รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

ลงประกาศฟรี => อื่น ๆ => ข้อความที่เริ่มโดย: ณเดช2499 ที่ มีนาคม 26, 2018, 06:15:10 AM

หัวข้อ: โรคมะเร็ง-อาการ-สาเหตุ-การรักษา-การรักษา-วิธีการป้องกัน-เเละ สมุนไพร
เริ่มหัวข้อโดย: ณเดช2499 ที่ มีนาคม 26, 2018, 06:15:10 AM
(https://uppic.cc/d/97k)
โรคมะเร็ง (Canaer) (http://www.disthai.com/16816973/%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B8%A1%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B9%87%E0%B8%87)



รวมทั้งปัจจัยด้านกรรมพันธุ์ โรคมะเร็งบางจำพวก ยกตัวอย่างเช่น มะเร็งเต้านม โรคมะเร็งรังไข่ แล้วก็มะเร็งลำไส้ มีลัษณะทิศทางเกิดขึ้นได้กับบุคคลภายในครอบครัวที่มีประวัติเป็นมะเร็งดังกล่าวสาเหตุของมะเร็งที่สำคัญๆในตอนนี้ อย่างเช่น

(https://www.img.in.th/images/196e66297ddec263acb866ab72b30bad.md.jpg)



โดยธรรมดาโรคมะเร็งมี 4 ระยะ ดังเช่น ระยะที่ 1-4 ซึ่ง 4 ระยะ ส่วนโรคมะเร็งระยะศูนย์ (0) ยังไม่จัดเป็นโรคโรคมะเร็งอย่างแท้จริง เพราะว่าเซลล์เพียงแต่มีลักษณะเป็นมะเร็ง แต่ยังไม่มีการรุกราน (Invasive) เข้าเนื้อเยื่อข้างเคียง



ข้อ แรก คือ ปัจจัยจากสภาพแวดล้อมภายนอกร่างกาย อย่างเช่น สารก่อมะเร็งที่ปนเปื้อน ในอาหาร อากาศ เครื่องดื่ม ยารักษาโรค เป็นต้น รวมทั้งการได้รับรังสี เชื้อไวรัส เชื้อแบคทีเรีย และก็พยาธิบางประเภท
ข้อลำดับที่สอง คือ เป็นต้นว่าปัจจัยภายในร่างกาย ดังเช่นว่า ความเปลี่ยนไปจากปกติทางพันธุกรรม ความบกพร่องของระบบภูมิต้านทาน และภาวการณ์ทุพโภชนา ฯลฯ   
 
โดยเหตุนี้ผู้ที่เสี่ยงต่อการ เป็นโรคโรคมะเร็งเป็นผู้ที่มีความประพฤติดังนี้
คนที่ดูดบุหรี่  ทั้งบุหรี่มวนเอง ซิการ์ กล้องยาสูบ หรือการบดยาสูบ จะเพิ่มการเสี่ยงที่จะกำเนิดเป็นโรคมะเร็งปอด โรคมะเร็งในโพรงปาก กล่องเสียง โรคมะเร็ง หลอดอาหาร มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ รวมทั้งโรคมะเร็งของตับอ่อน
ผู้ที่ดื่มสุราเสมอๆ สามารถทำให้เกิดตับอักเสบและโรคตับแข็ง ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งตับตามมา นอกเหนือจากนี้ เหล้ายังเป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งในช่องปากแล้วก็คอ
คนที่ติดเชื้อโรค ไวรัสบางประเภท เป็นต้นว่า   เชื้อไวรัสตับอักเสบจำพวกบีรวมทั้งซี มีความเกี่ยวพันต่อการเกิดโรคตับแข็งและโรคมะเร็งตับ เชื้อไวรัสเอปสไตน์บารร์มีส่วนเกี่ยวข้องกับโรคมะเร็งหลังโพรงจมูกหรือมะเร็งต่อมน้ำเหลืองประเภท Burkitt เชื้อไวรัสเอชพีวี (Human Papilloma Virus) เป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงของโรคมะเร็งปากมดลูกในเพศหญิง หรือ มะเร็งช่องปากและคอ  หรือผู้ที่ชอบทานอาหารที่มี สารพิษ ชื่อ อัลฟาทอกสิล ที่พบจากเชื้อราที่แปดเปื้อนในของกินดังเช่นว่า ถั่วลิสงป่น เป็นต้น แม้กินประจำจะมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งตับ แล้วก็ถ้าหากได้รับ 2 อย่าง ช่องทาง จะเป็นโรคมะเร็งตับเพิ่มมากขึ้น
คนที่กินอาหารที่มีไขมันสูงเป็นประจำ จะมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็ง เต้านม ลำไส้ใหญ่ เยื่อบุมดลูก รวมทั้งต่อมลูกหมาก
ผู้ที่ติดเชื้อพยาธิใบไม้ตับ และกินอาหารที่ใส่ดิน ประสิวเสมอๆ จะมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งท่อน้ำดีในตับ
คนที่มีภูมิต้านทานขาดตกบกพร่องอันมีเหตุมาจากความแปลกจากพันธุกรรมหรือติดโรคเชื้อไวรัส โรคภูมิคุมกันบกพร่อง จะเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลือง โรคมะเร็งปากมดลูก มะเร็งของเส้นโลหิต ฯลฯ
ผู้ที่ทานอาหารเค็ม จัด ของกินที่มีส่วนผสมดินประสิวรวมทั้งส่วนไหม้เกรียม ของอาหารเสมอๆจะเสี่ยง ต่อการเป็นมะเร็งกระเพาะ ของกินรวมทั้งลำไส้ใหญ่
ผู้ที่มีประวัติโรคมะเร็งในครอบครัว อาทิ มะเร็งของเรตินา โรคมะเร็งเต้านม มะเร็งรังไข่ แล้วก็โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ชนิดที่ เป็นติ่งเนื้อ เป็นต้น
คนที่ผึ่งแดดจัดเป็นประจำจะ เกิดอันตรายจากแสงอาทิตย์ที่ มีปริมาณของแสงสว่างอุลตรา ไวโอเลต ไม่น้อยเลยทีเดียว มีผลทำให้เป็นมะเร็งผิวหนังได้
สัญญาณเตือน 7 ประการ ที่บางทีอาจมีความหมายว่าเป็นลักษณะของโรคโรคมะเร็ง มีดังนี้



