รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

ลงประกาศฟรี => อื่น ๆ => ข้อความที่เริ่มโดย: bilbill2255 ที่ มีนาคม 29, 2018, 02:03:17 AM

หัวข้อ: โรคเเพ้ภูมิต้านทานตนเอง - อาการ, สาเหตุ, การรักษา-เเละ สมุนไพร
เริ่มหัวข้อโดย: bilbill2255 ที่ มีนาคม 29, 2018, 02:03:17 AM
(https://www.img.in.th/images/b0aa440a834622e8a5dac90014e97c78.md.jpg)
โรค SLE (โรคแพ้ภูมิต้านทานตนเอง (http://www.disthai.com/16817141/%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B9%81%E0%B8%9E%E0%B9%89%E0%B8%A0%E0%B8%B9%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%87)[/url][/u],โรคแพ้ภูมิคุ้มกันตนเอง) (Systemic lupus erythematosus)



นอกจากนี้  ยังคาดการณ์ว่า บางทีอาจเกี่ยวกับฮอร์โมนผู้หญิง (เนื่องจากว่าพบบ่อยในหญิงวัยหลังมีเมนส์รวมทั้งก่อนวัยหมดระดูและพบได้มากกว่าเพศ 7-10 เท่า)   รวมทั้งกรรมพันธุ์ (พบได้มากในผู้ที่มีพี่น้องประชาชนเป็นโรคนี้)
ส่วนกลไกการเกิดโรคเกิดขึ้นได้เนื่องมาจากมีความผิดธรรมดาของระบบภูมิคุ้มกัน เกิดภาวะภูเขาไม่ไวเกิน (hypersensitivity) ของเม็ดเลือดขาวประเภท T แล้วก็ B lymphocyte นำไปสู่การสร้าง autoantibodies ต้านทานเยื่อของตนรวมทั้งเกิด immune complex ลอยละล่องไปตามกระแสเลือดไปติดตามอวัยวะต่างๆนอกจากยังมีความผิดธรรมดาของการกาจัด immune complex เป็นสาเหตุของการเกิดการอักเสบของอวัยวะแล้วก็เส้นโลหิตนำมาซึ่งการก่อให้เกิดการเกิดพยาธิภาวะในหลายอวัยวะ



ซึ่งจะมีลักษณะอาการที่เกิดสังกัดอวัยวะต่างๆสามารถแยกได้เป็น อาการทางผิวหนัง คนไข้มักมีผื่นแดงขึ้นที่ใบหน้า รอบๆดั้ง รวมทั้งโหนกแก้ม 2 ข้าง เป็นรูปเหมือนผีเสื้อที่เรียกว่า ผื่นปีกผีเสื้อ (Butterfly rash) หรือมีผื่นแดงคันรอบๆนอกร่มผ้าที่ถูกแสงแดด หรือมีผื่นขึ้นเป็นวง เป็นแผลเป็นตามบริเวณใบหน้า หนังหัว หรือบริเวณใบหู มีแผลในปาก โดยยิ่งไปกว่านั้นบริเวณเพดานปาก นอกนั้นยังมีผมหล่นมากขึ้น
อาการทางข้อรวมทั้งกล้ามเนื้อ คนป่วยส่วนมากจะมีอาการปวดข้อ มักเป็นที่ข้อนิ้วมือ ข้อมือ ข้อไหล่ ข้อหัวเข่า หรือข้อเท้า ครั้งคราวมีบวมแดงร้อนร่วมด้วย
อาการทางไต คนเจ็บมักมีอาการบวมรอบๆเท้า 2 ข้าง ขา หน้า หนังตา เนื่องมาจากมีลักษณะอักเสบที่ไต รายที่มีอาการรุนแรงจะมีความดันโลหิตสูงขึ้น เยี่ยวออกลดลง ไปจนถึงขั้นไตวายได้ในระยะเวลาอันสั้น
อาการทางระบบเลือด คนเจ็บอาจมีเลือดจาง มีเม็ดเลือดขาวหรือเกล็ดเลือดลดลง ทำให้มีลักษณะอ่อนเพลีย มีภาวการณ์ติดเชื้อโรคง่าย หรือมีจุดเลือดออกเรียกตัวได้
อาการทางระบบประสาท คนเจ็บบางรายอาจมีอาการชัก หรือมีลักษณะพล่ามไม่รู้เรื่อง หรือเหมือนคนโรคทางจิตจำพี่น้องไม่ได้ เนื่องจากว่ามีการอักเสบของสมองหรือเส้นเลือดในสมอง
นอกนั้น ยังอาจมีอาการทั่วไปร่วมด้วย ดังเช่น จับไข้ อ่อนแรง ไม่อยากกินอาหาร ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ปวดศรีษะ จิตใจหมดกำลังใจ ร่วมได้ อาการของโรคมักจะแสดงความร้ายแรงมากหรือน้อยภายในช่วงเวลา 1-2 ปีแรก จากที่เริ่มมีลักษณะอาการ หลังจากนั้นมักจะเบาลงเรื่อยๆแต่อาจมีอาการเกิดขึ้นอีกร้ายแรงได้เป็นครั้งๆ  ในตอนนี้โรคเอสแอลอียังมีแนวทางที่ไม่สามารถที่จะรักษาให้หายขาดได้ แม้กระนั้นสามารถควบคุมอาการโรคให้สงบ และดำเนินชีวิตได้ตามปกติแม้รักษาได้ทันเวลา

