รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

ลงประกาศฟรี => อื่น ๆ => ข้อความที่เริ่มโดย: ณเดช2499 ที่ ธันวาคม 23, 2017, 01:39:43 AM

หัวข้อ: สัตววัตถุ เเมงมุม
เริ่มหัวข้อโดย: ณเดช2499 ที่ ธันวาคม 23, 2017, 01:39:43 AM
(http://www.คลัง[url=http://www.disthai.com/][b]สมุนไพร[/b][/url].com/wp-content/uploads/2017/09/%E0%B9%81%E0%B8%A1%E0%B8%87%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B8%A1.jpg)
แมงมุม (http://www.xn--42cg8cuanoj5b9czdzg.com/2017/09/%E0%B9%81%E0%B8%A1%E0%B8%87%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B8%A1/)
แมงมุมเป็นชื่อเรียกสัตว์พวกแมงหลายอย่างในวงศ์ ทุกประเภทจัดอยู่ในชั้น  Araneae  มีชื่อสามัญว่า spider รับประทานสัตว์เป็นของกิน มีขนาดแตกต่างกันไปตามแต่ประเภท  พวกที่คราวขนาดเล็กอาจมีลำตัวยาวเพียง ๐.๗  เซนติเมตร ส่วนพวกที่มีขนาดใหญ่อาจมีลำตัวยาวถึง ๙ ซม. พวกที่เจอตามอาคารบ้านเรือนแล้วก็ก่อความสกปรกรุงรังมักเป็นแมงมุมที่อยู่สกุล Pholcus หลายอย่าง (สกุล  pholcidae )
แมงกับแมลง
ในทางกีฏวิทยา คำ “แมง” กับ “แมลง” สื่อความหมายแตกต่างกัน และมักเรียกงงเต็กกัน คำ “แมง”ใช้เรียกชื่อสัตว์ที่ไม่มีกระดูกสันหลังหลายชนิด ซึ่งเมื่อเติบโตเต็มที่แล้ว  ลำตัวแบ่งออกได้เป็น ๒ ส่วนเป็นท่อนหัวกับอกรวมเป็นส่วนเดียวกันส่วนหนึ่ง กับส่วนท้องอีกส่วนหนึ่งส่วนใด มีขา ๘  หรือ ๑๐ ขา ไม่มีหนวด ไม่มีปีก ดังเช่นว่า แมงมุม  แมงป่อง แมงดาทะเล ส่วนคำ “แมลง” ใช้เรียกชื่อสัตว์ที่ไม่มีกระดูกสันหลังหลายแบบ ซึ่งเมื่อเจริญวัยเต็มกำลังแล้ว  ลำตัวแบ่งออกได้เป็น ๓ ส่วนอย่างเห็นได้ชัดหมายถึงส่วนหัว ส่วนอก แล้วก็ส่วนท้อง  มีขา ๖ ขา เป็นสัตว์ที่ไม่มีกระดูกสันหลังเพียงแค่พวกเดียวที่มีปีก อาจมีปีก ๑ หรือ ๒ คู่  ไหมมีปีกเลยก็ได้ เป็นสัตว์ที่มีมากชนิดที่สุดในโลก ตัวอย่างเช่น แมลงสาบ แมลงวัน
ชีววิทยาของแมงมุม
แมงมุมมีลำตัวแบ่งได้เป็น  ๒  ส่วน  ส่วนหัวกับส่วนอกชิดกันเป็นส่วนเดียวหุ้มด้วยแผ่นแข็งอีกทั้งข้างหลังรวมทั้งข้างล่าง มีตาเล็กๆข้างละหลายตา ลางชนิดอาจมีได้ถึง  ๘  ตา อยู่ใกล้ๆกัน  (นอกจากแมงมุมลางจำพวกที่ไม่มีตา ซึ่งมักเป็นแมงมุมที่อาศัยอยู่ในที่มืด ตัวอย่างเช่นในถ้ำ)  ที่ปากมีเขี้ยวเป็นอวัยวะคู่  มีรูปร่างเหมือนปากคีบหรือคีมหนีบใช้คีบ  จับ  หรือยึดเหยื่อเป็นอาหารได้  ประกอบด้วยปล้องฐานปล้องเดียว ส่วนปลายอาจมีรูปล่อยพิษซึ่งเชื่อมต่อถึงต่อมพิษที่ฐานปาก  ยิ่งไปกว่านั้นที่ปากยังมีอวัยวะคู่ทรงเหมือนขา แม้กระนั้นสั้นกว่ารวมทั้งมักแบนกว่า (มักรุ่งเรืองดีและก็เห็นได้ชัดในตัวผู้ที่ยังไม่โตเต็มที่รวมทั้งในตัวเมีย) แมงมุมไม่มีหนวด  มีขา ๔ คู่  ที่ขามักมีองค์ประกอบพิเศษให้ใช้ถักใยได้ ดังเช่น มีแผ่นแบนอยู่ระหว่างง่ามเล็บ ส่วนท้องอาจกลมหรือยาวสุดแต่ชนิดของแมงมุมที่ปลายมีท่อเป็นรูเปิดสำหรับปล่อยใยได้  บริเวณด้านล่างของส่วนท้องปล้องที่  ๒  และก็ ๓ มีอวัยวะปฏิบัติภารกิจเป็นจมูกสำหรับหายใจ ซึ่งมักเป็นช่อง ภายในมีแผ่นบางๆเรียงซ้อนกันคล้ายกระดาษหนังสือ แมงมุมโดยมากที่ชาวไทยมองเห็นนั้น  มักเป็นประเภทถักใยขวางทางผ่านของสัตว์เพื่อจับกินเป็นของกิน เมื่อมีสัตว์มาติดใยแล้วก็ดิ้นรน  แรงกระเทือนจะไปถึงตัวแมงมุมผู้ครอบครองรัง แมงมุมซึ่งมีสายตาไม่ดีก็จะติดตามแนวทางของแรงสะเทือนนั้นเข้าพบเหยื่อ กัดเหยื่อ และก็ปล่อยน้ำพิษทำให้เหยื่อสลบ  ก่อนจะกินเป็นของกิน
แมงมุมในประเทศไทย
แมงมุมที่เจอในประเทศไทยมีมาก  จัดอยู่ในหลายสกุล  แม้กระนั้นทุกสกุลจัดอยู่ในอันดับเดียวกัน เป็น Araneae  ชนิดที่พบในประเทศไทยนั้น  โดยมากไม่มีพิษร้ายแรงถึงกับกัดคนให้เจ็บปวดหรือตายได้  ดังเช่น
๑.แมงใย หรือ ตัวหยากไย่  เป็นแมงมุมที่พบตามอาคารบ้านเรือนรวมทั้งถักใยจนกระทั่งดูสกปรกและรก  มักเป็นพวกที่จัดอยู่ในสกุล  Pholcus หลายชนิด (วงศ์ Pholcidae )  แมงมุมเหล่านี้มักมีลำตัวสีน้ำตาลหรือสีเทาทึบ หลังท้องสีมักเข้ม ลางชนิดมีลาย จำนวนมากมีลำตัวยาว ๔-๕  มม. ขายาวกว่าลำตัวมากมาย เป็นยาวราว ๕-๖ เซนติเมตร  ทำให้ดูเก้งก้างแล้วก็เปราะบาง  ก็เลยมีชื่อสามัญว่า  daddy  long-leg  spider  คนประเทศไทยลางถิ่น เรียก แมงมุมเถ้าถ่าน เพราะเหตุว่าถักใยทำให้รกรุงรังแล้วก็มีฝุ่นละอองหรือเถ้าถ่านมาติด ใยแมงมุมที่แมงมุมกลุ่มนี้ถักทอไว้ภายในบ้าน  โดยเฉพาะอย่างยิ่งในครัว  หรือที่อยู่ใกล้เตาไฟ ซึ่งมีขี้เขม่าไฟหรือเถ้าติดอยู่ด้วยกัน แพทย์โบราณใช้เป็นเครื่องยา เรียก ต้นหญ้ายองไฟ
๒.แมงมุมทำหลาว เป็นแมงมุม พวกที่ถักใยนอกบ้าน  พบได้บ่อยตามแปลงพืชหรือตามเรือกสวนไร่  เป็นแมงมุมที่จัดอยู่ในสกุล  Tetragnatha  หลายแบบ  (สกุล Tetragnathidae ) ซึ่งประชาชนเรียก แมงมุมทำหลาว  เนื่องจากเมื่อตกใจ  แมงมุมพวกนี้จะวิ่งไปหลบอยู่ข้างหลังใบไม้  ยื่นขา ๒ คู่แรกไปด้านหน้า ขาคู่ที่ ๔ ยื่นไปข้างหลังอยู่ในระดับเดียวกับลำตัว ขาคู่ที่ ๓ ใช้ยึดเกาะยืนตั้งฉากกับลำตัว มองเหมือนคนที่จัดแจงพุ่งแหลนลงน้ำ แมงมุมพวกนี้ดักจับเพลี้ยจักจั่นกินเป็นอาหาร จัดเป็นสัตว์ที่มีสาระต่อเกษตรกร