แนวทางรักษาโรคมะเร็ง สำหรับการรักษาโรคโรคมะเร็งนี้ภายหลังจากแพทย์วินิจฉัยอาการของโรคเสร็จแล้ว จะมีการตรวจอย่างถี่ถ้วนอีกครั้งว่าเซลล์มะเร็งร้ายกระจายไปอยู่ในบริเวณใดของร่างกายบ้าง เมื่อทราบดีแล้วก็จะรักษาไปตามอาการ โดยมะเร็งแต่ละชนิดการรักษาก็อาจจะไม่เหมือนกันออกไปบ้าง แต่ทั้งนี้ก็มีแนวทางที่หมอนิยมรักษากันอยู่ คือ
การผ่าตัด โรคมะเร็งระยะแรกจำนวนมากชอบใช้การผ่าตัดเป็นส่วนมาก ยกตัวอย่างเช่น โรคมะเร็งศรีษะและก็คอ โรคมะเร็งเต้านม มะเร็งปอด มะเร็งลำไส้ใหญ่ โดยหมอจะทำการผ่าตัดก่อนเป็นอันดับแรก เพื่อกำจัดก้อนเนื้อร้ายที่อยู่ในร่างกายเราออกไป แต่วิธีการแบบนี้มิได้สามารถทำรักษาได้กับโรคมะเร็งทุกจำพวก และการผ่าตัดก็ยังไม่แน่ว่าจะหายขาด หรือไม่ เนื่องจากเซลล์ของมะเร็งบางทีอาจยังหลงเหลือหรือหลบอยู่ภายในร่างกาย โดยอาจเป็นเซลล์ของโรคมะเร็งที่กำลังเริ่มจะกำเนิด ทำให้แพทย์ไม่สามารถที่จะทราบหรือมองเห็น เมื่อปล่อยไปสักระยะก็จะกลับไปสู่วังวนเดิม คือเริ่มก่อตัวขยายใหญ่ขึ้น ก็ต้องมาผ่าตัดกันใหม่อีกรอบ แม้กระนั้นส่วนใหญ่กับกรรมวิธีการผ่าตัดนี้แพทย์มักเสนอแนะให้ทำคีโมหรือเคมีบำบัดร่วมด้วย เพื่อเพิ่มช่องทางที่จะช่วยทำให้หายสนิทจากโรคมะเร็งนี้ได้
การใช้รังสีรักษา เป็นการส่องแสงไปยังเซลล์ของโรคมะเร็งในร่างกาย เพื่อทำลายกลุ่มเซลล์ของมะเร็งนั้น ในการเปล่งแสงนี้เป็นการรักษาแบบเฉพาะที่ โดยอาศัยปัจจัยจากชนิดของโรคมะเร็งที่เป็น ช่วงเวลาที่เกิดโรคมะเร็ง ตลอดจนสุขภาพของคนเจ็บเพราะว่าแข็งแรงเพียงพอหรือเปล่า ซึ่งแม้ผู้เจ็บป่วยพร้อมก็จะทำส่องแสงโดยประมาณ 2 – 10 นาที โดยต้องกระทำเปล่งแสงสัปดาห์ละ 5 วัน รวมราว 5 – 8 อาทิตย์ ขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยของหมอ แม้กระนั้นการดูแลและรักษาด้วยรังสีรักษานี้จะก่อให้เกิดผลใกล้กันขึ้น ได้
เคมีบำบัดรักษา (คีโม) สำหรับวิธีนี้ถือเป็นการรักษาอย่างตรงจุด แก้ที่ต้นเหตุโดยตรงของปัญหา ด้วยเหตุว่าเป็นการให้ยาเข้าไปทำลายเซลล์มะเร็งทั้งหมดทั้งปวงที่อยู่ภายในร่างกาย รวมถึงที่กระจายเข้าไปตามต่อมน้ำเหลืองหรือกระแสเลือดด้วย โดยแพทย์จะนัดหมายมากระทำตรวจร่างกายวัดความดันและกระทำเจาะเลือด ซึ่งถ้าผลของการตรวจร่างกายผ่าน หมอก็จะให้ไปกระทำการให้คีโมซึ่งก็เช่นเดียวกับการให้น้ำเกลือทั่วๆไป เพียงจะต้องนอนคอยหลายชั่วโมงจนกระทั่งตัวยาจะหมด แล้วก็ในระหว่างการให้คีโมนี้ผู้เจ็บป่วยบางบุคคลบางทีอาจเกิดอาการแพ้ได้ ซึ่งอาจรู้สึกเวียนศีรษะ คลื่นไส้ หรืออ้วก แล้วก็ผลข้างเคียงที่ตามมาหลังจากการให้คีโมโดยประมาณ 1 – 2 สัปดาห์ ผมจะเริ่มหล่น รู้สึกคลื่นไส้ อาเจียน เป็นแผลในปาก รวมทั้งจำนวนเม็ดเลือดลดน้อยลงทำให้มีความรู้สึกเมื่อยล้า ตลอดจนอาจรู้สึกหายใจไม่สะดวก มีผื่นขึ้น ท้องผูกถ่ายไม่ออก หรือมีไข้ ฯลฯ แม้กระนั้นการดูแลรักษาด้วยวิธีแบบนี้ก็มีค่ารักษาที่ออกจะแพงเลยรวมทั้งยังต้องทำบ่อย ขึ้นอยู่กับแพทย์เป็นผู้วินิจฉัยว่าจะต้องทำทั้งผองกี่ครั้งจึงจะหายปกติ



