รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

ลงประกาศฟรี => อื่น ๆ => ข้อความที่เริ่มโดย: BeerCH0212 ที่ ธันวาคม 05, 2017, 08:38:21 AM

หัวข้อ: สัตววัตถุ อีเเร้ง
เริ่มหัวข้อโดย: BeerCH0212 ที่ ธันวาคม 05, 2017, 08:38:21 AM
(http://www.คลัง[b]สมุนไพร[/b].com/wp-content/uploads/2017/09/%E0%B9%81%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%AD%E0%B8%87.jpg)
อีแร้ง (http://www.xn--42cg8cuanoj5b9czdzg.com/2017/09/%E0%B8%AD%E0%B8%B5%E0%B9%81%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%87/)
อีแร้งเป็นนกที่จัดอยู่ในสกุล Gyps มีชื่อสามัญว่า vulture ที่เจอได้ในประเทศไทยมี ๓ ชนิด ทุกประเภทจัดอยู่ในตระกูล Accipitridae  อีแร้งไทยอีก ๓ ชนิดนั้น ตอนนี้หายากและมีจำนวนน้อย ลางชนิดบางทีอาจสูญพันธ์ไปแล้ว
๑. อีแร้งเทาหลังขาว มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Gyps  bengalensis (Gmelin) มีชื่อสามัญว่า white – rumped  vulture เป็นนกทุ่งนาดใหญ่ ความยาวของสัตว์วัดจากปลายปากถึงปลายหางราว ๙0 ซม. ลำตัวสีดำแกมน้ำตาล หัวและลำคอไม่มีขนปกคลุม เป็นเพียงแต่แผ่นหนังสีคล้ำ ตอนล่างของคอมีขนเป็นวงรอบข้างหลัง สีขาว ตอนล่างรวมทั้งโคนหางสีขาวเด่นชัด ข้างในต้นขามีแต้มสีขาว เห็นได้ชัดขณะเกาะยืน   เมื่ออายุน้อยลำตัวมีสีน้ำตาลออกแดงหรือน้ำตาลเข้ม ไม่มีแถบขาวเลย รับประทานซากสัตว์เป็นของกิน   ทำรังบนยอดไม้สูง ในพฤศจิกายนและธ.ค.จนกระทั่งเดือนกุมภาพันธ์ ตกไข่ทีละ ๑ ฟอง ทั้ง ๒ เพศช่วยกันสร้างรังแล้วก็กกไข่ จำพวกนี้มีเขตการกระจายจำพวกกว้าง ตั้งแต่ประเทศอินเดีย ภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจีน และทั่วภูมิภาคเอเซียอาคเนย์  ในประเทศไทยเคยเจอมากมายรอบๆที่ราบ แต่ปัจจุบันหาดูได้ยากมาก   เข้าใจว่าเกือบจะสิ้นซากไปแล้ว
(http://www.คลังสมุนไพร.com/wp-content/uploads/2017/09/vulture-2553058_960_720.jpg)
๒.อีแร้งปากเรียว มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า  Gyps  indicus  (Scopoli)   มีชื่อสามัญว่า   long – billed  vulture   อีแร้งสีน้ำตาลอินเดีย  ก็เรียก  เป็นอีแร้งขนาดใหญ่  ขนาดวัดจากปลายปากถึงปลายหางยาวราว  ๙0  เซนติเมตร ตัวสีน้ำตาลอ่อนถึงสีน้ำตาลแก่ขนทุกเส้นมีขอบสีจางกว่าสีพื้น   หัวรวมทั้งคอมีขนอุยสีน้ำตาลออกขาวปกคลุม   ท้องสีน้ำตาลอ่อน มีจะงอยปากที่เรียวกว่านกแร้งประเภทอื่นๆตัวที่อายังน้อยมีสีเข้มกว่าตัวโตเต็มวัย แล้วก็พบได้มากที่ขนอุยคงเหลือบนขนหัว เป็นประจำอยู่เป็นฝูงเล็กๆ ร่วมกับอีแร้งชนิดอื่นๆและก็ร่วมลงกินซากสัตว์ร่วมกัน   พบมากจิกรวมทั้งแย่งซากสัตว์กันตลอดระยะเวลา  การทำรังแล้วก็ออกไข่คล้ายกับนกแร้งประเภทอื่นๆสร้างรังช่วงเดือนพฤศจิกาถึงกุมภาพันธ์   ถูกใจอยู่ดังที่โล่ง นอกเมือง หาเลี้ยงชีพตามลำห้วยใหญ่ๆ ในป่าเต็งรังรวมทั้งขว้างป่าเบญจพรรณ มีเขตการกระจายประเภทจากประเทศอินเดียถึงภูมิภาคอินโดจีน   ในประเทศไทยเคยพบได้มาก แต่ว่าตอนนี้มั่นใจว่าสิ้นพันธุ์ไปจากบ้านเราแล้ว [url=http://www.disthai.com/]สมุนไพร (http://www.disthai.com/)[/url][/url][/color]
๓.อีแร้งเทาหิมาลัย มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า  Gyps   himalaiensis  Hume   มีชื่อสามัญว่า Himalayan  griffon  vulture อีแร้งสีน้ำตาลหิมาลัย  ก็เรียก เป็นอีแร้งขนาดใหญ่มาก ขนาดวัดจากปลายปากถึงปลายหางราว ๑๒๒ ซม. มีลักษณะเหมือนอีแร้งปากเรียว แต่ตัวใหญ่กว่ามากมาย เพศผู้และตัวเมียมีสีเช่นกัน ลำตัวข้างบนมีสีน้ำตาลอ่อนหรือน้ำตาลแกมขาว ข้างล่างสีเนื้อแกมสีน้ำตาลอ่อน มีลายขีดขนาดใหญ่สีขาว ขนรอบคอยาว  สีน้ำตาล มีลายขีดสีขาว พบได้ทั่วไปอยู่กระโดดๆหรืออยู่เป็นคู่ หรือ  ๒-๓  ตัว   ตามทุ่งโล่งหรือป่าบนเทือกเขา มักร่อนเป็นวงกลมตามซอกเขาหรอเทือกเขาเพื่อหาอาหาร  เป็นนกที่หลงเข้ามา หรือย้ายถิ่นมาในประเทศไทยตอนนอกฤดูสืบพันธุ์   หายากรวมทั้งปริมาณน้อย เคยมีแถลงการณ์ว่าเจอในจังหวัดกรุงเทพ แล้วก็ที่อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด จังหวัดประจวบคิรีหมวด