(https://uppic.cc/d/9cS)
อาการที่เสี่ยงที่จะเป็นโรค SLE (ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัย)



การวินิจฉัยโรค เนื่องจากว่าโรค SLE มีความมากมายหลายในอาการแล้วก็อาการแสดงด้วยเหตุนี้ก็เลยมีการตั้งหลักเกณฑ์สำหรับในการวินิจฉัย ACR criteria โดยอาศัยอาการหรือสิ่งตรวจพบ 4 ใน 11 ข้อ (ความไว 75%, ความจำเพาะ 95%) การวินิจฉัย จำเป็นจะต้องอาศัยอาการทางสถานพยาบาลร่วมกับการตรวจทางห้องปฏิบัติการ การวิเคราะห์มักไม่คือปัญหาเนื่องจากว่าผู้ป่วยจำนวนมากจะมีอาการแจ่มแจ้ง อาทิเช่น เพศหญิงอายุน้อยมาด้วยผื่น malar rash, discoid rash ร่ปวดข้อ อ่อนล้า เป็นไข้ ร่วมกับผลตรวจเลือดเข้าได้รับโรค SLE แม้กระนั้นการวินิจฉัยจะมีความลำบากในผู้เจ็บป่วยบางครั้งอย่างเช่น ผู้ชาย, ผู้สูงอายุหรือผู้ป่วย ที่มีอาการแสดงเพียงแต่ระบบเดียวจำเป็นที่จะต้อง อาศัยการตรวจทางห้องปฏิบัติการซึ่งตัวอย่างเช่น CBC, UA, CXR และ ANA ช่วยสำหรับในการวินิจฉัยแยกโรคจากโรคอื่น
ยิ่งไปกว่านี้หมอจะทำวิเคราะห์โดยอาศัยผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการอื่นๆอีกเช่น ตรวจเลือด พบแอนติปรมาณูแฟกเตอร์ (antinuclear factor) รวมทั้งแอลอีเซลล์ (LE cell) ตรวจฉี่บางทีอาจพบสารไข่ขาวรวมทั้งเม็ดเลือดแดง  ยิ่งไปกว่านี้ บางทีอาจจำต้องกระทำตรวจเอกซเรย์ คลื่นหัวใจแล้วก็ตรวจพิเศษอื่นๆอีกด้วย  เดี๋ยวนี้ยังไม่มียา หรือวิธีการรักษาโรคนี้ให้หายขาดได้ แต่เป็นการรักษาให้โรคสงบเป็นตอนๆแล้วก็การดูแลรักษาประคับประคองตามอาการ   การดูแลและรักษาโรคเอสแอลอีจะต้องอาศัยความรู้ความเข้าใจที่เกี่ยวข้องกับเรื่องตัวโรคของผู้เจ็บป่วย การกระทำตัวอย่างถูกต้องของผู้เจ็บป่วย  รวมทั้งการดูแลอย่างใกล้ชิดของแพทย์ผู้ที่ทำการดูแลและรักษา
โดยในรายที่เป็นไม่รุนแรง (ดังเช่นว่า มีเพียงแค่ไข้ ปวดข้อ ผื่นแดงที่หน้า) หมออาจเริ่มให้ยาต้านทานอักเสบที่ไม่ใช่สตีรอยด์ (ยาที่ใช้รักษาโรคข้ออักเสบ) ถ้าเกิดไม่เป็นผลอาจให้ไฮดรอกซีคลอโรควีน (hydroxychloroquine) เพื่อช่วยลดอาการกลุ่มนี้
ในรายที่เป็นร้ายแรง แพทย์จะให้สตีรอยด์ (เช่น เพร็ดนิโซโลน) ในขนาดสูงติดต่อเป็นสัปดาห์หรือยาวนานหลายเดือน เพื่อลดการอักเสบของอวัยวะต่างๆเมื่อแล้วก็ค่อยๆลดขนาดยาลง รวมทั้งให้ในขนาดต่ำเพื่อควบคุมอาการไปเรื่อยบางทีอาจนานเป็นนานเป็นปีๆหรือจนกว่าจะมีความคิดเห็นว่าไม่มีอันตราย ถ้าหากให้ยาดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นแล้วไม่เป็นผล แพทย์จะให้ยากดภูมิคุ้มกัน ยกตัวอย่างเช่น ไซโคลฟอสฟาไมด์ (cyclophasphamide) อะซาไทโอพรีน (azathioprine) เป็นต้น
ในรายที่มีอาการร้ายแรง เป็นต้นว่า บวม หายใจหอบ มีลักษณะอาการแตกต่างจากปกติทางสมอง เป็นต้น จำเป็นต้องรับตัวไว้รักษาในโรงหมอ กระทั่งจะปลอดภัย จึงให้ผู้เจ็บป่วยกลับไปอยู่ที่บ้านแล้วก็นัดมาตรวจกับหมอเป็นช่วงๆ