การดูแลตนเองในเรื่องทั่วไป รักษาสุขอนามัยอย่างเคร่งครัด เพราะเป็นตอนๆติดเชื้อได้ง่าย พักผ่อนให้เต็มที่ หากอ่อนล้า ควรจะลาหยุดงาน แต่ว่าถ้าเกิดไม่เมื่อยล้า ก็สามารถดำเนินงานได้ แม้กระนั้นควรเป็นงานเบาๆไม่ใช้แรงงาน แล้วก็สมองมากมาย ทำงานบ้านได้ตามกำลัง งดเว้น/เลิก ยาสูบ เครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์
จำกัดเครื่องดื่มคาเฟอีนดังได้กล่าวแล้ว หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่คับแคบเพราะจะติดโรคได้ง่าย ยังคงจะต้อง ดูแล รักษา ควบคุมโรคร่วมอื่นๆโดยตลอดร่วมไปด้วยเสมอกับการรักษาโรคมะเร็ง
รักษาสุขภาพจิต ให้กำลังใจตนเอง และคนรอบข้าง มองโลกในด้านบวกเสมอ เจอหมอตามนัดหมายเสมอ เจอแพทย์ก่อนนัดหมาย เมื่ออาการต่างๆชั่วโคตรลง หรือเกิดความแปลกไม่ถูกไปจากเดิม หรือเมื่อกลุ้มอกกลุ้มใจในอาการ
การดูแลตนเองในเรื่องของกิน เมื่อรับประทานอาหารได้น้อย ให้บากบั่นกินในปริมาณมื้อที่บ่อยครั้งขึ้น รับประทานครั้งน้อยๆแม้กระนั้นเป็นประจำแม้กระนั้นยังจำต้องจำกัดอาหารหวาน แล้วก็ของกินเค็ม เพราะมีผลต่อน้ำตาลในเลือด แล้วก็การทำงานของไต ให้กำลังใจตัวเอง รู้เรื่องว่า อาหารเป็นตัวยาสำคัญยิ่งตัวยาหนึ่ง ของการดูแลและรักษาโรคมะเร็ง ลองเปลี่ยนแปลง จำพวกอาหารให้กินได้ง่ายมากยิ่งขึ้น ได้แก่ ของกินอ่อน อาหารเหลว แต่ควรจะหลีกเลี่ยงอาหารทอด หรือผัด หรือมีกลิ่นรุนแรง เนื่องจากมักกระตุ้นให้เกิดอาการคลื่นไส้ คลื่นไส้ เตรียมอาหารครั้งละน้อยๆอย่าให้รับประทานเหลือ ด้วยเหตุว่าจะได้เกิดกำลังใจว่ากินหมดทุกมื้อ ควรแจ้งหมอ พยาบาลเมื่อรับประทานมิได้ หรือกินได้น้อย และควรจะเห็นด้วย เมื่อหมอชี้แนะการให้อาหารทางสายให้อาหาร การกินของกินที่มีคุณประโยชน์ครบ 5 กลุ่มเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งของกินโปรตีน (ยกตัวอย่างเช่น เนื้อ นม ไข่ ปลา ตับ) เพราะสำหรับเพื่อการรักษาโรคมะเร็ง ความแข็งแรงของไขกระดูก (เม็ดเลือดต่างๆ) เป็นสิ่งจำเป็นที่สุด เพราะเป็นตัวช่วยให้ร่างกายสนองตอบที่ดีต่อรังสีรักษา และยาเคมีบรรเทา รวมถึงช่วยลดจังหวะติดโรค ซึ่งการต่อว่าดเชื้อในขณะกำลังรักษาโรคโรคมะเร็งมักเป็นการติดโรคที่ร้ายแรง