๓.แมงมุมก๋า หรือ ตัวก๋า มีชื่อวิทยาศาสตร์  Heteropodae  venatoria  (Linnaeus ) จัดอยู่ในสกุล Sparassidae  มีชื่อสามัญว่า  banana  spider ( เพราะว่ามักพบแมงมุมก๋านี้ในโรงเก็บของเก็บกล้วย ) เป็นแมงมุมขาดกลาง เพศผู้ลำตัวยาว ๑.๕-๒  ซม.  ตัวเมียมีลำตัวยาว  ๒.๕-๓ เซนติเมตร ขายาว ๕-๖ เซนติเมตร หัว อก ขา และท้องสีน้ำตาล  ตาสีคล้ำ  ที่ข้างหลังอกมีแถบสีดำหนาพาดตามแนวขวางด้านหน้า รวมทั้งแถบเป็นง่ามคล้ายรูปตัววี (V) ด้านปลายอีก ๑ แถบที่สันหลังท้องมีเส้นสีน้ำตาลแก่พาดมาถึงกึ่งกลาง  อาจเจอจุดสีน้ำตาลแก่เป็นลายด้านข้าง ข้างละ ๔-๕ จุด  มีขนสีน้ำตาลอ่อนรอบๆหน้าและก็ขา  ทำให้มองน่าขนลุก แมงมุมชนิดนี้ไม่ถักใย  ออกหากินโดยการจับเหยื่อโดยตรง  เจออาศัยอยู่ตามอาคารบ้านเรือนหรือตามคลังสินค้า เป็นแมงมุมที่มีสาระ  เพราะว่าถูกใจกินแมลงสาบ
๔.แมงมุมมดแดง  มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า  Myrmarachne  formicaria  Linnaeus  จัดอยู่ในวงศ์  Salticidae เป็นแมงมุมจำพวกที่มีรูปร่างเลียนแบบสัตว์อื่น  พบได้บ่อยและมีชุกตามจังหวัดชายทะเล  อาทิเช่น  ชลบุรีหรือจังหวัดระยอง มีรูปร่าง   ขนาด  และก็สีสันใกล้เคียงกับมดแดง  รวมทั้งถูกใจอาศัยปะปนอยู่กับมดแดง แม้กระนั้นต่างกันตรงที่เมื่อแมงมุมเหล่านี้กระโจน  จะถักใยทิ้งตัวเพื่อเคลื่อนย้ายได้  เมื่อพินิจให้ละเอียดตั้งใจจริง จะพบว่าปริมาณขารวมทั้งลักษณะอื่นๆแตกต่างจากมดแดง
(http://www.คลังสมุนไพร.com/wp-content/uploads/2017/09/Spider.jpg)
ประโยชน์ทางยา
แพทย์แผนไทยรู้จักใช้ “ต้นหญ้ายองไฟ”และ “แมงมุมตายซาก” เป็นเครื่องยาด้วย  ดังต่อไปนี้
๑.ต้นหญ้ายองไฟ  แพทย์แผนไทยรู้จักใช้ใยแมงมุมแมงมุมเหนือเตาไฟในครัวของบ้านไทยในบ้านนอกสมัยเก่า (เตาไฟใช้ฟืนใช้ถ่าน)  หยากไย่แมงมุมที่มีเขม่า เถ้าถ่าน  และฝุ่นเกาะอยู่ด้วยนี้ หมอโบราณเรียก  ต้นหญ้ายองไฟ  ลางตำราเรียกเป็น  ใยแมงมุมไฟ  หรือ  หยักไย่ไฟ  ก็มี  ใช้เป็นเครื่องยาอย่างหนึ่ง
สมุนไพร (http://www.disthai.com/) ตำราเรียนสรรพคุณยาโบราณว่า  หญ้ายองไฟมีรสเค็ม  เฝื่อน  มีคุณประโยชน์แก้เลือด  ฟอกโลหิต  กระจัดกระจายโลหิตอันเป็นลิ่มเป็นก้อน  ขับโลหิตเมนส์
ตำราเรียนยาไทยหลายขนานเข้า “ต้นหญ้ายองไฟ”  เป็นเครื่องยาอย่างหนึ่ง  ในที่นี้ขอยกตัวอย่างยา  ๒  ขนาน ขนานแรกเป็นยาแก้กษัยอันกำเนิดเพื่อโชธาตุชื่อ “สันตัปปัคคี” ซึ่งบันทึกเอาไว้ในพระตำราไกษย  ดังต่อไปนี้ ขนานหนึ่งเล่า  ถ้าหากมันให้จุกเสียดปวดขบเปนกำลัง  ให้เอาพริกเทศ  ๑๐๘  เม็ด  พริกล่อน  ๑๐๘  เม็ด  ผักกะซึมซับเอาอีกทั้งต้นรากใบลูกเอาสิ่งละ ๑ บาท  หญ้าไซย้อย  ๑  หญ้าไซแห้ง ๑ เอาสิ่งละ ๑ บาท  ต้นหญ้ายองไฟ  ๑  บาท  ไพลแห้ง (http://www.disthai.com/16488307/%E0%B9%84%E0%B8%9E%E0%B8%A5)  ๑  บาท  ตำเปนผง  ละลายน้ำสุราน้ำส้มซ่าน้ำขิงน้ำมะนาวน้ำกระเทียมก็ได้  ยักกระสายให้ถูกใจโรคนั้นเถอะ อีกขนานหนึ่งเป็นยาขับเลือดของสตรีซึ่งมีบันทึกเอาไว้ใน  พระหนังสือมหาโชตรัต ดังต่อไปนี้ อนึ่งเอาสหัศคุณเทศ ๑   แก่นแสมทเล  ๑  หญ้ายองไฟ  ๑  ขมิ้นอ้อย (http://www.xn--42cg8cuanoj5b9czdzg.com/2017/07/%E0%B8%82%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%A2/)  ๑  บดละลายสุรารับประทาน  ใหขับเลือดดีนักแล ตำรับยาลางขนาน  ผู้ครอบครองตำรับอาจเขียนตัวยาไว้เป็นปัญหาให้แปลความหมายกันเอาเอง  เช่น  ยาแก้บิดขนานหนึ่ง  ผู้ครอบครองยาให้ตำรับยาไว้ว่า “ลุกใต้ดิน  กินตีนท่า  อยู่หลังคา  ขี้คารู  คู่อ้ายบ้า”  ซึ่งหมายถึง “รากเจตมูลเพลิงเเดง (http://www.disthai.com/16488300/%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B8%95%E0%B8%A1%E0%B8%B9%E0%B8%A5%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%94%E0%B8%87)  ๑  ผักเป็ด (http://www.xn--42cg8cuanoj5b9czdzg.com/2017/07/%E0%B8%9C%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%94/) ๑  หญ้ายองไฟ ๑  ขี้ยาฝิ่น (http://www.xn--42cg8cuanoj5b9czdzg.com/2017/08/%E0%B8%9D%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%99/)  ๑  เหล้าเป็นน้ำกระสาย”
๒. แมงมุมตายซาก  แพทย์แผนไทยใช้แมงมุมที่ตายแล้วซากแห้งสนิท  ไม่เหม็นและไม่ขึ้นรา  เป็นเครื่องยาในยาไทยโบราณหลายขนาน  ได้แก่  “ยานากพด”  ซึ่งมีบันทึกเอาไว้ภายในพระคัมภีร์ปฐมจินดาร์  ดังนี้ ยาชื่อนากพด  ท่านให้เอาใบหนาด (http://www.xn--42cg8cuanoj5b9czdzg.com/2017/08/%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%8D%E0%B9%88/)  ๑  พริกไท (http://www.disthai.com/16488254/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2)ย  ๑  เบี้ยจั่นเผา  ๑  ขิง (http://www.disthai.com/16488302/%E0%B8%82%E0%B8%B4%E0%B8%87) ๑  รังสุนัขร่าเผา  ๑  แมงมุม (http://www.xn--42cg8cuanoj5b9czdzg.com/2017/09/%E0%B9%81%E0%B8%A1%E0%B8%87%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B8%A1/)ตายซาก  ๑  ลำพัน (http://www.xn--42cg8cuanoj5b9czdzg.com/2017/09/%E0%B8%A5%E0%B8%B3%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%94%E0%B8%87/)  ๑  รวมยา  ๗  สิ่งนี้เอาเท่าเทียม  บดทำแท่งไว้  แก้ทรางทั้งมวล  แก้ละอองพระบาท  แก้ตะพั้น  ทั้งกินอีกทั้งชะโลมดีนัก