รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

ลงประกาศฟรี => อื่น ๆ => ข้อความที่เริ่มโดย: Tawatchai1212 ที่ มีนาคม 26, 2018, 10:36:12 AM

หัวข้อ: โรคของกินเป็นพิษ - อาการ, สาเหตุ, การรักษา-เเละ สมุนไพร
เริ่มหัวข้อโดย: Tawatchai1212 ที่ มีนาคม 26, 2018, 10:36:12 AM
(https://www.img.in.th/images/50ee3f6aa622caed0bdcd64183db0cf1.jpg)
โรคของกินเป็นพิษ (Food poisoning)

Clostridium botulinum เป็นแบคทีเรีย anaerobic ที่เป็น gram positive ที่พบได้ในดินและก็น้ำในสิ่งแวดล้อมทั่วไป ประเภทซึ่งสามารถก่อโรคในคนแบ่งได้เป็น



เชื้อนี้เจริญเติบโตได้ดิบได้ดีในสภาพการณ์ห้อมล้อมที่มีออกสิเจนน้อย จึงพบได้ทั่วไปในอาหารบรรจุในภาชนะที่ปิดสนิท โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าบรรจุกระป๋องที่ผ่านกรรมวิธีการผลิตไม่ถูกสุขลักษณะ ตัวอย่างเช่น หน่อไม้ปีบ หน่อไม้ดอง ผักกาดดอง และก็สินค้าเนื้อสัตว์ดัดแปลง พิษที่สร้างขึ้นมาจากเชื้อชนิดนี้ส่งผลให้เกิดอาการอาเจียน ถ่ายท้อง ตามัวมัว เห็นภาพซ้อน กล้ามเนื้อเหน็ดเหนื่อย และบางเวลารุนแรงกระทั่งอาจเกิดภาวะหายใจล้มเหลวและก็เสียชีวิตได้
Vibrio parahaemolyticus ซึ่งเป็นแบคทีเรียที่ถูกใจเกลือเข้มข้นสูงสำหรับเพื่อการเจริญเติบโต (halophilic vibrio) มีแอนติเจนโอ ("O" antigen) ต่างกัน 12 ชนิด แล้วก็มีแอนติเจนเค ("K" antigen) ที่ตรวจได้แล้วในตอนนี้มี 60 จำพวก พบมากในอาหารทะเลที่ดิบหรือปรุงไม่สุกเพียงพอ
Bacillus cereus เป็นเชื้อที่ไม่ต้องการออกซิเจน สร้างสปอร์ได้ มีสารพิษ 2 จำพวกคือ ประเภทที่ทนต่อความร้อนได้ นำไปสู่คลื่นไส้ รวมทั้งประเภทที่ทนไฟมิได้ทำให้มีการเกิดอาการ อุจจาระหล่นส่วนใหญ่เจอเกี่ยวอาหาร (ดังเช่นว่า ข้าวผัดในร้านค้าแบบบริการตนเอง) ผักรวมทั้งอาหารและเนื้อที่เก็บรักษาผิดจำต้อง ณ.อุณหภูมิปกติภายหลังปรุงแล้ว
S.aureus หลายชนิดที่สร้างพิษ (enterotoxin) ซึ่งคงทนถาวรต่ออุณหภูมิที่จุดเดือด เชื้อชอบแบ่งตัวเพิ่มในอาหารและก็สร้าง toxin ขึ้น ของกินที่มี enterotoxin โดยมากเป็นอาหารที่ปรุงแล้วก็สัมผัสกับมือของผู้ปรุงอาหาร และไม่ได้กระทำการอุ่นอาหารด้วยอุณหภูมิที่เหมาะสมก่อนที่จะรับประทานอาหาร หรือแช่ตู้เย็น ยกตัวอย่างเช่น ขนมจีน ของหวานเอ แคลร์ เนื้อ เมื่ออาหารพวกนี้ถูกทิ้งในอุณหภูมิปกติหลายชั่วโมงติดต่อกันก่อนนำไปบริโภค ทำให้เชื้อสามารถแบ่งตัวและสร้างพิษที่ทนต่อความร้อนออกมา
ซาลโมเนลลา (Salmonella) พบได้ทั่วไปในเนื้อสัตว์ดิบ ไข่ดิบ นม และสินค้าที่ทำจากนม นำมาซึ่งอาการท้องเดิน ถ่ายมีมูก อาเจียน อาเจียน จับไข้ ข้างใน 4-7 วัน
เอสเชอริเชีย วัวไล (Escherichia coli) หรือเรียกสั้นๆว่า อีโคไล (E. coli) อี.โคไลเป็นแบคทีเรียรูปแท่งย้อมติดสีกรัมลบ มันมีพิษกระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดอาการท้องเดิน  อี.โคไลมีพิษ 2 ชนิด ชนิดหนึ่งเป็นสารที่มีโมเลกุลใหญ่แล้วก็ถูกทำลายให้หมดไปด้วยกระบวนการทำให้อาหารสุก แต่อีกที่มันผลิตออกมาพร้อมเพียงกันนั้น มีโมเลกุลที่เล็กมากยิ่งกว่า และก็เป็นสารทนไฟที่ไม่สามารถที่จะทำลายได้ด้วยความร้อน สารพิษทั้งสองชนิดส่งผลทำให้ท้องเสียด้วยเหมือนกัน ด้วยเหตุผลดังกล่าวถ้าเกิดอาหารแปดเปื้อนสารพิษนี้แล้วไม่ว่าจะมีผลให้สุกก่อนไหม ก็จะเป็นไปไม่ได้ทำลายสารพิษของมันให้หมดไปได้ มีทางเดียวที่จะคุ้มครองป้องกันได้ก็คือทิ้งของกินนั้นไปเสีย
ชิเกลล่า (Shigella) พบการแปดเปื้อนทั้งยังในผลิตภัณฑ์อาหารสดแล้วก็น้ำกินที่ไม่สะอาด รวมไปถึงอาหารสดที่สัมผัสกับบุคคลที่มีเชื้อโดยตรง เพราะเชื้อชนิดนี้สามารถกระจายจากบุคคลหนึ่งไปสู่บุคคลหนึ่งได้ กระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดมวนท้อง วันหลังการรับประทานอาหารด้านใน 7 วัน
ไวรัสก่อโรคผ่านทางเดินอาหาร (Enteric Viruses) ประกอบด้วยเชื้อไวรัสหลายประเภท ยกตัวอย่างเช่น ไวรัสโนโร (Norovirus) ที่มักจะปนเปื้อนในผลิตภัณฑ์อาหารสด สัตว์น้ำจำพวกมีเปลือก และก็น้ำที่ไม่สะอาด ออกอาการภายใน 1-2 วัน หรือเชื้อไวรัสตับอักเสบ เอ (Hepatitis A) ที่สามารถติดต่อด้วยการได้รับเชื้อจากอาหารสดที่สัมผัสกับบุคคลที่มีเชื้อโดยตรง ภายใน 2-3 อาทิตย์