ฟ้าทะลายโจร(Andrographis paniculata) ในประเทศอินเดียใช้กันมานานรักษาไทฟอยด์ แก้อักเสบ แก้มาเลเรีย กระตุ้นภูมิคุ้มกัน สารสำคัญคือ andrographolide สามารถยับยั้งเซลล์ของโรคมะเร็งได้หลายอย่าง
บัวบก (Centella asiatica) มีสาร asiaticoside ที่ช่วยทำให้แผลเรื้อรังหายได้เร็วขึ้น เพิ่มภูมิต้านทาน รวมทั้งในบราซิลมีการใช้เพื่อรักษามะเร็งมดลูก
ขมิ้น (http://www.disthai.com/16488284/%E0%B8%82%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B8%99) (Curcuma longa) สารสำคัญเป็น curcumin มีฤทธิ์ต้านการอ็อกสิไดส์และก็ต้านทานการอักเสบที่แรง สามารถทำให้เกิดการถึงแก่กรรมของเซลมะเร็งหลายชนิดเป็นต้นว่า มะเร็งผิวหนัง มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งกระเพาะ มะเร็งลำไส้เล็ก มะเร็งรังไข่ และยังมีฤทธิ์ต้านไวรัส แบคทีเรียแล้วก็ราอีกด้วย
ว่านหางจรเข้ (Aloe vera) มีสาร aloe-emodin ที่กระตุ้น macrophage ให้กำจัดเซล์ลมะเร็ง และก็ยังมี acemannan ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ว่านหางจรเข้ช่วยกระตุ้นการเจริญก้าวหน้าของเซลล์ปกติรวมทั้งยั้งการก้าวหน้าของเซลล์มะเร็ง
ทุเรียนเทศ (Anona muricata) สาร acetogenin จากผลทำให้เซลล์มะเร็งตายได้
ดีปลี (http://www.disthai.com/16488287/%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B5) (Piper longum) มี piperine ซึ่งมีฤทธิ์ต้านทานการอ็อกสิไดส์ in vitro แล้วก็ in vivo จึงเป็นองค์ประกอบของตำรับยารักษาโรคมะเร็งของอายุรเวท
บอระเพ็ด (Tinospora cordifolia) สารสำคัญจากบอระเพ็ดกระตุ้นภูมิคุ้มกันโดยการเพิ่มระดับเม็ดเลือดขาว และก็สามารถลดขนาดเนื้องอกได้ 58.8% เท่ากัน cyclophosphamide
เอกสารอ้างอิง