เมื่อมีอาการผิดปกติที่เสี่ยงจะเป็นโรค SLE ข้อใดข้อหนึ่ง (ตามที่ได้กล่าวมาแล้ว) ให้รีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยโดยด่วน



พลูคาว (Houttuynia cordata Thunb)  พลูคาว เป็นพืชผักพื้นบ้านของไทย มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Houttuynia cordata Thunb มีชื่อท้องถิ่นได้หลายชื่อ เช่น พลูคาว ผักคาวตอง ผักก้านตอง ในประเทศไทยพบมากทางภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พลูคาว มีองค์ประกอบทางเคมี ที่สำคัญ 6 ประเภทคือ น้ำมันหอมระเหย (Volatile oil), สารประเภท ฟลาโวนอยด์ (Flavonoids), สารประเภท อัลคาลอยด์ (Alkaloid), สารประเภทกรดไขมัน  (Fatty acids), สารประเภทไฟโตเสตอรอล (Phytosterols) และสารประกอบเคมีอื่นๆ ได้แก่ Polyphenolic acid กับแร่ธาตุ เช่น Fluoride, Potassium chloride, Potassium sulfate  งานวิจัยของพลูคาวกับระบบภูมิคุ้มกัน เป็นเรื่องที่น่าสนใจและแปลกใจอย่างยิ่ง เพราะแนวโน้มพบว่า เสริมภูมิคุ้มกัน ในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่นโรคเอดส์ ขณะเดียวกัน ก็ลดภูมิคุ้มกันในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันไวเกิน เช่นโรค SLE หรือภูมิต้านทานต่อเนื้อเยื่อตนเอง
นอกจากนี้เจียวกู่หลานยังช่วยปรับสมดุลของภูมิคุ้มกันของร่างกาย ทำให้ร่างกายไม่สร้างภูมิคุ้มกันมากจนเกินไป หรือสร้างภูมิคุ้มกันที่ผิดปกติ จนทำให้มีอาการข้ออักเสบหรือมีอาการของโรค SLE ที่เป็นโรคเรื้อรังในปัจจุบัน โดยมีผลต่อการทำงานของร่างกายที่สำคัญคือ ช่วยบำรุงการทำงานของอวัยวะภายในให้แข็งแรงและปรับสมดุลการทำงานของระบบประสาท ระบบฮอร์โมนให้เป็นปกติจากความเครียด ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ได้ทำการศึกษาวิจัยพบว่า สมุนไพรเจียวกู่หลานนั้นเป็น Adaptogen ที่ดีกว่าสมุนไพรชนิดอื่น ๆ
เอกสารอ้างอิง