีใส เป็นโรคที่เกิดขึ้นจากเชื้อไวรัสการรักษาจึงเป็นการรักษาแบบเกื้อหนุนตามอาการ
                ซึ่งโรคนี้สามารถหายเองได้การรักษาด้วยยาต่อต้านเชื้อไวรัสอาจท่าให้ระยะการเป็นโรคสั้นลง ถ้าคนป่วยได้รับ ด้านใน 1 วันหลังผื่นขึ้น ผู้ป่วยไม่นายสิบเป็นต้องได้รับยาต่อต้านไวรัสทุกราย แพทย์จะตรึกตรองให้ในรายที่มีการเสี่ยง จะเกิดภาวะแทรกรุนแรงเท่านั้น ดังเช่นว่า



ปัจจัยเสี่ยงที่จะนำไปสู่โรคอีสุกอีใส เนื่องมาจากโรคอีสุกอีใสเป็นโรคที่มีการติดต่อจากเชื้อไวรัสโดยการสัมผัสตุ่มหรือแผลของคนไข้ รวมทั้งติดต่อผ่านทางสารคัดหลั่งของคนป่วย ทั้งยังการสัมผัสหรือการหายใจเอาเชื้อโรคเข้าไป ด้วยเหตุผลดังกล่าวสิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดโรคอีสุกอีใส คือ การคลุกคลีกับคนเจ็บ การสัมผัสคนไข้หรือสิ่งของเครื่องใช้ของคนป่วยโดยไม่ได้มีการปกป้องตนเองที่ดี รวมทั้งการไม่ได้รับวัคซีนคุ้มครองปกป้องโรคอีสุกอีใสกระทั่งครบ ก็เป็นอีกเหตุหนึ่งที่มีความเสี่ยงที่จะส่งผลให้เกิดโรคอีสุกอีใสได้ด้วยเหมือนกัน
การติดต่อของโรคอีสุกอีใส โรคอีสุกอีใสเป็นโรคติดต่อได้อย่างเร็วมาก โรคอีสุกอีใสมีระยะฟักตัวราว 10 - 224 ชั่วโมง และผู้เจ็บป่วยจะเริ่มแพร่เชื้อได้ในช่วงประมาณ 5 วันก่อนขึ้นผื่น ไปจนกระทั่งเมื่อตุ่มน้ำแห้งแตกเป็นสะเก็ดหมดแล้ว ด้วยเหตุนี้ระยะแพร่ระบาดในโรคอีสุกอีใสก็เลยนานได้ถึง 7 - 10 วันหรือเป็นเวลายาวนานกว่านี้ในผู้ใหญ่ จึงเป็นต้นเหตุให้เป็นโรคติดต่อที่ระบาดได้อย่างรวดเร็ว
                ซึ่งเชื้อไวรัสประเภทนี้จะมีอยู่ในตุ่มน้ำของคนที่เป็นอีสุกอีใส ในน้ำลายและเสลดของผู้ที่เป็นอีสุกอีใสสำหรับในการติดต่อสามารถติดต่อได้โดยการสัมผัสถูกตุ่มน้ำโดยตรง หรือสัมผัสถูกของใช้ เช่น แก้วน้ำ ผ้า เช็ดหน้า ผ้าที่มีไว้สำหรับเช็ดตัว ผ้าสำหรับห่ม ที่พักผ่อน ที่เลอะเทอะ ถูกตุ่มน้ำของผู้ที่เป็นอีสุกอีใส หรือสูดหายใจเอาละอองของตุ่มน้ำ หรือฝอยละอองจากทางเดินหายใจของคนเจ็บเข้าไป
ดังนั้นอีสุกอีใสจึงเป็นโรคที่ระบาดแพร่ได้ง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานที่เรียน สถานรับเลี้ยงเด็ก หรือตามชุมชนที่อยู่อาศัยทั่วๆไป สามารถเจอได้ตลอดทั้งปี แต่ว่าจะมีอุบัติการณ์เกิดสูงสุดในตอนม.ค.ถึงม.ย.
(https://www.img.in.th/images/3624142aac06e37767cbd6809c86f9bb.jpg)
การกระทำตนเมื่อป่วยเป็นโรคอีสุกอีใส

การป้องกันตนเองจากโรคอีสุกอีใส

เอกสารอ้างอิง




Tags : โรคอีสุกอีใส