(https://www.img.in.th/images/89a0e8c4ba7fa839cee38703558e1214.jpg)
ซึ่งเมื่อเชื้อโรค หรือ พิษเข้าสู่ร่างกาย จะก่ออาการ เร็ว หรือ ช้า  ขึ้นอยู่กับชนิด และก็จำนวนของเชื้อ หรือ ของสารพิษ ซึ่งเจอเกิดอาการได้ตั้งแต่ 2-6 ชั่วโมงหลังกินอาหาร/ดื่มน้ำ ไปจนเป็นวัน หรือ สัปดาห์ หรือ เป็นเดือน (เช่น ในไวรัสตับอักเสบ เอ) แม้กระนั้นโดยธรรมดา พบได้บ่อยเกิดอาการด้านใน 2-6 ชั่วโมง หรือ 2-3วัน  อาการโดยธรรมดาที่พบมาก จากโรคอาหารเป็นพิษ (http://www.disthai.com/16817081/%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%A9) ยกตัวอย่างเช่น ท้องร่วง อาจเป็นน้ำ มูก หรือ มูกเลือด ปวดท้อง อาจมาก หรือ น้อย สังกัดความร้ายแรงของโรค มักเป็นการปวดบิด เนื่องจากการบีบตัวของลำไส้ คลื่นไส้ อ้วก ในบางรายอาจมีอ้วกเป็นเลือดได้  เป็นไข้สูง อาจหนาวสั่น แต่ว่าบางครั้งมีไข้ต่ำได้  ปวดหัว เมื่อยเนื้อเมื่อยตัวเนื้อตัว บางทีอาจปวดข้อ ขึ้นอยู่กับชนิดของเชื้อหรือ พิษดังที่กล่าวถึงมาแล้วแล้ว  อาจมีผื่นขึ้นตามเนื้อตัว  อาจมีกล้ามเมื่อยล้า ดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้นแล้วด้วยเหมือนกัน  มีลักษณะของการสูญเสียน้ำในร่างกาย  อาทิเช่น หมดแรง  เหนื่อยง่าย  ปากแห้ง ตาโบ๋  ปัสสาวะบ่อยครั้ง



ทั้งนี้การตรวจในห้องทดลองเพื่อค้นหาสิ่งที่ทำให้เกิดอาหารเป็นพิษยังทำได้ด้วยแนวทางการตรวจปริมาณแอนติบอดีในเลือด (Immunological tests) หรือวิธีอื่นๆได้อีก ซึ่งขึ้นกับอาการของคนป่วยและดุลยพินิจของหมอ เพื่อจัดการรักษาอย่างแม่นยำในลำดับต่อไป   
กรรมวิธีการรักษาโรคของกินเป็นพิษ ที่สำคัญที่สุดเป็นรักษาประคับ ประคับประคองตามอาการ ยกตัวอย่างเช่น ปกป้องสภาวะขาดน้ำและขาดสมดุลของเกลือแร่ซึ่งการรักษาโดยให้น้ำเกลือทางเส้นโลหิตเมื่อท้องเสียมากมาย ยาพารา ยาที่ช่วยบรรเทาอาการอ้วก อ้วก และก็ยาลดไข้ นอกเหนือจากนี้ คือ การรักษาตามปัจจัย เช่นพิจารณาให้ยายาปฏิชีวนะ เมื่อเกิดขึ้นได้เพราะมีสาเหตุเนื่องมาจากติดเชื้อแบคทีเรีย หรือ ให้ยาต้านพิษถ้าเป็นประเภทมียาต้านทาน แม้กระนั้นคนป่วยโดยมากมักมีลักษณะอาการที่ได้ด้วยการดูแลตัวเองที่บ้าน สิ่งสำคัญที่สุดหมายถึงจะต้องบากบั่นอย่าให้ร่างกายขาดน้ำ ควรกินน้ำไม่มากๆหรือจิบน้ำเสมอๆเพื่อทดแทนการสูญเสียน้ำจากอาการท้องร่วงรวมทั้งคลื่นไส้มากเกินความจำเป็น



ในขณะเจ็บท้อง หรือ คลื่นไส้อ้วก ไม่สมควรกินอาหาร หรือ กินน้ำเนื่องจากว่าอาการจะรุนแรงขึ้น   ดื่มน้ำสะอาดให้ได้วันละมากๆขั้นต่ำ 8-10 แก้ว เมื่อแพทย์ไม่สั่งให้ จำกัดน้ำ  พักผ่อนให้มากๆรักษาสุขลักษณะรากฐาน เพื่อคุ้มครองการแพร่ระบาดเชื้อสู่ผู้อื่น ที่สำคัญเป็นการล้างมือให้สะอาดเสมอ โดยยิ่งไปกว่านั้นข้างหลังการขับ ถ่าย และก็ก่อนที่จะกินอาหาร

ขิง (http://www.disthai.com/16488302/%E0%B8%82%E0%B8%B4%E0%B8%87)  ในขิงนั้นจะมีสาระสำคัญที่ออกฤทธิ์ ชื่อ “Gingerol” (จิงเจอรอล) มีสรรพคุณช่วยบรรเทาอาการปวดท้อง ท้องเฟ้อ ท้องอืดท้องเฟ้อ สามารถใช้ได้อย่างปลอดภัยในแม่ที่ให้นมลูกได้ดีแล้วก็ไม่เป็นอันตรายกว่ายาขับลมอื่นๆอีก    ยิ่งไปกว่านั้นในกรณีที่ท้องเดิน การดื่มน้ำขิงจะช่วยให้การอักเสบที่เกิดจากพิษของเชื้อโรคลดลง รวมทั้งยังช่วยขับเชื้อโรคอีกด้วย แต่ว่าอย่างไรก็แล้วแต่ ถ้าว่าอาการท้องเสียมีความรุนแรงก็ควรรีบไปพบแพทย์
กระชาย (http://www.disthai.com/16484907/%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%94%E0%B8%B3)  สรรพคุณ  เหง้าใต้ดิน – มีรสเผ็ดร้อนขม แก้ปวดท้อง  เหง้าและราก – แก้บิดมูกเลือด เป็นยาขับปัสสาวะ แก้ฉี่พิการ
มังคุด  คุณประโยชน์  รักษาโรคท้องร่วงเรื้อรัง และก็โรคไส้  ยาแก้ท้องเดิน ท้องเดินยาแก้บิด (ปวดเบ่งและมีมูก รวมทั้งอาจมีเลือดด้วย) เป็นยาคุมกำเนิดธาตุ  ยาแก้อาการท้องร่วง ท้องร่วง  ใช้เปลือกผลมังคุดตากแห้งต้มกับน้ำปูนใส หรือฝนกับน้ำกิน ใช้เปลือกต้มน้ำให้เด็กรับประทานทีละ 1-2 ช้อนชา ทุก 4 ชั่วโมง คนแก่ทีละ 1 ช้อนโต๊ะ ทุก 4 ชั่วโมง  ยาแก้บิด (ปวดเบ่งแล้วก็มีมูกแล้วก็อาจมีเลือดด้วย)
ใช้เปลือกผลแห้งประมาณ ½ ผล (4 กรัม) ย่างไฟให้เกรียม ฝนกับน้ำปูนใสประมาณครึ่งแก้ว หรือบดเป็นผง ละลายน้ำสุก รับประทานทุก 2 ชั่วโมง
เอกสารอ้างอิง




Tags : โรคอาหารเป็นพิษ